.
.
.
.
.
.
.
.
.
....สวัสดีค่ะ แฟนๆ Make It Right (รักออกเดิน) ..ทุกๆท่าน ไม่น่าเชื่อว่าเราจะออกเดินกันมาจนถึง EP.11 แล้วเนอะ สำหรับ EP.11 นี้ ก็ยังคงเส้นคงวา
ยังไม่ถึงกับมาสเตอร์พีชเท่ากับ EP.8 (ขุ่นแม่ยกให้EP.8 เป็นมาสเตอร์พีชตลอดกาลสำหรับ ซีซั่น1)...ที่ทำเอาพวกเราจิกหมอนขนเป็ดขนห่านฉีกขาดกระจัดกระจายไปทั่วบ้านทั่วเมือง...
ในEP.11 นี้ขุ่นแม่ขออนุญาต บรรยายและสอดแทรกสาระไปเป็นคู่ๆเลยก็แล้วกันนะคะ คงจะไม่เรียงตามลำดับตอนที่ออกอากาศ
เอาหล่ะ..เรามาเริ่มกันที่คู่แรกเลยดีกว่า คู่เปิดฉากของ EP.11 ก็คือ พี่นาย-รถถัง
ทั้งคู่ยังคงอยู่ที่โรงเรียนต่อเนื่องจาก EP.10 อันนี้ขุ่นแม่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กๆไม่ยอมกลับบ้าน หรืออยู่ที่โรงเรียนแล้วสบายใจ อยู่กันได้จนดึกดื่นขนาดนั้น...ซึ่งเปิดฉากมาก็ขายของกันเลยทีเดียว อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน โฆษณาแต่พองาม เนียนๆ
หลังจากรถถังตื่น ทั้งสองคนก็พากันเอาไม่คฑาไปเก็บ ตรงนี้...ไม่รู้ว่าขุ่นแม่ตาฝาดหรือมองไม่ทัน คือว่า ตอนแรกคฑามีอันเดียว แต่พอไปถึงห้องเก็บของ ทั้งพี่นายและรถถังถือคฑามาคนละอันเฉยเลย...อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิด แต่มันคือจุดที่สังเกตได้ทันพอดีเลยเอามาฟ้อง เอ๊ย..เอามาเม้าท์เล่นๆ ก็ปล่อยผ่านๆไป ขำๆ
แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้พี่นายเจ็บและเป็นแผลที่หัวเข่า....เอาจริงๆแล้ว จากEP.8 ขุ่นแม่หวังว่าต่อไป คู่นี้จะเป็นคู่ที่หวานชื่น น่ารัก กระชากต่อมฟินมากที่สุด..แต่กลับกลายเป็นว่า ตั้งแต่ EP.9 เป็นต้นมา ทำไมขุ่นแม่ไม่รู้สึกฟินกับคู่นี้เลยอ่ะ แต่ก็มีบางช่วงที่อินจัดเลยกับคู่นี้ พี่นายบางทีก็ดูกระโชกโฮกฮาก ปากไม่ตรงกับใจ ส่วนรถถังนี้ก็สายอ่อย อ่อยจัดมาก แต่ก็ดูน่ารักน่าหมันไส้...
