ทนายยัน 'ธัมมชโย' อาพาธหนักจริง ลั่น ขอตายที่วัด ดีเอสไอจี้ยื่นเวชระเบียนแพทย์ มอบอำนาจให้ถูกต้อง 17 พ.ค.นัดประชุมลงมติมีเหตุจำเป็นไปธรรมกายแจ้งข้อหาหรือไม่
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอเปิดเผยภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนซึ่งมีอัยการเข้าร่วมเพื่อพิจารณากรณีทนายความวัดพระธรรมกายยื่นหนังสือขอเปลี่ยนสถานที่รับทราบข้อกล่าวหาของ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้ต้องหาคดีสมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จากกรณีมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์และฉ้อโกง ว่า ในวันนี้ทนายความพร้อมแพทย์อีก 2 รายได้เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นพบว่าเอกสารยังไม่ครบถ้วน ทั้งเวชระเบียนแพทย์และหนังสือมอบอำนาจที่ยังทำไม่ถูกต้อง เพราะพระธัมมชโยต้องลงนามมอบอำนาจด้วยตัวเอง โดยพนักงานสอบสวนขอให้นำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมให้ครบถ้วนก่อนที่จะมีการประชุมพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) เวลา 10.00 น.
เบื้องต้นทราบว่าแพทย์ที่ทำการรักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโย มี 3 ราย ส่วนจะเป็นการรักษาในนามส่วนตัวหรือเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลต้องตรวจสอบเอกสารก่อนรวมถึงเวชระเบียน ซึ่งตามหลักการควรต้องเป็นเวชระเบียนที่ออกจากโรงพยาบาล ส่วนพนักงานสอบสวนจะต้องประสานให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์เวชระเบียนหรือไม่ ขอรอดูรายละเอียดก่อนว่าพนักงานสอบสวนสามารถพิจารณาเองได้หรือไม่ สำหรับแพทย์ที่เข้าพบพนักงานสอบสวนวันนี้ไม่ได้มีการสอบปากคำเป็นเพียงการยื่นเอกสารเท่านั้น
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นไปได้ที่พนักงานสอบสวนจะเดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่วัดนั้นต้องรอผลการประชุมร่วมของคณะพนักงานสอบสวนซึ่งโดยหลักการต้องดูความจำเป็น แต่โดยปกติพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาในที่ทำการแต่ก็ต้องแล้วแต่กรณี ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีกล่าวหาพระธัมมชโยถือเป็นสิทธิ์ที่ดำเนินการได้ แต่ยืนยันว่าดีเอสไอดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ส่วนที่ยังมีความสับสนระหว่างการดำเนินคดีเก่ากับคดีใหม่นั้นย้ำว่ากรณีที่ดีเอสไอดำเนินคดีกับนายศุภชัยเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระและมีข้อกล่าวหาหลายข้อที่เกี่ยวข้องสืบเนื่องจากคดียักยอกฉ้อโกงและลักทรัพย์ของสหกรณ์คลองจั่น
เมื่อถามว่า ขณะนี้พระธัมมชโยยังอยู่ที่วัดพระธรรมกายหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอยิ้มรับพร้อมตอบสั้นๆ ว่า ขอให้สื่อช่วยเข้าไปดูด้วย
