ใครจะไปคิดว่าจากเด็กน่ารัก เรียนดี เป็นเด็กดีของพ่อแม่และคุณครู พอพบว่าตัวเองเป็นกระเทย ชีวิตกับต้องแย่ลงเรื่อยๆ ถึงขั้นเคยคิดจะฆ่าตัวตาย ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขจนถึงปัจจุบัน แค่เริ่มต้นจากการถูกประจานในวัยเด็ก
เมื่อก่อนเราเรียนโรงเรียนชายล้วน อย่างที่บอกเราเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ เราได้รางวัลนักเรียนกริยามารยาทเรียบร้อยมาตลอด เราเริ่มรู้ตัวว่าเป็นกระเทยตอนประถมปลาย รู้เพราะเริ่มชอบเพื่อนผู้ชายในห้อง แล้วก็แอบเอาเสื้อผ้าแม่มาใส่ จนเริ่มเข้ามัธยมต้น ความตุ้งติ้งตัวเจ้าปัญหาก็ออกมา เราด้วยที่ความเป็นเด็กไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าตอนนั้นอยากเป็นผู้หญิง ก็เดินตุ้งติ้งไป แต่เราเป็นคนผอมหน้าตอบบวกกับเรียบร้อยตั้งแต่เด็กเลยไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง (นึกภาพว่ากระเทยหัวโปกใส่แว่น หน้ามัน ผอมตอบๆ เดินบิดตูดก้มหน้างุดไม่กล้ามองใคร) มันก็เลยดูตลกในสายตาคนรอบข้าง ความคิดมากในใจก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ ที่บ้านก็ไม่ยอมรับเท่าไหร่ ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว วันดีคืนดีครูประจำชั้นทนไม่ได้เลยจับให้เราเดินเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้เดินธรรมดา เดิน show ให้เพื่อนดู เพื่อนก็ฮากันสิคะ เดินต่อหน้าสาธารณะชน ด้วยความที่เป็นคนคิดมาก คราวนี้ก็เก็บกดมากกว่าเดิม ไม่มั่นใจในทุกอย่าง ได้แต่กลับมาร้องไห้ฟูมฟายระบายให้แม่ฟัง แต่อย่างที่ว่าแม่ก็ยังไม่ยอมรับมากก็ได้แค่บอกว่าลูกก็เดินให้เหมือนผู้ชายสิ แต่ในใจมันก็ค้านว่าก็ใจเราเป็นผู้หญิงอะจะให้ไง ก็ยังยืนหยัดที่จะเดินเป็นผู้หญิงต่อ แต่ก็โดนคนล้อคนแซวเรื่องบุคลิกอยู่ร่ำไป ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนั้น ว่าถ้าไม่กล้าสู้คนก็น่าจะแอ๊บแมนไปแทน เราอยู่กับกลุ่มเพื่อนกระเทย ซึ่งเพื่อนบางคนก็ชอบพูดจาแรงๆใส่เรา ด้วยที่ตอนนั้นเราไม่สวย หรือเรียกว่าตุ๊ดหัวโปก พอเรารู้สึกมั่นใจขึ้นมาในบางเรื่อง แบบอยู่ๆก็มั่นใจเกินไปเพื่อนก็แซวกัน เช่น (อันนี้จำไม่ได้นะคะแต่ยกตัวอย่างคล้ายๆกัน) ตัดผมรองทรงสูง ทาลิปสติกแล้วใส่ชุดเดรสของแม่ถ่ายรูปลง Hi5 เพื่อนก็พูดว่า มั่นมาก และคำพูดจิกกัดอื่นๆอีกมากมายที่รุนแรงตามภาษากระเทย จนเมื่อมปลาย ใกล้สอบเข้ามหาลัยช่วงนั้นอาการวิตกกังวลเกินกว่าเหตุหนักขึ้น เราก็เลยหาธรรมะมาฟังมาอ่าน