สวัสดีครับ
อย่างที่คงจะทราบข่าวกันดีว่าช่วงนี้มีกระแส "นักท่องเที่ยวชาวจีนบอยค็อตการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย" ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสที่ว่าชาวไทยเราวิจารณ์นักท่องเที่ยว(จากนี้ขอย่อว่า นทท.) ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆ จนทำให้ชาวจีนไม่พอใจ จนถึงขนาดมีการ์ตูนเผยแพร่ในช่อง Thai CCTV ให้ชาวไทยช่วยทำความเข้าใจกับชาวจีน
ซึ่งต่อมาก็พบว่าเป็นการ์ตูนที่เขียนโดยคนไทยเรานี่เอง
ผมชักเริ่มสงสัยว่า
พวกเราคัดค้านคนที่ "การกระทำ" หรือ "เชื้อชาติ" กันแน่ครับ?
ก่อนหน้านี้พวกเราเห็นตรงกันว่า พฤติกรรมแบบ การไม่เคารพสถานที่และกฏของสังคม เช่น การขับถ่ายเรี่ยราดในพื้นที่สาธารณะ แม้กระทั่งในวัด, หยิบจับทำลายสิ่งของ, ไม่ต่อคิว, ทานอาหารที่สถานที่จัดไว้ให้อย่างไม่มีมารยาท ตักเยอะจนไม่เหลือให้คนอื่นและเหลือทิ้ง, เสียงดัง ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และสร้างปัญหาให้เราคนไทย (และจริงๆ ก็ทุกคนในโลกนี้)
โดยช่วงที่ผ่านมาเรามักจะพูดกันโดยมีบริบทกันว่า คนที่กระทำคือ "ชาวจีน"
ฟางเส้นสุดท้ายเหมือนจะมาขาดเอาก็ตอนที่แม้แต่สิ่งตอบแทนที่ประเทศหรือสถานที่ที่เป็นที่ท่องเที่ยวควรจะได้รับ คือ รายได้จากการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ค่าอาหาร, ที่พัก, ค่าธรรมเนียมต่างๆ, ของที่ระลึก ฯลฯ ปรากฏข่าวว่า นทท.ชาวจีนนำรถส่วนตัวเข้ามา ไม่เสียค่าโรงแรมในไทย, นำอาหารหรือกระทั่งนำวัตถุดิบมาทำเอง, บ้างว่ากระทั่งนำน้ำมันเติมรถยนต์มา ไม่เข้าปั๊มในไทย
รวมถึงถ้าใช้บริการ ก็จะใช้บริการที่มี "คนจีน" ด้วยกันเองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะไกด์นำเที่ยว (ซึ่งเถื่อน ผิดกฏหมาย เพราะเป็นอาชีพสงวนของคนสัญชาติไทย), เจ้าของโรงแรม, ร้านอาหาร ฯลฯ ก็มีคนจีนเป็นเจ้าของกิจการหลายที่แล้ว
เข้ามาเที่ยวราคาประหยัด แต่ทิ้งภาระไว้ให้เจ้าของสถานที่ ว่าอย่างนั้น
ผมคิดว่า จริงๆ คนไทยเราไม่ได้ว่า "ชาวจีน" เลย แต่เราว่า "พฤติกรรม" ที่กระทำเหล่านั้น
ปัญหาคือ มันแทบจะมีแต่เฉพาะชาวจีนที่ทำแบบนี้ และทำซ้ำๆ ซากๆ บ่อย ซ้ำร้ายยังไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นชื่อเสียงระดับโลก ลองเข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดต่างประเทศได้ (จขกท.เคยเห็นชาวจีนด้วยกันก็เข้ามายอมรับ แต่ว่าพวกคนที่นิสัยแย่ๆ จะเป็นพวก "Chinese Mainland")
พฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ชาวไทยต่อว่าต่อขานมานั้น ไม่ว่าชนชาติใดทำ เราก็ว่า เราก็ตำหนิ ถ้ามีนทท.ชาวอเมริกัน, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี ฯลฯ หรือประเทศใดก็ตามในโลกมาทำพฤติกรรมแบบนั้น เราก็ต่อว่า
แต่เพราะมันไม่ค่อยมีชนชาติอื่นทำ และแทบทั้งหมดมาจากนทท.ชาวจีน ซึ่งช่วงที่ผ่านมานิยมเข้ามาเที่ยวประเทศไทยกันมาก ทำให้ปัญหามันเลยยิ่งดูเยอะ ถี่ บ่อย และหนักข้อขึ้น
