ทฤษฏีชดใช้กรรมเก่า เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่า บุญลบกรรมไม่ได้ ?

กระทู้คำถาม
เคยตั้งคำถามหรือสงสัยกันหรือไม่ เราเกิดมาเพื่อ "ชดใช้กรรมเก่า" จากอดีตชาติ
ถามต่อชดใช้กรรมจากชาติไหน ? คำตอบก็ชาติที่แล้วไง และของชาติก่อนชาติที่แล้ว และชาติก่อนชาติก่อนชาติที่แล้ว ถอยหลังไปเรื่อย ๆ
ไหนจะพวกเจ้ากรรมนายเวรตามมาเจอชาตินี้อีก เช่นที่พูดกันว่า เคยไปฆ่าคนตายเมื่อชาติก่อน ชาตินี้เจ้ากรรมนายเวรไม่รู้ยังไงไม่ไปเกิดดันเป็นวิญญาณตามมาเล่นงาน ตามหากันจนเจอล้างแค้น ตามเกาะหัวเกาะไหล่ ???

   สมมติ ชาติก่อนล่าสุดเคยทำกรรมไว้ 1 เรื่องมีค่า 100 ก็ต้องมาชดใช้ชาตินี้ให้หมด 100
แต่ถ้าตายก่อนใช้กรรมไปแค่ 70 เหลืออีก 30 ก็ไปเกิดเพื่ออีกเืพื่อชดใช้กรรมอีก 30 ที่เหลือ
แต่เราไม่เคยทำกรรมแค่เรื่องเดียวต่อหนึ่งชาติ เราทำกรรมเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ เรื่องในหนึ่ง ๆ ชาติที่เคยเกิด เช่น เคยด่าคนนั้น เคยทะเลาะกับคนนี้
เคยโกงคนนี้ ทั้งหนัก หนักมาก เบา เบามากไปทุกอย่างต่อหนึ่งชาติกว่าจะตาย ที่ใช้กรรมในชาติเดียวหมดก็ส่วนหนึ่งแต่ยังเหลือที่ใช้ไม่ได้อีกล่ะ ?
หลายคนเกิดมาทำบาปหลายเรื่อง ทั้งกินเหล้าเป็นนิสัย เที่ยวโสเภณีเป็นประจำ ดูดยาอีก โกงกินคอรัปชั่น ทะเลาะวิวาท ทำหมดในชาติเดียว
และเราไม่เคยเกิดมาแค่ชาติเดียว เราเกิดมาหลายชาติ ประมาณไม่ได้  เกิดมาหลายกัป

     1 กัปที่ว่านี้ ก็ประมาณเวลาไม่ได้คือมันนานมาก !!! และจำนวนกัป ก็ประมาณไม่ได้อีก !!! คืออนันต์นั่นแหละ infinity
เราทุกคนเคยเกิดเป็นทุกอย่างมาหมดแล้วทั้ง เปรต สัตว์นรก เดรัจฉาน คน เทวดา หมูหมากาไก่ หนอนไส้เดือน ฯลฯ สารพัดอย่าง เคยเป็นกันมาหมดแล้ว
เช่น เราอาจเคย
เกิดเป็นคนทุกประเภทมาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ
แล้วก็เกิดเป็นสัตว์มาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ
แล้วก็เกิดเป็นเปรตมาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ
แล้วเกิดเป็นเทวดามาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ
จริง ๆ คือจำนวนอนันต์นั่นแหละ
สรุปได้สมการว่า

  กรรมทุกเรื่อง x ทุกชาติที่เคยเกิด = ค่ากรรมที่ต้องชดใช้ = อนันต์ infinity !!!  

แทนค่าสมการลงไป ค่ากรรมที่ต้องชดใช้ก็จะเกินประมาณ แต่ประเด็นคือการเิกิดภพชาติเป็นอนันต์ คือเราหาจุดเริ่มไม่ได้ !!!
จักรวาลแตกดับเป็นรอบ ๆ ไม่จบไม่สิ้นเป็นอนันต์รอบ !!!  สรุปเราเคยเกิดมาแล้วเป็นอนันต์ชาติ และทำกรรมมาเป็นอนันต์ครั้ง
ก็ต้องมีกรรมต้องตามชดใช้กันเป็นอนันต์อีก จะมีวันชดใช้กรรมกันหมดแล้วบรรลุนิพพานหลุดพ้นยังไงได้ ?
ถ้าตามทฤษฎีอีกคือบุญลบบาปไม่ได้ ทำกรรมไว้ต้องรับหนีไม่ได้ไม่ว่าจะกรรมหนักกรรมเบา

