พ่อค้าห้างดัง ย่านลาดพร้าว ขอเล่า

พ่อค้าห้างดังย่านลาดพร้าวขอเล่า…เมื่อต้องต่อสัญญาเช่าในปีที่ 10 (อุทาหรณ์ผู้เริ่มต้นเป็น ‘เจ้าของกิจการ’)เข้ามาดู
     ครั้งหนึ่งผมเคยได้ยินนิทานเรื่องธุรกิจขายน้ำประปาจากหนังสือเล่มหนึ่ง นิทานเรื่องนี้เกี่ยวกับครอบครัวสองครอบครัวที่ได้รับสัมปทานทำธุรกิจขายน้ำประปาให้แก่เมือง ๆ หนึ่ง ทันที่ที่ได้รับสัมปทานแล้ว ครอบครัวแรกก็รับถังตักน้ำขายน้ำให้แก่ชาวเมือง ส่วนอีกครอบครัวหนึ่งเมื่อได้รับสัมปทานกลับวางแผนระยะยาว เขียนแผนธุรกิจ หานายทุน และต่อท่อประปาส่งน้ำแทนการตักน้ำด้วยถังส่งตามบ้าน ใช่แล้วครับในที่สุดผู้ที่จะอยู่ในธุรกิจนี้ได้ก็คือเจ้าของระบบท่อประปานั่นเอง เพราะทั้งสะดวกและยังสะอาดกว่าน้ำที่ส่งด้วยถัง

     ครั้งแรกที่ผมได้ยินนิทานเรื่องนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความฝันในชีวิตของผม คือกินอิ่มนอนหลับ มีเก็บดูแลครอบครัวให้มีอนาคตต่อไปได้ ผมจึงตั้งใจจะปั้นธุรกิจเล็ก ๆ สักอย่างหนึ่งเป็นระบบน้ำประปาเล็ก ๆ มีลูกค้าประจำ และมีทำเลที่ดีและเติบโตได้ เพื่อให้ระบบน้ำประปาน้อย ๆ นี้สามารถดูแลผมและครอบครัวได้ ผมเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ของผมเองขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากค่าแรงขั้นต่ำที่เก็บหอมรอมริบมาเป็นแรมปี เช่าที่เล็ก ๆ อยู่ในห้างดังห้างหนึ่ง เป็นธุรกิจขายเครื่องมือสื่อสาร ทำมาหากินสุจริตด้วยธุรกิจนี้มาจนสามารถดูแลตัวผมเองและพ่อแม่ได้ตามความฝัน ผมสามารถมีธุรกิจเล็ก ๆ เหมือนกับระบบน้ำประปาในนิทานที่ผมเคยได้อ่านมา ผมมีความสุขกับการทำธุรกิจสุจริตนี้มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

     ไม่นานมานี้เอง ห้างที่ผมต้องทำการต่อสัญญารายปี โดยมีคุณผู้หญิงผมทองที่ทางห้างใหญ่ไว้วางใจให้เป็นคนดูแลเรื่องนี้และได้เรียกร้านค้าเข้าประชุมทุกร้าน แต่ก็มีบางร้านได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าร่วม(ฉากที่1ไม่เป็นธรรม)ได้ยื่นสัญญาฉบับใหม่ว่าหากต้องการทำมาค้าขายกับทางห้างต่อไป ต้องเช่าที่ของห้างสาขาอื่นในเครือเดียวกันนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่การต่อสัญญากันมานับ 10 ปีไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนผมและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจึงคิดว่าเรื่องนี้อาจมีเบื้องหลังอยู่ทุก ๆ ท่านครับยุคเศรษฐกิจแบบนี้ เงินทองหาลำบากกว่าที่เป็นมามาก ไม่ว่าท่านจะทำอาชีพไหนก็ล้วนแต่ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ผมและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างก็หวังว่าจะสามารถทำอาชีพสุจริตของเราไปได้ แม้จะได้กำไรที่ลดลงไปมากเท่าไหร่ก็ตาม อย่างน้อยพวกเรายังได้เก็บกินจากระบบขายน้ำประปาที่เราสร้างขึ้นเองกับมือ และการได้รับสิทธิ์ให้เช่าที่ทำธุรกิจของผมและร้านค้าต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นการยอมรับสัญญาที่ชอบธรรมกันทั้งสองฝ่าย มิใช่การเปลี่ยนสัญญากันกลางคันอย่างนี้โดยไม่มีเวลาให้เตรียมตัวกันล่วงหน้า  และเป็นสัญญาที่ทำให้พวกเราอดสงสัยไม่ได้ว่าจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลจากคนในของทางห้างเองหรือไม่