จริงๆ แล้ว ผมเชื่อว่า คนไทย เราก็ผูกพันธ์กับคนจีนมาก คนไทยเชื้อสายจีนนั้นมีอยู่มานานมาก เป็นคนใหญ่คนโต มหาเศรษฐี เจ้าสัว กระทั่งนายกรัฐมนตรี (มากกว่า 1 คนด้วย) เคยได้ยินว่ากระทั่งเจ้าขุนมูลนายสมัยก่อนย้อนไปถึงยุคกรุงศรีฯ ก็ยังมีชาวจีน
คนไทยรุ่นอายุ 20 กลางๆ ปลายๆ ขึ้นไป น่าจะคุ้นเคยกับการโตมากับ หนังจีนกำลังภายใน เลิกเรียนบ่ายสามครึ่งวิ่งกลับบ้านไปดูมังกรหยกกันแล้ว
ก่อนจะฮิตหนังฮอลลีวู้ดแบบทุกวันนี้ สมัยก่อน หนังฮ่องกง ก็ฮิตมากในประเทศไทย ทุกวันนี้ก็ยังแทบไม่มีใครไม่รู้จัก หลิวเต๋อหัว, โชวซิงฉือ, เหลียงเฉาเหว่ย ฯลฯ
คนจีน ได้รับคำชื่นชมจากคนไทยสมัยรุ่นพ่อๆ แม่ๆ มานาน คนที่อายุสัก 30+ คงจะคุ้นเคยกับคำที่ว่า คนจีนขยัน ประหยัดอดออม เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิต ส่วนคนไทยจะขี้เกียจ รักสบาย
กระทั่งมีบ้างที่เป็นคำเหน็บทำนองว่า "ขี้เหนียวแบบเจ็ก"
คนไทยปัจจุบันยุคฟุ้งเฟ้อถือไอโฟนไอแพดกันแทบทุกคนคงไม่เคยได้ยินคำพวกนี้หรือไม่ก็ลืมไปหมดแล้ว
พูดก็พูด ส่วนคนผู้เขียนเองยังคิดเลยว่า ชาวจีน มีส่วนไม่น้อยกับการเป็นประเทศไทยในทุกวันนี้ มีชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากที่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวมาตั้งแต่รุ่นตายาย จนร่ำรวย สร้างความเจริญให้ทั้งตัวเอง สังคม และประเทศ
ประเด็นคือ ผมเชื่อว่า คนไทย ไม่ได้มีปัญหากับคำว่า "ชาวจีน" แต่พวกเรามีปัญหากับ "พฤติกรรม" อันไม่พึงประสงค์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
ชาวไทยย่อมยินดี และดีใจ เวลาได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองไม่ว่ามาจากประเทศไหน ไม่ว่าจะเพื่อนบ้านใกล้ๆ กัน ไปยันประเทศใหญ่แบบ จีน
แต่ที่นี่ ประเทศไทย สำหรับนทท. มันก็เป็นแค่โฆษณาคั่นเวลาชีวิต เข้ามาแวะดูแวะพัก เสพความสุข พักผ่อน แล้วก็กลับไป
แต่สำหรับชาวไทย ประเทศไทย คือ "บ้าน" ที่พวกเราต้องอยู่ไปจนวันตาย มันจึงช่วยไม่ได้ที่พวกเรา แม้จะต้อนรับแขกเสมอ แต่ก็อยากให้แขกเข้าใจและเคารพบ้านของพวกเราด้วย
ความสัมพันธ์ที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ย่อมต้องมี "Mutual Respect" เป็นพื้นฐานสำคัญ การเคารพซึ่งกันและกัน ความไม่เข้าใจนั้นไม่ผิด แต่การศึกษาและสื่อสารช่วยแก้ไขความไม่เข้าใจเหล่านี้ได้
เมื่อสื่อสาร เราย่อมคาดหวังการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
และผม ผิดหวังกับคนไทยบางส่วน ที่พะเน้าพะนอคำว่า "ชาวจีน" มากเสียจนพยายามพลิกผิดเป็นถูก หรือพยายามพลิกลิ้น กลับลำ พยายามมาก ในการไม่ให้ "เพื่อน" รายนี้โกรธหรืองอนเรา ทั้งๆ ที่เค้าทำผิด
"ผิดก็คือผิด" ครับ แค่นั้นเอง
จะเป็นใคร สัญชาติไหน ถ้าเข้ามาทำเรื่องไม่ดีในประเทศเรา บ้านเรา เราก็ไม่ชอบทั้งนั้น ต่อให้เป็น บารัค โอบาม่า ถ้าจะเข้ามายืนฉี่หน้าโบสถ์วัดพระแก้ว เราก็คงไม่ยอม จริงไหม?
