เรื่องเหล้า ตอนแฟนเด็ก

กระทู้สนทนา
.
    เกือบครบชั่วโมงแล้วที่ฉิม เต้และยศนั่งล้อมวงสุราโดยขาดสมาชิกไปหนึ่งคน นั่นก็คือนัยนั่นเองที่หายไป บนโต๊ะวงเหล้าเพียบพร้อมไปด้วยขวดเหล้าที่เหล้าพร่องลงไปนิดหน่อย บรรดามิกซ์เซอร์ทั้งขวดโซดา น้ำดื่มและถังน้ำแข็ง ยังมีจานกับแกล้มอีกสามจาน ทั้งหมูมะนาว เอ็นไก่ทอด ยำปลาดุกฟู ทุกอย่างดูเหมือนจะครบถ้วนสำหรับที่วงเหล้าควรจะมี แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั้นคือความสนุกสนานเฮฮาจากการสนทนาในวงน้ำเมา

            เมื่อทั้งสามเพิ่งจะเริ่มนั่งในโต๊ะ พวกเขายังสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกันตามประสาขี้เหล้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า แต่ละคนเริ่มหมดคำถามและเริ่มรู้สึกถึงความไม่คุ้นชินที่จะมีกันแค่สามคนในวงสนทนา แต่ละคนเริ่มเงียบและหันมาดื่ม แต่ดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องหันมาวางแก้วเพราะรู้สึกขาดอรรถรสอะไรไปบางอย่าง เมื่อใครคนหนึ่งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเช็ค ทำให้คนที่เหลือต่างหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นตามบ้าง

            ความเงียบของวงเหล้าขาประจำในครั้งนี้ทำให้ลุงโฉมเจ้าของร้านผิดสังเกต แต่เขาก็ไม่มีเวลามาไถ่ถามถึงความสงัดนั้นว่ามาจากเหตุใด ลุงโฉมยังคงปล่อยให้สันติภาพในวงเหล้ายังดำเนินต่อไปโดยที่ไม่คิดจะไปแทรกแซงใดๆ เป็นครั้งแรกที่ลุงโฉมได้เห็นสังคมก้มหน้าตามสมัยนิยมจากบุคคลเหล่านี้

            หัวหน้าใหญ่แห่งวงสุราอดรนทนไม่ไหวกับความอึดอัดนี้ จึงเอ่ยประกาศขึ้นกลางวง

            “ใครก็ได้โทรไปตามไอ่นัยหน่อยสิ ตอนนี้มันอยู่ไหนแล้ว”

            ยศและเต้เงยหน้ามามองลูกพี่

            “แล้วทำไมพี่ไม่โทรล่ะ” ยศถาม

            ฉิมทำท่าอ้ำอึ้งนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “โทรศัพท์ข้าตังค์หมด ยังไม่ได้เติมเลย”

            “งั้นผมโทรเองพี่” เต้รับคำเสร็จก็กดโทรทันที

            เต้รอสายพักหนึ่ง คู่สนทนาปลายสายก็ตอบกลับมา

            “ฮัลโหล” นัยพูดผ่านสายโทรศัพท์

            “อยู่ไหนแล้ว ลูกพี่ถามหา” เต้พูด

            “อยู่หน้าปากซอยแล้ว นี่จอดรถรับสาย เดี๋ยวจะถึงแล้วพี่ มีอะไรไปคุยกันที่นั่นนะ” นัยพูดเสร็จก็วางสายไป

            “มันว่าอยู่ปากซอยแล้ว อีกซักพักก็จะมาถึงแล้ว” เต้รายงาน

            ฉิมและยศทำสีหน้าโล่งใจ เหมือนความอึดอัดก่อนหน้านี้จะหายไปหมดสิ้นเมื่อรู้ว่าสมาชิกที่ขาดหายไปกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า

            “น่าแปลกนะ ปกตินัยมันไม่เคยมาช้าขนาดนี้ ทุกทีก็เลิกงานตรงเวลาทุกคืนวันศุกร์ จะรถติดก็ไม่น่าใช่เพราะมอไซค์ลัดเลาะมาจากที่ทำงานมันก็ไม่น่านานขนาดนี้” ฉิมยังไม่วายที่จะตั้งข้อสงสัย

