ความพยายาม
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น”
เป็นคำคมแรกๆที่เคยได้ยินในชีวิต โดยผู้ใหญ่รอบตัวที่พยายามสั่งสอนให้เด็กทุกคนมีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนหนังสือและเป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่เด็กๆทุกคนว่า ถ้าเรามีความพยายาม ชีวิตนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมาประโยคนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายและยาวนาน เพราะมันได้พิสูจน์ตัวเองผ่านการบอกเล่าของบุคคลผู้มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จจนมีหน้ามีตาในสังคม แน่นอนว่าทุกคนมีเรื่องราวชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน นั่นก็คือ ความพยายาม
…บางคนพยายามเอาตัวรอดจากชีวิตที่ยากจนแร้นแค้นไม่มีแม้ข้าวสารกรอกหม้อ
…บางคนพยายามสร้างธุรกิจของตัวเองให้สำเร็จให้ได้ซักครั้ง แม้จะเจ๊งมานับสิบครั้ง
…บางคนพยายามล้างหนี้สินหลายสิบล้านบาทของครอบครัว แม้จะยังเรียนไม่จบ
แน่นอนว่าเมื่อถูกใช้โดยบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ทำให้ประโยคนี้ดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือและเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของใครหลายๆคน
.
.
แล้ววันหนึ่งประโยคนี้ก็เปลี่ยนไป กลายเป็น
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น”
แม้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิด แต่การเปลี่ยนให้เป็นประโยคแนวเสียดสีก็เป็นที่ถูกใจในวงกว้าง
เมื่อใครคนนึงกล่าวถึงประโยคดั้งเดิม ประโยคเสียดสีก็จะถูกยกขึ้นมาเทียบเป็นที่ขบขัน
.
.
แล้วประโยคไหน เป็นความจริง?
หากประโยคดั้งเดิม ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
ก็อาจจะกล่าวได้ว่า
ประโยคเสียดสีนั้น ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกลุ่มคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิตเช่นกัน
…บางคนพยายามอ่านหนังสือ แต่กลับสอบไม่ผ่าน
…บางคนพยายามหางานทำ แต่ไม่มีที่ไหนเรียกตัว
…บางคนพยายามตั้งใจทำงานเพื่อความก้าวหน้า แต่กลับถูกคนอื่นแซง
ประโยคเสียดสีนั้นดูมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือขึ้นมา มิใช่เพราะผู้พูดเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม หากแต่เป็นเพราะผู้พูดประโยคนี้เป็นคนธรรมดาที่มีอยู่มากมายและมีชีวิตที่ใกล้เคียงและใกล้ชิดกับเรามากกว่า
หรือจริงๆแล้ว ที่ผ่านมาเราโดนหลอก ความสำเร็จไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับความพยายามเลย ก็เราพยายามแล้วนี่นา ทำไมถึงยังไม่เจอความสำเร็จล่ะ
.
.
คำถามต่อมาคือ แล้วเราพยายามแค่ไหน?
…บางคนบอกว่าพยายามอ่านหนังสือแล้ว แต่อ่านก่อนสอบแค่คืนเดียว เรียกว่าพยายามได้ไหม?
…บางคนบอกว่าพยายามหางานทำแล้ว แต่เกรดตอนเรียนไม่ดี พยายามมานานพอไหม?
…บางคนแค่เข้ามาทำงานทุกวัน ก็บอกว่าพยายามทำงานแล้ว พยายามมากพอไหม?
.
.
เพราะโลกนี้คือการแข่งขัน หนึ่งคือแข่งกับตัวเอง สองคือแข่งกับคนอื่น
แข่งกับตัวเอง…ความพยายามที่น้อยเกินไป ไม่อาจนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
แข่งกับคนอื่น…ความพยายามแบบครึ่งๆกลางๆ ย่อมเป็นรองความพยายามอย่างหนัก
ดังนั้นแล้ว หากพยายามแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะโลกนี้ไม่ยุติธรรมหรือพวกผู้ใหญ่ใช้คำคมปลอมๆมาหลอกให้เราขยันหรอก มันก็แค่ความพยายามของเรา…มันยังไม่มากพอ
.