ดังนั้น ถ้าผมเห็นพฤติกรรมแย่ๆ ในบ้านเรา ผมก็จะตำหนิต่อไปตามเหตุและผล เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับสัญชาติ แต่เป็นที่พฤติกรรม
และหวังว่า ชาวไทยด้วยกัน จะไม่เอาคำ "ชาวจีน" มานำหน้า มาฝังหัว จนลืมคำว่า "พฤติกรรม" ซึ่งมันคือคำหลังที่สร้างความเดือนร้อนเสียหายแก่บ้านของเรา
ถ้าเราจะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวทำพฤติกรรมบางประเภทในประเทศไทย มันก็ย่อมไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติ ถ้าเรากีดกันคนโดยยึดจากการกระทำ คงไม่สำคัญว่าพวกเราที่เรากีดกันหรือไม่ต้อนรับนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวอะไร เพราะเราคงไม่มีตรรกะผิดเพี้ยนขนาดว่า ถ้าทำผิด แต่มีจำนวนคนมากๆ ก็จะผิดน้อยลง แบบนั้นใช่มั้ย?
ในส่วนของปัญหานี้ หลักๆ คนที่ต้องทบทวน คิด และละอาย ไม่ใช่ "เจ้าของบ้าน" นะครับ และในส่วนของ "เจ้าของบ้านบางคน" ก็คงต้องกลับไปคิดแล้วด้วยว่าที่นี่คือบ้านของท่านจริงๆ หรืออยู่เหนือขึ้นไปหน่อยกันแน่...
สวัสดีครับ
:: คิดอย่างไรกันบ้างครับ กับกระแสปัญหาการท่องเที่ยว ไทย-จีน ? ::
อย่างที่คงจะทราบข่าวกันดีว่าช่วงนี้มีกระแส "นักท่องเที่ยวชาวจีนบอยค็อตการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย" ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสที่ว่าชาวไทยเราวิจารณ์นักท่องเที่ยว(จากนี้ขอย่อว่า นทท.) ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับพฤติกรรมต่างๆ จนทำให้ชาวจีนไม่พอใจ จนถึงขนาดมีการ์ตูนเผยแพร่ในช่อง Thai CCTV ให้ชาวไทยช่วยทำความเข้าใจกับชาวจีน
ซึ่งต่อมาก็พบว่าเป็นการ์ตูนที่เขียนโดยคนไทยเรานี่เอง
ผมชักเริ่มสงสัยว่า
พวกเราคัดค้านคนที่ "การกระทำ" หรือ "เชื้อชาติ" กันแน่ครับ?
