9 ข้อควรรู้สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ก้าวเข้าสู่วัย 30+



ที่มา : http://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2016/7/128932/9-ข้อควรรู้สำหรับมนุษย์เ

การเปลี่ยนผ่านของวัย เป็นวาระที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของชีวิต การเติบโตที่มาพร้อมกับการเรียนรู้ จากประสบการณ์ และความผิดพลาด หลายครั้งเป็นเรื่องราวเพียงเล็กน้อย หลายคราวเป็นเรื่องที่ใหญ่โตและประหนึ่งรอยบากทางชีวิต ในสถานการณ์และบริบทที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะการงาน สังคม ความสัมพันธ์ การเงิน ซึ่งก็มีไม่น้อย ที่เรามักจะรับรู้และเข้าใจในวันที่สายไปแล้ว…

แต่อย่ากระนั้นเลย ถ้าเราพอจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผ่านประสบการณ์และข้อเตือนใจของคนที่เดินผ่านมาก่อน ก็คงจะช่วยลดความยุ่งยากไปได้ไม่น้อย และถัดจากนี้ คือ 9 ข้อ ของสิ่งที่คุณควรรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาสู่ วัย 30+ อันเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของชีวิต

1. หาสมดุลระหว่างความฝัน และการใช้ชีวิตในแต่ละวัน



แม้พี่ตูน บอดี้สแลม จะบอกผ่านบทเพลงมาเกือบทศวรรษว่า ‘ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝัน’ นั้น แต่ในความเป็นจริง ความฝันกับปากท้องก็มักจะเป็นสิ่งที่เดินเคียงกันราวกับคู่ขนานที่ยากจะประสาน หลายคน ผ่านชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงสิ้นลมหายใจ โดยที่ไม่ได้ทำตามสิ่งที่ใจตนเองปรารถนา สิ่งเหล่านี้ผิดหรือไม่? มันไม่ผิด เช่นเดียวกับคนที่ปวารณาอุทิศชีวิตเพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่ออย่างสุดความสามารถ ก็ไม่ได้นับว่าผิดแต่ประการใด แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะหาสมดุลที่เหมาะสม ระหว่างความฝันและสิ่งที่อยากจะทำ กับการใช้ชีวิตให้อยู่รอดในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการทานอาหาร หัวใจต้องการความฝันมาเติมเต็มให้อิ่มหนำ และปากท้องก็ต้องการ ‘เงิน’ เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมเหล่านั้นต่อไป การเดินตามหาความฝันที่ท้องอิ่ม ไม่มีหนี้สิน มันย่อมดีกว่าเห็นๆ อยู่แล้ว…

2. อย่าแคร์ภาพลักษณ์จนถึงขั้นประสาทเสีย



แม้มันจะเป็นเรื่องที่แน่นอนว่า วัยที่เพิ่มขึ้น การแต่งกายอย่างมีกาลเทศะ ก็ต้องเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ชีวิตในวัยขึ้นเลข 3 นั้น มีมิติที่ซับซ้อนหลากหลายด้าน ทั้งด้านภาพลักษณ์ ความคิด การกระทำ คำพูด และการ Take Serious กับภาพลักษณ์ว่าจะต้องแต่งตัวแบบไหน ต้องใส่เสื้อสีอะไร ต้องทำทรงผมแบบไหน นอกจากจะทำให้เหนื่อยโดยไม่จำเป็นแล้ว มันยังทำให้ดูเป็นคนที่ ‘ตื้น’ จนน่าเศร้า เพราะแน่นอนว่า คนเราอาจจะตัดสินผู้ที่พบเห็นจากภาพลักษณ์ (ประโยคดาร์คๆ ที่มักจะได้ยินจนชาชิน…) แต่ที่เหลือนั้น มันก็ขึ้นกับส่วนประกอบอื่นๆ ในอัตราที่ไม่แตกต่างกัน และถ้าคนอื่นไม่สู้จะแคร์อะไรนักแล้วล่ะก็ คุณเองก็ควรจะรู้สึกแบบเดียวกัน และเป็นสาเหตุของข้อถัดไป นั่นคือ…

