"ธรรมกาย" ยิ่งสู้ ยิ่งเสื่อม

กระทู้สนทนา
ข่าวเก่า แต่ก็ยังทันสมัย....

คอลัมน์ เส้นใต้บรรทัด
โดย จิตกร บุษบา
แนวหน้าออนไลน์

http://www.naewna.com/politic/columnist/24644?fb_comment_id=1176392695760023_1176528992413060#f369b8348


'ธรรมกาย' ยิ่งสู้ ยิ่งเสื่อม

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวทีนิวส์รายงานว่า พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร และพระภาสุระ ทันตมโน ผู้ประสานงานสำนักต่างประเทศวัดพระธรรมกาย ได้นำจดหมายที่ทางองค์กรสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลกได้ส่งมาทางอีเมล์ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา

เพื่อเรียกร้องให้หาสันติวิธี ยุติการละเมิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงการใช้กำลังและความรุนแรงกับพระธัมมชโย ที่ขณะนี้กำลังอาพาธ องค์กรดังกล่าวจึงมีความเป็นห่วงและกังวลที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ แนวทางสันติวิธีจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากพระธัมมชโยยังคงอยู่ภายในวัดและไม่ได้เดินทางออกนอกวัดแต่อย่างใด จึงไม่ควรให้เรื่องบานปลายเช่นนี้ และยังยืนยันให้ทางดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบได้ตลอดเวลา ส่วนการประสานงานจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีก็ระบุว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างละมุนละม่อมและไม่ใช้กำลัง

ส่วนกรณี ที่มีการวางลวดหนามบริเวณรอบวัดพระธรรมกาย เนื่องจากเป็นการเพิ่มความสูงของรั้วที่เป็นรอยต่อระหว่างพื้นที่วัดและเอกชน จึงต้องทำให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่คอยให้คำแนะนำในการป้องกันมือที่สามที่อาจจะเข้ามาก่อกวนมาปรับใช้กับทางวัด ซึ่งอาจเป็นภาพที่ดูขึงขัง แต่ยืนยันว่า ไม่มีความรุนแรงอย่างแน่นอน ทั้งนี้ การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะวางไว้นานแค่ไหน

ส่วนที่ทางวัดได้ประสานกับ ทางแพทยสภาให้เข้ามาตรวจอาการพระธัมมชโยขนาดนี้ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ถึงจะทราบผล

ขณะที่กรณี ปปง.จะมีการเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือไม่นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก ปปง. ทั้งนี้ ทางวัดยืนยันว่าไม่ได้ต้องการต่อสู้กับดีเอสไอ

สอดคล้องกับรายงานข่าวของ “แนวหน้าออนไลน์” ว่า พระภาสุระ ทันตมโน หัวหน้ากององค์กรระหว่างประเทศ วัดพระธรรมกาย ระบุว่า สมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ได้ส่งหนังสือเรียกร้องผ่านอีเมล์ไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหาสันติวิธี ในการพูดคุยเรื่องคดีความกับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง อยากให้ใช้สันติวิธีทางสำนึกคิดเป็นหลัก เพราะพระธัมมชโยมีอาการอาพาธ และยืนยันว่าขณะนี้พระธัมมชโย ยังคงนอนรักษาอาการอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดภายในวัด

พระภาสุระ ระบุด้วยว่า สมัชชาสงฆ์ฯเห็นว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ด้วยเหตุที่ว่าประเทศไทยมีประชากร
ที่เป็นชาวพุทธถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นต้นแบบของพระพุทธศาสนา เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ดูเหมือนว่าจะเกิดความรุนแรง และอาจมีการใช้กำลังต่อพระภิกษุที่ห่มผ้าเหลือง สมัชชาสงฆ์ฯ จึงเกิดความไม่สบายใจ ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลักของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งอยากเห็นทุกอย่างยุติลงด้วยสันติวิธี ส่วนแนวทางสันติวิธี จะมีการส่งตัวแทนพระสงฆ์เข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจากับพระธัมมชโย หรือไม่
จะต้องรอหนังสือแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน

ขณะเดียวกัน เมื่อวานที่ผ่านมา องค์กร IBEI ในประเทศอินเดีย ยังได้มอบประกาศเกียรติคุณกับพระธัมมชโยที่เป็นผู้สร้างสันติ ทำงานเพื่อสันติภาพโลกอีกด้วย

ขอตอบประเด็นต่างๆ ของทั้งมหานพพรและภาสุระเสียเลยว่า

1) รู้ “ละอายแก่ปาก-แก่ใจ” (หิริ-โอตตัปปะ) ด้วยการหยุดบิดเบือน บ่ายเบี่ยง เลี่ยงบาลี กันเสียทีเถอะ หากยังแน่ใจ
ที่จะเรียกตัวเองว่า “พระ” กันอยู่ ศีล 5 มีอยู่ข้อหนึ่งคือ ห้ามมุสา แต่ท่านถือศีลสองร้อยกว่าข้อ ยังกล้าใช้วาจา “ปรุงแต่ง” ให้เรื่องราวไกลจากความบริสุทธิ์แห่งความจริงแท้ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