แรกๆก็ดีอยู่หรอก แต่ด้วยเราเป็นคนใฝ่รู้ธรรมะมาก ก็ได้ดูคลิปธรรมะของธรรมกาย (คือตอนนั้นไม่รู้ว่าเวป dmc เป็นของเค้าอะคะ) ก็แยกแยะอะไรไม่ได้ คราวนี้ก็ยิ่งเพี้ยนใหญ่เลย พอเจอเรื่องปฏิจจสมุปบาท โอ้วโหวเรื่องนี้ hardcore มากๆเลยคะ ความจินตนาการของเรา นึกภาพวิญญาณการเวียนว่ายตายเกิด ชาติก่อนเราอาจจะเป็นพรหมก็ได้ ชาติก่อนอาจจะเป็นสัตว์นรกก็ได้ แล้วนึกภาพเราตั้งแต่เกิดจนตาย แบบเกิดดับๆๆ วนอยู่นั่นแหละ จนแบบเหมือนจะเป็นบ้าเลยคะ อ่านธรรมมะเรื่องอื่นไปเรื่อยๆจนเจอ ชีวิตคนเรามันสั้น เกิดมาแปปเดียวไม่นานก็ตายแล้ว เราก็จินตนาการว่าชีวิตเรามันสั้นจริงๆ จนไปโรงเรียนถามเพื่อนว่าหน้าเราแก่ขึ้นมั้ยเพราะมองในกระจกแล้วรู้สึกริ้วรอยขึ้นแบบพรึบๆ ทั้งที่เพื่อนเราและความเป็นจริงในตอนนั้นบอกว่าไม่เลยคะ และยิ่งอ่านเรื่องการระลึกถึงความตายอยู่บ่อยๆ (คือตามจริงเป็นเรื่องที่ดีมากนะคะแต่ด้วยตอนนั้นเสียสติไปแล้ว) ก็แบบเราอาจจะตายก่อนก็ได้ เห็นข่าวรถชนก็ให้นึกว่าเราจะตายเพราะรถชนก็ได้ คือนึกภาพตามแล้ว (การจินตนาการมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียจริงๆ) ตอนนั้นทำใจไม่ได้ ไปโรงเรียนก็ไม่มีสมาธิเรียน นึกแต่ว่ากลับไปพ่อแม่ยังจะอยู่บ้านอีกมั้ยโดนโจรขึ้นบ้านปาดคอตายรึเปล่า พอเลิกเรียนรอพ่อแม่มารับ มารับช้าหน่อยก็นึกภาพว่าพ่อแม่โดนรถชนไปแล้ว ซึ่งเราก็พยายามค้านความคิดตัวเอง ก็ทำไม่ได้ กังวลแบบเหงื่อตกตลอดเวลา ใจเต้นแรง ปวดกล้ามเนื้อทั้งแขน ทั้งขา ทั้งหลัง ได้แต่หาหมอกายภาพบำบัดบ้าง หมอนวดบ้าง ก็ไม่หายปวดเท่าไหร่เพราะใจมันคิดมากกังวลตลอดเวลาทุกเรื่อง ก็พาลเอาปวดไปหมดทั้งตัว ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่มีความสุข ได้แต่หวาดระแวงกลัวคนเค้าหัวเราะเยาะท่าเดินจนถึงขั้นมีเสียงหัวเราะในหัว ว่าเราว่าเดินตลก เดินอะไรของแกหน่ะ! และไม่ใช่เฉพาะเรื่องเดินอย่างเดียว จะถ่ายรูปก็ยังคิดมาก (เพื่อนเคยล้อว่ายิ้มแปลกๆ ตาเหมือนคนจะหลับ เพราะเราหางตาตกนะคะ) ก็มีเสียงในหัวแวบเข้ามาแล้วว่ายิ้มอะไรของแก ทำตาให้มันโตๆซิ! ได้แต่ยิ้มแหยๆ กลายเป็นว่าทำอะไรก็ไม่มีความสุขเลย เดินไปที่ไหนก็หวาดระแวงกลัวคนล้อทุกๆอย่างเกี่ยวกับการเป็นกระเทย เวลาตอบคำถามในห้อง ก็นึกภาพในหัวไปแล้วว่าเพื่อนหัวเราะเยาะ พูดหน้าชั้นปากสั่นบ้าง หรือบางทีพอคุมปากได้หน่อย กลับมานั่งโต๊ะตัวเองมือสั่นแบบควบคุมไม่ได้อยู่ 5 นาที ความกังวลในทุกๆเรื่องจนเหมือนเป็นบ้า ตอนสอบเข้ามหาลัยได้ เราได้คณะเภสัชศาสตร์ มันเป็นเรื่องเกินคาดจริงๆ อาจจะเพราะโชคหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไว้ เพราะก่อนสอบรับตรง เราอ่านหนังสือกับทำโจทย์น้อยมาก มหาลัยใช้ทุกวิชาขั้นต่ำ 30 คะแนน ซึ่งวิชาคณิตของมหาลัยนี้ยากมากจริงๆ ขอบอกว่าคณิตเราทำโจทย์จากหนังสือสรุปโจทย์สอบเค้ามหาลัยแค่อาทิตย์เดียวก่อนสอบ ก่อนหน้านั้นไม่ได้แตะวิชาคณิตเลย (อาจจะเพราะยังพอประคับประคองเรียนที่โรงเรียนกับที่สอนพิเศษบ้าง) แต่ถึงแม้ว่าเข้ามหาลัยได้แล้ว การเรียนก็ยังดิ่งลงเหวเรื่อยๆ เกรดลดลงทีละเทอม ความจำแย่ลงมากๆ สมาธิสั้น จิตหลุดเหม่อลอยง่ายมาก มีอยู่ตอนนึง ตอนปีสอง ช่วงสอบ ไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือ แบบ 10 ชีตอ่านได้ 3 ชีต จบแบบจำได้ลางๆ วิชาแรกสอบ Biochem พอประกาศผล คะแนนแบบต่ำเรี่ยเตี้ยดินมาก คราวนี้ความวิตกกังวลขั้นสุดยอดแบบไม่มีใครฉุดไว้ได้ แม้จะเอาผู้ชายหล่อๆอย่าง Song Jung Ki มาล่อก็คุมไม่อยู่จริงๆคะ คิดภาพไปแล้วว่ายังไงชั้นก็คงสอบวิชาอื่นไม่ได้แล้ว ชั้นต้องได้เรียนครบ 12 ปีแน่ ยังไงก็เรียนไม่ผ่าน เรียนไม่จบ อ้อนวอนพ่อแม่ว่าขอเรียนคณะอื่นได้มั้ย เต้นก็ได้ให้ลูกเรียนคณะอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คณะนี้ พ่อแม่ก็ไม่ยอม ถึงขั้นบอกว่าให้ลูกไปเป็นขอทานก็ได้ ลูกไม่ไหวแล้ว ยังไงลูกก็เรียนไม่จบ หรือให้ลูกบวชเป็นพระก็ได้ ลูกเรียนไม่ไหวแล้ว กลับหอพักไปอาการรุนแรงสุดคืออาเจียนทั้งคืน ถ่ายเหลวทั้งคืน จนถึงเช้า หน้ามืดเกือบจะเป็นลม พยายามโทรให้แม่มารับไปโรงพยาบาล จนต้องรักษากับจิตแพทย์ ทุกวันนี้ยังคิดมากอยู่ทุกเรื่องแต่พอจะคุมสติได้ดีขึ้นแล้ว
เราอยากบอกทุกคนว่าแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นต้นตอเพราะเราคิดมากแต่เรื่องส่วนนึงก็คือคำพูดคำจาของทุกคน เราอยากให้ทุกคนคิดก่อนพูด อย่าทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยการพูดเลยคะ โดยเฉพาะการไม่เข้าใจในเพศที่หลากหลาย เรามายุติความรุนแรงกันเถอะคะ เห็นน้องๆกระเทยตัดผมทรงนักเรียนใส่ขาสั้นทาปากแดง ก็มองเป็นเรื่องธรรมดาได้มั้ย ไม่ต้องนินทากันก็ได้ เห็นคนอ้วนใส่บิกินี่ไขมันออกเป็นชั้นๆ เค้าอยากมีความสุขบ้างไม่ได้หรอ คุณไปหัวเราะเยาะเค้าทำไม ทำร้ายเค้าทางกายวาจาทำไม ด่าเค้าทำไมว่าอีอ้วน อีตุ๊ด กล้าแต่ง มั่นหน้า ไม่เจียมกะลาหัว บลาๆ อย่าทำให้ใครต้องฆ่าตัวตาย หรือเสียสติไปเพราะคำพูดพล่อยๆกับกริยาไม่มีมรรยาทของพวกคุณเลยคะ (คนที่ไม่ได้ทำเราขอชื่นชนคุณนะคะ) นึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าวันนึงคุณเกิดมาเป็นแบบดิชั้นหรือพวกเค้าคุณก็คงไม่ชอบหรอกคะที่เจออะไรแบบนี้ ถ้าดิชั้นไม่ได้ไปปฏิบัติธรรม หรือรู้จักคุณ ขุนเขา ผ่านทาง youtube และเพจข้อคิด ธรรมะต่างๆ ดิชั้นคงไม่สามารถประคับประคองชีวิตให้มีสติ และทำตัวเองให้มีความสุขขึ้นมาได้ อาจจะไปเป็นขอทานอยู่ หรือวิ่งให้รถชนตาย หรือใช้ชีวิตเหมือนคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้ อย่าเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยกันอีกต่อไปเลยนะคะ
ปล. เราอยากวานขอให้คนที่ทำวิดีโอเป็นและมีใจอยากช่วยเหลือสังคม ช่วยทำคลิปเกี่ยวกับความรุนแรงทางการพูดการแสดงออกของผู้คนจนทำให้ชีวิตคนๆนึงเสียไปได้เลยจังเลยคะ จะได้ช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้หน้าอยู่มากยิ่งขึ้นนะคะ ต่อไปเราจะได้พูดจาดีๆใส่กันไม่นินทาใส่ร้ายกันอีก ไม่เหยียดเพศกันด้วย เพราะแท้จริงเราทุกคนก็มีคุณค่าเหมือนกันหมดนะคะ
อยากบอกกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองว่า อะไรที่เราทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะคะ อย่าไปใส่ใจมากเลยว่าใครเค้าจะว่ายังไง คนที่ว่าเราเรื่องไหนแสดงว่าเค้าไม่มีความสุขในเรื่องนั้นของตัวเอง
ยังไงก็ขอกำลังใจจากทุกคนหน่อยนะคะ เพราะยังไม่หายจากการคิดมากเท่าที่ควร ><
กระเทยคิดมากกับความรุนแรงจากสังคม
เมื่อก่อนเราเรียนโรงเรียนชายล้วน อย่างที่บอกเราเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ เราได้รางวัลนักเรียนกริยามารยาทเรียบร้อยมาตลอด เราเริ่มรู้ตัวว่าเป็นกระเทยตอนประถมปลาย รู้เพราะเริ่มชอบเพื่อนผู้ชายในห้อง แล้วก็แอบเอาเสื้อผ้าแม่มาใส่ จนเริ่มเข้ามัธยมต้น ความตุ้งติ้งตัวเจ้าปัญหาก็ออกมา เราด้วยที่ความเป็นเด็กไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าตอนนั้นอยากเป็นผู้หญิง ก็เดินตุ้งติ้งไป แต่เราเป็นคนผอมหน้าตอบบวกกับเรียบร้อยตั้งแต่เด็กเลยไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง (นึกภาพว่ากระเทยหัวโปกใส่แว่น หน้ามัน ผอมตอบๆ เดินบิดตูดก้มหน้างุดไม่กล้ามองใคร) มันก็เลยดูตลกในสายตาคนรอบข้าง ความคิดมากในใจก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ ที่บ้านก็ไม่ยอมรับเท่าไหร่ ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว วันดีคืนดีครูประจำชั้นทนไม่ได้เลยจับให้เราเดินเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้เดินธรรมดา