3. อย่าไปสติแตกกับสิ่งที่คนอื่นคิดมากนัก



เราไม่ได้บอกให้คุณกลายเป็นคนไร้หัวจิตหัวใจ ไม่สนความรู้สึกใดๆ ของผู้ที่อยู่รอบข้าง (ความเห็นอกเห็นใจ และความเข้าใจ ก็จัดเป็นเครื่องหมายของผู้ที่มีวุฒิภาวะ…) แต่การใส่ใจกับเสียงของคนอื่น จนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าลงมือกระทำการใดๆ นั่นก็ไม่ใช่หมุดหมายของการเป็นคนอายุ 30+ ที่ดีมากนักเช่นกัน เพราะฉะนั้น แคร์ในเรื่องที่ควร แคร์กับคนที่ควร ส่วนที่เหลือ รับฟัง และปรับใช้จะดีกว่า เพราะสุดท้าย ไม่มีใครเข้าใจตัวคุณเองได้ดีกว่าตัวเองหรอก

4. อย่าเป็น ‘คนสมบูรณ์แบบ’ และเตรียมพร้อมรับ ‘ความผิดพลาด’



ก่อนอายุ 30 เราอาจจะได้รับการปลูกฝังว่า เมื่อถึงวัยนี้ จะต้องมีบ้าน มีรถ มีความมั่นคง มีความพร้อม มีทุกสิ่งอันที่ควรจะมีและต้องมี โดยไม่เกี่ยงว่าจะชายหรือหญิง เราต่างถูกบีบคั้นคาดหวังจากสังคมและคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้เราพร้อมจะเฆี่ยนโบยชีวิตตนเองอย่างหนักหน่วงสุดความสามารถ ซึ่งความพยายามที่จะเต็มที่กับทุกอย่างที่ทำนั้น เป็นเรื่องที่ดี (อย่าทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ…) แต่การผลักตัวเองไปจนสุดขอบ มุ่งหวังการไปถึง ‘ความสมบูรณ์แบบ’ นั้น คือทริปที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมนุษย์ ต่างเรียนรู้จากประสบการณ์และการลองผิดลองถูกด้วยกันทั้งสิ้น ให้อภัยตัวเองบ้าง รักตัวเองบ้าง ความผิดพลาดคือ ‘ขั้นตอน’ ไม่ใช่ ‘อุปสรรค’ และสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าคุณเป็นคนที่แน่จริงหรือไม่ คือการที่คุณรับมืออย่างไรกับความผิดพลาดนั้นๆ มากกว่า

5. เรียนรู้อยู่เสมอ



ประโยค ‘การศึกษาเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิต’ นั้น เป็นความจริงอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะเมื่อคุณเดินทางมาถึงอายุ 30+ และนี่ไม่ใช่การเปรียบเปรยแบบนามธรรม เพราะลองมองไปรอบตัวดูสิ เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสามารถและความพร้อมนั้น ต่างเกิดขึ้นและเข้ามาอยู่ตลอดเวลา มีทักษะในการจัดการ และความรอบรู้ที่น่าอัศจรรย์ การละเลยไม่เรียนรู้เพียงนิด มันก็รับประกันว่าคุณจะถูกทิ้งห่างไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นแล้ว จงเรียนรู้ให้มาก ให้ต่อเนื่อง ทั้งจากคนรุ่นเดียวกัน คนที่ประสบความสำเร็จ รวมถึง ‘คนที่อายุน้อยกว่า’ แต่มีทักษะบางอย่างที่คนรุ่น 30+ อาจจะไม่มี เพราะมันจะทำให้คุณไม่ถูกผูกติดกับวงล้อของอายุ แต่จะเป็นคนที่ทันสมัย เข้ากันได้กับทุกวงจร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ

6. อย่าคิดว่าตนเองรู้ไปหมดทุกเรื่อง




ไม่มีอะไรจะอันตรายทางชีวิตและการทำงานได้เท่ากับการคิดว่า ตนเองรู้ซึ่งทุกสิ่งบนโลกใบนี้ เพราะแค่รูปประโยคก็ฟังดูบ้าบิ่นไร้สาระ (ศาสตร์มีเป็นล้านๆ แขนง ถ้าใครบอกว่ารู้หมดก็คงโกหกหน้าตาย…) และในขณะที่เราไม่สามารถที่จะรู้ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ การจัดตั้งแนวคิดดังกล่าว จะช่วยให้คุณเปิดกว้าง รับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีกำแพงกีดกั้นหรือเหนี่ยวรั้งใดๆ เพราะอย่างน้อย ถึงรู้ไม่หมด แต่พร้อมรับกับทุกสิ่งด้วยหัวใจที่สดใหม่ มันจะทำให้คุณดูเป็นผู้ใหญ่วัย 30+ ที่น่าคบหา น่าพูดคุย และไม่แข็งตึงจนเกินไป

7. ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ตามรูปแบบที่เหมาะสม




วัย 30+ อาจจะเป็นสิ่งที่น่าตระหนกตกใจของใครต่อใครหลายคน บ้างก็เชื่อว่า อิสรภาพและความสดใสที่เคยมีมานั้น กำลังจะผ่านพ้นไป หลายสิ่งไม่อาจทำได้ด้วยข้อจำกัดหลายต่อหลายอย่าง แต่ขอบอกว่า วัย 30+ ก็มีข้อดีที่น่าสนใจ และเหมาะสมที่จะปรับใช้เพื่อการใช้ชีวิตเหมือนกัน คุณฉลาดขึ้น คุณมีรสนิยมมากขึ้น คุณมีความรู้มากขึ้น คุณรู้จักความต้องการที่แท้จริงของตนเอง และที่สำคัญ คุณมี ‘รายได้’ ที่พอเป็นกอบเป็นกำ (หรือมีหนทางที่จะหารายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ) เหล่านี้ จะทำให้การลองผิดลองถูกในช่วงวัย 20+ ที่ผ่านมานั้น กลายเป็นเรื่องตลกไปในทันที เพราะคุณไม่ต้องไปเสียเวลาอะไรกับสิ่งที่ตนเองอาจจะไม่ชอบ ไม่ใช่ ไม่สนใจ แต่มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง นั่นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากๆ

8. อย่ากังวลกับอนาคต (จนเกินไป)



การมองอนาคตและความเป็นไปได้ด้วยความระมัดระวังนั้นเป็นสิ่งที่ดี (เหมือนขับรถ ที่ต้องเป็นไปด้วยความไม่ประมาทขาดสติ) แต่การวิตกจริตเกี่ยวกับทุกสิ่งที่จะทำ ทุกเส้นทางที่จะเลือกเดิน มันยิ่งฉุดรั้งให้คุณไม่อาจก้าวไปไหน ทำให้คุณละล้าละลัง เหน็ดเหนื่อย แต่จมอยู่กับที่ ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้คุณไม่เกิดความคิดที่จะพัฒนาใดๆ ขึ้นมา ดังนั้น อนาคต พอจะกังวลได้ แต่อย่าให้ถึงระดับที่ทำให้เป็นเดือดเป็นร้อน ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญหรือจำเป็น ก็ดังเช่นที่คนเขากล่าวไว้ในบทเพลงนั่นล่ะ … ‘Que Sera, Sera’ ให้มันเป็นไปเถอะ ถ้าทำเต็มที่และดีที่สุดแล้ว

9. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ใช่ และคนที่ใช่



แม้เราไม่อาจเห็นด้วยว่าชีวิตการทำงาน คนที่เราเชื่อใจได้นั้นมีอยู่เพียง ‘ครึ่งคน’ (นี่มันแย่กว่าเต็มหนึ่งคนเสียอีก) จากทัศนคติที่ค่อนข้างลบจนน่ากลัว แต่เราก็ไม่ปฎิเสธอีกเช่นกันว่า สิ่งดีๆ ในชีวิตวัยนี้ มันดูจะผ่านเข้ามาได้ค่อนข้างยากเย็นยิ่งกว่าเก่าก่อน (You get what you give ได้ในสิ่งที่ให้ ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอๆ…) ดังนั้น ถ้าคุณได้พบเจอกับสิ่งดีๆ หรือคนที่ดีๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณมีความหมาย อย่าได้อายที่จะรักษาสิ่งนั้นเอาไว้ รวมถึงครอบคครัว ที่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ยังเป็นเสาหลักที่สำคัญ จุดเริ่มต้น และที่พักใจที่ไม่เสื่อมคลาย เพราะคุณจะโหมชีวิตทำงานจนตัวตาย ก็ยากนักที่จะมีคนมาสนใจ นอกไปเสียจากคนที่แคร์คุณจริงๆ

เราไม่อาจจะรู้ได้ ว่าชีวิตหลังเลข 30 ของแต่ละท่านจะเป็นไปในแนวทางใด บ้างดี บ้างแย่ บ้างสมหวัง บ้างตรากตรำ แต่เชื่อเถอะว่า ชีวิตมันอาจจะไม่ง่าย มันอาจจะทำร้าย มันอาจจะทำให้เจ็บปวด แต่มัน ‘ฆ่าคุณไม่ได้’ และอะไรที่ฆ่าเราไม่ได้ มันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น มากประสบการณ์ขึ้น แต่การได้เรียนรู้ล่วงหน้า ก็อาจจะช่วยลดอาการบาดเจ็บให้ลดลงไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

กระทิงเริงร่ากระทิงเริงร่ากระทิงเริงร่ากระทิงเริงร่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่