ด้านนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า วันนี้ (16 พ.ค.) ได้นำแพทย์ 2 นาย และเอกสารหลักฐานการรักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโยมายื่นให้ดีเอสไอพิจารณาเพิ่มเติม ยืนยันว่า ไม่ได้ขอเลื่อนให้ปากคำ แต่ต้องการยืนยันอาการอาพาธจริงตามที่แพทย์เคยแถลงไปก่อนหน้านี้ และไม่คิดหลบหนี ซึ่งดีเอสไอสามารถเดินทางเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับพระที่วัดได้ และสามารถนำแพทย์จากส่วนกลางเข้าไปตรวจอาการได้ รวมถึงให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ โดยตนพร้อมดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ สำหรับอาการอาพาธขณะนี้พระธัมมชโยนอนอยู่ในห้องปลอดเชื้อภายในวัด ซึ่งเสมือนการนอนรักษาที่โรงพยาบาล เพราะมีการจัดห้องและมีแพทย์ดูแล ตนขอให้เชื่อการวินิจฉัยของแพทย์ หากไม่เชื่อแพทย์ก็ไม่รู้จะเชื่อใคร แพทย์ก็มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ มีใบประกอบวิชาชีพ ไม่มีแพทย์ที่ไหนยอมเสี่ยงถูกถอนใบประกอบวิชาชีพ อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนไม่เชื่อผลการวินิจฉัยของแพทย์ประจำตัว ก็สามารถประสานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้าไปตรวจอาการได้
นายสัมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงเรียกร้องให้เปิดเผยภาพแสดงอาการอาพาธแบบเห็นทั้งตัวนั้นเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยและเป็นจรรยาบรรณของแพทย์ไม่สามารถกระทำได้หากผู้ป่วยไม่ยินยอมส่วนที่พระธัมมชโยไม่เดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลเพราะมีแพทย์ที่เป็นลูกศิษย์อยู่ในวัดจำนวนมากท่านบอกขอตายที่วัดไม่ไปไหนตั้งแต่อาพาธหนักตนไม่เคยเข้าพบเพื่อหารือเรื่องคดีเพราะไม่อยากให้เครียดพร้อมปฏิเสธกรณีลูกศิษย์เคลื่อนไหวกดดันการทำงานพนักงานสอบสวนว่าลูกศิษย์วัดมีหลายกลุ่มใครจะทำอะไรไม่มีใครรู้ต่างกลุ่มต่างมีความเห็นเป็นของตัวเอง หากเป็นคนของวัดหรือพระของวัดก็สามารถควบคุมได้หากใครควบคุมไม่ได้จะเชิญตัวออกไปภายนอกท้นทีแต่อยู่นอกวัดไม่สามารถรับประกันได้ ดังนั้นจึงขอให้พนักงานสอบสวนเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาภายในพื้นที่ของวัด
CR : คมชัดลึก ออนไลน์
'ธัมมชโย'ขอตายที่วัด อาพาธหนัก !!!!
ทนายยัน 'ธัมมชโย' อาพาธหนักจริง ลั่น ขอตายที่วัด ดีเอสไอจี้ยื่นเวชระเบียนแพทย์ มอบอำนาจให้ถูกต้อง 17 พ.ค.นัดประชุมลงมติมีเหตุจำเป็นไปธรรมกายแจ้งข้อหาหรือไม่
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอเปิดเผยภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนซึ่งมีอัยการเข้าร่วมเพื่อพิจารณากรณีทนายความวัดพระธรรมกายยื่นหนังสือขอเปลี่ยนสถานที่รับทราบข้อกล่าวหาของ พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะผู้ต้องหาคดีสมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร จากกรณีมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์และฉ้อโกง ว่า ในวันนี้ทนายความพร้อมแพทย์อีก 2 รายได้เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นพบว่าเอกสารยังไม่ครบถ้วน ทั้งเวชระเบียนแพทย์และหนังสือมอบอำนาจที่ยังทำไม่ถูกต้อง เพราะพระธัมมชโยต้องลงนามมอบอำนาจด้วยตัวเอง โดยพนักงานสอบสวนขอให้นำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมให้ครบถ้วนก่อนที่จะมีการประชุมพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) เวลา 10.00 น.