เดิน show ให้เพื่อนดู เพื่อนก็ฮากันสิคะ เดินต่อหน้าสาธารณะชน ด้วยความที่เป็นคนคิดมาก คราวนี้ก็เก็บกดมากกว่าเดิม ไม่มั่นใจในทุกอย่าง ได้แต่กลับมาร้องไห้ฟูมฟายระบายให้แม่ฟัง แต่อย่างที่ว่าแม่ก็ยังไม่ยอมรับมากก็ได้แค่บอกว่าลูกก็เดินให้เหมือนผู้ชายสิ แต่ในใจมันก็ค้านว่าก็ใจเราเป็นผู้หญิงอะจะให้ไง ก็ยังยืนหยัดที่จะเดินเป็นผู้หญิงต่อ แต่ก็โดนคนล้อคนแซวเรื่องบุคลิกอยู่ร่ำไป ไม่เข้าใจเหมือนกันตอนนั้น ว่าถ้าไม่กล้าสู้คนก็น่าจะแอ๊บแมนไปแทน เราอยู่กับกลุ่มเพื่อนกระเทย ซึ่งเพื่อนบางคนก็ชอบพูดจาแรงๆใส่เรา ด้วยที่ตอนนั้นเราไม่สวย หรือเรียกว่าตุ๊ดหัวโปก พอเรารู้สึกมั่นใจขึ้นมาในบางเรื่อง แบบอยู่ๆก็มั่นใจเกินไปเพื่อนก็แซวกัน เช่น (อันนี้จำไม่ได้นะคะแต่ยกตัวอย่างคล้ายๆกัน) ตัดผมรองทรงสูง ทาลิปสติกแล้วใส่ชุดเดรสของแม่ถ่ายรูปลง Hi5 เพื่อนก็พูดว่า มั่นมาก และคำพูดจิกกัดอื่นๆอีกมากมายที่รุนแรงตามภาษากระเทย จนเมื่อมปลาย ใกล้สอบเข้ามหาลัยช่วงนั้นอาการวิตกกังวลเกินกว่าเหตุหนักขึ้น เราก็เลยหาธรรมะมาฟังมาอ่าน แรกๆก็ดีอยู่หรอก แต่ด้วยเราเป็นคนใฝ่รู้ธรรมะมาก ก็ได้ดูคลิปธรรมะของธรรมกาย (คือตอนนั้นไม่รู้ว่าเวป dmc เป็นของเค้าอะคะ) ก็แยกแยะอะไรไม่ได้ คราวนี้ก็ยิ่งเพี้ยนใหญ่เลย พอเจอเรื่องปฏิจจสมุปบาท โอ้วโหวเรื่องนี้ hardcore มากๆเลยคะ ความจินตนาการของเรา นึกภาพวิญญาณการเวียนว่ายตายเกิด ชาติก่อนเราอาจจะเป็นพรหมก็ได้ ชาติก่อนอาจจะเป็นสัตว์นรกก็ได้ แล้วนึกภาพเราตั้งแต่เกิดจนตาย แบบเกิดดับๆๆ วนอยู่นั่นแหละ จนแบบเหมือนจะเป็นบ้าเลยคะ อ่านธรรมมะเรื่องอื่นไปเรื่อยๆจนเจอ ชีวิตคนเรามันสั้น เกิดมาแปปเดียวไม่นานก็ตายแล้ว เราก็จินตนาการว่าชีวิตเรามันสั้นจริงๆ จนไปโรงเรียนถามเพื่อนว่าหน้าเราแก่ขึ้นมั้ยเพราะมองในกระจกแล้วรู้สึกริ้วรอยขึ้นแบบพรึบๆ ทั้งที่เพื่อนเราและความเป็นจริงในตอนนั้นบอกว่าไม่เลยคะ และยิ่งอ่านเรื่องการระลึกถึงความตายอยู่บ่อยๆ (คือตามจริงเป็นเรื่องที่ดีมากนะคะแต่ด้วยตอนนั้นเสียสติไปแล้ว) ก็แบบเราอาจจะตายก่อนก็ได้ เห็นข่าวรถชนก็ให้นึกว่าเราจะตายเพราะรถชนก็ได้ คือนึกภาพตามแล้ว (การจินตนาการมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียจริงๆ) ตอนนั้นทำใจไม่ได้ ไปโรงเรียนก็ไม่มีสมาธิเรียน นึกแต่ว่ากลับไปพ่อแม่ยังจะอยู่บ้านอีกมั้ยโดนโจรขึ้นบ้านปาดคอตายรึเปล่า พอเลิกเรียนรอพ่อแม่มารับ มารับช้าหน่อยก็นึกภาพว่าพ่อแม่โดนรถชนไปแล้ว ซึ่งเราก็พยายามค้านความคิดตัวเอง