บางคนอาจจะตอบว่า ก็เกิดมาชาตินี้ตั้งใจเป็นคนดีไม่ทำบาปหนักอะไร บาปเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ชดใช้ชาตินี้หมดไง ชาติหน้าไม่มีกรรมแล้ว
แต่ตามทฤษฎีคือเราเกิดมาเป็นอนันต์ชาติ บาปหนักที่เคยก่อไว้ เช่น สมมติเราเคยเกิดเป็นฆาตกรใจโหดซาดิสม์ฆ่าข่มขืนเด็ก เมื่อ 10,000 ชาติที่แล้วล่ะ ?
ไปชดใช้หมดเื่มื่อไร่ ถ้าจะตอบว่าก็อาจถูกชดใช้กรรมนี้ในชาติที่ 1,000 ก่อนหน้าไง
   ก็คงมีทฤษฎีหนึ่งก็คือ คือมีการหักล้างกันไปมาในช่วงเวลาอนันต์ชาติของแต่ละคนแต่ถ้าิคิดแง่นี้ ก็หมายความ "การหักล้าง" ชดใช้กรรมกันไปมาในเวลาอนันต์ชาติที่ผ่าน ๆ มาทำให้ "ชาติปัจจุบันนี้" สามารถเป็น "ชาติสุดท้าย" ของคนทุก ๆ คนในโลกนี้ได้หมด !
คือเป็นไปได้หมด อีกแง่คือเราก็ไม่ต้องไปสนใจทำไมกับอนันต์ชาติที่เคยเกิดกันมาแล้วก็จำอะไรไม่ได้สักอย่าง !

เช่น เราเคยเกิดเป็นฆาตกรใจทรามฆ่าข่มขืนยายตัวเองมาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ แล้วไง ?
เราเคยเกิดเป็นผู้หญิงทำแท้งมาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ แล้วไง ?
เราเคยเกิดเป็นเกย์ผิดเพศมาแล้ว 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ แล้วไง ?
โดยทฤษฎีหักล้างกรรมในช่วงเวลาอนันต์ ไอ้ความเลวทรามชั่วช้าที่เราก่อกรรมมามันถูกหักล้างไปแล้วไงในช่วงเวลาอนันต์ที่ผ่านมาหมดแล้วไง
แต่ถ้าไม่มีการหักล้าง ก็เกิดคำถามคือจะชดใ้ช้กรรมยังไงหมดได้ ? เป็นไปไม่ได้เลย นี้ไม่นับว่าเราเคยเกิดเป็นโจรขโมยของมีอีกอนันต์ชาติ
ไม่นับว่าเราเคยเกิดเป็นคนโกงกินคอรัปชั่นอีกอนันต์ชาติ ไม่นับว่าเราเคยเกิดเป็นคนขี้เหล้าติดยาอีกอนันต์ชาติ ฯลฯ คือบาปกรรมอีกอนันต์เรื่องในอนันต์ชาติ คุณลองเอา จำนวนอนันต์ x จำนวนอนันต์ = ???  
เพราะโดยทฤษฎีจักรวาลที่เป็นวัฎสงสารนี้เกิดดับวนเวียนเป็นรอบแบบไม่มีจุดเริ่มและไม่มีจุดสิ้นสุด
สุรป จำนวนชาติภพที่เราเคยเกิดกันมามีค่าจำนวนชาติภพเป็นอนันต์ !

ถ้าเชื่อกันว่าเิกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่าที่เคยทำมาจากชาติก่อน ? โดยทฤษฎีระบบจักรวาลไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด วนเวียนเป็นอนันต์รอบ
ไม่มีทางจะชดใช้กรรมกันหมดเพราะเป็นอนันต์และไม่มีทางบรรลุนิพพานหลุดพ้นไปไหนได้ กรรมเ็ป็นอนันต์ที่เคยก่อสร้างทำกันมา
เพราะถ้าไม่มีการหักล้างในอนันต์นี้ สมมุติคุณทำชั่วทำกรรมมา 1,000,000,000,000,000,000,000,000,000,000 ชาติ
เกิดเพื่อชดใช้กรรมไปหมดแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกเป็นอนันต์ หรือเอา
   จำนวนอนันต์มาก - จำนวนอนันต์น้อย = ก็ยังเหลือกรรมอีกเป็นอนันต์ต้องชดใช้ !!!

หรือทางเลือก 1 มีทฤษฎีหักล้างกันเองในระบบอนันต์นี้เพื่อ ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าเป็นอนันต์
แต่การหักล้างเกิดขึ้นตาม ทำให้ชาติที่ปัจจุบันเป็นชาติสุดท้ายของคนทุกคนไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ ชาติได้ิ ?

หรือทางเลือก 2  จริง ๆ เรามีกันแค่ชาติเดียวจริง ๆ ต่างหาก ?

