.
เกือบครบชั่วโมงแล้วที่ฉิม เต้และยศนั่งล้อมวงสุราโดยขาดสมาชิกไปหนึ่งคน นั่นก็คือนัยนั่นเองที่หายไป บนโต๊ะวงเหล้าเพียบพร้อมไปด้วยขวดเหล้าที่เหล้าพร่องลงไปนิดหน่อย บรรดามิกซ์เซอร์ทั้งขวดโซดา น้ำดื่มและถังน้ำแข็ง ยังมีจานกับแกล้มอีกสามจาน ทั้งหมูมะนาว เอ็นไก่ทอด ยำปลาดุกฟู ทุกอย่างดูเหมือนจะครบถ้วนสำหรับที่วงเหล้าควรจะมี แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั้นคือความสนุกสนานเฮฮาจากการสนทนาในวงน้ำเมา
เมื่อทั้งสามเพิ่งจะเริ่มนั่งในโต๊ะ พวกเขายังสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกันตามประสาขี้เหล้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า แต่ละคนเริ่มหมดคำถามและเริ่มรู้สึกถึงความไม่คุ้นชินที่จะมีกันแค่สามคนในวงสนทนา แต่ละคนเริ่มเงียบและหันมาดื่ม แต่ดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหันมาวางแก้วเพราะรู้สึกขาดอรรถรสอะไรไปบางอย่าง เมื่อใครคนหนึ่งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเช็ค ทำให้คนที่เหลือต่างหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นตามบ้าง
ความเงียบของวงเหล้าขาประจำในครั้งนี้ทำให้ลุงโฉมเจ้าของร้านผิดสังเกต แต่เขาก็ไม่มีเวลามาไถ่ถามถึงความสงัดนั้นว่ามาจากเหตุใด ลุงโฉมยังคงปล่อยให้สันติภาพในวงเหล้ายังดำเนินต่อไปโดยที่ไม่คิดจะไปแทรกแซงใดๆ เป็นครั้งแรกที่ลุงโฉมได้เห็นสังคมก้มหน้าตามสมัยนิยมจากบุคคลเหล่านี้
หัวหน้าใหญ่แห่งวงสุราอดรนทนไม่ไหวกับความอึดอัดนี้ จึงเอ่ยประกาศขึ้นกลางวง
“ใครก็ได้โทรไปตามไอ่นัยหน่อยสิ ตอนนี้มันอยู่ไหนแล้ว”
ยศและเต้เงยหน้ามามองลูกพี่
“แล้วทำไมพี่ไม่โทรล่ะ” ยศถาม
ฉิมทำท่าอ้ำอึ้งนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “โทรศัพท์ข้าตังค์หมด ยังไม่ได้เติมเลย”
“งั้นผมโทรเองพี่” เต้รับคำเสร็จก็กดโทรทันที
เต้รอสายพักหนึ่ง คู่สนทนาปลายสายก็ตอบกลับมา
“ฮัลโหล” นัยพูดผ่านสายโทรศัพท์
“อยู่ไหนแล้ว ลูกพี่ถามหา” เต้พูด
“อยู่หน้าปากซอยแล้ว นี่จอดรถรับสาย เดี๋ยวจะถึงแล้วพี่ มีอะไรไปคุยกันที่นั่นนะ” นัยพูดเสร็จก็วางสายไป
“มันว่าอยู่ปากซอยแล้ว อีกซักพักก็จะมาถึงแล้ว” เต้รายงาน
ฉิมและยศทำสีหน้าโล่งใจ เหมือนความอึดอัดก่อนหน้านี้จะหายไปหมดสิ้นเมื่อรู้ว่าสมาชิกที่ขาดหายไปกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
“น่าแปลกนะ ปกตินัยมันไม่เคยมาช้าขนาดนี้ ทุกทีก็เลิกงานตรงเวลาทุกคืนวันศุกร์ จะรถติดก็ไม่น่าใช่เพราะมอไซค์ลัดเลาะมาจากที่ทำงานมันก็ไม่น่านานขนาดนี้” ฉิมยังไม่วายที่จะตั้งข้อสงสัย
“เห็นมันบอกก่อนหน้านี้นะว่าวันนี้อาจจะมาเลทหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะมาช้าขนาดนี้” เต้พูด
“หรือว่ามันติดสาว” ยศเดา
