ทำไม นสพ.ไทยโพสต์เล่นคำแรง กับท่านธัมมชโย วัดพระธรรมกาย
จากข่าว
ป่วยอีกธัมมี่ให้แจ้งฟอกเงินที่วัด
Saturday, May 14, 2016 - 00:00
โถ! เส้นเลือดดำอุดตันโคนขา เจ้าสำนักจานบินอ้างอาพาธเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน-รับของโจรที่ดีเอสไอไม่ไหว ขอให้ไปแจ้งที่วัดแทน อธิบดีนัดประชุมร่วมอัยการจันทร์ 16 พ.ค.นี้ จะยอมหรือไม่ ด้านทนายคู่ใจเข้าให้ปากคำกรณีถือหุ้นแทนอดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น 320 ล้านเทกโอเวอร์บริษัท เอ็มโฮมฯ "ไพบูลย์" โวย พศ.เตะถ่วงข้อกล่าวหาสมเด็จช่วงละเมิดพระธรรมวินัย "บิ๊กจิ๋ว" ทะลุกลางปล้องศรัทธาอยู่เหนือกฎหมาย
เมื่อวันศุกร์ มีรายงานความคืบหน้าคดีพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันรับของโจร โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า บ่ายวันเดียวกัน ทางวัดพระธรรมกายได้ส่งหนังสือมาที่ดีเอสไอ เพื่อขอให้เปลี่ยนแปลงสถานที่แจ้งข้อกล่าวหา จากสำนักงานดีเอสไอ ไปเป็นที่วัดพระธรรมกาย พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ อ้างว่าพระธัมมชโยอาพาธด้วยโรคเส้นเลือดดำอุดตันโคนขา จึงไม่สามารถเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอได้ ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.นี้ จะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อกำหนดแนวทางว่าจะอนุมัติตามคำร้องหรือไม่
พ.ต.อ.ไพสิฐยังกล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหานายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย กรณีถือหุ้นแทนนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ซึ่งเป็นเงินจากสหกรณ์ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด มูลค่า 320 ล้านบาท พร้อมที่ดินย่านตลาดไทกว่า 300 ไร่ คดีนี้ดีเอสไอมีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหานายสัมพันธ์ แต่วันนี้เรียกสอบสวนในฐานะพยาน และมีข้อมูลว่านายสัมพันธ์เป็นผู้ถือหุ้นเอ็มโฮมพีเอสวี มูลค่า 320 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินเข้าพบ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน หลังคณะพนักงานสอบสวนพบหลักฐานว่านายสัมพันธ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการที่นายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น นำเงิน 321.4 ล้านบาท โดยสั่งจ่ายเช็ค 10 ฉบับ เป็นเงินจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด มูลค่าความเสียหายประมาณ 320 ล้านบาท ซึ่งมีชื่อของนายสัมพันธ์ถือหุ้นแทนนายศุภชัย
นายสัมพันธ์กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวีฯ เป็นหนี้สถาบันการเงินอยู่ 3 แห่ง และมีการฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลธัญบุรี โดยคณะนักกฎหมายได้เข้าไปดูการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ ตนในฐานะนักกฎหมายก็เข้าไปทำงานในส่วนนี้ และสามารถชี้แจงกับพนักงานสอบสวนได้
ต่อมานายสัมพันธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังเข้าพบ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ว่า พนักงานสอบสวนได้ให้ตนกลับไปเตรียมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เอ็มโฮมฯ ซึ่งมีหลายประเด็น แต่ตนยังนึกไม่ออก จึงต้องกลับไปหาเอกสารหลักฐานก่อน เพื่อมามอบให้เจ้าหน้าที่อีกครั้ง โดยเป็นเอกสารของบริษัท เอ็มโฮมฯ ที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ บริษัท เอ็มโฮมฯ เป็นหนี้สถาบันการเงิน 3 แห่ง จึงเอาที่ดินไปจำนองกับสถาบันการเงิน จำนวน 800 กว่าล้านบาท เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ ทางบริษัทไม่มีเงินจ่าย สถาบันการเงินจึงบังคับใช้หนี้ด้วยการให้จำนองที่ดิน