      ผมค้าขายกับทางห้างดังย่านลาดพร้าวมาร่วมสิบปี ค่าเช่าจ่ายตรงทุกครั้ง แต่ทำไมการต่อสัญญาครั้งนี้จึงมีกลิ่นไม่ปกติ เมื่อมีผู้หญิงผมทองเข้ามาจัดการดูแล การต่อสัญญาเช่าทำธุรกิจต่อต้องพ่วงการเช่าที่ห้างสาขาอื่นในเครือเดียวกันด้วย หากพวกผมไม่ยอมรับเงื่อนไขเช่าที่สาขาอื่นที่บังคับพ่วงไปด้วยนี้ ทางผู้หญิงผมทองที่ดูแลเรื่องการเช่าที่จะไม่ยอมต่อสัญญาเช่าที่ให้ ผมอยากทราบว่าเป็นนโยบายจากทางผู้บริหารเองที่ต้องการให้เฉพาะรายใหญ่เข้ามาทำธุรกิจกับทางห้างเท่านั้น หรือเป็นการสอดไส้จากผู้หญิงผมทองของห้างเพื่อทำการเช่าที่กันเองแล้วนำที่มาขายช่วงต่อเพื่อปากท้องของตนเองหรือมาแบ่งผลประโยชน์กับพรรคพวกที่ตนเองสนิท

       ได้โปรดเถิดครับ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ การทำมาหากินสุจริตแล้วยังยืนอยู่ได้ในสังคมนี้ถือว่าเป็นที่สุดของคนทำมาหากินแล้ว แต่ถ้าหากว่าการทำมาหากินต้องอาศัยพรรคอาศัยพวกหรือไม่มีความโปร่งใสแล้ว เราจะสอนลูกหลานให้รู้จักยืนอยู่ในสังคมด้วยความสุจริตได้อย่างไรหากแม้แต่การเช่าที่ทำมาหากินในห้างดังย่านลาดพร้าวยังอึมครึม

        แม้ผมจะทำธุรกิจเล็ก ๆ แต่ผมก็ยินดีทำธุรกิจร่วมกันอย่างตรงไปตรงมา มิใช่การมัดมือชกกับสัญญาที่ไม่มีความเป็นธรรม โดยเห็นผมและบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเป็นเพียงท่อน้ำที่ต่อให้ระบบของตนเองเพียงเท่านั้น ถ้าหากเป็นนโยบายของทางห้างเองได้โปรดชี้แจงอย่างเปิดเผยว่าเหตุใดจึงต้องมีสัญญาเช่าพ่วงที่ห้างในเครือสาขาอื่นด้วย !!แล้วทำไมถึงมีบ้างร้านที่ไม่ต้องพ่วงคับ!!

        หากไม่ยอมเช่าที่สาขาอื่นด้วยจะไม่ให้เช่าที่ต่อ และจะให้ผู้อื่นเข้าทำสัญญาแทนทันที เพื่อให้คนไทยทั่ว ๆ ไปได้รับทราบว่าการทำมาหากินในยุคลำเค็ญนี้ มีอุปสรรคอย่างไรบ้างเพื่อให้ผู้เดินทางตามความฝันของตนเองได้วางแผนยอมรับความเสี่ยงได้ว่า เมื่อคุณทำธุรกิจอยู่กำลังไปได้ดี กำลังเริ่มมีกำไรบ้าง ก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่ขาดฝันแบบนี้ขึ้นได้ คล้าย ๆ กับกรณีของฟิตเนสของดาราชื่อดังที่เป็นข่าวกันมาไม่นานนี้

         ทุก ๆ ท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงเกิดคำถามว่าถ้าคิดว่าต่อสัญญาไม่ไหวก็น่าจะให้คนอื่นไป ผมขอบอกว่า ‘ใช่’ ท่านพูดถูกแล้ว แต่ท่านครับ ถึงแม้ผมจะสามารถไปเช่าที่สาขาอื่นเพื่อต่อสัญญาเช่าที่เดิมต่อไปได้ ผมต้องลงเงินไปไม่ใช่น้อยเลยนะครับ อาจต้องลงเงินไปถึงหลักล้าน แล้วการเดินทางละคับ ครอบครัวผมต้องย้ายบ้านเพื่อไปอยู่ใกล้ๆที่ทำงานใหม่ด้วยหราคับ ต้องหาพนักงานเพิ่มมันไม่ใช่แค่การจ่ายเงินค่าเช่าแล้วจบแต่มันมีหลายๆอย่างที่ต้องเปลี่ยนแปลงและถ้าเป็นผู้ค้ารายอื่นที่ไม่มีความพร้อม เขาจะต้องเลิกอาชีพนี้ไปเลยหรือไม่? และสมมติว่าทุกคนยอมรับเงื่อนไขนี้หมด เราจะทราบได้อย่างไรว่าการต่อสัญญาในปีถัดไป จะไม่มีการผูกมัดเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก ใครจะเป็นหลักประกันให้เราตรงนี้ได้ จุดนี้แหละครับ ที่ผมและบรรดาผู้ค้าคิดว่าเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล

         ผมจึงไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ จึงขอนำมาเล่าเรื่องราวการทำมาหากินของผมในห้างดังย่านลาดพร้าวไว้ให้คนทั่วไปได้รับทราบ ผมไม่ทราบว่าท่านอื่น ๆ ผู้ค้าในห้างต่าง ๆ เจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กันอย่างนี้บ้างหรือไม่ ในยุคที่เงินทองหายากมากกว่าที่เคย ใคร ๆ ก็ต้องรักษากระแสเงินสดของครอบครัวไม่ให้ติดลบไปมากกว่านี้ ไม่ทราบว่าถ้าท่านเจอเหตุการณ์แบบผม จะตัดสินใจอย่างไรครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เรื่องปรกติครับ บ้านผมทำธุรกิจจิวเวอรี่อยู่ที่ห้างดังแถวชายทะเลสุดฮิต เมื่อก่อนอยู่ชั้นใต้ดิน ห้องใหญ่เลย เช่าเดือนนึงสองแสนกว่าๆ ตอนนี้โดนบีบมาอยู่ตู้กระจกแทน ในราคาที่ถูกกว่าเดิม แต่ทำเลห่วยแตก แล้วเค้าเอาชั้นใต้ดินไปปล่อยให้เป็นสินค้า premium แบรนด์นอกแทน ง่ายๆ คือพวกเราร้านจิวเวอรี่แบรด์ไทย ไปทำให้โซนนั้นมันดัง จนมีแบรนด์ใหญ่ๆมาขอเหมา แล้วเค้าก็บีบเราออกจากพื้นที่ ให้ไปอยู่ตู้กระจก ซึ่งแรกๆ ยอดขายก็ตกนะ หล่นแบบฮวบฮาบเลย เพราะเศรษฐกิจกับทำเลด้วยก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมก็ไม่หยุดนิ่งหาทางหนีทีไล่ จนสามารถส่งออกได้ จนตอนนี้ก็ไม่ต้องง้อทำเลแล้ว แค่มีตู้ไว้เป็นสาขาเพื่อขยายชื่อเสียงเท่านั้นเอง รายได้ก็มากกว่าตอนเช่าร้านใต้ดินหลายเท่ามาก แถมไม่ต้องเสียเดือนนึงตั้งหลายแสน เจ้าของกระทู้ต้องศึกษาทางหนีทีไล่ครับ ลองหาการตลาดทางอื่น ไม่ก็ต้องเปลี่ยนธุรกิจ หรือยอมเลวจ่ายใต้โต๊ะ เลียแข้งเลียขาบ้าง เศรษฐกิจแบบนี้ใครดีใครอยู่ ศักดิ์ศรีเอาไว้ทีหลังครับ สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้
ความคิดเห็นที่ 10
น่าเห็นใจ ร้านค้าครับ เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่คิดจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หมดเนื้อหมดตัวเอาง่ายๆ
จริงๆ เรื่องแบบนี้ทางห้างถ้าเขาไม่แย่จริงๆ เขาคงไม่ทำ  แต่ที่คิดทำก็คือ เขาก็พลอยจะเจ๊งไปด้วย
เศรษฐกิจแบบนี้ เจ้าเล็กเจ้าใหญ่พากันตายหมด เพียงแต่ไม่กล้าพูด เดี๊ยวพวกนักการเมืองที่ตัวเองหนุนหลังอยู่ ตาเขียวปั๊ด
พูดทำไม เงียบๆไว้ เพราะตัวเอง ก็ทำตัวเอง เลยพูดไม่ถนัด

ห้างชานเมืองตอนนี้ไม่ต้องเดา ตายสนิท ร้านค้าส่วนใหญ่เค้าทิ้งพื้นที่กันหมด ไม่ต่อสัญญา เขาก็เลยต้องมาบีบพวกคุณ
ให้เอาเงินไปเช่าเพิ่ม ไปจุนเจือเขาหน่อย 555

แต่พอเศรษฐกิจดี ก็มาไล่บี้เอาอีก มีหลายร้าน เอาพื้นที่ดีๆ ที่เราถือครองไว้ ไปให้พรรคพวกตัวเอง กอบโกย โดยไม่มีความเสี่ยง
ไอ้ตอนไม่ดีมันไม่มาเอา  มันมาบีบเอาตอนดีๆ สุดท้ายเรามีแต่หมดตัว ถ้าไม่มีเส้นสาย  

การทำธุรกิจ ผมหวังว่าเจ้าของกระทู้ต้องทำใจ ใครไม่แน่จริง ใครไม่ชั่วจริง อยู่ไม่ได้
มือถือส า ก ปากถือศีล จึงจะอยู่ได้

เห็นใจจริงๆ  ทำอะไรไม่ได้ นอกจากแช่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อย่างเดียว
ความคิดเห็นที่ 9
ถ้าหมดสัญญาแล้ว สัญญาใหม่จะเขียนแบบไหนก็ได้ คุณไม่พอใจ ก็ไม่ต้องขายต่อ หาที่อื่น แฟร์เพลย์ อย่าเอาดราม่ามาอ้าง ทำให้ประเทศชาติเป็นแบบนี้ ระเบียบ ระบบต้องปฎิบัติตาม

แต่ถ้ายังไม่หมดสัญญา ก็รวมตัวฟ้องร้องกันไป...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่