“ไม่แน่ ๆ” เต้พูด
ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะถกเถียงกันจนถึงขั้นถึงพริกถึงขิง นัยก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมจูงมือเด็กสาวแสนสวยในชุดท่องราตรีที่สุดแสนวิจิตร ชุดเสื้อผ้าบนเรือนร่างหญิงงามนั้นดีเกินไปกว่าที่จะมานั่งในร้านโทรม ๆ แบบนี้ และภาพความแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้ระหว่างการแต่งตัวของชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเคียงข้างกัน นัยสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวผ้าเวสป้อยส์สีเทาโรงงาน กางเกงยีนขากระบอกทรงโหล และรองเท้าหนังหัวเหล็กสำหรับคนคุมงานก่อสร้าง
ในขณะที่หญิงสาวหุ่นงามระหงสวมสวมเสื้อลักษณะเหมือนเอาผ้ามาพันรอบตัว รัดไขว้จากไหล่พาดมาถึงเอวบดบังเนินหน้าอกแค่ครึ่ง เผยให้เห็นร่องอกใหญ่ยั่วน้ำลาย ผ้าลูกไม้ห่อหุ้มครึ่งแขนโชว์ความขาวของเนื้อนิ่ม กระโปรงผ้าสีดำยาวไม่ถึงเข่าประดับลูกไม้ชายประโปรงโชว์ให้เห็นเนื้อขาอ่อนวับ ๆ แวม ๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้คู่นี้ไม่กลายเป็นลูกคุณหนูเดินตามคนรับใช้ คือทั้งคู่เดินจูงมือกันเหมือนคู่รัก และด้วยใบหน้าที่คมคายของนัยทำให้คนอื่น ๆ พอจะเชื่อได้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน
ฉิม ยศและเต้เข้าใจได้ในทันทีถึงสาเหตุที่นัยมาสายในคืนนี้ โดยปกตินัยจะเลิกงานตรงเวลาในคืนวันศุกร์ เขาจะกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงมายังร้านเลย แต่วันนี้นัยคงนัดแนะหญิงสาวให้มานั่งกินเหล้าด้วยกัน ไหนจะต้องไปรับเธออีก ไหนจะต้องนั่งรอเธอแต่งตัวแต่งหน้าทำผมอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ และเรื่องแบบนี้ทำให้ทั้งสามต่างพร้อมที่จะอภัยให้กับรุ่นน้องได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
“นี่พี่ฉิม พี่ยศและพี่เต้”
นัยแนะนำรุ่นพี่ให้แฟนสาว หญิงสาวในคราบนางฟ้ายกมือไหว้พี่ ๆ
“สวัสดีค่ะ”
“นี่น้องแป้งแฟนผมครับพี่ อุบไว้นานแล้ว วันนี้ขอมาเปิดตัว” นัยพูด
ทั้งสามรับไหว้น้องแป้งพร้อมมองตาค้าง
นัยเดินไปยกเก้าอี้ไม้ที่ทำจากไม้ต้นมะพร้าวมาจากโต๊ะว่างมาให้แป้งนั่ง แป้งยังไม่นั่ง เธอเปิดกระเป๋าถือยี่ห้อโค้ชและหยิบห่อกระดาษทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่น และใช้มันขัดถูเก้าอี้ของเธอจากคราบฝุ่นจนเก้าอี้ไม้สะอาด เธอยังรีบยกมือห้ามไม่ให้แฟนหนุ่มของเธอนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนที่จะใช้กระดาษทิชชู่เปียกผืนใหม่เช็ดทำความสะอาดเก้าอี้ให้แฟนหนุ่ม
กว่าทั่งคู่จะได้นั่งก็ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทั้งสามรอกันจนเหงือกแห้ง