"เราได้ไปขอซื้อหนี้จากสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง ซึ่งการซื้อหนี้ต้องเข้าไปเทกโอเวอร์บริษัท เอ็มโฮมฯ ด้วย เนื่องจากเป็นลูกหนี้ ฉะนั้นเมื่อเจ้าหนี้ฟ้องร้องลูกหนี้กันอยู่ เราจึงเข้าไปสวมสิทธิ์เป็นลูกหนี้ของบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวีฯ เพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ 3 สถาบันการเงิน และขอชำระหนี้ให้แทน นอกจากนี้ การที่สหกรณ์ชำระเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพียงต้องการขอซื้อที่ดินจาก บริษัท เอ็มโฮมฯ เท่านั้น เพื่อทำโครงการให้กับสมาชิกในสหกรณ์ ไม่ได้ต้องการบริษัท เอ็มโฮมฯ แต่อย่างใด ส่วนเงินอีก 500 กว่าล้านบาท ยังไม่สามารถตอบได้ต้องขอกลับไปทำการบ้านก่อน" นายสัมพันธ์กล่าว
เขากล่าวด้วยว่า มีบุคคลที่ถือหุ้นในบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวีฯ หลายคน แต่แกนนำมีเพียง 3 คนเท่านั้น และคนที่มอบหมายให้ตนดำเนินการมีหลายกลุ่ม ซึ่งตนจำไม่ได้ และได้เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม
วันเดียวกัน คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรียกร้องความเป็น
ธรรมให้พระธัมมชโย ด้วยเนื้อหาเดิมๆ ว่า การแจ้งข้อหาว่ากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจรนั้น ไม่เป็นธรรมกับผู้ที่อุปสมบทมาแล้ว 47 พรรษา และทำความดีมาทั้งชีวิต
ยังมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายวัดพระธรรมกายที่เชียงใหม่ เมื่อนายคณิต อิรนพไพบูลย์ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบตำรวจ สภ.ฮอด ร้องทุกข์กล่าวโทษพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ใน 3 ข้อหา ได้แก่ ผิดพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 มาตรา 44 (ทวิ) หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายประมุขสงฆ์ มาตรา 44 ตรี ทำให้คณะสงฆ์แตกแยก
นอกจากนี้ยังร้องทุกข์กล่าวโทษนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ใน 2 ข้อหา คือผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ในมาตรา 44 ทวิ หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายประมุขสงฆ์ และมาตรา 44 ตรี ทำให้คณะสงฆ์แตกแยก
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีพระพุทธะอิสระนำเอกสารหลักฐานและคลิปวิดีโอ ซึ่งอ้างว่าเป็นบทความที่กล่าวถึงการลอบวางยาพิษพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เมื่อ 17 ปีที่แล้ว จนทำให้อาพาธพูดไม่ได้เป็นเวลานานกว่า 7 เดือน โดยเป็นการวางยาพิษภายในโรงพยาบาลตำรวจ ขณะรักษาตัวนั้น เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว เนื่องจากมีผู้มาร้องเรียน ถึงแม้ไม่ใช่พระพุทธะอิสระ แต่เป็นประชาชนทั่วไปมาร้องเรียน ก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อน
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ภายหลังตนและ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ยื่นหนังสือคำร้องกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในเรื่องล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมต่อคณะกรรมการ มส. โดยมีผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มารับหนังสือ เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด พศ.ได้ทำหนังสือตอบมายังตน ระบุว่า
“พศ.พิจารณาหนังสือแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจและมีผลกระทบต่อศรัทธาในพระพุทธศาสนาโดยรวม ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้ พศ.ได้มีหนังสือถึงประธานคณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อโปรดทราบและพิจารณา”
