Bourne, Jason Bourne
นี่คือการกลับมารวมทีมอีกครั้งของ ผกก Paul Greengrass และ Matt Damon นักแสดงนำคนเดิมที่รับบท Jason Bourne มาตลอดทั้ง 3 ภาคแรกจนกระทั่งทั้งสองคนไม่ขอร่วมงานในหนังตระกูล Bourne ภาคที่ 4 เรื่องราวในภาคนี้จึงไม่ใช่เรื่องของ Jason Bourne โดยตรง และจะว่าไปแล้วก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำนักว่าเป็นหนังตระกูล Bourne ที่แม้จะมีชื่อหนังว่า Bourne ก็เถอะ ดังนั้นแล้วคงจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับแฟนหนัง Bourne ที่จะไม่ดูหนังในภาคที่ 5 ของตระกูลที่ตนเองดูมาตลอดทั้ง 4 ภาค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวหลักที่หายไปในภาค 4 กลับมาอีกครั้งในภาคล่าสุด
เรื่องราวยังคงวนเวียนอยู่กับการค้นหาตัวตนที่แท้จริงและเบื้องหลังเบื้อหลังของ Jason Bourne สายลับที่รู้เรื่องรอบตัวดีไปหมด ยกเว้นเรื่องตนเอง และแน่นอนว่าต้องถูกไล่ล่าจากคนในองค์กรที่ตนเองเคยอยู่ แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่า Bourne มักจะหนีการไล่ล่าได้อย่างชาญฉลาด และที่สำคัญที่สุดคือเขามักจะนำหน้ากว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่หนึ่งก้าวเสมอ
นอกจาก Matt Damon ดาราชูโรงประจำของหนังแล้ว ในภาคนี้ยังได้ Alicia Vikander เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมปีล่าสุดมาช่วยเพิ่มสีสันการชิงไหวชิงพริบให้สนุกขึ้นไปอีก นี่ยังไม่นับดาราเก๋าๆที่มาเสริมทัพอย่าง Tommy Lee Jones ในบทหัวหน้า CIA จอมสั่งการ Vincent Cassel มือสังหารระดับพระกาฬ และอดีตสายลับองค์กรเดียวกันกับ Bourne อย่าง Julia Stiles ทุกคนเล่นใหญ่และเล่นถึงกันหมด นี่บอกได้เลยว่าไม่มีใครยอมอ่อนให้ใครเลยแม้สักคนเดียว จริงๆ
ฉากไล่ล่าและฉากต่อสู้ในหนังคือส่วนดีงามที่จะไม่พูดถึงไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะทำได้สนุกและชวนติดตามมาก ไม่เสียชื่อหนังตระกูล Bourne อย่างที่เคยเจอมาในภาคก่อนๆซึ่งจะว่าไปในภาคนี้มีความอลังการและบรรลัยมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ดังจะเห็นได้จากฉากขับรถไล่ล่าบนท้องถนนกลางเมือง Las Vegas ที่สามารถทำได้สนุกทะลุเกินความคาดหมาย แสดงถึงความวินาศสันตะโรได้อย่างชวนตะลึง ถือเป็นฉากที่น่าจดจำของหนังภาคนี้เลยก็ว่าได้
แม้ว่าโดยรวมจะสามารถทำให้คนดูหรือแฟน Bourne พึงพอใจได้ในระดับหนึ่งหากแต่ว่าความเข้มข้นของเรื่องราวนั้นยังทำได้ไม่น่าพึงพอใจนัก มีความรู้สึกว่ายังค่อนข้างธรรมดาเกินไปสำหรับความคาดหวังที่มีต่อหนัง บทยังไม่แน่นพอที่จะมัดใจคนดูได้ ไม่รู้ว่าถ้าได้ขาประจำอย่าง Tony Gilroy มาเขียนบทให้จะทำให้หนังเข้มข้นและสนุกมากกว่านี้อีกสักเล็กน้อยหรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม Jason Bourne ก็คือ Bourne
เขานำเราอยู่หนึ่งก้าวเสมอ จำไว้
ขบเคี้ยวหนัง
#JasonBourne
[CR] Bourne, Jason Bourne
