Jason Bourne (ไม่สปอยเนื้อหาสำคัญ)
.
ภาคต่อของสายลับมือฉมังนาม Jason Bourne ผู้ถูกไล่ล่าจากสายลับมือสังหารชั้นยอดและอดีตอันเลือนลางของตัวเขาเอง ในภาคนี้ถือเป็นภาคที่ 4 จาก The Bourne Identity (2002), The Bourne Supremacy(2004) และ The Bourne Ultimatum (2007) หากไม่นับรวมภาคแยก The Bourne Legacy (2012) กำกับภาพยนตร์โดย Paul Greengrass ผู้กำกับเจ้าเดิมที่เคยกำกับภาคที่ 2 และ 3 ของภาพยนตร์ชุดนี้
.
หนังบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆภาคก่อนหน้าผ่านเรื่องราวและการล่วงรู้ถึงตัวตนของ Bourne ในภาคนี้ โดยเนื้อหาหลักไม่ได้มีความแตกต่างจากภาคก่อนๆมากนัก ทว่ามีเหตุการณ์สำคัญการปรับเปลี่ยนตัวละครที่เป็นการปิดไตรภาคเก่าและอาจนำเสนอเนื้อหาใหม่ในภาคถัดไป การนำเสนอการไล่ล่า การสืบสวนสอบสวน และทักษะการต่อสู้ของ Bourne ยังคงเปี่ยมไปด้วยความระทึกชวนบีบคั้นหัวใจได้ไม่แพ้ภาคก่อนๆ ซึ่งเมื่อได้การนำเสนองานภาพที่ฉับไว ซาวด์ประกอบที่ลื่นไหล และการซูมอินที่พยายามถ่ายทอดถึงความรู้สึกของตัวละคร อันเป็นเอกลักษณ์ของ Paul Greengrass ยิ่งทำให้ทุกๆการไล่ล่าและการสืบสวนสอบสวนชวนน่าติดตามขึ้นไปอีกขั้น แต่นั่นก็อาจกระทบกับการรับชมของผู้ที่ไม่ถนัดงานภาพแบบเคลื่อนไหวหรือการเลือกใช้มุมกล้องแบบ Handheld เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ไม่เคยรับชมไตรภาคก่อนหน้าอาจกระทบกับรายละเอียดและความผูกพันต่อตัวละครในเรื่องพอสมควร แต่ก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาในส่วนของภาคนี้ได้อยู่ดีครับ
.
My Score : 8/10
[CR] Jason Bourne (ไม่สปอยเนื้อหาสำคัญ)
.
ภาคต่อของสายลับมือฉมังนาม Jason Bourne ผู้ถูกไล่ล่าจากสายลับมือสังหารชั้นยอดและอดีตอันเลือนลางของตัวเขาเอง ในภาคนี้ถือเป็นภาคที่ 4 จาก The Bourne Identity (2002), The Bourne Supremacy(2004) และ The Bourne Ultimatum (2007) หากไม่นับรวมภาคแยก The Bourne Legacy (2012) กำกับภาพยนตร์โดย Paul Greengrass ผู้กำกับเจ้าเดิมที่เคยกำกับภาคที่ 2 และ 3 ของภาพยนตร์ชุดนี้
.
หนังบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆภาคก่อนหน้าผ่านเรื่องราวและการล่วงรู้ถึงตัวตนของ Bourne ในภาคนี้ โดยเนื้อหาหลักไม่ได้มีความแตกต่างจากภาคก่อนๆมากนัก ทว่ามีเหตุการณ์สำคัญการปรับเปลี่ยนตัวละครที่เป็นการปิดไตรภาคเก่าและอาจนำเสนอเนื้อหาใหม่ในภาคถัดไป การนำเสนอการไล่ล่า การสืบสวนสอบสวน และทักษะการต่อสู้ของ Bourne ยังคงเปี่ยมไปด้วยความระทึกชวนบีบคั้นหัวใจได้ไม่แพ้ภาคก่อนๆ ซึ่งเมื่อได้การนำเสนองานภาพที่ฉับไว ซาวด์ประกอบที่ลื่นไหล และการซูมอินที่พยายามถ่ายทอดถึงความรู้สึกของตัวละคร อันเป็นเอกลักษณ์ของ Paul Greengrass ยิ่งทำให้ทุกๆการไล่ล่าและการสืบสวนสอบสวนชวนน่าติดตามขึ้นไปอีกขั้น แต่นั่นก็อาจกระทบกับการรับชมของผู้ที่ไม่ถนัดงานภาพแบบเคลื่อนไหวหรือการเลือกใช้มุมกล้องแบบ Handheld เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ไม่เคยรับชมไตรภาคก่อนหน้าอาจกระทบกับรายละเอียดและความผูกพันต่อตัวละครในเรื่องพอสมควร แต่ก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาในส่วนของภาคนี้ได้อยู่ดีครับ
.
My Score : 8/10