2) ถามหน่อย ว่าเรื่องนี้ “บานปลาย” เพราะอะไร เพราะธัมมชโยแต่เพียงผู้เดียวที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ว่ากระทำความผิดฐาน สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ไม่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ไม่เกี่ยวกับความเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องชักแม่น้ำใดๆ มากล่าวอ้างให้เสียเวลา แค่นำตัวธัมมชโยมา “รับทราบข้อกล่าวหา” แล้วพิสูจน์ตัวเองด้วยความบริสุทธิ์ ที่บรรดาลูกศิษย์ต่างขึ้นป้ายและใส่เสื้อว่า “เราเชื่อในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ” ถ้าเชื่อก็เอาตัวมา ไม่ใช่กันตัวออกไปจากการตรวจสอบ

3) ถ้าจะอ้าง “พระพุทธศาสนา” ก็ตอบมาเสียก่อนว่า คำสอนที่ธัมมชโยสอน ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและเนื้อหาตามพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนาไหม เช่น ถวายข้าวพระพุทธเจ้าในอายตนะนิพพาน, การอวดอุตริมนุสสธรรม ด้วยการเล่าเป็นตุเป็นตะ ว่าสตีฟจ๊อบส์ ตายแล้วไปไหน เพราะอะไร ยังไม่รวมเรื่องขำขันประเภท แม่ชีปัดระเบิด ค้อนเคาะกรรม และงานอีเว้นต์อวดอุตริ ค้าสวรรค์ ขายบุญ ฯลฯ

4) พระพุทธศาสนาตั้งแต่แรกมีจนถึงทุกวันนี้ ส่งเสริมให้ “กู้ยืมเงิน” หรือ “เข้าถึงสินเชื่อเพื่อการทำบุญ” ไหม การตั้งสหกรณ์มงคลเศรษฐีขึ้นในวัด แล้วให้คนกู้ไปทำบุญ ใช้หลักการของพระพุทธศาสนาที่สุจริตและบริสุทธิ์ไหม หรือเป็นแค่องค์กรเหลือบไรที่เอาพระพุทธศาสนามาบังหน้า ขายสินค้า ค้าบริการ นำทางสู่สวรรค์ เพื่อ “โน้มทรัพย์” คนที่หลงเชื่อไปเป็นของตัว แล้วนำไปตั้งมูลนิธิ ตั้งบริษัท ซื้อที่ดิน พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ทั้งหมดเป็นกิจการแห่งพระพุทธศาสนา วัด พระ หรือเดียรถีย์ปลอมบวช? ตอบมา

5) ดังนั้น ธัมมชโยใม่ใช่ “พระพุทธศาสนา” เช่นดียวกับ “ธรรมกาย” อย่าหกหางตัวเองกันสูงขนาดนั้น แต่เมื่ออ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งพระพุทธศาสนา ก็ต้องพร้อมกับ “การตรวจสอบ” ไม่ใช่พอถูกตรวจสอบ กลับใช้คำใหญ่คำโต “อัพราคา” ว่ามีขบวนการ “ทำลายพระพุทธศาสนา” พวกค้าบุญ ขายสวรรค์ นี่ต่างหากล่ะ ที่พาคนไปงมงาย สิ้นปัญญา เป็น “เชื้อโรคในพระพุทธศาสนา” ที่ทำให้ศาสนาโดยรวมอ่อนแอ กลายเป็นบริษัท ที่เน้น “ผลประกอบการ” กับ “จำนวนสมาชิก” ผ่านการตลาดที่มี “อีเว้นต์” เน้นความใหญ่โต อลังการ แทนการสมถะ ลด ละ และปล่อยวาง อย่างที่พระพุทธศาสนาเน้น

6) เอาเด็กชาวเขามาบวชกันปีละเป็นหมื่นเป็นแสน วัดเครือข่ายมีอีกมหาศาล ถามว่าจำนวนพระที่สอบได้ “เปรียญธรรม” ชั้นต่างๆ โดยเฉพาะ “เปรียญ 9” มีกี่คน? สำนักเรียนจนๆ เล็กๆ อย่างวัดโมลีโลกยาราม และวัดอื่นๆ ยังมีสถิติสอบได้ ดีกว่าวัด
พระธรรมกายไม่รู้ตั้งกี่เท่า แปลว่าอะไร แปลว่าไม่ได้เน้น “คุณภาพการศึกษา” ทั้งๆ ที่พรั่งพร้อมทั้งเงินและญาติโยม ปัญญา” จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่ลัทธินี้ “มุ่งสร้าง” ใช่หรือไม่