            “เห็นมันบอกก่อนหน้านี้นะว่าวันนี้อาจจะมาเลทหน่อย แต่ไม่รู้ว่าจะมาช้าขนาดนี้” เต้พูด

            “หรือว่ามันติดสาว” ยศเดา

            “ไม่แน่ ๆ” เต้พูด

            ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะถกเถียงกันจนถึงขั้นถึงพริกถึงขิง นัยก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมจูงมือเด็กสาวแสนสวยในชุดท่องราตรีที่สุดแสนวิจิตร ชุดเสื้อผ้าบนเรือนร่างหญิงงามนั้นดีเกินไปกว่าที่จะมานั่งในร้านโทรม ๆ แบบนี้ และภาพความแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้ระหว่างการแต่งตัวของชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินเคียงข้างกัน นัยสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวผ้าเวสป้อยส์สีเทาโรงงาน กางเกงยีนขากระบอกทรงโหล และรองเท้าหนังหัวเหล็กสำหรับคนคุมงานก่อสร้าง

            ในขณะที่หญิงสาวหุ่นงามระหงสวมสวมเสื้อลักษณะเหมือนเอาผ้ามาพันรอบตัว รัดไขว้จากไหล่พาดมาถึงเอวบดบังเนินหน้าอกแค่ครึ่ง เผยให้เห็นร่องอกใหญ่ยั่วน้ำลาย ผ้าลูกไม้ห่อหุ้มครึ่งแขนโชว์ความขาวของเนื้อนิ่ม กระโปรงผ้าสีดำยาวไม่ถึงเข่าประดับลูกไม้ชายประโปรงโชว์ให้เห็นเนื้อขาอ่อนวับ ๆ แวม ๆ

            สิ่งเดียวที่ทำให้คู่นี้ไม่กลายเป็นลูกคุณหนูเดินตามคนรับใช้ คือทั้งคู่เดินจูงมือกันเหมือนคู่รัก และด้วยใบหน้าที่คมคายของนัยทำให้คนอื่น ๆ พอจะเชื่อได้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน

        ฉิม ยศและเต้เข้าใจได้ในทันทีถึงสาเหตุที่นัยมาสายในคืนนี้ โดยปกตินัยจะเลิกงานตรงเวลาในคืนวันศุกร์ เขาจะกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงมายังร้านเลย แต่วันนี้นัยคงนัดแนะหญิงสาวให้มานั่งกินเหล้าด้วยกัน ไหนจะต้องไปรับเธออีก ไหนจะต้องนั่งรอเธอแต่งตัวแต่งหน้าทำผมอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ และเรื่องแบบนี้ทำให้ทั้งสามต่างพร้อมที่จะอภัยให้กับรุ่นน้องได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

            “นี่พี่ฉิม พี่ยศและพี่เต้”

            นัยแนะนำรุ่นพี่ให้แฟนสาว หญิงสาวในคราบนางฟ้ายกมือไหว้พี่ ๆ

            “สวัสดีค่ะ”

            “นี่น้องแป้งแฟนผมครับพี่ อุบไว้นานแล้ว วันนี้ขอมาเปิดตัว” นัยพูด

            ทั้งสามรับไหว้น้องแป้งพร้อมมองตาค้าง

            นัยเดินไปยกเก้าอี้ไม้ที่ทำจากไม้ต้นมะพร้าวมาจากโต๊ะว่างมาให้แป้งนั่ง แป้งยังไม่นั่ง เธอเปิดกระเป๋าถือยี่ห้อโค้ชและหยิบห่อกระดาษทิชชู่เปียกออกมาหนึ่งแผ่น และใช้มันขัดถูเก้าอี้ของเธอจากคราบฝุ่นจนเก้าอี้ไม้สะอาด เธอยังรีบยกมือห้ามไม่ให้แฟนหนุ่มของเธอนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนที่จะใช้กระดาษทิชชู่เปียกผืนใหม่เช็ดทำความสะอาดเก้าอี้ให้แฟนหนุ่ม

            กว่าทั่งคู่จะได้นั่งก็ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทั้งสามรอกันจนเหงือกแห้ง

            “นั่นแน่ มีแฟนแล้วเงียบ ไม่บอกให้ใครรู้เลยนะ” ยศเริ่มเปิดประเด็นทันที หลังจากที่ทนนั่งเงียบเหงามากว่าชั่วโมงแล้ว