“นั่นแน่ มีแฟนแล้วเงียบ ไม่บอกให้ใครรู้เลยนะ” ยศเริ่มเปิดประเด็นทันที หลังจากที่ทนนั่งเงียบเหงามากว่าชั่วโมงแล้ว
ทั้งนัยและแป้งต่างยิ้มเขิน
“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ คือผมและน้องแป้งทำงานอยู่ที่เดียวกัน เราก็คุยกันมานานแล้วล่ะ แต่ก็เริ่มจากคุยเป็นเพื่อนกันก่อน ตอนนี้ตกลงปลงใจกันได้แล้ว ก็ว่าจะค่อย ๆ เปิดตัว” นัยยิ้มพร้อมมองไปที่แป้งที่ก็ยิ้มอายแก้มปริ
“ดีจังเลย เป็นแฟนกันได้เจอหน้ากันทุกวันแบบนี้”
ยศคิดในใจว่า แม้เขาจะจีบผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่เขาจะไม่มีวันที่จะจีบผู้หญิงในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะความเชื่ออะไรบางอย่าง แต่ด้วยความสาวสวยขนาดนี้ หากที่ทำงานของยศมีผู้หญิงอย่างแป้งสักคน เขาคงไม่ปล่อยไว้ให้เสียของอย่างแน่นอน
“เอ้อ ว่าแต่น้องจะดื่มอะไรครับ” ฉิมรีบถามเมื่อเห็นตรงหน้าของผู้มาใหม่ยังไร้แก้วประจำตำแหน่ง
“ส่วนนัยเอ็งเอานี่ไปเลย” ยศชงเหล้าให้รุ่นน้องที่รู้ใจกันมานาน
“ขอบคุณครับพี่” นัยตอบ
แป้งยังไม่ตอบอะไร เธอหันซ้ายแลขวาก็ไปเจอขวดเหล้าแสงโสม
“หนูขอน้ำเปล่าละกันค่ะ” แป้งตอบ
เต้หยิบแก้วใหม่มาเตรียมใส่น้ำ แป้งตั้งใจมองแก้วใบนั้นในมือของเต้ก็เห็นคราบน้ำจาง ๆ ติดเต็มแก้ว เธอดูก็รู้ว่าแก้วใบนี้ไม่ได้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดขัดถูก่อนที่จะนำมาบริการลูกค้า เต้เกือบเผลอใช้มือหยิบก้อนน้ำแข็งในถังตามความเคยชินที่พวกเขามักจะทำกันบ่อย ๆ แต่เขานึกได้ทันจึงหยิบคีมคีบน้ำแข็งที่วางข้างถังขึ้นมาคีบก้อนน้ำแข็งหย่อนลงแก้ว
แป้งรับแก้วน้ำดื่มมาวางตรงหน้า แต่เธอไม่คิดจะแตะมันเลย
นัยมองท่าทีของแฟนสาวที่ดูทำท่าจะอึดอัดจึงรีบพูด
“น้องแป้งจะดื่มโค้กหรือสไปรท์มั้ยคะ” เสียงนัยที่พยายามดัดเสียงให้ดูนุ่มนวลที่สุด
ชายทั้งสามที่นั่งอยู่บนต่างรู้สึกขวยเขินกับคำพูดและน้ำเสียงของเพื่อนรุ่นน้อง ฉิมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเพื่อแอบซ่อนรอยยิ้มของเขา ยศและเต้ทำตาม
แป้งคิดถึงเรื่องแก้วน้ำ ทำให้เธอไม่นึกอยากจะหยิบจับอะไรบนโต๊ะเลย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นัย แป้งยังไม่อยากจะทานอะไร” แป้งพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเรียกความสงสาร เธอยังแกล้งหรี่ตาพร้อมย่นหน้านิดนึงเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากแฟนหนุ่ม
นัยสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งการออดอ้อนนั้นฉายออกมาใจใบหน้าอ่อนหวานนั้นจาง ๆ ทำให้เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่าง
“งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปหาอะไรให้น้องแป้งทานนะคะ มีเซเว่นอยู่ใกล้ ๆ นี่” นัยพูดด้วยแววตาที่ดูอบอุ่นและห่วงใย เขาทำท่าขยับโต๊ะเพื่อลุกจากเก้าอี้
