"อเมริกันมโน" .. เจอ F-35, F-22 ล่องหน จีนตายเรียบเหนือทะเลจีนใต้

กระทู้คำถาม
MGRออนไลน์ -- ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่า สงครามระหว่างจีนกับสหรัฐจะเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ แต่ถ้าหากเกิดมีขึ้นมาจริงๆ และ เป็นสงครามทางอากาศเต็มรูปแบบ ภาพรวมจะออกมาเป็นเช่นไร และ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร นายทหารสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในรัฐฮาวาย ได้บรรยายสรุปรูปการณ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่สถาบันศึกษาวิจัยแห่งหนึ่ง ได้รับฟังเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้เกิดมโนภาพขึ้นมาลางๆ ให้เห็นว่า.. จีนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ด้วยเทคโนโลยีล่องหนของเครื่องบินรบยุคที่ 5 ที่สหรัฐพัฒนาไปไกลกว่าใครๆ
        
        เรื่องนี้ถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ผ่านสื่อกลาโหมหลายแห่งทั้งสหรัฐ และ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
        
        เครื่องมือสำคัญที่สุด ที่ทำให้เชื่อมั่นว่าถือแต้มที่เหนือกว่าก็คือ เครื่องบินรบ "สเตลธ์" ทั้งสองรุ่น ซึ่งได้แก่ F-22 "แร็พเตอร์" (Raptor) กับ F-35 "ไล้ต์นิ่ง 2" (Lightning II) ที่สามารถฝ่าข่ายเรดาร์ กับ ระบบรบกวนทางอีเล็กทรอนิกส์ของฝ่ายจีน เข้าไปถล่มที่ตั้งระบบจรวดต่อสู้อากาศยานของจีนได้ในทุกๆ จุด เปิดทางให้เครื่องบินรบยุคที่ 4 เช่น เอฟ/เอ-18 เอฟ-15 และ เอฟ-16 เข้าไปจนถึงกรุงปักกิ่ง ฯลฯ
        
        เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์สเตลธ์อีก 2 รุ่นในปัจจุบัน ยังสามารถบินปฏิบัติการถึงเมืองหลวงของจีนได้ด้วยตัวเอง หรือ จะบินไปโจมตียังจุดไหนๆ ก็ได้ โดยไม่ถูกอีกฝ่ายหนึ่งตรวจจับได้ .. ตามข้อมูลของฝ่ายสหรัฐนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ประเทศไหน ตรวจจับ B-2 กับ B-21 ได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดเผยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลล่องหนทั้งสองรุ่น อาจจะบินข้ามหัวจีนอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับรัสเซีย และ อีกหลายประเทศพันธมิตรของสหรัฐ
        
        เมื่อสหรัฐสามารถครองน่านฟ้าเหนือเมืองหลวง และ นครใหญ่แห่งต่างๆ ของจีนได้ ก็จะเปิดทางให้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตียุทธศาสตร์ เช่น B-52H รวมทั้ง และ อีกสารพัด ตามเข้าไปสมทบได้อีก .. ถึงจุดนั้นจีนก็จะมีเพียง 2 ทางเลือกคือ ยอมแพ้หรือสู้จนตรอก ท่ามกลางการสูญเสียอย่างหนัก มีคนตายอีกเรือนล้าน
        
        ไม่ต้องพูดถึงสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐ เพราะนั่นเท่ากับการฆ่าตัวตายทั้งสองฝ่าย..
        
        นายทหารอากาศสหรัฐ ที่ประจำในภาคพื้นแปซิฟิกกล่าวว่า F-22 กับ F-35 เป็นต่อทุกขุมพลังทางอากาศในย่านนี้ ในขณะที่เครื่องบินรบยุคที่ 5 "สเตลธ์" ของจีน คือ พวกรหัส J ตัวเลขสูงๆ ทั้งสองรุ่นนั่น ยังใช้เครื่องยนต์ควันดำอยู่ ซึ่งทำให้โหมดล่องหนมีค่าต่ำสุด และ เครื่องบินรบทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน ก็ยังเป็นแค่ J-11 ที่จีนก็อปปี้ Su-27 ของอดีตสหภาพโซเวียตไปทั้งดุ้น ติดตั้งระบบเอวิโอนิกส์เมด-อิน-ไชน่า
        .  รายงานในเว็บไซต์ข่าวการทหารหลายแห่ง ก่อนหน้านี้ยังระบุว่า สหรัฐไม่เคยวิตกเกี่ยวกับ Su-35 ที่จีนเซ็นซื้อจากรัสเซียจำนวน 2 ฝูง ที่จะส่งมอบกันในอีกไม่นาน โดยมองว่า "ไม่มีความหมายอะไร" และ ระบบจรวด S-400 ที่ซื้อจากรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ก็ไม่ต่างกัน
        
        แม้จะได้ชื่อเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะไกล ดีที่สุดอีกระบบหนึ่งของโลก เป็นเสมือนยาทัมใจหรือยาบวดหาย ที่ใช้กับสารพัดโรคก็ตาม สหรัฐมีระบบอาวุธ ที่สามารถหลอกล่อ และ ยิงทำลาย ที่ตั้งระบบจรวด S-400 ได้ไม่ยาก
        
        ขณะเดียวกันกองทัพอากาศสหรัฐ ยังมอบหมายให้บริษัทเรธีออน (Raytheon) พัฒนาระบบอีเล็กทรอนิกส์ เพื่อสงครามทางอากาศอีกระบบหนึ่ง เพื่อติดตั้งบนเครื่องบินรบ ให้สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้ง หน่วยต่อสู้อากาศยานฝ่ายตรงข้ามได้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้หลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบ "หมูวิ่งเข้าหาปังตอ" และ เปิดทางให้ฝ่ายตน สามารถกำหนดเป็นเป้าหมายล่วงหน้าได้
        
        ภาพรวมใหญ่ๆ เกี่ยวกับบทบาทของ F-22 F-35 ในสงครามทางอากาศ กับจีน ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ก็คือ เป็นหัวหอกในการบุกทะลวงเข้าสู่แนวหลังของอีกฝ่ายหนึ่ง โจมตีทำลายข่ายเรดาร์ ข่ายสงครามอีเล็กทรอนิกส์ กับข่ายป้องกันทางอากาศ เพื่อเปิดทางให้กองหลังของสหรัฐ เข้าทำลายเป้าหมายสำคัญต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ รวมทั้งกำลังทางอากาศของจีนทั้งหมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่