ก็ทำไม่ได้ กังวลแบบเหงื่อตกตลอดเวลา ใจเต้นแรง ปวดกล้ามเนื้อทั้งแขน ทั้งขา ทั้งหลัง ได้แต่หาหมอกายภาพบำบัดบ้าง หมอนวดบ้าง ก็ไม่หายปวดเท่าไหร่เพราะใจมันคิดมากกังวลตลอดเวลาทุกเรื่อง ก็พาลเอาปวดไปหมดทั้งตัว ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่มีความสุข ได้แต่หวาดระแวงกลัวคนเค้าหัวเราะเยาะท่าเดินจนถึงขั้นมีเสียงหัวเราะในหัว ว่าเราว่าเดินตลก เดินอะไรของแกหน่ะ! และไม่ใช่เฉพาะเรื่องเดินอย่างเดียว จะถ่ายรูปก็ยังคิดมาก (เพื่อนเคยล้อว่ายิ้มแปลกๆ ตาเหมือนคนจะหลับ เพราะเราหางตาตกนะคะ) ก็มีเสียงในหัวแวบเข้ามาแล้วว่ายิ้มอะไรของแก ทำตาให้มันโตๆซิ! ได้แต่ยิ้มแหยๆ กลายเป็นว่าทำอะไรก็ไม่มีความสุขเลย เดินไปที่ไหนก็หวาดระแวงกลัวคนล้อทุกๆอย่างเกี่ยวกับการเป็นกระเทย เวลาตอบคำถามในห้อง ก็นึกภาพในหัวไปแล้วว่าเพื่อนหัวเราะเยาะ พูดหน้าชั้นปากสั่นบ้าง หรือบางทีพอคุมปากได้หน่อย กลับมานั่งโต๊ะตัวเองมือสั่นแบบควบคุมไม่ได้อยู่ 5 นาที ความกังวลในทุกๆเรื่องจนเหมือนเป็นบ้า ตอนสอบเข้ามหาลัยได้ เราได้คณะเภสัชศาสตร์ มันเป็นเรื่องเกินคาดจริงๆ อาจจะเพราะโชคหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยไว้ เพราะก่อนสอบรับตรง เราอ่านหนังสือกับทำโจทย์น้อยมาก มหาลัยใช้ทุกวิชาขั้นต่ำ 30 คะแนน ซึ่งวิชาคณิตของมหาลัยนี้ยากมากจริงๆ ขอบอกว่าคณิตเราทำโจทย์จากหนังสือสรุปโจทย์สอบเค้ามหาลัยแค่อาทิตย์เดียวก่อนสอบ ก่อนหน้านั้นไม่ได้แตะวิชาคณิตเลย (อาจจะเพราะยังพอประคับประคองเรียนที่โรงเรียนกับที่สอนพิเศษบ้าง) แต่ถึงแม้ว่าเข้ามหาลัยได้แล้ว การเรียนก็ยังดิ่งลงเหวเรื่อยๆ เกรดลดลงทีละเทอม ความจำแย่ลงมากๆ สมาธิสั้น จิตหลุดเหม่อลอยง่ายมาก มีอยู่ตอนนึง ตอนปีสอง ช่วงสอบ ไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือ แบบ 10 ชีตอ่านได้ 3 ชีต จบแบบจำได้ลางๆ วิชาแรกสอบ Biochem พอประกาศผล คะแนนแบบต่ำเรี่ยเตี้ยดินมาก คราวนี้ความวิตกกังวลขั้นสุดยอดแบบไม่มีใครฉุดไว้ได้ แม้จะเอาผู้ชายหล่อๆอย่าง Song Jung Ki มาล่อก็คุมไม่อยู่จริงๆคะ คิดภาพไปแล้วว่ายังไงชั้นก็คงสอบวิชาอื่นไม่ได้แล้ว ชั้นต้องได้เรียนครบ 12 ปีแน่ ยังไงก็เรียนไม่ผ่าน เรียนไม่จบ อ้อนวอนพ่อแม่ว่าขอเรียนคณะอื่นได้มั้ย เต้นก็ได้ให้ลูกเรียนคณะอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คณะนี้ พ่อแม่ก็ไม่ยอม ถึงขั้นบอกว่าให้ลูกไปเป็นขอทานก็ได้ ลูกไม่ไหวแล้ว ยังไงลูกก็เรียนไม่จบ หรือให้ลูกบวชเป็นพระก็ได้ ลูกเรียนไม่ไหวแล้ว กลับหอพักไปอาการรุนแรงสุดคืออาเจียนทั้งคืน ถ่ายเหลวทั้งคืน จนถึงเช้า หน้ามืดเกือบจะเป็นลม พยายามโทรให้แม่มารับไปโรงพยาบาล จนต้องรักษากับจิตแพทย์ ทุกวันนี้ยังคิดมากอยู่ทุกเรื่องแต่พอจะคุมสติได้ดีขึ้นแล้ว