แป้งรีบพูด “แป้งไปด้วยค่ะ” พูดเสร็จก็ลุกเดินตามนัยออกไป
ฉิม ยศและเต้มองภาพนั้นด้วยอาการยิ้มชอบใจที่เห็นสองคนนั้นค่อย ๆ ประครองกันเดินออกจากร้าน
“น่าอิจฉาสองคนนั้นจริง ๆ นะพี่ ดูสิทำตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋” เต้พูดพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย
“ใหม่ ๆ กับเมียข้าก็เป็นแบบนี้แหละ” ฉิมพูดยิ้มแหะ ๆ “เวลาข้าจะไปไหนนะ ต้องถามแม่ทูนหัวว่าอยากได้อะไรมั้ย อยากกินอะไรมั้ย เดินไปไหนก็ต้องไม่ห่างกัน หายใจโดยใช้อากาศร่วมกัน เวลาที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานก็เฝ้ารอเวลาให้กลับมาเจอกัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะพี่เป็นไง” เต้รอลุ้น
“ตอนนี้หรือ” ฉิมร้องหึเบาๆ ในลำคอ “ตรงกันข้ามกับที่ข้าพูดไปเมื่อกี๊ทุกอย่างเลย”
ยศและเต้ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“มันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย เป็นสัจธรรมของชีวิต”
ทั้งสามหัวเราะร่วมกัน และชนแก้วดื่มเหล้า
“เฮ้ย... นัยกับแฟนมันมาแล้ว” ยศพูดเมื่อเห็นนัยเดินจูงมือแฟนสาวเข้ามาในร้าน
แป้งหิวถุงเซเว่นเข้ามาวางบนโต๊ะและหยิบกระป๋องน้ำอัดลมออกมาเปิดกิน นัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจ เขายังล้วงเข้าไปในถุงและหยิบห่อขนมออกมา
“ทานขนมค่ะน้องแป้ง” นัยค่อย ๆ แกะห่อช็อคโกแลตท็อปอโลนและบิออกมาหนึ่งชิ้นยื่นให้แฟนสาว
แป้งไม่เอื้อมมือไปรับ เธอจงใจแกล้งเผยอปากเล็กน้อยพร้อมแสดงแววตาอ้อนวอน เพื่อร้องขอให้แฟนหนุ่มป้อนช็อคโกแลตรูปทรงสามเหลี่ยมใส่ปากเธอ นัยทำตามแต่โดยดี
“อร่อยมั้ยคะ” นัยถามและจ้องมองไปที่สาวแสนสวย
“อร่อยเพราะพี่นัยป้อนให้นี่แหละค่ะ” แป้งตอบเสียงหวาน
“พี่ดีใจนะคะที่น้องแป้งมีความสุข” นัยพูด
ฉิม ยศและเต้แอบเหล่ตามองพร้อมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาคาปากไว้ ฉิมกระแอมเบา ๆ ก่อนพูด
“น้องแป้งทำงานที่เดียวกับนัยเหรอครับ ทำตำแหน่งอะไรเหรอ” ฉิมพยายามทะลายกำแพงที่ขวางกั้นไว้ระหว่างพวกเขาและทั้งคู่
“อยู่แผนกบัญชีค่ะ” แป้งหันมาตอบสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้ม
ทั้งสามเมื่อเห็นแป้งหันมาคุยด้วย ก็ทำสีหน้าสนอกสนใจคู่สนทนา แต่ทว่าเธอก็หันกลับไปกระหนุงกระหนิงกันสองคนเหมือนเดิม
นัยและแป้งคุยกันเองด้วยน้ำเสียงเบากว่าเดิม เหมือนพวกเขาสองคนต้องการอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเอง
ทั้งสามหันหน้ามาคุยกันเองโดยไม่ให้สองคนนั้นได้ยิน
“ทำยังไงดีพี่” เต้ถามในกลุ่ม
“ทำอะไรวะ” ฉิมพูด
“พี่ดูสิ นัยมันมัวคุยแต่กับแฟนมัน ไม่คุยกับเราเลย” ยศพูด
“อ้าว... ก็ปล่อยมันคุยไปสิ มันอุตส่าห์มากับแฟนมันทั้งที”