นายไพบูลย์กล่าวว่า การที่ พศ.ส่งหนังสือที่ตนร้องไปยังประธานคณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นการถ่วงเวลา โยนไปโยนมา ทั้งที่ พศ.รู้ดีว่าเรื่องที่ตนร้อง ตามขั้นตอนต้องเสนอเข้าที่ประชุม มส.ให้คณะกรรมการ มส.รับทราบ เพราะตนร้องกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เรื่องกฎนิคหกรรม ดังนั้น ภายในสัปดาห์นี้ตนจะทำหนังสือรายงานไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบกลไกการทำงานของ มส. และ พศ. และรายงานให้ทราบถึงสถานะของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเสนอนามเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยยื่นหนังสือคำร้องให้ตรวจสอบนิคหกรรมด้วย
ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคม จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันนี้เราเสียความเป็นไทยไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องพระพุทธศาสนา ไม่มีใครเคยคิดว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างนี้ ซึ่งต้องระวัง เพราะมีการปฏิบัติของคนไทย ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน โดยอ้างหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการที่จะนำหลวงพ่อรูปนี้รูปนั้นออกมา ซึ่งความเคารพและหัวใจที่จะมีในเรื่องพระพุทธศาสนาไปอยู่ตรงไหน
"จะเอากฎหมายอะไรเป็นหลัก เพราะสิ่งที่เราเคารพและยึดถือในหัวใจ เป็นสิ่งที่ยิ่งกว่ากฎเกณฑ์และกฎหมาย แต่มาบอกว่าองค์นี้ต้องออกไป องค์ที่ป่วยหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่จะเข้ามา ผมไม่ได้พูดเชียร์ใคร ซึ่งแต่ละองค์ก็มีเรื่องเหมือนกัน พวกเราต้องเข้าใจในสิ่งนี้ และทำให้ความน่านับถือยังคงอยู่" พล.อ.ชวลิตกล่าว.
!!! ทำไม นสพ.ไทยโพสต์เล่นคำแรงกับท่านธัมมชโย วัดพระธรรมกาย
จากข่าว
ป่วยอีกธัมมี่ให้แจ้งฟอกเงินที่วัด
Saturday, May 14, 2016 - 00:00
โถ! เส้นเลือดดำอุดตันโคนขา เจ้าสำนักจานบินอ้างอาพาธเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาฟอกเงิน-รับของโจรที่ดีเอสไอไม่ไหว ขอให้ไปแจ้งที่วัดแทน อธิบดีนัดประชุมร่วมอัยการจันทร์ 16 พ.ค.นี้ จะยอมหรือไม่ ด้านทนายคู่ใจเข้าให้ปากคำกรณีถือหุ้นแทนอดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น 320 ล้านเทกโอเวอร์บริษัท เอ็มโฮมฯ "ไพบูลย์" โวย พศ.เตะถ่วงข้อกล่าวหาสมเด็จช่วงละเมิดพระธรรมวินัย "บิ๊กจิ๋ว" ทะลุกลางปล้องศรัทธาอยู่เหนือกฎหมาย
เมื่อวันศุกร์ มีรายงานความคืบหน้าคดีพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันรับของโจร โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า บ่ายวันเดียวกัน ทางวัดพระธรรมกายได้ส่งหนังสือมาที่ดีเอสไอ เพื่อขอให้เปลี่ยนแปลงสถานที่แจ้งข้อกล่าวหา จากสำนักงานดีเอสไอ ไปเป็นที่วัดพระธรรมกาย พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ อ้างว่าพระธัมมชโยอาพาธด้วยโรคเส้นเลือดดำอุดตันโคนขา จึงไม่สามารถเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอได้ ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.นี้ จะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อกำหนดแนวทางว่าจะอนุมัติตามคำร้องหรือไม่