ป.ล. โรงเรียนนี้ดี๊ดีเปิด 24 ชั่วโมง ดึกขนาดนี้ ห้องพยาบาลยังเปิดให้บริการ ฮ่าๆ จากในเรื่องเหตุการณ์ช่วงนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า สาม-สี่ทุ่มนะ
แต่อย่างไรก็ตาม...ขุ่นแม่ยังเห็นจุดดีงามของฉากคู่พี่นาย-รถถัง ในซีนนี้...ที่รถถังกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอุปกรณ์มาทำแผลให้พี่นาย แล้วพี่นายก็มองการกระทำของรถถังพร้อมกับเผยยิ้มออกมา
รอยยิ้มที่มองไม่เห็น ใช่แล้ว ถ้าเราเป็นรถถังเราจะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มนี้ของพี่นาย
จขกท.มีเรื่องนึงอยากจะเล่าให้ฟังครับ เกี่ยวกับรอยยิ้มนี่แหล่ะ (อย่าเพิ่งเบื่อกันนะที่ จขกท.เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน ^^) คือว่า ตอนจขกท.เรียนปี 1 ก็มีกิจกรรมกีฬาเฟรชชี่ คือกีฬาสำหรับปีหนึ่งทุกคณะที่จะมาแข่งขันกัน จขกท.เองได้ทำในส่วนของสต๊าฟพยาบาล ก็มีหน้าที่ประจำอยู่ตามสนามกีฬาแล้วก็ปฐมพยาบาลนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บ จขกท.ได้ไปประจำที่สนามแข่งบาสซึ่งคณะเกษตร (ที่จขกท.เรียนครับ) แข่งกับคณะวิศวะ แล้ววันนั้นมีนักกีฬาของวิศวะ ล้มแล้วเข่าเป็นแผล รุ่นพี่ก็ให้ จขกท.ทำแผลให้ตามที่ได้อบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมา ค่อนข้างตื่นเต้นนะครับ เพราะเป็นเคสแรกที่ได้ทำแผล แต่ก็พยายามทำให้เบามือที่สุด แล้วบังเอิญนักกีฬาคนนั้นอยู่หอเดียวกับ จขกท. ก็เลยรู้จักกัน จนกลายมาเป็นเพื่อนกัน พอมาปี2 เพื่อนคนนี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตช่วงปิดเทอม ซึ่งเป็นเรื่องที่ จขกท.ช๊อคและเสียใจมาก หลังจากงานศพเสร็จเรียบร้อยทางครอบครัวของเพื่อนคนนี้ก็มาเก็บของที่ห้องออกจากหอ จขกท.ก็ได้ไปช่วยเก็บด้วย สิ่งที่ทำให้ จขกท.ถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาคือ จขกท.ไปเจอ ถุงซิปยาถุงนึงถูกเก็บรักษาใส่กล่องอย่างดี ในนั้นมีหลอดยาทาแผลเล็กๆที่ถูกใช้จนหมดจนหลอดยาลีบแบนแล้วก็ซากพลาสเตอร์ปิดแผลกับผ้าก๊อตที่ยังมีคราบเลือดกับยาเบตาดีนแห้งติดอยู่มันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี มีกระดาษโน๊ตเล็กๆเขียนว่า
"สต๊าฟพยาบาลเกษตรทำแผลให้ แข่งบาสกีฬาเฟรชชี่"....อ่านแล้วมันจุกอกอ่ะ น้ำตาซึม คือแบบ
ตอนที่นายเก็บของสิ่งนี้ นายคงยิ้มใช่ไหม แล้วตอนนี้นายอยู่บนฟ้า นายเห็นรอยยิ้มของเราไหม..นายเห็นไหม...
มาต่อกันที่คู่ที่2 เฟรม-บุ๊ค คู่นี้ในEP.นี้ สว่างที่สุดแล้วหล่ะค่ะ สว่างในที่นี้คือแบบ ค่อนข้างจะเคลียร์จากEP.10 มาก และค่อนข้างชัดเจน ดูไปดูมา ขุ่นแม่คิดว่า เฟรม-บุ๊ค นี่เป็นคู่หลักของซีรีย์นี้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ คือแบบ อย่างที่ชอบพูดบ่อยๆว่า คู่นี้มีความเรียลมาก คือสมจริง มีอยู่จริงและสัมผัสได้ สำหรับซีนนี้ ต้องยอมใจบุ๊คนะ ที่เลือกที่จะเผชิญหน้า ทั้งๆที่จะเดินลงบันไดหนีเฟรมก็ได้
..การเลือกที่จะเผชิญหน้ากับคนที่เราบาดหมางกันอยู่ ถึงจะยังเคลียร์กันไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ยังมีความคืบหน้าของพฤติกรรมฝ่ายตรงข้ามว่า ไม่ได้นิ่งเฉยหรือไม่ใส่ใจ