            ทั้งนัยและแป้งต่างยิ้มเขิน

            “ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ คือผมและน้องแป้งทำงานอยู่ที่เดียวกัน เราก็คุยกันมานานแล้วล่ะ แต่ก็เริ่มจากคุยเป็นเพื่อนกันก่อน ตอนนี้ตกลงปลงใจกันได้แล้ว ก็ว่าจะค่อย ๆ เปิดตัว” นัยยิ้มพร้อมมองไปที่แป้งที่ก็ยิ้มอายแก้มปริ

            “ดีจังเลย เป็นแฟนกันได้เจอหน้ากันทุกวันแบบนี้”

            ยศคิดในใจว่า แม้เขาจะจีบผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่เขาจะไม่มีวันที่จะจีบผู้หญิงในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะความเชื่ออะไรบางอย่าง แต่ด้วยความสาวสวยขนาดนี้ หากที่ทำงานของยศมีผู้หญิงอย่างแป้งสักคน เขาคงไม่ปล่อยไว้ให้เสียของอย่างแน่นอน

            “เอ้อ ว่าแต่น้องจะดื่มอะไรครับ” ฉิมรีบถามเมื่อเห็นตรงหน้าของผู้มาใหม่ยังไร้แก้วประจำตำแหน่ง

            “ส่วนนัยเอ็งเอานี่ไปเลย” ยศชงเหล้าให้รุ่นน้องที่รู้ใจกันมานาน

            “ขอบคุณครับพี่” นัยตอบ

            แป้งยังไม่ตอบอะไร เธอหันซ้ายแลขวาก็ไปเจอขวดเหล้าแสงโสม

            “หนูขอน้ำเปล่าละกันค่ะ” แป้งตอบ

            เต้หยิบแก้วใหม่มาเตรียมใส่น้ำ แป้งตั้งใจมองแก้วใบนั้นในมือของเต้ก็เห็นคราบน้ำจาง ๆ ติดเต็มแก้ว เธอดูก็รู้ว่าแก้วใบนี้ไม่ได้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดขัดถูก่อนที่จะนำมาบริการลูกค้า เต้เกือบเผลอใช้มือหยิบก้อนน้ำแข็งในถังตามความเคยชินที่พวกเขามักจะทำกันบ่อย ๆ แต่เขานึกได้ทันจึงหยิบคีมคีบน้ำแข็งที่วางข้างถังขึ้นมาคีบก้อนน้ำแข็งหย่อนลงแก้ว

            แป้งรับแก้วน้ำดื่มมาวางตรงหน้า แต่เธอไม่คิดจะแตะมันเลย

            นัยมองท่าทีของแฟนสาวที่ดูทำท่าจะอึดอัดจึงรีบพูด

            “น้องแป้งจะดื่มโค้กหรือสไปรท์มั้ยคะ” เสียงนัยที่พยายามดัดเสียงให้ดูนุ่มนวลที่สุด

            ชายทั้งสามที่นั่งอยู่บนต่างรู้สึกขวยเขินกับคำพูดและน้ำเสียงของเพื่อนรุ่นน้อง ฉิมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเพื่อแอบซ่อนรอยยิ้มของเขา ยศและเต้ทำตาม

            แป้งคิดถึงเรื่องแก้วน้ำ ทำให้เธอไม่นึกอยากจะหยิบจับอะไรบนโต๊ะเลย

            “ไม่เป็นไรค่ะพี่นัย แป้งยังไม่อยากจะทานอะไร” แป้งพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเรียกความสงสาร เธอยังแกล้งหรี่ตาพร้อมย่นหน้านิดนึงเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากแฟนหนุ่ม

            นัยสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งการออดอ้อนนั้นฉายออกมาใจใบหน้าอ่อนหวานนั้นจาง ๆ ทำให้เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่าง

            “งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปหาอะไรให้น้องแป้งทานนะคะ มีเซเว่นอยู่ใกล้ ๆ นี่” นัยพูดด้วยแววตาที่ดูอบอุ่นและห่วงใย เขาทำท่าขยับโต๊ะเพื่อลุกจากเก้าอี้