ก่อนหน้านี้พวกเราเห็นตรงกันว่า พฤติกรรมแบบ การไม่เคารพสถานที่และกฏของสังคม เช่น การขับถ่ายเรี่ยราดในพื้นที่สาธารณะ แม้กระทั่งในวัด, หยิบจับทำลายสิ่งของ, ไม่ต่อคิว, ทานอาหารที่สถานที่จัดไว้ให้อย่างไม่มีมารยาท ตักเยอะจนไม่เหลือให้คนอื่นและเหลือทิ้ง, เสียงดัง ฯลฯ ต่างๆ เหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์และสร้างปัญหาให้เราคนไทย (และจริงๆ ก็ทุกคนในโลกนี้)
โดยช่วงที่ผ่านมาเรามักจะพูดกันโดยมีบริบทกันว่า คนที่กระทำคือ "ชาวจีน"
ฟางเส้นสุดท้ายเหมือนจะมาขาดเอาก็ตอนที่แม้แต่สิ่งตอบแทนที่ประเทศหรือสถานที่ที่เป็นที่ท่องเที่ยวควรจะได้รับ คือ รายได้จากการท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ค่าอาหาร, ที่พัก, ค่าธรรมเนียมต่างๆ, ของที่ระลึก ฯลฯ ปรากฏข่าวว่า นทท.ชาวจีนนำรถส่วนตัวเข้ามา ไม่เสียค่าโรงแรมในไทย, นำอาหารหรือกระทั่งนำวัตถุดิบมาทำเอง, บ้างว่ากระทั่งนำน้ำมันเติมรถยนต์มา ไม่เข้าปั๊มในไทย
รวมถึงถ้าใช้บริการ ก็จะใช้บริการที่มี "คนจีน" ด้วยกันเองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะไกด์นำเที่ยว (ซึ่งเถื่อน ผิดกฏหมาย เพราะเป็นอาชีพสงวนของคนสัญชาติไทย), เจ้าของโรงแรม, ร้านอาหาร ฯลฯ ก็มีคนจีนเป็นเจ้าของกิจการหลายที่แล้ว
เข้ามาเที่ยวราคาประหยัด แต่ทิ้งภาระไว้ให้เจ้าของสถานที่ ว่าอย่างนั้น
ผมคิดว่า จริงๆ คนไทยเราไม่ได้ว่า "ชาวจีน" เลย แต่เราว่า "พฤติกรรม" ที่กระทำเหล่านั้น
ปัญหาคือ มันแทบจะมีแต่เฉพาะชาวจีนที่ทำแบบนี้ และทำซ้ำๆ ซากๆ บ่อย ซ้ำร้ายยังไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นชื่อเสียงระดับโลก ลองเข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดต่างประเทศได้ (จขกท.เคยเห็นชาวจีนด้วยกันก็เข้ามายอมรับ แต่ว่าพวกคนที่นิสัยแย่ๆ จะเป็นพวก "Chinese Mainland")
พฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่ชาวไทยต่อว่าต่อขานมานั้น ไม่ว่าชนชาติใดทำ เราก็ว่า เราก็ตำหนิ ถ้ามีนทท.ชาวอเมริกัน, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี ฯลฯ หรือประเทศใดก็ตามในโลกมาทำพฤติกรรมแบบนั้น เราก็ต่อว่า
แต่เพราะมันไม่ค่อยมีชนชาติอื่นทำ และแทบทั้งหมดมาจากนทท.ชาวจีน ซึ่งช่วงที่ผ่านมานิยมเข้ามาเที่ยวประเทศไทยกันมาก ทำให้ปัญหามันเลยยิ่งดูเยอะ ถี่ บ่อย และหนักข้อขึ้น
จริงๆ แล้ว ผมเชื่อว่า คนไทย เราก็ผูกพันธ์กับคนจีนมาก คนไทยเชื้อสายจีนนั้นมีอยู่มานานมาก เป็นคนใหญ่คนโต มหาเศรษฐี เจ้าสัว กระทั่งนายกรัฐมนตรี (มากกว่า 1 คนด้วย) เคยได้ยินว่ากระทั่งเจ้าขุนมูลนายสมัยก่อนย้อนไปถึงยุคกรุงศรีฯ ก็ยังมีชาวจีน
คนไทยรุ่นอายุ 20 กลางๆ ปลายๆ ขึ้นไป น่าจะคุ้นเคยกับการโตมากับ หนังจีนกำลังภายใน เลิกเรียนบ่ายสามครึ่งวิ่งกลับบ้านไปดูมังกรหยกกันแล้ว
ก่อนจะฮิตหนังฮอลลีวู้ดแบบทุกวันนี้ สมัยก่อน หนังฮ่องกง ก็ฮิตมากในประเทศไทย ทุกวันนี้ก็ยังแทบไม่มีใครไม่รู้จัก หลิวเต๋อหัว, โชวซิงฉือ, เหลียงเฉาเหว่ย ฯลฯ
คนจีน ได้รับคำชื่นชมจากคนไทยสมัยรุ่นพ่อๆ แม่ๆ มานาน คนที่อายุสัก 30+ คงจะคุ้นเคยกับคำที่ว่า คนจีนขยัน ประหยัดอดออม เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิต ส่วนคนไทยจะขี้เกียจ รักสบาย