.
แล้วต้องพยายามแค่ไหนจึงจะมากพอ?
เมื่อความสำเร็จมีหลายระดับ จะได้รับความสำเร็จรูปแบบไหน ย่อมขึ้นอยู่กับระดับของความพยายาม แล้วพยายามแค่ไหนจึงจะเรียกว่าสำเร็จ?
ในความคิดของผม ความสำเร็จที่ได้มาจากความพยายามอย่างเต็มที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวชี้วัดใดๆ
หากเราพบคนที่ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่แล้ว ยังสอบไม่ผ่าน(ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก)
เราจะเรียกเค้าว่าเป็นคนที่ล้มเหลวหรือไม่? หากเค้าพยายามอย่างเต็มที่ เข้าเรียนทุกคาบ ทำแบบฝึกหัด เตรียมตัวอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน
คนที่พยายามทำสิ่งเหล่านี้ในสายตาของผม เค้าประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่ได้ทำการทดสอบด้วยซ้ำ
ผมเชื่อว่า หากเราได้พยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่จนสุดความสามารถ นั่นทำกับเราได้ประสบความสำเร็จในฐานะมนุษย์แล้ว
เพราะในบางครั้ง การพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ นั้นยากยิ่งกว่าการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จเสียอีก
.
.
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ประโยคนี้จึงเป็นอมตะสำหรับผมต่อไป
มิใช่เพียงเพราะ ความพยายามนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ
แต่เป็นเพราะ การได้พยามยามอย่างเต็มที่คือความสำเร็จ
ดังนั้น ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น”
…อย่างแน่นอน
ปล.เพิ่งเคยเขียนอะไรยาวๆเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก ยินดีรับคำติชม ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมาล่วงหน้าครับ
ความพยายาม...
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น”
เป็นคำคมแรกๆที่เคยได้ยินในชีวิต โดยผู้ใหญ่รอบตัวที่พยายามสั่งสอนให้เด็กทุกคนมีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียนหนังสือและเป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่เด็กๆทุกคนว่า ถ้าเรามีความพยายาม ชีวิตนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมาประโยคนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายและยาวนาน เพราะมันได้พิสูจน์ตัวเองผ่านการบอกเล่าของบุคคลผู้มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จจนมีหน้ามีตาในสังคม แน่นอนว่าทุกคนมีเรื่องราวชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน นั่นก็คือ ความพยายาม
…บางคนพยายามเอาตัวรอดจากชีวิตที่ยากจนแร้นแค้นไม่มีแม้ข้าวสารกรอกหม้อ
…บางคนพยายามสร้างธุรกิจของตัวเองให้สำเร็จให้ได้ซักครั้ง แม้จะเจ๊งมานับสิบครั้ง
…บางคนพยายามล้างหนี้สินหลายสิบล้านบาทของครอบครัว แม้จะยังเรียนไม่จบ
แน่นอนว่าเมื่อถูกใช้โดยบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ทำให้ประโยคนี้ดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือและเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของใครหลายๆคน
.
.
แล้ววันหนึ่งประโยคนี้ก็เปลี่ยนไป กลายเป็น
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น”
แม้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิด แต่การเปลี่ยนให้เป็นประโยคแนวเสียดสีก็เป็นที่ถูกใจในวงกว้าง
เมื่อใครคนนึงกล่าวถึงประโยคดั้งเดิม ประโยคเสียดสีก็จะถูกยกขึ้นมาเทียบเป็นที่ขบขัน
.
.
แล้วประโยคไหน เป็นความจริง?