เบื้องต้นทราบว่าแพทย์ที่ทำการรักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโย มี 3 ราย ส่วนจะเป็นการรักษาในนามส่วนตัวหรือเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลต้องตรวจสอบเอกสารก่อนรวมถึงเวชระเบียน ซึ่งตามหลักการควรต้องเป็นเวชระเบียนที่ออกจากโรงพยาบาล ส่วนพนักงานสอบสวนจะต้องประสานให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วิเคราะห์เวชระเบียนหรือไม่ ขอรอดูรายละเอียดก่อนว่าพนักงานสอบสวนสามารถพิจารณาเองได้หรือไม่ สำหรับแพทย์ที่เข้าพบพนักงานสอบสวนวันนี้ไม่ได้มีการสอบปากคำเป็นเพียงการยื่นเอกสารเท่านั้น
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นไปได้ที่พนักงานสอบสวนจะเดินทางเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาที่วัดนั้นต้องรอผลการประชุมร่วมของคณะพนักงานสอบสวนซึ่งโดยหลักการต้องดูความจำเป็น แต่โดยปกติพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาในที่ทำการแต่ก็ต้องแล้วแต่กรณี ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีกล่าวหาพระธัมมชโยถือเป็นสิทธิ์ที่ดำเนินการได้ แต่ยืนยันว่าดีเอสไอดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ส่วนที่ยังมีความสับสนระหว่างการดำเนินคดีเก่ากับคดีใหม่นั้นย้ำว่ากรณีที่ดีเอสไอดำเนินคดีกับนายศุภชัยเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระและมีข้อกล่าวหาหลายข้อที่เกี่ยวข้องสืบเนื่องจากคดียักยอกฉ้อโกงและลักทรัพย์ของสหกรณ์คลองจั่น
เมื่อถามว่า ขณะนี้พระธัมมชโยยังอยู่ที่วัดพระธรรมกายหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอยิ้มรับพร้อมตอบสั้นๆ ว่า ขอให้สื่อช่วยเข้าไปดูด้วย
ด้านนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า วันนี้ (16 พ.ค.) ได้นำแพทย์ 2 นาย และเอกสารหลักฐานการรักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโยมายื่นให้ดีเอสไอพิจารณาเพิ่มเติม ยืนยันว่า ไม่ได้ขอเลื่อนให้ปากคำ แต่ต้องการยืนยันอาการอาพาธจริงตามที่แพทย์เคยแถลงไปก่อนหน้านี้ และไม่คิดหลบหนี ซึ่งดีเอสไอสามารถเดินทางเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับพระที่วัดได้ และสามารถนำแพทย์จากส่วนกลางเข้าไปตรวจอาการได้ รวมถึงให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์ โดยตนพร้อมดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ สำหรับอาการอาพาธขณะนี้พระธัมมชโยนอนอยู่ในห้องปลอดเชื้อภายในวัด ซึ่งเสมือนการนอนรักษาที่โรงพยาบาล เพราะมีการจัดห้องและมีแพทย์ดูแล ตนขอให้เชื่อการวินิจฉัยของแพทย์ หากไม่เชื่อแพทย์ก็ไม่รู้จะเชื่อใคร แพทย์ก็มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ มีใบประกอบวิชาชีพ ไม่มีแพทย์ที่ไหนยอมเสี่ยงถูกถอนใบประกอบวิชาชีพ อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนไม่เชื่อผลการวินิจฉัยของแพทย์ประจำตัว ก็สามารถประสานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้าไปตรวจอาการได้
นายสัมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงเรียกร้องให้เปิดเผยภาพแสดงอาการอาพาธแบบเห็นทั้งตัวนั้นเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วยและเป็นจรรยาบรรณของแพทย์ไม่สามารถกระทำได้หากผู้ป่วยไม่ยินยอมส่วนที่พระธัมมชโยไม่เดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลเพราะมีแพทย์ที่เป็นลูกศิษย์อยู่ในวัดจำนวนมากท่านบอกขอตายที่วัดไม่ไปไหนตั้งแต่อาพาธหนักตนไม่เคยเข้าพบเพื่อหารือเรื่องคดีเพราะไม่อยากให้เครียดพร้อมปฏิเสธกรณีลูกศิษย์เคลื่อนไหวกดดันการทำงานพนักงานสอบสวนว่าลูกศิษย์วัดมีหลายกลุ่มใครจะทำอะไรไม่มีใครรู้ต่างกลุ่มต่างมีความเห็นเป็นของตัวเอง หากเป็นคนของวัดหรือพระของวัดก็สามารถควบคุมได้หากใครควบคุมไม่ได้จะเชิญตัวออกไปภายนอกท้นทีแต่อยู่นอกวัดไม่สามารถรับประกันได้ ดังนั้นจึงขอให้พนักงานสอบสวนเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาภายในพื้นที่ของวัด
CR : คมชัดลึก ออนไลน์