กระทั่งมีบ้างที่เป็นคำเหน็บทำนองว่า "ขี้เหนียวแบบเจ็ก"
คนไทยปัจจุบันยุคฟุ้งเฟ้อถือไอโฟนไอแพดกันแทบทุกคนคงไม่เคยได้ยินคำพวกนี้หรือไม่ก็ลืมไปหมดแล้ว
พูดก็พูด ส่วนคนผู้เขียนเองยังคิดเลยว่า ชาวจีน มีส่วนไม่น้อยกับการเป็นประเทศไทยในทุกวันนี้ มีชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากที่ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวมาตั้งแต่รุ่นตายาย จนร่ำรวย สร้างความเจริญให้ทั้งตัวเอง สังคม และประเทศ
ประเด็นคือ ผมเชื่อว่า คนไทย ไม่ได้มีปัญหากับคำว่า "ชาวจีน" แต่พวกเรามีปัญหากับ "พฤติกรรม" อันไม่พึงประสงค์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
ชาวไทยย่อมยินดี และดีใจ เวลาได้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองไม่ว่ามาจากประเทศไหน ไม่ว่าจะเพื่อนบ้านใกล้ๆ กัน ไปยันประเทศใหญ่แบบ จีน
แต่ที่นี่ ประเทศไทย สำหรับนทท. มันก็เป็นแค่โฆษณาคั่นเวลาชีวิต เข้ามาแวะดูแวะพัก เสพความสุข พักผ่อน แล้วก็กลับไป
แต่สำหรับชาวไทย ประเทศไทย คือ "บ้าน" ที่พวกเราต้องอยู่ไปจนวันตาย มันจึงช่วยไม่ได้ที่พวกเรา แม้จะต้อนรับแขกเสมอ แต่ก็อยากให้แขกเข้าใจและเคารพบ้านของพวกเราด้วย
ความสัมพันธ์ที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ย่อมต้องมี "Mutual Respect" เป็นพื้นฐานสำคัญ การเคารพซึ่งกันและกัน ความไม่เข้าใจนั้นไม่ผิด แต่การศึกษาและสื่อสารช่วยแก้ไขความไม่เข้าใจเหล่านี้ได้
เมื่อสื่อสาร เราย่อมคาดหวังการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
และผม ผิดหวังกับคนไทยบางส่วน ที่พะเน้าพะนอคำว่า "ชาวจีน" มากเสียจนพยายามพลิกผิดเป็นถูก หรือพยายามพลิกลิ้น กลับลำ พยายามมาก ในการไม่ให้ "เพื่อน" รายนี้โกรธหรืองอนเรา ทั้งๆ ที่เค้าทำผิด
"ผิดก็คือผิด" ครับ แค่นั้นเอง
จะเป็นใคร สัญชาติไหน ถ้าเข้ามาทำเรื่องไม่ดีในประเทศเรา บ้านเรา เราก็ไม่ชอบทั้งนั้น ต่อให้เป็น บารัค โอบาม่า ถ้าจะเข้ามายืนฉี่หน้าโบสถ์วัดพระแก้ว เราก็คงไม่ยอม จริงไหม?
ดังนั้น ถ้าผมเห็นพฤติกรรมแย่ๆ ในบ้านเรา ผมก็จะตำหนิต่อไปตามเหตุและผล เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับสัญชาติ แต่เป็นที่พฤติกรรม
และหวังว่า ชาวไทยด้วยกัน จะไม่เอาคำ "ชาวจีน" มานำหน้า มาฝังหัว จนลืมคำว่า "พฤติกรรม" ซึ่งมันคือคำหลังที่สร้างความเดือนร้อนเสียหายแก่บ้านของเรา
ถ้าเราจะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวทำพฤติกรรมบางประเภทในประเทศไทย มันก็ย่อมไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติ ถ้าเรากีดกันคนโดยยึดจากการกระทำ คงไม่สำคัญว่าพวกเราที่เรากีดกันหรือไม่ต้อนรับนั้นส่วนใหญ่เป็นชาวอะไร เพราะเราคงไม่มีตรรกะผิดเพี้ยนขนาดว่า ถ้าทำผิด แต่มีจำนวนคนมากๆ ก็จะผิดน้อยลง แบบนั้นใช่มั้ย?
ในส่วนของปัญหานี้ หลักๆ คนที่ต้องทบทวน คิด และละอาย ไม่ใช่ "เจ้าของบ้าน" นะครับ และในส่วนของ "เจ้าของบ้านบางคน" ก็คงต้องกลับไปคิดแล้วด้วยว่าที่นี่คือบ้านของท่านจริงๆ หรืออยู่เหนือขึ้นไปหน่อยกันแน่...
สวัสดีครับ