หากประโยคดั้งเดิม ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
ก็อาจจะกล่าวได้ว่า
ประโยคเสียดสีนั้น ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกลุ่มคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิตเช่นกัน
…บางคนพยายามอ่านหนังสือ แต่กลับสอบไม่ผ่าน
…บางคนพยายามหางานทำ แต่ไม่มีที่ไหนเรียกตัว
…บางคนพยายามตั้งใจทำงานเพื่อความก้าวหน้า แต่กลับถูกคนอื่นแซง
ประโยคเสียดสีนั้นดูมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือขึ้นมา มิใช่เพราะผู้พูดเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม หากแต่เป็นเพราะผู้พูดประโยคนี้เป็นคนธรรมดาที่มีอยู่มากมายและมีชีวิตที่ใกล้เคียงและใกล้ชิดกับเรามากกว่า
หรือจริงๆแล้ว ที่ผ่านมาเราโดนหลอก ความสำเร็จไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับความพยายามเลย ก็เราพยายามแล้วนี่นา ทำไมถึงยังไม่เจอความสำเร็จล่ะ
.
.
คำถามต่อมาคือ แล้วเราพยายามแค่ไหน?
…บางคนบอกว่าพยายามอ่านหนังสือแล้ว แต่อ่านก่อนสอบแค่คืนเดียว เรียกว่าพยายามได้ไหม?
…บางคนบอกว่าพยายามหางานทำแล้ว แต่เกรดตอนเรียนไม่ดี พยายามมานานพอไหม?
…บางคนแค่เข้ามาทำงานทุกวัน ก็บอกว่าพยายามทำงานแล้ว พยายามมากพอไหม?
.
.
เพราะโลกนี้คือการแข่งขัน หนึ่งคือแข่งกับตัวเอง สองคือแข่งกับคนอื่น
แข่งกับตัวเอง…ความพยายามที่น้อยเกินไป ไม่อาจนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
แข่งกับคนอื่น…ความพยายามแบบครึ่งๆกลางๆ ย่อมเป็นรองความพยายามอย่างหนัก
ดังนั้นแล้ว หากพยายามแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะโลกนี้ไม่ยุติธรรมหรือพวกผู้ใหญ่ใช้คำคมปลอมๆมาหลอกให้เราขยันหรอก มันก็แค่ความพยายามของเรา…มันยังไม่มากพอ
.
.
แล้วต้องพยายามแค่ไหนจึงจะมากพอ?
เมื่อความสำเร็จมีหลายระดับ จะได้รับความสำเร็จรูปแบบไหน ย่อมขึ้นอยู่กับระดับของความพยายาม แล้วพยายามแค่ไหนจึงจะเรียกว่าสำเร็จ?
ในความคิดของผม ความสำเร็จที่ได้มาจากความพยายามอย่างเต็มที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวชี้วัดใดๆ
หากเราพบคนที่ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่แล้ว ยังสอบไม่ผ่าน(ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก)
เราจะเรียกเค้าว่าเป็นคนที่ล้มเหลวหรือไม่? หากเค้าพยายามอย่างเต็มที่ เข้าเรียนทุกคาบ ทำแบบฝึกหัด เตรียมตัวอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน
คนที่พยายามทำสิ่งเหล่านี้ในสายตาของผม เค้าประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่ได้ทำการทดสอบด้วยซ้ำ
ผมเชื่อว่า หากเราได้พยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่จนสุดความสามารถ นั่นทำกับเราได้ประสบความสำเร็จในฐานะมนุษย์แล้ว
เพราะในบางครั้ง การพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ นั้นยากยิ่งกว่าการทำสิ่งนั้นให้สำเร็จเสียอีก
.
.
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ประโยคนี้จึงเป็นอมตะสำหรับผมต่อไป
มิใช่เพียงเพราะ ความพยายามนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ
แต่เป็นเพราะ การได้พยามยามอย่างเต็มที่คือความสำเร็จ
ดังนั้น ขอเพียงมีความมุ่งมั่นตั้งใจ
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น”
…อย่างแน่นอน
ปล.เพิ่งเคยเขียนอะไรยาวๆเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก ยินดีรับคำติชม ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมาล่วงหน้าครับ