เรื่องเหล้า ตอนแฟนเด็ก
เกือบครบชั่วโมงแล้วที่ฉิม เต้และยศนั่งล้อมวงสุราโดยขาดสมาชิกไปหนึ่งคน นั่นก็คือนัยนั่นเองที่หายไป บนโต๊ะวงเหล้าเพียบพร้อมไปด้วยขวดเหล้าที่เหล้าพร่องลงไปนิดหน่อย บรรดามิกซ์เซอร์ทั้งขวดโซดา น้ำดื่มและถังน้ำแข็ง ยังมีจานกับแกล้มอีกสามจาน ทั้งหมูมะนาว เอ็นไก่ทอด ยำปลาดุกฟู ทุกอย่างดูเหมือนจะครบถ้วนสำหรับที่วงเหล้าควรจะมี แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั้นคือความสนุกสนานเฮฮาจากการสนทนาในวงน้ำเมา
เมื่อทั้งสามเพิ่งจะเริ่มนั่งในโต๊ะ พวกเขายังสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกันตามประสาขี้เหล้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า แต่ละคนเริ่มหมดคำถามและเริ่มรู้สึกถึงความไม่คุ้นชินที่จะมีกันแค่สามคนในวงสนทนา แต่ละคนเริ่มเงียบและหันมาดื่ม แต่ดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหันมาวางแก้วเพราะรู้สึกขาดอรรถรสอะไรไปบางอย่าง เมื่อใครคนหนึ่งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเช็ค ทำให้คนที่เหลือต่างหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นตามบ้าง
ความเงียบของวงเหล้าขาประจำในครั้งนี้ทำให้ลุงโฉมเจ้าของร้านผิดสังเกต แต่เขาก็ไม่มีเวลามาไถ่ถามถึงความสงัดนั้นว่ามาจากเหตุใด ลุงโฉมยังคงปล่อยให้สันติภาพในวงเหล้ายังดำเนินต่อไปโดยที่ไม่คิดจะไปแทรกแซงใดๆ เป็นครั้งแรกที่ลุงโฉมได้เห็นสังคมก้มหน้าตามสมัยนิยมจากบุคคลเหล่านี้
หัวหน้าใหญ่แห่งวงสุราอดรนทนไม่ไหวกับความอึดอัดนี้ จึงเอ่ยประกาศขึ้นกลางวง
“ใครก็ได้โทรไปตามไอ่นัยหน่อยสิ ตอนนี้มันอยู่ไหนแล้ว”
ยศและเต้เงยหน้ามามองลูกพี่
“แล้วทำไมพี่ไม่โทรล่ะ” ยศถาม
ฉิมทำท่าอ้ำอึ้งนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “โทรศัพท์ข้าตังค์หมด ยังไม่ได้เติมเลย”
“งั้นผมโทรเองพี่” เต้รับคำเสร็จก็กดโทรทันที
เต้รอสายพักหนึ่ง คู่สนทนาปลายสายก็ตอบกลับมา
“ฮัลโหล” นัยพูดผ่านสายโทรศัพท์
“อยู่ไหนแล้ว ลูกพี่ถามหา” เต้พูด
“อยู่หน้าปากซอยแล้ว นี่จอดรถรับสาย เดี๋ยวจะถึงแล้วพี่ มีอะไรไปคุยกันที่นั่นนะ” นัยพูดเสร็จก็วางสายไป
“มันว่าอยู่ปากซอยแล้ว อีกซักพักก็จะมาถึงแล้ว” เต้รายงาน
ฉิมและยศทำสีหน้าโล่งใจ เหมือนความอึดอัดก่อนหน้านี้จะหายไปหมดสิ้นเมื่อรู้ว่าสมาชิกที่ขาดหายไปกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
“น่าแปลกนะ ปกตินัยมันไม่เคยมาช้าขนาดนี้ ทุกทีก็เลิกงานตรงเวลาทุกคืนวันศุกร์ จะรถติดก็ไม่น่าใช่เพราะมอไซค์ลัดเลาะมาจากที่ทำงานมันก็ไม่น่านานขนาดนี้” ฉิมยังไม่วายที่จะตั้งข้อสงสัย
“เห็นมันบอกก่อนหน้านี้นะว่าวันนี้อาจจะมาเลทหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะมาช้าขนาดนี้” เต้พูด