            แป้งรีบพูด “แป้งไปด้วยค่ะ” พูดเสร็จก็ลุกเดินตามนัยออกไป

            ฉิม ยศและเต้มองภาพนั้นด้วยอาการยิ้มชอบใจที่เห็นสองคนนั้นค่อย ๆ ประครองกันเดินออกจากร้าน

            “น่าอิจฉาสองคนนั้นจริง ๆ นะพี่ ดูสิทำตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋” เต้พูดพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย

            “ใหม่ ๆ กับเมียข้าก็เป็นแบบนี้แหละ” ฉิมพูดยิ้มแหะ ๆ “เวลาข้าจะไปไหนนะ ต้องถามแม่ทูนหัวว่าอยากได้อะไรมั้ย อยากกินอะไรมั้ย เดินไปไหนก็ต้องไม่ห่างกัน หายใจโดยใช้อากาศร่วมกัน เวลาที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานก็เฝ้ารอเวลาให้กลับมาเจอกัน”

            “แล้วตอนนี้ล่ะพี่เป็นไง” เต้รอลุ้น

            “ตอนนี้หรือ” ฉิมร้องหึเบาๆ ในลำคอ “ตรงกันข้ามกับที่ข้าพูดไปเมื่อกี๊ทุกอย่างเลย”

            ยศและเต้ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

            “มันเป็นเรื่องธรรมดาเว้ย เป็นสัจธรรมของชีวิต”

            ทั้งสามหัวเราะร่วมกัน และชนแก้วดื่มเหล้า

            “เฮ้ย... นัยกับแฟนมันมาแล้ว” ยศพูดเมื่อเห็นนัยเดินจูงมือแฟนสาวเข้ามาในร้าน

            แป้งหิวถุงเซเว่นเข้ามาวางบนโต๊ะและหยิบกระป๋องน้ำอัดลมออกมาเปิดกิน นัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกพึงพอใจ เขายังล้วงเข้าไปในถุงและหยิบห่อขนมออกมา

            “ทานขนมค่ะน้องแป้ง” นัยค่อย ๆ แกะห่อช็อคโกแลตท็อปอโลนและบิออกมาหนึ่งชิ้นยื่นให้แฟนสาว

            แป้งไม่เอื้อมมือไปรับ เธอจงใจแกล้งเผยอปากเล็กน้อยพร้อมแสดงแววตาอ้อนวอน เพื่อร้องขอให้แฟนหนุ่มป้อนช็อคโกแลตรูปทรงสามเหลี่ยมใส่ปากเธอ นัยทำตามแต่โดยดี

            “อร่อยมั้ยคะ” นัยถามและจ้องมองไปที่สาวแสนสวย

            “อร่อยเพราะพี่นัยป้อนให้นี่แหละค่ะ” แป้งตอบเสียงหวาน

            “พี่ดีใจนะคะที่น้องแป้งมีความสุข” นัยพูด

            ฉิม ยศและเต้แอบเหล่ตามองพร้อมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาคาปากไว้ ฉิมกระแอมเบา ๆ ก่อนพูด

            “น้องแป้งทำงานที่เดียวกับนัยเหรอครับ ทำตำแหน่งอะไรเหรอ” ฉิมพยายามทะลายกำแพงที่ขวางกั้นไว้ระหว่างพวกเขาและทั้งคู่

            “อยู่แผนกบัญชีค่ะ” แป้งหันมาตอบสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้ม

            ทั้งสามเมื่อเห็นแป้งหันมาคุยด้วย ก็ทำสีหน้าสนอกสนใจคู่สนทนา แต่ทว่าเธอก็หันกลับไปกระหนุงกระหนิงกันสองคนเหมือนเดิม

            นัยและแป้งคุยกันเองด้วยน้ำเสียงเบากว่าเดิม เหมือนพวกเขาสองคนต้องการอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเอง

            ทั้งสามหันหน้ามาคุยกันเองโดยไม่ให้สองคนนั้นได้ยิน

            “ทำยังไงดีพี่” เต้ถามในกลุ่ม

            “ทำอะไรวะ” ฉิมพูด

            “พี่ดูสิ นัยมันมัวคุยแต่กับแฟนมัน ไม่คุยกับเราเลย” ยศพูด

            “อ้าว... ก็ปล่อยมันคุยไปสิ มันอุตส่าห์มากับแฟนมันทั้งที”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่