..สำหรับเฟรมแล้ว สิ่งที่เฟรมคิดคือบุ๊คยังโกรธจากการที่ถูกเพื่อนๆแซว แต่ความจริงบุ๊คโกรธที่เจอเฟรมกับน้าสาวในวันนั้นต่างหาก ทั้งสองคนคิดมาคนละเรื่องเดียวกัน ต้องนับถือใจเฟรมนะที่มารอง้อบุ๊ค
และการที่เราเลือกที่จะปิดกั้นคำขอโทษหรือคำอธิบายใดๆจากฝ่ายตรงข้าม ทำให้เราไม่มีทางรู้เลยว่า หลังจากที่เราเดินหนีออกมา อีกคนมีสีหน้าอย่างไร
เหมือนซีนนี้ บุ๊คจะไม่มีทางเห็นสีหน้าของเฟรมเลยว่า รู้สึกผิดหวังมากแค่ไหน มีแต่คนดูอย่างเราเท่านั้นที่เห็นและเข้าใจ
ในชีวิตจริงก็เหมือนกัน หากมีปัญหากันควรหันหน้ามาคุยกันในวันที่ความรู้สึกพร้อมทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่พร้อมก็จะมีการปิดกั้นเกิดขึ้น และบางทีเราอาจจะไม่รู้สึกตัวเลยว่า กำลังทำร้ายคนๆนึงด้วย...ความเงียบ
การง้อรอบที่2ของเฟรมเกิดขึ้น คราวนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนๆ ซึ่ง...ซีนนี้คิดว่าบุ๊คจะโกรธหนักมาก เพราะมีเพื่อนๆอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถือว่าเฟรมกล้ามากที่ทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ
และซีนนี้ที่ประหลาดใจมาก ทำแบบนี้ต่อหน้าคุณครู บุ๊คควรจะโกรธมาก ตามเหตุผลที่ควรจะเป็น เพราะครั้งที่แล้วแค่โดนเพื่อนแซวบุ๊คยังโกรธมาก แต่นี้ถึงกับทำแบบนี้ต่อหน้าคุณครู บุ๊คควรจะโกรธมากกว่าไหม? แต่ก็ไม่ มันดูขัดๆอ่ะ (ความรู้สึกส่วนตัวของขุ่นแม่เองนะ) แต่ก็โอเค ถือว่าเป็นซีนมุ้งมิ้งอีกซีนที่คู่เฟรม-บุ๊ค แสดงออกมาได้ดี
..สำหรับซีนสุดท้ายของคู่เฟรม-บุ๊ค ที่ในที่สุดก็ปรับความเข้าใจกันได้ ขุ่นแม่ชอบตอนที่บุ๊คขอโทษเฟรมหลังจากที่รู้ความจริงว่า ผู้หญิงคนนั้นคือน้าสาวของเฟรม บุ๊คก็รีบขอโทษออกมาโดยไม่ลังเลหรือวางฟอร์มอะไรเลย ต้องขอชมนะ เพราะรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดก็ควรจะขอโทษแบบนี้ ไม่ใช่มัวแต่กลัวว่าจะเสียฟอร์ม .....แล้วความคลี่คลายก็เกิดขึ้นระหว่างเฟรมกับบุ๊ค EP.12 คู่นี้คงจะดีขึ้น
ในชีวิตจริง : การขอโทษใครซักคนเมื่อเราเป็นฝ่ายผิด ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าเราขอโทษออกมาจากใจจริงๆ เข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามคงจะให้อภัยและเข้าใจเรา ไม่มีใครโกรธเราเพราะคำขอโทษของเราหรอก นอกจากเราจะใช้คำขอโทษนั้น..บ่อยจนเกินไป
..มาถึงคู่เอกของเรา ธีร์-ฟิว คู่นี้ ยังคงวีนเหวี่ยงกันต่อจาก EP.10 ฟิวยังคงอยากไปนอนบ้านธีร์ นางก็เลยเกิดอาการเหวี่ยงอย่างรุนแรงเพราะถูกผู้ชายปฏิเสธ และสิ่งที่ฟิวแสดงออกมาในEP.นี้อย่างชัดเจนคือ
ตัวอย่างของคนที่ไม่เชื่อใจกัน เห็นได้ชัดว่า ฟิวยังไม่เชื่อใจธีร์ไม่เชื่อเหตุผลของธีร์ที่ธีร์บอกว่าไม่ให้ไปนอนบ้านเพราะต้องทำการบ้าน ฟิวก็เลยหงุดหงิดกลับมาบ้านก็ยังหงุดหงิด แล้วยิ่งไปเห็นเฟซบุ๊คของธีร์ที่มีการตั้งสถานะเมื่อไม่นานมานี้ แต่ทำไมไม่ตอบไลน์ของตัวเอง ยิ่งทำให้ฟิวโกรธ จนเกิดการเหวี่ยงกันทางโทรศัพท์ขึ้น
ในชีวิตจริง : อาการนี้เป็นอาการของคนที่เป็นแฟนกันแล้วหรือเพิ่งเริ่มจะคบกัน อันที่จริงฟิวก็ไม่ควรจะมีอาการเหวี่ยงวีนถึงขนาดนี้เพราะทั้งสองคนแค่รู้ๆกันว่ารู้สึกต่อกันยังไงแต่ยังไม่ได้เปิดตัวหรือตกลงเป็นแฟนกันเลย (แค่มีอะไรกันเฉยๆเองนะ) ที่สำคัญฟิวก็ยังมี..ชะนีจีน!!