“หรือว่ามันติดสาว” ยศเดา
“ไม่แน่ ๆ” เต้พูด
ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะถกเถียงกันจนถึงขั้นถึงพริกถึงขิง นัยก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมจูงมือเด็กสาวแสนสวยในชุดท่องราตรีที่สุดแสนวิจิตร ชุดเสื้อผ้าบนเรือนร่างหญิงงามนั้นดีเกินไปกว่าที่จะมานั่งในร้านโทรม ๆ แบบนี้ และภาพความแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้ระหว่างการแต่งตัวของชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเคียงข้างกัน นัยสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวผ้าเวสป้อยส์สีเทาโรงงาน กางเกงยีนขากระบอกทรงโหล และรองเท้าหนังหัวเหล็กสำหรับคนคุมงานก่อสร้าง
ในขณะที่หญิงสาวหุ่นงามระหงสวมสวมเสื้อลักษณะเหมือนเอาผ้ามาพันรอบตัว รัดไขว้จากไหล่พาดมาถึงเอวบดบังเนินหน้าอกแค่ครึ่ง เผยให้เห็นร่องอกใหญ่ยั่วน้ำลาย ผ้าลูกไม้ห่อหุ้มครึ่งแขนโชว์ความขาวของเนื้อนิ่ม กระโปรงผ้าสีดำยาวไม่ถึงเข่าประดับลูกไม้ชายประโปรงโชว์ให้เห็นเนื้อขาอ่อนวับ ๆ แวม ๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้คู่นี้ไม่กลายเป็นลูกคุณหนูเดินตามคนรับใช้ คือทั้งคู่เดินจูงมือกันเหมือนคู่รัก และด้วยใบหน้าที่คมคายของนัยทำให้คนอื่น ๆ พอจะเชื่อได้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน
ฉิม ยศและเต้เข้าใจได้ในทันทีถึงสาเหตุที่นัยมาสายในคืนนี้ โดยปกตินัยจะเลิกงานตรงเวลาในคืนวันศุกร์ เขาจะกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงมายังร้านเลย แต่วันนี้นัยคงนัดแนะหญิงสาวให้มานั่งกินเหล้าด้วยกัน ไหนจะต้องไปรับเธออีก ไหนจะต้องนั่งรอเธอแต่งตัวแต่งหน้าทำผมอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ และเรื่องแบบนี้ทำให้ทั้งสามต่างพร้อมที่จะอภัยให้กับรุ่นน้องได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร
“นี่พี่ฉิม พี่ยศและพี่เต้”
นัยแนะนำรุ่นพี่ให้แฟนสาว หญิงสาวในคราบนางฟ้ายกมือไหว้พี่ ๆ
“สวัสดีค่ะ”
“นี่น้องแป้งแฟนผมครับพี่ อุบไว้นานแล้ว วันนี้ขอมาเปิดตัว” นัยพูด
ทั้งสามรับไหว้น้องแป้งพร้อมมองตาค้าง
นัยเดินไปยกเก้าอี้ไม้ที่ทำจากไม้ต้นมะพร้าวมาจากโต๊ะว่างมาให้แป้งนั่ง แป้งยังไม่นั่ง เธอเปิดกระเป๋าถือยี่ห้อโค้ชและหยิบห่อกระดาษทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่น และใช้มันขัดถูเก้าอี้ของเธอจากคราบฝุ่นจนเก้าอี้ไม้สะอาด เธอยังรีบยกมือห้ามไม่ให้แฟนหนุ่มของเธอนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนที่จะใช้กระดาษทิชชู่เปียกผืนใหม่เช็ดทำความสะอาดเก้าอี้ให้แฟนหนุ่ม
กว่าทั่งคู่จะได้นั่งก็ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทั้งสามรอกันจนเหงือกแห้ง