หรือทางเลือก 3 คือไปเกิดชดใช้กรรมไปข้างหน้าเป็นอีกอนันต์ ไม่มีนิพพานหลุดพ้นได้จริง ?
แต่ก็ไม่ต้องแคร์อะไรเพราะถูก reset ล้างความจำไปเรื่อย ๆ ไม่รับรู้อะไรในทุกชาติใหม่ที่จะเกิด จำไม่ได่จะแคร์อะไร ?

หรือทางเลือก 4 คือทุกอย่างเดินไปข้างหน้าเป็นอนันต์เหมือนเดิม ต่องตายเกิดกันไปเรื่อย ๆ  
แต่กรรมไม่ใช่สิ่งที่เราต้องตามเกิดใหม่เพื่อชดใช้แบบที่เชื่อกันอยู่ทุกวีนนี้ี้ เพื่อให้การหลุดพ้นนิพพานเป็นไปได้ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ทฤษฏีชดใช้กรรมเก่า เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่า

---------  เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน จากหลักพระพุทธศาสนา ที่พบโดยทั่วไป

            1.   แท้จริงแล้ว  การที่มีกายใหม่ หรือจิตใหม่ หรือทั้งกายและจิตใหม่ เกิดในภพใหม่   ไม่ใช่เพราะมีกรรมเก่า หรือเพื่อชดใช้กรรมเก่า
                     แต่มีการเกิด(ของกายหรือจิตใหม่) เพราะจิตที่ดับครั้งสุดท้าย(จิตเกิดดับเกิดดับอยู่ตลอดเวลา)ในภพเก่า มีตัณหา อยู่  ทำให้มีเชื้อให้เกิดจิตใหม่ในภพใหม่

                        ถ้าจิตที่ดับครั้งสุดท้ายในภพเก่า ไม่มีตัณหา (จิตของพระอรหันต์ ไม่มีตัณหา ไม่มีกิเลส) ก็จะไม่มีเชื้อให้เกิดจิตใหม่ในภพใหม่ (แม้จะมีผลของกรรมที่ได้ทำมาแล้วในชาติก่อนและชาตินี้(กรรมเก่า) เหลืออยู่(ซึ่งทุกคนก็มีผลของกรรมที่ทำมาแล้วอยู่ทั้งนั้นทุกคน)  เหมือนไฟที่เชื้อเพลิงหมด ดับหายไป ไม่มีไฟอีก

            2.  กรรม และผลของกรรม(วิบาก)
                        2.1 กรรม  
                                 2.1.1  ผู้ที่มีกิเลสเหลืออยู่  หากทำอะไรด้วยเจตนา(และด้วยกิเลสที่มีอยู่) การกระทำที่มีเจตนานั้นทั้งหมดเป็นกรรม ให้ผลของกรรมในเวลาต่อไป (ตามหลักการให้ผลของกรรม 12 ลักษณะ เช่น กรรมรุนแรง กรรมให้ผลก่อน  กรรมที่ไม่สามารถให้ผล(อโหสิกรรม) ฯ)
                                  2.1.2  ผู้ไม่มีกิเลส(พระอรหันต์) ทำสิ่งใด ไม่เป็นกรรม(ทำด้วยจิตที่ไม่มีกิเลส ไม่มีความไม่รู้ ไม่มีความหลงผิดว่ากายและจิตที่เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความคงทนในขณะใดพอที่จะเรียกว่าเป็นตัวตน) เรียกว่า กิริยา ไม่มีผลภายหลัง (แต่กรรมที่ได้ทำก่อนการตรัสรู้(ความรู้ ปัญญา ที่เกิดจากเห็นความจริง(ของการเกิดดับของกายหรือจิต รู้ว่าไม่ใช่ตัวตน แล้ว ตัดกิเลสระดับต่างๆ 4 รอบ))  ยังมีและให้ผลอยู่(เท่าที่ให้ได้ ที่เหลือจากผลกรรมที่ถูกตัดหรือบั่นทอนด้วยผลดีที่ให้ผลดีก่อน จนผลที่อ่อนกว่าไม่อาจให้ผลได้)

                      2.2 ผลของกรรม(วิบาก)
                                  2.2.1 หากยังมีร่างกายหรือจิต หรือมีทั้งกายและจิต กรรมก็ให้ผลหรือไม่อาจให้ผลตามหลักกรรม12 (  http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=338 )
                                  2.2.2 หากไม่มีกายหรือจิต  (ปรินิพพาน (การสิ้นชีพของพระอรหันต์))  กรรมที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็หมดโอกาสให้ผลไปทั้งหมดทั้งสิ้น(เป็น อโหสิกรรม ไปทั้งหมด)



อนุโมทนาในการพิจาณาความจริง ด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่