ตอนเช้า ธีร์ รีบมาง้อฟิว แต่ฟิวก็งี่เง่า ไม่ฟังคำอธิบายอะไร ฉากนี้ ขุ่นแม่ก็ยังคงไม่ชินและเบื่อกับการเสียงดังและขึ้นเสียงสูงของฟิว ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่ชินซักที เจอแบบนี้มาทุก EP.ก็ยังไม่ชินกับโทนเสียงสูงของฟิว ไม่รู้ไม่ชิน.....และก็คงจะไม่ชินต่อไป...
เมื่อเราเดินหนีออกมา..เราจะไม่ทีทางเห็นเลยว่า คนข้างหลังของเรามีท่าทีอย่างไร ถ้าเราอยู่ต่อ เราก็จะได้ฟังเหตุผลที่เราต้องการจะฟังและความรู้สึกอาจจะดีขึ้น แต่ถ้าเราเดินหนีออกมาเราก็จะเดินออกมาพร้อมกับคำถามมากมายและคำตอบที่เราคิดไปเองฝ่ายเดียว...ซึ่งแน่นอนมันเป็นด้านลบของความรู้สึกของเรา....
..คนที่ไม่ผิด....แต่ต้องมารู้สึกผิด ที่ไม่สามารถจะอธิบายอะไรออกไปได้
คนที่ผิด....แต่ไม่รู้ตัวว่าผิด ก็ต้องมานั่งวางฟอร์มว่าจะทำยังไงดี ออกตัวแรงไปแล้ว จะง้อก็เสียฟอร์ม คนแบบนี้แหล่ะที่จะมานั่งเสียใจเองทีหลัง ก็เลือกเอาว่าจะอยู่กับฟอร์มตัวเอง หรือจะอยู่กับคนที่ตัวเองรัก ถ้าเลือกฟอร์มเราอาจจะเสียคนที่รักเราไปตลอดกาล..
สรุปสำหรับคู่ ธีร์-ฟิว ก็ยังคงพ่อแง่ แม่.....งอนกันอยู่ แต่รู้สึกว่า ฟิวจะเหวี่ยงวีนเว่อร์มาก คือแบบ แฟนก็ไม่ใช่ และตัวเองก็ยังมีชะนีจีนอยู่ ผู้ชายแมนๆที่ไม่ใช่นิสัยตุ๊ด ในโลกความจริงจะไม่รู้สึกและมีพฤติกรรมแบบฟิวเด็ดขาด ต้องลุ้น EP.หน้าว่า ใครจะเป็นฝ่ายง้อใคร หรือจะจบลงยังไง..สำหรับคู่นี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขุ่นแม่ ชอบปากกาพัดลมหมุนๆของคุณครูท่านนี้มาก คือแบบมันเก๋ไก๋ มันสไลด์เดอร์มาก ฮ่าๆ และคุณครูก็ช่างชี้โพรงให้เฟรม-บุ๊คมาก ที่บอกว่า โรงเรียนนะจ๊ะไม่ใช่โรงแรม ฮ่าๆ คือฮาอ่ะ ชอบๆซีนนี้ที่เข้ามาเบรกความอึมครึมได้เป็นอย่างดี
สำหรับคู่อึมครึมสุดๆอย่าง เจ้ฟริ้ง พี่แทน และมุก คือ....ไม่ต้องมีก็ได้นะ เจ้ฟริ้งขายครีมอย่างเดียวก็พอละ แต่มาคิดในอีกมุมนึง ซีรีย์คงต้องการสื่อให้เห็นมุมมองความรักที่หลากหลาย ทั้งชาย-หญิง ทอม ดี้ เกย์ ก็โอเคนะ เป็นกำไรของคนดูที่ได้เห็นความหลากหลายทางชีววิทยา ^^
คงต้องขอจบกันเพียงเท่านี้ สำหรับ MIR EP.11 พบกันใหม่ EP.12 นะคะ เราจะมาฟินด้วยกันอีก เพื่อนๆคนไหนมีอะไรเพิ่มเติม ก็มาแสดงความคิดเห็นกันอีกนะ เยอะๆเลย สนุกดี
....................See You In EP.12............................
@@[กระทู้เฉพาะกิจ]..ขุ่นแม่มาเม้าท์....ซีรีย์ Make It Right(รักออกเดิน)..EP.11@@
.
