หลวงพ่อชา สุภัทโท
:นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมาก สมาธิและปัญญาทำงานสอดคล้องกันเพื่อสนับสนุนกันและกัน ในเบื้องต้นจิตจะเข้าสู่ความสงบด้วยการให้จิตกำหนดความสนใจไว้ที่สิ่งเดียวติดต่อกันในขณะที่นั่งปฏิบัติสมาธิ (สมถะ) ซึ่งในที่สุดจิตที่รวมเป็นสมาธิจากการปฏิบัติสมถะจะเป็นพื้นฐานให้จิตเข้าถึงปัญญา (วิปัสสนา) โดยอัตโนมัติ เมื่อถึงจุดนั้น จิตจะคงอยู่ในความนิ่งสงบไม่ว่าเราจะนั่งปฏิบัติสมาธิอยู่หรือว่าจะเดินหรือทำกิจกรรมใด ๆ ในเมืองที่วุ่นวาย เมื่อก่อนนี้ เราเคยเป็นเด็ก ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรายังเป็นคน ๆ เดียวกันอยู่หรือเปล่า ? เราอาจจะตอบว่าใช่ก็ได้ หรือหากเรามองอีกแง่มุมหนึ่ง เราก็อาจจะตอบว่าเราเป็นคนละคนกันแล้วก็ได้ หากจะใช้มุมมองอย่างที่สองเราก็อาจจะกล่าวได้ว่า สมถะและวิปัสสนาเป็นสิ่งที่แยกกันอยู่ เช่นเดียวกันกับอาหารและอุจจาระ เราอาจจะบอกว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ โยมไม่จำเป็นต้องเชื่ออาตมาก็ได้ เพียงแค่ลองปฏิบัติดูให้เกิดประสบการณ์ตรงแล้วโยมก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง หากโยมพิจารณาจนเห็นได้ชัดถึงการเกิดขึ้นของจิตที่รวมเป็นหนึ่งหรือเป็นสมาธิและการเกิดขึ้นของจิตแห่งปัญญาแล้ว โยมก็จะเข้าถึงสัจธรรมได้ด้วยตัวเอง ผู้คนสมัยนี้ต่างพากันยึดมั่นถือมั่นในความหมายของคำแต่ละคำ บ้างก็เรียกการปฏิบัติของตัวเองว่าเป็นแบบวิปัสสนาเท่านั้น แล้วดูถูกการปฏิบัติสมถะ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็เรียกการปฏิบัติของตนเองว่าเป็นแบบสมถะ แล้วสรุปว่าจะต้องปฏิบัติสมถะก่อนแล้วจึงค่อยฝึกวิปัสสนา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น โยมอย่าไปคิดเช่นนี้เกี่ยวกับการปฏิบัติของตัวเองนะ เพียงแค่ปฏิบัติไปแล้วโยมก็จะเข้าใจเอง
สมถะและวิปัสสนา คือสิ่งเดียวกัน น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ อย่างราบคาบสาธุ สาธุ สาธุ ธรรมมะขั้นสูง!!!
:นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายมาก สมาธิและปัญญาทำงานสอดคล้องกันเพื่อสนับสนุนกันและกัน ในเบื้องต้นจิตจะเข้าสู่ความสงบด้วยการให้จิตกำหนดความสนใจไว้ที่สิ่งเดียวติดต่อกันในขณะที่นั่งปฏิบัติสมาธิ (สมถะ) ซึ่งในที่สุดจิตที่รวมเป็นสมาธิจากการปฏิบัติสมถะจะเป็นพื้นฐานให้จิตเข้าถึงปัญญา (วิปัสสนา) โดยอัตโนมัติ เมื่อถึงจุดนั้น จิตจะคงอยู่ในความนิ่งสงบไม่ว่าเราจะนั่งปฏิบัติสมาธิอยู่หรือว่าจะเดินหรือทำกิจกรรมใด ๆ ในเมืองที่วุ่นวาย เมื่อก่อนนี้ เราเคยเป็นเด็ก ตอนนี้เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรายังเป็นคน ๆ เดียวกันอยู่หรือเปล่า ? เราอาจจะตอบว่าใช่ก็ได้ หรือหากเรามองอีกแง่มุมหนึ่ง เราก็อาจจะตอบว่าเราเป็นคนละคนกันแล้วก็ได้ หากจะใช้มุมมองอย่างที่สองเราก็อาจจะกล่าวได้ว่า สมถะและวิปัสสนาเป็นสิ่งที่แยกกันอยู่ เช่นเดียวกันกับอาหารและอุจจาระ เราอาจจะบอกว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ โยมไม่จำเป็นต้องเชื่ออาตมาก็ได้ เพียงแค่ลองปฏิบัติดูให้เกิดประสบการณ์ตรงแล้วโยมก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง หากโยมพิจารณาจนเห็นได้ชัดถึงการเกิดขึ้นของจิตที่รวมเป็นหนึ่งหรือเป็นสมาธิและการเกิดขึ้นของจิตแห่งปัญญาแล้ว โยมก็จะเข้าถึงสัจธรรมได้ด้วยตัวเอง ผู้คนสมัยนี้ต่างพากันยึดมั่นถือมั่นในความหมายของคำแต่ละคำ บ้างก็เรียกการปฏิบัติของตัวเองว่าเป็นแบบวิปัสสนาเท่านั้น แล้วดูถูกการปฏิบัติสมถะ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็เรียกการปฏิบัติของตนเองว่าเป็นแบบสมถะ แล้วสรุปว่าจะต้องปฏิบัติสมถะก่อนแล้วจึงค่อยฝึกวิปัสสนา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น โยมอย่าไปคิดเช่นนี้เกี่ยวกับการปฏิบัติของตัวเองนะ เพียงแค่ปฏิบัติไปแล้วโยมก็จะเข้าใจเอง