“นั่นแน่ มีแฟนแล้วเงียบ ไม่บอกให้ใครรู้เลยนะ” ยศเริ่มเปิดประเด็นทันที หลังจากที่ทนนั่งเงียบเหงามากว่าชั่วโมงแล้ว
ทั้งนัยและแป้งต่างยิ้มเขิน
“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ คือผมและน้องแป้งทำงานอยู่ที่เดียวกัน เราก็คุยกันมานานแล้วล่ะ แต่ก็เริ่มจากคุยเป็นเพื่อนกันก่อน ตอนนี้ตกลงปลงใจกันได้แล้ว ก็ว่าจะค่อย ๆ เปิดตัว” นัยยิ้มพร้อมมองไปที่แป้งที่ก็ยิ้มอายแก้มปริ
“ดีจังเลย เป็นแฟนกันได้เจอหน้ากันทุกวันแบบนี้”
ยศคิดในใจว่า แม้เขาจะจีบผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่เขาจะไม่มีวันที่จะจีบผู้หญิงในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะความเชื่ออะไรบางอย่าง แต่ด้วยความสาวสวยขนาดนี้ หากที่ทำงานของยศมีผู้หญิงอย่างแป้งสักคน เขาคงไม่ปล่อยไว้ให้เสียของอย่างแน่นอน
“เอ้อ ว่าแต่น้องจะดื่มอะไรครับ” ฉิมรีบถามเมื่อเห็นตรงหน้าของผู้มาใหม่ยังไร้แก้วประจำตำแหน่ง
“ส่วนนัยเอ็งเอานี่ไปเลย” ยศชงเหล้าให้รุ่นน้องที่รู้ใจกันมานาน
“ขอบคุณครับพี่” นัยตอบ
แป้งยังไม่ตอบอะไร เธอหันซ้ายแลขวาก็ไปเจอขวดเหล้าแสงโสม
“หนูขอน้ำเปล่าละกันค่ะ” แป้งตอบ
เต้หยิบแก้วใหม่มาเตรียมใส่น้ำ แป้งตั้งใจมองแก้วใบนั้นในมือของเต้ก็เห็นคราบน้ำจาง ๆ ติดเต็มแก้ว เธอดูก็รู้ว่าแก้วใบนี้ไม่ได้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดขัดถูก่อนที่จะนำมาบริการลูกค้า เต้เกือบเผลอใช้มือหยิบก้อนน้ำแข็งในถังตามความเคยชินที่พวกเขามักจะทำกันบ่อย ๆ แต่เขานึกได้ทันจึงหยิบคีมคีบน้ำแข็งที่วางข้างถังขึ้นมาคีบก้อนน้ำแข็งหย่อนลงแก้ว
แป้งรับแก้วน้ำดื่มมาวางตรงหน้า แต่เธอไม่คิดจะแตะมันเลย
นัยมองท่าทีของแฟนสาวที่ดูทำท่าจะอึดอัดจึงรีบพูด
“น้องแป้งจะดื่มโค้กหรือสไปรท์มั้ยคะ” เสียงนัยที่พยายามดัดเสียงให้ดูนุ่มนวลที่สุด
ชายทั้งสามที่นั่งอยู่บนต่างรู้สึกขวยเขินกับคำพูดและน้ำเสียงของเพื่อนรุ่นน้อง ฉิมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเพื่อแอบซ่อนรอยยิ้มของเขา ยศและเต้ทำตาม
แป้งคิดถึงเรื่องแก้วน้ำ ทำให้เธอไม่นึกอยากจะหยิบจับอะไรบนโต๊ะเลย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นัย แป้งยังไม่อยากจะทานอะไร” แป้งพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเรียกความสงสาร เธอยังแกล้งหรี่ตาพร้อมย่นหน้านิดนึงเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากแฟนหนุ่ม
นัยสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งการออดอ้อนนั้นฉายออกมาใจใบหน้าอ่อนหวานนั้นจาง ๆ ทำให้เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่าง
“งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปหาอะไรให้น้องแป้งทานนะคะ มีเซเว่นอยู่ใกล้ ๆ นี่” นัยพูดด้วยแววตาที่ดูอบอุ่นและห่วงใย เขาทำท่าขยับโต๊ะเพื่อลุกจากเก้าอี้