Bourne, Jason Bourne
นี่คือการกลับมารวมทีมอีกครั้งของ ผกก Paul Greengrass และ Matt Damon นักแสดงนำคนเดิมที่รับบท Jason Bourne มาตลอดทั้ง 3 ภาคแรกจนกระทั่งทั้งสองคนไม่ขอร่วมงานในหนังตระกูล Bourne ภาคที่ 4 เรื่องราวในภาคนี้จึงไม่ใช่เรื่องของ Jason Bourne โดยตรง และจะว่าไปแล้วก็พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำนักว่าเป็นหนังตระกูล Bourne ที่แม้จะมีชื่อหนังว่า Bourne ก็เถอะ ดังนั้นแล้วคงจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับแฟนหนัง Bourne ที่จะไม่ดูหนังในภาคที่ 5 ของตระกูลที่ตนเองดูมาตลอดทั้ง 4 ภาค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวหลักที่หายไปในภาค 4 กลับมาอีกครั้งในภาคล่าสุด
เรื่องราวยังคงวนเวียนอยู่กับการค้นหาตัวตนที่แท้จริงและเบื้องหลังเบื้อหลังของ Jason Bourne สายลับที่รู้เรื่องรอบตัวดีไปหมด ยกเว้นเรื่องตนเอง และแน่นอนว่าต้องถูกไล่ล่าจากคนในองค์กรที่ตนเองเคยอยู่ แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่า Bourne มักจะหนีการไล่ล่าได้อย่างชาญฉลาด และที่สำคัญที่สุดคือเขามักจะนำหน้ากว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่หนึ่งก้าวเสมอ
นอกจาก Matt Damon ดาราชูโรงประจำของหนังแล้ว ในภาคนี้ยังได้ Alicia Vikander เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมปีล่าสุดมาช่วยเพิ่มสีสันการชิงไหวชิงพริบให้สนุกขึ้นไปอีก นี่ยังไม่นับดาราเก๋าๆที่มาเสริมทัพอย่าง Tommy Lee Jones ในบทหัวหน้า CIA จอมสั่งการ Vincent Cassel มือสังหารระดับพระกาฬ และอดีตสายลับองค์กรเดียวกันกับ Bourne อย่าง Julia Stiles ทุกคนเล่นใหญ่และเล่นถึงกันหมด นี่บอกได้เลยว่าไม่มีใครยอมอ่อนให้ใครเลยแม้สักคนเดียว จริงๆ
ฉากไล่ล่าและฉากต่อสู้ในหนังคือส่วนดีงามที่จะไม่พูดถึงไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะทำได้สนุกและชวนติดตามมาก ไม่เสียชื่อหนังตระกูล Bourne อย่างที่เคยเจอมาในภาคก่อนๆซึ่งจะว่าไปในภาคนี้มีความอลังการและบรรลัยมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ดังจะเห็นได้จากฉากขับรถไล่ล่าบนท้องถนนกลางเมือง Las Vegas ที่สามารถทำได้สนุกทะลุเกินความคาดหมาย แสดงถึงความวินาศสันตะโรได้อย่างชวนตะลึง ถือเป็นฉากที่น่าจดจำของหนังภาคนี้เลยก็ว่าได้
แม้ว่าโดยรวมจะสามารถทำให้คนดูหรือแฟน Bourne พึงพอใจได้ในระดับหนึ่งหากแต่ว่าความเข้มข้นของเรื่องราวนั้นยังทำได้ไม่น่าพึงพอใจนัก มีความรู้สึกว่ายังค่อนข้างธรรมดาเกินไปสำหรับความคาดหวังที่มีต่อหนัง บทยังไม่แน่นพอที่จะมัดใจคนดูได้ ไม่รู้ว่าถ้าได้ขาประจำอย่าง Tony Gilroy มาเขียนบทให้จะทำให้หนังเข้มข้นและสนุกมากกว่านี้อีกสักเล็กน้อยหรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม Jason Bourne ก็คือ Bourne
เขานำเราอยู่หนึ่งก้าวเสมอ จำไว้
ขบเคี้ยวหนัง
#JasonBourne