พ.ต.อ.ไพสิฐยังกล่าวถึงการแจ้งข้อกล่าวหานายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย กรณีถือหุ้นแทนนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ซึ่งเป็นเงินจากสหกรณ์ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด มูลค่า 320 ล้านบาท พร้อมที่ดินย่านตลาดไทกว่า 300 ไร่ คดีนี้ดีเอสไอมีหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหานายสัมพันธ์ แต่วันนี้เรียกสอบสวนในฐานะพยาน และมีข้อมูลว่านายสัมพันธ์เป็นผู้ถือหุ้นเอ็มโฮมพีเอสวี มูลค่า 320 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินเข้าพบ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ ฉิมกรา ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน หลังคณะพนักงานสอบสวนพบหลักฐานว่านายสัมพันธ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการที่นายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่น นำเงิน 321.4 ล้านบาท โดยสั่งจ่ายเช็ค 10 ฉบับ เป็นเงินจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น ไปซื้อหุ้นบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวี 2 จำกัด มูลค่าความเสียหายประมาณ 320 ล้านบาท ซึ่งมีชื่อของนายสัมพันธ์ถือหุ้นแทนนายศุภชัย
นายสัมพันธ์กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวีฯ เป็นหนี้สถาบันการเงินอยู่ 3 แห่ง และมีการฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลธัญบุรี โดยคณะนักกฎหมายได้เข้าไปดูการปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ ตนในฐานะนักกฎหมายก็เข้าไปทำงานในส่วนนี้ และสามารถชี้แจงกับพนักงานสอบสวนได้
ต่อมานายสัมพันธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังเข้าพบ พ.ต.ท.บัณฑูรย์ว่า พนักงานสอบสวนได้ให้ตนกลับไปเตรียมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เอ็มโฮมฯ ซึ่งมีหลายประเด็น แต่ตนยังนึกไม่ออก จึงต้องกลับไปหาเอกสารหลักฐานก่อน เพื่อมามอบให้เจ้าหน้าที่อีกครั้ง โดยเป็นเอกสารของบริษัท เอ็มโฮมฯ ที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ บริษัท เอ็มโฮมฯ เป็นหนี้สถาบันการเงิน 3 แห่ง จึงเอาที่ดินไปจำนองกับสถาบันการเงิน จำนวน 800 กว่าล้านบาท เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ ทางบริษัทไม่มีเงินจ่าย สถาบันการเงินจึงบังคับใช้หนี้ด้วยการให้จำนองที่ดิน
"เราได้ไปขอซื้อหนี้จากสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่ง ซึ่งการซื้อหนี้ต้องเข้าไปเทกโอเวอร์บริษัท เอ็มโฮมฯ ด้วย เนื่องจากเป็นลูกหนี้ ฉะนั้นเมื่อเจ้าหนี้ฟ้องร้องลูกหนี้กันอยู่ เราจึงเข้าไปสวมสิทธิ์เป็นลูกหนี้ของบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวีฯ เพื่อเจรจากับเจ้าหนี้ 3 สถาบันการเงิน และขอชำระหนี้ให้แทน นอกจากนี้ การที่สหกรณ์ชำระเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพียงต้องการขอซื้อที่ดินจาก บริษัท เอ็มโฮมฯ เท่านั้น เพื่อทำโครงการให้กับสมาชิกในสหกรณ์ ไม่ได้ต้องการบริษัท เอ็มโฮมฯ แต่อย่างใด ส่วนเงินอีก 500 กว่าล้านบาท ยังไม่สามารถตอบได้ต้องขอกลับไปทำการบ้านก่อน" นายสัมพันธ์กล่าว
เขากล่าวด้วยว่า มีบุคคลที่ถือหุ้นในบริษัท เอ็มโฮมเอสพีวีฯ หลายคน แต่แกนนำมีเพียง 3 คนเท่านั้น และคนที่มอบหมายให้ตนดำเนินการมีหลายกลุ่ม ซึ่งตนจำไม่ได้ และได้เข้าไปเกี่ยวข้องเพียงช่วงเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม
วันเดียวกัน คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรียกร้องความเป็น
ธรรมให้พระธัมมชโย ด้วยเนื้อหาเดิมๆ ว่า การแจ้งข้อหาว่ากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจรนั้น ไม่เป็นธรรมกับผู้ที่อุปสมบทมาแล้ว 47 พรรษา และทำความดีมาทั้งชีวิต
ยังมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายวัดพระธรรมกายที่เชียงใหม่ เมื่อนายคณิต อิรนพไพบูลย์ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบตำรวจ สภ.ฮอด ร้องทุกข์กล่าวโทษพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ใน 3 ข้อหา ได้แก่ ผิดพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 มาตรา 44 (ทวิ) หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายประมุขสงฆ์ มาตรา 44 ตรี ทำให้คณะสงฆ์แตกแยก