แป้งรีบพูด “แป้งไปด้วยค่ะ” พูดเสร็จก็ลุกเดินตามนัยออกไป
ฉิม ยศและเต้มองภาพนั้นด้วยอาการยิ้มชอบใจที่เห็นสองคนนั้นค่อย ๆ ประครองกันเดินออกจากร้าน
“น่าอิจฉาสองคนนั้นจริง ๆ นะพี่ ดูสิทำตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋” เต้พูดพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย
“ใหม่ ๆ กับเมียข้าก็เป็นแบบนี้แหละ” ฉิมพูดยิ้มแหะ ๆ “เวลาข้าจะไปไหนนะ ต้องถามแม่ทูนหัวว่าอยากได้อะไรมั้ย อยากกินอะไรมั้ย เดินไปไหนก็ต้องไม่ห่างกัน หายใจโดยใช้อากาศร่วมกัน เวลาที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานก็เฝ้ารอเวลาให้กลับมาเจอกัน”
“แล้วตอนนี้ล่ะพี่เป็นไง” เต้รอลุ้น
“ตอนนี้หรือ” ฉิมร้องหึเบาๆ ในลำคอ “ตรงกันข้ามกับที่ข้าพูดไปเมื่อกี๊ทุกอย่างเลย”
ยศและเต้ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“มันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย เป็นสัจธรรมของชีวิต”
ทั้งสามหัวเราะร่วมกัน และชนแก้วดื่มเหล้า
“เฮ้ย... นัยกับแฟนมันมาแล้ว” ยศพูดเมื่อเห็นนัยเดินจูงมือแฟนสาวเข้ามาในร้าน
แป้งหิวถุงเซเว่นเข้ามาวางบนโต๊ะและหยิบกระป๋องน้ำอัดลมออกมาเปิดกิน นัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจ เขายังล้วงเข้าไปในถุงและหยิบห่อขนมออกมา
“ทานขนมค่ะน้องแป้ง” นัยค่อย ๆ แกะห่อช็อคโกแลตท็อปอโลนและบิออกมาหนึ่งชิ้นยื่นให้แฟนสาว
แป้งไม่เอื้อมมือไปรับ เธอจงใจแกล้งเผยอปากเล็กน้อยพร้อมแสดงแววตาอ้อนวอน เพื่อร้องขอให้แฟนหนุ่มป้อนช็อคโกแลตรูปทรงสามเหลี่ยมใส่ปากเธอ นัยทำตามแต่โดยดี
“อร่อยมั้ยคะ” นัยถามและจ้องมองไปที่สาวแสนสวย
“อร่อยเพราะพี่นัยป้อนให้นี่แหละค่ะ” แป้งตอบเสียงหวาน
“พี่ดีใจนะคะที่น้องแป้งมีความสุข” นัยพูด
ฉิม ยศและเต้แอบเหล่ตามองพร้อมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาคาปากไว้ ฉิมกระแอมเบา ๆ ก่อนพูด
“น้องแป้งทำงานที่เดียวกับนัยเหรอครับ ทำตำแหน่งอะไรเหรอ” ฉิมพยายามทะลายกำแพงที่ขวางกั้นไว้ระหว่างพวกเขาและทั้งคู่
“อยู่แผนกบัญชีค่ะ” แป้งหันมาตอบสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้ม
ทั้งสามเมื่อเห็นแป้งหันมาคุยด้วย ก็ทำสีหน้าสนอกสนใจคู่สนทนา แต่ทว่าเธอก็หันกลับไปกระหนุงกระหนิงกันสองคนเหมือนเดิม
นัยและแป้งคุยกันเองด้วยน้ำเสียงเบากว่าเดิม เหมือนพวกเขาสองคนต้องการอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเอง
ทั้งสามหันหน้ามาคุยกันเองโดยไม่ให้สองคนนั้นได้ยิน
“ทำยังไงดีพี่” เต้ถามในกลุ่ม
“ทำอะไรวะ” ฉิมพูด
“พี่ดูสิ นัยมันมัวคุยแต่กับแฟนมัน ไม่คุยกับเราเลย” ยศพูด
“อ้าว... ก็ปล่อยมันคุยไปสิ มันอุตส่าห์มากับแฟนมันทั้งที”