7) ธัมมชโย ต้องข้อกล่าวหาว่า สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ซึ่งกระบวนการพิสูจน์ไม่ได้ยากเย็นเลย ถ้าแค่มีโยมเอาเงินมาถวาย ก็หลุด แต่ถ้าไปสมคบ รู้กัน หรือให้ความร่วมมือกับโยม เอาเงินจากสหกรณ์หนึ่ง ปล่อยให้คนทนทุกข์อกไหม้ไส้ขมมาเป็นสิบๆ ปี ยักย้ายถ่ายเทเงินมาไว้ที่อีกสหกรณ์หนึ่ง ซึ่งข้องเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย และเงินอีกหลายส่วนถวายธัมมชโย มูลนิธิต่างๆ ของวัด และพระลูกวัด ที่บางรูปสึกไปตั้งบริษัทรวยเป็นร้อยล้านพันล้าน บางนิติบุคคล เอาเงินที่ได้มาจากสหกรณ์นั้น ไปซื้อที่ดิน แล้ววกมาถวายให้ธัมมชโยอีก เขาก็ต้องกล่าวหาคุณ เพราะรูปการมันเป็นการ “ฟอกเงิน” ไม่ใช่แค่มีคนเอาเงินมาทำบุญแบบธรรมดาๆ คุณก็แค่มารับทราบข้อกล่าวหา ปฏิเสธ และสู้คดี ก็เท่านี้เอง ไฉนกลับทำเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องกลั่นแกล้ง “ภิกษุชราอาพาธ” เหมือนดอกเตอร์หญิงโง่ๆ บางคนพยายามเล่นคำ เพื่อปลุกระดมคน หรือทำให้เป็นเรื่อง “ทำลายพระพุทธศาสนา” ไปโน่น

8) ถามว่าจนถึงบัดนี้ มีใคร “ใช้ความรุนแรง” กับธัมมชโยบ้าง เขียนกัน พูดกัน แถลงกันเป็นตุเป็นตะ ดัดจริตเรียกหา “สันติวิธี” เป็นชาวพุทธต้องรู้จักใช้ “ปัญญา” ไต่สวนทวนความ หา “เหตุ” แห่งปัญหา ตามที่พระศาสดาทรงสอน ไม่ใช่ใช้ “เครือข่าย” ส่งอีเมล์บ้าๆ บอๆ มาต่อล้อต่อเถียง เบี่ยงประเด็น “ฟอกเงิน” ไปเป็นเรื่องอื่น

9) อ้างมาตลอดว่าป่วย แต่ใบรับรองแพทย์ไม่สุจริต แล้วยังมีหน้าให้คนกราบไหว้อยู่ได้ ไม่อายโลก กะอีแค่ใบรับรองแพทย์
ที่หากป่วยจริง โรงพยาบาลไหนเขาก็พร้อมจะออกให้อย่าง “ตรงไปตรงมา” ได้ทั้งนั้น ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล ให้มันชัดเจน สง่างาม ว่าป่วยจริง อย่าอ้างนะว่าขยับตัวไม่ได้เลย ทุกวันนี้ แพทย์เขามีระบบ “รับส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน” ที่พัฒนาไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

10) ไอ้ที่ยืนยันว่ายังอยู่ในวัด ก็ไม่มีอะไรให้คนเขาเชื่อถือได้ นอกจากเชื่อกันเอง ถามว่ามีลูกศิษย์กี่คนในรอบหลายเดือนมานี้ ที่ได้เห็นธัมมชโยนอนป่วยสาหัสอย่างที่แถลง เพราะก่อนหน้านี้ยังออกมารับประกาศรางวัล ออกไปปล่อยนกในวันเกิดลูกศิษย์ได้อยู่เลย

11) ธัมมชโยจะได้รางวัลจากองค์กรไหนมาบ้างก็ช่าง การเป็นภิกษุชราอาพาธก็ดี การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาทั้งชีวิต ตามที่ลูกศิษย์อวยกันนักก็ดี การสอนสมาธิ มีสาขาวัดอยู่ทั่วโลกก็ดี หรือการอ้างว่า “องค์กร IBEI ในประเทศอินเดีย ยังได้มอบประกาศเกียรติคุณกับพระธัมมชโยที่เป็นผู้สร้างสันติ ทำงานเพื่อสันติภาพโลกอีกด้วย” ก็ดี มันช่วยให้เขาพ้นข้อกล่าวหาว่า “สมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร” ได้มั้ย? ทำดีกับทำชั่ว หักกลบลบหนี้กันได้มั้ย?

พอเถอะ หยุดตลบตะแลงให้สังคมระแวงแคลงใจ ถูกกล่าวหาว่าอะไร ก็เดินนำลูกศิษย์ออกมาพิสูจน์ตัว ว่าไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา อย่าทำตัวเป็นพวกนักร้องดารา ที่ถูกกล่าวหาว่าทำผู้หญิงท้อง แต่พอถูกเรียกร้องให้ตรวจดีเอ็นเอ กลับไม่ยอมตรวจ แล้วคนทั่วไปเขาจะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร นอกเสียจากคิดว่า “ทำเขาท้องแน่ๆ”

....................................................

ข้อ 6 นี่ ข้อมูลใหม่นะ เพิ่งรู้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่