นอกจากนี้ยังร้องทุกข์กล่าวโทษนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ใน 2 ข้อหา คือผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ในมาตรา 44 ทวิ หมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายประมุขสงฆ์ และมาตรา 44 ตรี ทำให้คณะสงฆ์แตกแยก
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีพระพุทธะอิสระนำเอกสารหลักฐานและคลิปวิดีโอ ซึ่งอ้างว่าเป็นบทความที่กล่าวถึงการลอบวางยาพิษพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เมื่อ 17 ปีที่แล้ว จนทำให้อาพาธพูดไม่ได้เป็นเวลานานกว่า 7 เดือน โดยเป็นการวางยาพิษภายในโรงพยาบาลตำรวจ ขณะรักษาตัวนั้น เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว เนื่องจากมีผู้มาร้องเรียน ถึงแม้ไม่ใช่พระพุทธะอิสระ แต่เป็นประชาชนทั่วไปมาร้องเรียน ก็ต้องตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อน
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ภายหลังตนและ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย ยื่นหนังสือคำร้องกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในเรื่องล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ตามกฎมหาเถรสมาคม (มส.) ฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมต่อคณะกรรมการ มส. โดยมีผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มารับหนังสือ เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด พศ.ได้ทำหนังสือตอบมายังตน ระบุว่า
“พศ.พิจารณาหนังสือแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจและมีผลกระทบต่อศรัทธาในพระพุทธศาสนาโดยรวม ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้ พศ.ได้มีหนังสือถึงประธานคณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อโปรดทราบและพิจารณา”
นายไพบูลย์กล่าวว่า การที่ พศ.ส่งหนังสือที่ตนร้องไปยังประธานคณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นการถ่วงเวลา โยนไปโยนมา ทั้งที่ พศ.รู้ดีว่าเรื่องที่ตนร้อง ตามขั้นตอนต้องเสนอเข้าที่ประชุม มส.ให้คณะกรรมการ มส.รับทราบ เพราะตนร้องกล่าวหาสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เรื่องกฎนิคหกรรม ดังนั้น ภายในสัปดาห์นี้ตนจะทำหนังสือรายงานไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบกลไกการทำงานของ มส. และ พศ. และรายงานให้ทราบถึงสถานะของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกเสนอนามเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยยื่นหนังสือคำร้องให้ตรวจสอบนิคหกรรมด้วย
ที่บ้านพักซอยปิ่นประภาคม จ.นนทบุรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันนี้เราเสียความเป็นไทยไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องพระพุทธศาสนา ไม่มีใครเคยคิดว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างนี้ ซึ่งต้องระวัง เพราะมีการปฏิบัติของคนไทย ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน โดยอ้างหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการที่จะนำหลวงพ่อรูปนี้รูปนั้นออกมา ซึ่งความเคารพและหัวใจที่จะมีในเรื่องพระพุทธศาสนาไปอยู่ตรงไหน
"จะเอากฎหมายอะไรเป็นหลัก เพราะสิ่งที่เราเคารพและยึดถือในหัวใจ เป็นสิ่งที่ยิ่งกว่ากฎเกณฑ์และกฎหมาย แต่มาบอกว่าองค์นี้ต้องออกไป องค์ที่ป่วยหรือเป็นอะไรก็แล้วแต่จะเข้ามา ผมไม่ได้พูดเชียร์ใคร ซึ่งแต่ละองค์ก็มีเรื่องเหมือนกัน พวกเราต้องเข้าใจในสิ่งนี้ และทำให้ความน่านับถือยังคงอยู่" พล.อ.ชวลิตกล่าว.