.
.
.
.
.
.
.
....สวัสดีค่ะ แฟนๆ Make It Right (รักออกเดิน) ..ทุกๆท่าน ไม่น่าเชื่อว่าเราจะออกเดินกันมาจนถึง EP.11 แล้วเนอะ สำหรับ EP.11 นี้ ก็ยังคงเส้นคงวา
ยังไม่ถึงกับมาสเตอร์พีชเท่ากับ EP.8 (ขุ่นแม่ยกให้EP.8 เป็นมาสเตอร์พีชตลอดกาลสำหรับ ซีซั่น1)...ที่ทำเอาพวกเราจิกหมอนขนเป็ดขนห่านฉีกขาดกระจัดกระจายไปทั่วบ้านทั่วเมือง...
ในEP.11 นี้ขุ่นแม่ขออนุญาต บรรยายและสอดแทรกสาระไปเป็นคู่ๆเลยก็แล้วกันนะคะ คงจะไม่เรียงตามลำดับตอนที่ออกอากาศ
เอาหล่ะ..เรามาเริ่มกันที่คู่แรกเลยดีกว่า คู่เปิดฉากของ EP.11 ก็คือ พี่นาย-รถถัง
ทั้งคู่ยังคงอยู่ที่โรงเรียนต่อเนื่องจาก EP.10 อันนี้ขุ่นแม่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเด็กๆไม่ยอมกลับบ้าน หรืออยู่ที่โรงเรียนแล้วสบายใจ อยู่กันได้จนดึกดื่นขนาดนั้น...ซึ่งเปิดฉากมาก็ขายของกันเลยทีเดียว อันนี้เข้าใจไม่ว่ากัน โฆษณาแต่พองาม เนียนๆ
หลังจากรถถังตื่น ทั้งสองคนก็พากันเอาไม่คฑาไปเก็บ ตรงนี้...ไม่รู้ว่าขุ่นแม่ตาฝาดหรือมองไม่ทัน คือว่า ตอนแรกคฑามีอันเดียว แต่พอไปถึงห้องเก็บของ ทั้งพี่นายและรถถังถือคฑามาคนละอันเฉยเลย...อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิด แต่มันคือจุดที่สังเกตได้ทันพอดีเลยเอามาฟ้อง เอ๊ย..เอามาเม้าท์เล่นๆ ก็ปล่อยผ่านๆไป ขำๆ
แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ทำให้พี่นายเจ็บและเป็นแผลที่หัวเข่า....เอาจริงๆแล้ว จากEP.8 ขุ่นแม่หวังว่าต่อไป คู่นี้จะเป็นคู่ที่หวานชื่น น่ารัก กระชากต่อมฟินมากที่สุด..แต่กลับกลายเป็นว่า ตั้งแต่ EP.9 เป็นต้นมา ทำไมขุ่นแม่ไม่รู้สึกฟินกับคู่นี้เลยอ่ะ แต่ก็มีบางช่วงที่อินจัดเลยกับคู่นี้ พี่นายบางทีก็ดูกระโชกโฮกฮาก ปากไม่ตรงกับใจ ส่วนรถถังนี้ก็สายอ่อย อ่อยจัดมาก แต่ก็ดูน่ารักน่าหมันไส้...