เราอยากบอกทุกคนว่าแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นต้นตอเพราะเราคิดมากแต่เรื่องส่วนนึงก็คือคำพูดคำจาของทุกคน เราอยากให้ทุกคนคิดก่อนพูด อย่าทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยการพูดเลยคะ โดยเฉพาะการไม่เข้าใจในเพศที่หลากหลาย เรามายุติความรุนแรงกันเถอะคะ เห็นน้องๆกระเทยตัดผมทรงนักเรียนใส่ขาสั้นทาปากแดง ก็มองเป็นเรื่องธรรมดาได้มั้ย ไม่ต้องนินทากันก็ได้ เห็นคนอ้วนใส่บิกินี่ไขมันออกเป็นชั้นๆ เค้าอยากมีความสุขบ้างไม่ได้หรอ คุณไปหัวเราะเยาะเค้าทำไม ทำร้ายเค้าทางกายวาจาทำไม ด่าเค้าทำไมว่าอีอ้วน อีตุ๊ด กล้าแต่ง มั่นหน้า ไม่เจียมกะลาหัว บลาๆ อย่าทำให้ใครต้องฆ่าตัวตาย หรือเสียสติไปเพราะคำพูดพล่อยๆกับกริยาไม่มีมรรยาทของพวกคุณเลยคะ (คนที่ไม่ได้ทำเราขอชื่นชนคุณนะคะ) นึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าวันนึงคุณเกิดมาเป็นแบบดิชั้นหรือพวกเค้าคุณก็คงไม่ชอบหรอกคะที่เจออะไรแบบนี้ ถ้าดิชั้นไม่ได้ไปปฏิบัติธรรม หรือรู้จักคุณ ขุนเขา ผ่านทาง youtube และเพจข้อคิด ธรรมะต่างๆ ดิชั้นคงไม่สามารถประคับประคองชีวิตให้มีสติ และทำตัวเองให้มีความสุขขึ้นมาได้ อาจจะไปเป็นขอทานอยู่ หรือวิ่งให้รถชนตาย หรือใช้ชีวิตเหมือนคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้ อย่าเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยกันอีกต่อไปเลยนะคะ
ปล. เราอยากวานขอให้คนที่ทำวิดีโอเป็นและมีใจอยากช่วยเหลือสังคม ช่วยทำคลิปเกี่ยวกับความรุนแรงทางการพูดการแสดงออกของผู้คนจนทำให้ชีวิตคนๆนึงเสียไปได้เลยจังเลยคะ จะได้ช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้หน้าอยู่มากยิ่งขึ้นนะคะ ต่อไปเราจะได้พูดจาดีๆใส่กันไม่นินทาใส่ร้ายกันอีก ไม่เหยียดเพศกันด้วย เพราะแท้จริงเราทุกคนก็มีคุณค่าเหมือนกันหมดนะคะ
อยากบอกกับคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองว่า อะไรที่เราทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะคะ อย่าไปใส่ใจมากเลยว่าใครเค้าจะว่ายังไง คนที่ว่าเราเรื่องไหนแสดงว่าเค้าไม่มีความสุขในเรื่องนั้นของตัวเอง
ยังไงก็ขอกำลังใจจากทุกคนหน่อยนะคะ เพราะยังไม่หายจากการคิดมากเท่าที่ควร ><