ป.ล. โรงเรียนนี้ดี๊ดีเปิด 24 ชั่วโมง ดึกขนาดนี้ ห้องพยาบาลยังเปิดให้บริการ ฮ่าๆ จากในเรื่องเหตุการณ์ช่วงนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า สาม-สี่ทุ่มนะ
แต่อย่างไรก็ตาม...ขุ่นแม่ยังเห็นจุดดีงามของฉากคู่พี่นาย-รถถัง ในซีนนี้...ที่รถถังกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมอุปกรณ์มาทำแผลให้พี่นาย แล้วพี่นายก็มองการกระทำของรถถังพร้อมกับเผยยิ้มออกมา
รอยยิ้มที่มองไม่เห็น ใช่แล้ว ถ้าเราเป็นรถถังเราจะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มนี้ของพี่นาย
จขกท.มีเรื่องนึงอยากจะเล่าให้ฟังครับ เกี่ยวกับรอยยิ้มนี่แหล่ะ (อย่าเพิ่งเบื่อกันนะที่ จขกท.เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน ^^) คือว่า ตอนจขกท.เรียนปี 1 ก็มีกิจกรรมกีฬาเฟรชชี่ คือกีฬาสำหรับปีหนึ่งทุกคณะที่จะมาแข่งขันกัน จขกท.เองได้ทำในส่วนของสต๊าฟพยาบาล ก็มีหน้าที่ประจำอยู่ตามสนามกีฬาแล้วก็ปฐมพยาบาลนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บ จขกท.ได้ไปประจำที่สนามแข่งบาสซึ่งคณะเกษตร (ที่จขกท.เรียนครับ) แข่งกับคณะวิศวะ แล้ววันนั้นมีนักกีฬาของวิศวะ ล้มแล้วเข่าเป็นแผล รุ่นพี่ก็ให้ จขกท.ทำแผลให้ตามที่ได้อบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมา ค่อนข้างตื่นเต้นนะครับ เพราะเป็นเคสแรกที่ได้ทำแผล แต่ก็พยายามทำให้เบามือที่สุด แล้วบังเอิญนักกีฬาคนนั้นอยู่หอเดียวกับ จขกท. ก็เลยรู้จักกัน จนกลายมาเป็นเพื่อนกัน พอมาปี2 เพื่อนคนนี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตช่วงปิดเทอม ซึ่งเป็นเรื่องที่ จขกท.ช๊อคและเสียใจมาก หลังจากงานศพเสร็จเรียบร้อยทางครอบครัวของเพื่อนคนนี้ก็มาเก็บของที่ห้องออกจากหอ จขกท.ก็ได้ไปช่วยเก็บด้วย สิ่งที่ทำให้ จขกท.ถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาคือ จขกท.ไปเจอ ถุงซิปยาถุงนึงถูกเก็บรักษาใส่กล่องอย่างดี ในนั้นมีหลอดยาทาแผลเล็กๆที่ถูกใช้จนหมดจนหลอดยาลีบแบนแล้วก็ซากพลาสเตอร์ปิดแผลกับผ้าก๊อตที่ยังมีคราบเลือดกับยาเบตาดีนแห้งติดอยู่มันถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี มีกระดาษโน๊ตเล็กๆเขียนว่า "สต๊าฟพยาบาลเกษตรทำแผลให้ แข่งบาสกีฬาเฟรชชี่"....อ่านแล้วมันจุกอกอ่ะ น้ำตาซึม คือแบบ ตอนที่นายเก็บของสิ่งนี้ นายคงยิ้มใช่ไหม แล้วตอนนี้นายอยู่บนฟ้า นายเห็นรอยยิ้มของเราไหม..นายเห็นไหม...
มาต่อกันที่คู่ที่2 เฟรม-บุ๊ค คู่นี้ในEP.นี้ สว่างที่สุดแล้วหล่ะค่ะ สว่างในที่นี้คือแบบ ค่อนข้างจะเคลียร์จากEP.10 มาก และค่อนข้างชัดเจน ดูไปดูมา ขุ่นแม่คิดว่า เฟรม-บุ๊ค นี่เป็นคู่หลักของซีรีย์นี้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ คือแบบ อย่างที่ชอบพูดบ่อยๆว่า คู่นี้มีความเรียลมาก คือสมจริง มีอยู่จริงและสัมผัสได้ สำหรับซีนนี้ ต้องยอมใจบุ๊คนะ ที่เลือกที่จะเผชิญหน้า ทั้งๆที่จะเดินลงบันไดหนีเฟรมก็ได้
..การเลือกที่จะเผชิญหน้ากับคนที่เราบาดหมางกันอยู่ ถึงจะยังเคลียร์กันไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ยังมีความคืบหน้าของพฤติกรรมฝ่ายตรงข้ามว่า ไม่ได้นิ่งเฉยหรือไม่ใส่ใจ
..สำหรับเฟรมแล้ว สิ่งที่เฟรมคิดคือบุ๊คยังโกรธจากการที่ถูกเพื่อนๆแซว แต่ความจริงบุ๊คโกรธที่เจอเฟรมกับน้าสาวในวันนั้นต่างหาก ทั้งสองคนคิดมาคนละเรื่องเดียวกัน ต้องนับถือใจเฟรมนะที่มารอง้อบุ๊ค
และการที่เราเลือกที่จะปิดกั้นคำขอโทษหรือคำอธิบายใดๆจากฝ่ายตรงข้าม ทำให้เราไม่มีทางรู้เลยว่า หลังจากที่เราเดินหนีออกมา อีกคนมีสีหน้าอย่างไร
เหมือนซีนนี้ บุ๊คจะไม่มีทางเห็นสีหน้าของเฟรมเลยว่า รู้สึกผิดหวังมากแค่ไหน มีแต่คนดูอย่างเราเท่านั้นที่เห็นและเข้าใจ
ในชีวิตจริงก็เหมือนกัน หากมีปัญหากันควรหันหน้ามาคุยกันในวันที่ความรู้สึกพร้อมทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่พร้อมก็จะมีการปิดกั้นเกิดขึ้น และบางทีเราอาจจะไม่รู้สึกตัวเลยว่า กำลังทำร้ายคนๆนึงด้วย...ความเงียบ
การง้อรอบที่2ของเฟรมเกิดขึ้น คราวนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าเพื่อนๆ ซึ่ง...ซีนนี้คิดว่าบุ๊คจะโกรธหนักมาก เพราะมีเพื่อนๆอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถือว่าเฟรมกล้ามากที่ทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ
และซีนนี้ที่ประหลาดใจมาก ทำแบบนี้ต่อหน้าคุณครู บุ๊คควรจะโกรธมาก ตามเหตุผลที่ควรจะเป็น เพราะครั้งที่แล้วแค่โดนเพื่อนแซวบุ๊คยังโกรธมาก แต่นี้ถึงกับทำแบบนี้ต่อหน้าคุณครู บุ๊คควรจะโกรธมากกว่าไหม? แต่ก็ไม่ มันดูขัดๆอ่ะ (ความรู้สึกส่วนตัวของขุ่นแม่เองนะ) แต่ก็โอเค ถือว่าเป็นซีนมุ้งมิ้งอีกซีนที่คู่เฟรม-บุ๊ค แสดงออกมาได้ดี
..สำหรับซีนสุดท้ายของคู่เฟรม-บุ๊ค ที่ในที่สุดก็ปรับความเข้าใจกันได้ ขุ่นแม่ชอบตอนที่บุ๊คขอโทษเฟรมหลังจากที่รู้ความจริงว่า ผู้หญิงคนนั้นคือน้าสาวของเฟรม บุ๊คก็รีบขอโทษออกมาโดยไม่ลังเลหรือวางฟอร์มอะไรเลย ต้องขอชมนะ เพราะรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดก็ควรจะขอโทษแบบนี้ ไม่ใช่มัวแต่กลัวว่าจะเสียฟอร์ม .....แล้วความคลี่คลายก็เกิดขึ้นระหว่างเฟรมกับบุ๊ค EP.12 คู่นี้คงจะดีขึ้น
ในชีวิตจริง : การขอโทษใครซักคนเมื่อเราเป็นฝ่ายผิด ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าเราขอโทษออกมาจากใจจริงๆ เข้าใจว่าฝ่ายตรงข้ามคงจะให้อภัยและเข้าใจเรา ไม่มีใครโกรธเราเพราะคำขอโทษของเราหรอก นอกจากเราจะใช้คำขอโทษนั้น..บ่อยจนเกินไป
..มาถึงคู่เอกของเรา ธีร์-ฟิว คู่นี้ ยังคงวีนเหวี่ยงกันต่อจาก EP.10 ฟิวยังคงอยากไปนอนบ้านธีร์ นางก็เลยเกิดอาการเหวี่ยงอย่างรุนแรงเพราะถูกผู้ชายปฏิเสธ และสิ่งที่ฟิวแสดงออกมาในEP.นี้อย่างชัดเจนคือ ตัวอย่างของคนที่ไม่เชื่อใจกัน เห็นได้ชัดว่า ฟิวยังไม่เชื่อใจธีร์ไม่เชื่อเหตุผลของธีร์ที่ธีร์บอกว่าไม่ให้ไปนอนบ้านเพราะต้องทำการบ้าน ฟิวก็เลยหงุดหงิดกลับมาบ้านก็ยังหงุดหงิด แล้วยิ่งไปเห็นเฟซบุ๊คของธีร์ที่มีการตั้งสถานะเมื่อไม่นานมานี้ แต่ทำไมไม่ตอบไลน์ของตัวเอง ยิ่งทำให้ฟิวโกรธ จนเกิดการเหวี่ยงกันทางโทรศัพท์ขึ้น
ในชีวิตจริง : อาการนี้เป็นอาการของคนที่เป็นแฟนกันแล้วหรือเพิ่งเริ่มจะคบกัน อันที่จริงฟิวก็ไม่ควรจะมีอาการเหวี่ยงวีนถึงขนาดนี้เพราะทั้งสองคนแค่รู้ๆกันว่ารู้สึกต่อกันยังไงแต่ยังไม่ได้เปิดตัวหรือตกลงเป็นแฟนกันเลย (แค่มีอะไรกันเฉยๆเองนะ) ที่สำคัญฟิวก็ยังมี..ชะนีจีน!!
ตอนเช้า ธีร์ รีบมาง้อฟิว แต่ฟิวก็งี่เง่า ไม่ฟังคำอธิบายอะไร ฉากนี้ ขุ่นแม่ก็ยังคงไม่ชินและเบื่อกับการเสียงดังและขึ้นเสียงสูงของฟิว ไม่รู้ว่าทำไมยังไม่ชินซักที เจอแบบนี้มาทุก EP.ก็ยังไม่ชินกับโทนเสียงสูงของฟิว ไม่รู้ไม่ชิน.....และก็คงจะไม่ชินต่อไป...
เมื่อเราเดินหนีออกมา..เราจะไม่ทีทางเห็นเลยว่า คนข้างหลังของเรามีท่าทีอย่างไร ถ้าเราอยู่ต่อ เราก็จะได้ฟังเหตุผลที่เราต้องการจะฟังและความรู้สึกอาจจะดีขึ้น แต่ถ้าเราเดินหนีออกมาเราก็จะเดินออกมาพร้อมกับคำถามมากมายและคำตอบที่เราคิดไปเองฝ่ายเดียว...ซึ่งแน่นอนมันเป็นด้านลบของความรู้สึกของเรา....
..คนที่ไม่ผิด....แต่ต้องมารู้สึกผิด ที่ไม่สามารถจะอธิบายอะไรออกไปได้
คนที่ผิด....แต่ไม่รู้ตัวว่าผิด ก็ต้องมานั่งวางฟอร์มว่าจะทำยังไงดี ออกตัวแรงไปแล้ว จะง้อก็เสียฟอร์ม คนแบบนี้แหล่ะที่จะมานั่งเสียใจเองทีหลัง ก็เลือกเอาว่าจะอยู่กับฟอร์มตัวเอง หรือจะอยู่กับคนที่ตัวเองรัก ถ้าเลือกฟอร์มเราอาจจะเสียคนที่รักเราไปตลอดกาล..
สรุปสำหรับคู่ ธีร์-ฟิว ก็ยังคงพ่อแง่ แม่.....งอนกันอยู่ แต่รู้สึกว่า ฟิวจะเหวี่ยงวีนเว่อร์มาก คือแบบ แฟนก็ไม่ใช่ และตัวเองก็ยังมีชะนีจีนอยู่ ผู้ชายแมนๆที่ไม่ใช่นิสัยตุ๊ด ในโลกความจริงจะไม่รู้สึกและมีพฤติกรรมแบบฟิวเด็ดขาด ต้องลุ้น EP.หน้าว่า ใครจะเป็นฝ่ายง้อใคร หรือจะจบลงยังไง..สำหรับคู่นี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขุ่นแม่ ชอบปากกาพัดลมหมุนๆของคุณครูท่านนี้มาก คือแบบมันเก๋ไก๋ มันสไลด์เดอร์มาก ฮ่าๆ และคุณครูก็ช่างชี้โพรงให้เฟรม-บุ๊คมาก ที่บอกว่า โรงเรียนนะจ๊ะไม่ใช่โรงแรม ฮ่าๆ คือฮาอ่ะ ชอบๆซีนนี้ที่เข้ามาเบรกความอึมครึมได้เป็นอย่างดี
สำหรับคู่อึมครึมสุดๆอย่าง เจ้ฟริ้ง พี่แทน และมุก คือ....ไม่ต้องมีก็ได้นะ เจ้ฟริ้งขายครีมอย่างเดียวก็พอละ แต่มาคิดในอีกมุมนึง ซีรีย์คงต้องการสื่อให้เห็นมุมมองความรักที่หลากหลาย ทั้งชาย-หญิง ทอม ดี้ เกย์ ก็โอเคนะ เป็นกำไรของคนดูที่ได้เห็นความหลากหลายทางชีววิทยา ^^
คงต้องขอจบกันเพียงเท่านี้ สำหรับ MIR EP.11 พบกันใหม่ EP.12 นะคะ เราจะมาฟินด้วยกันอีก เพื่อนๆคนไหนมีอะไรเพิ่มเติม ก็มาแสดงความคิดเห็นกันอีกนะ เยอะๆเลย สนุกดี