สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นการรีวิวการเดินทางท่องเที่ยวกระทู้แรก หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ
หลังจากที่ติดตาม และอ่านรีวิว "เขาล้อมหมวก" มานานในที่สุดก็ได้เวลาที่จะไปสัมผัสด้วยตัวเองว่ามันสุดยอดแค่ไหน
เนื่องจากหยุดยาว 5 วัน ในช่วงวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ตั้งแต่วันที่ 16 - 20 กรกฎาคม 2559
จขกท. จึงเริ่มประกาศหาเพื่อนไป "เขาล้อมหมวก" ทางเฟสบุค ในคืนวันที่ 15 ก.ค. 59 แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ
จนถึงวันเสาร์ ตอนกลางคืน ก็ยังไม่มีใครทักมาขอไปด้วย จขกท. ก็เลยตัดสินใจที่จะไปคนเดียว โดยคิดแค่ว่า
ถ้ามีห้องพักในราคาที่ถูกก็จะไป แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ไป และแล้วก็ได้ที่พักที่ชื่อว่า " สบายดี เกสต์เฮ้าท์ "
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จองด้วย Booking.com ห้องพักราคา 550 บาท พักได้ 2 คน
และในที่สุด ...
เรื่องราวการเดินทางพิชิต "เขาล้อมหมวก" ในเวลา 2 วัน 1 คืน กับเงิน 1,200 บาท ก็เกิดขึ้น .
เริ่มต้น... เช้าวันอาทิตย์ที่ 17 กค. 59 เวลา 6.00 น . ก็เริ่มออกเดินทางจากบ้าน มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟธนบุรี
โดยใช้บริการรถไฟฟรี ธนบุรี - หลังสวน โดยที่ปลายทางของเราคือ "จ. ประจวบคีรีขันธ์" กำหนดการออกเดินทางเวลา 7.30 น
เมื่อได้ตั๋วเป็นที่เรียบร้อยก็มานั่งรอ เจ้าหน้าที่เปิดประตูโบกี้รถไฟ ที่จอดอยู่ใน ชานชาลาที่2 วันนี้ เป็นวันที่คนเยอะมาก
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 5 วัน ผู้คนก็ต่างออกเดินทางกันทั้งนั้นส่วนมากเป็นวัยรุ่น วัยเรียนทั้งนั้นเลย
เป๊ง...เป๊ง...เป๊ง" (เสียงระฆังดัง) เวลา 7.45 น. (ล่าช้า 15 นาที ) ก็ได้เวลาล้อหมุน ซึ่งจาก ธนบุรี - ประจวบฯ
ต้องผ่านสถานีทั้งหมด 48 สถานี ซึ่งก็ต้องนั่งจนเมื่อยทวาร แต่ด้วยความที่เป็นทริปคนจน ราคาประหยัดก็ต้องอดทน
เวลา 13.12 น. รถก็เดินทางมาถึง อ. สามร้อยยอด ซึ่งก็ใกล้ถึงปลายทางของเรา ณ ตอนนี้ รถล่าช้ามาประมาณ 30 นาที
(เป็นเรื่องปกติ ของการรถไฟไทย)
และอีก 1 ชม. ถัดมา รถไฟก็วิ่งเรียบชายฝั่ง เป็นวิวที่สวยงามมาก ซึ่งอีกครึ่งชั่วโมง เราก็จะถึงปลายทาง "ประจวบฯ"
เวลา 14.20 น. เราก็มาถึงสถานี ณ สถานีรถไฟ "ประจวบคีรีขันธ์" เราก็โทรหาที่พัก "สบายดี เกสต์เฮ้าส์" ให้มารับเรา
ณ สบายดี เกสต์เฮ้าส์ เมื่อมาถึงก็สำรวจห้องพัก ซึ่งโอเคมาก กับราคา 550 ฿ ถ้ามา 2 คนก็คนละ 275 บาท
(แต่เรามาคนเดียวกินราคาเต็ม 550 ฿) ซึ่งมีทั้ง แอร์, ไวไฟ, ทีวี, ห้องน้ำรวม
*** แอร์เย็นเจี๊ยบ , เจ้าของเป็นกันเองบริการดุจญาติ #อวยเต็มที่เพราะประทับใจการบริการ ***
หลังจากสำรวจห้องพักเรียบร้อย เราก็ออกไปซอยหน้าที่พัก เพื่อเช่าจักยาน วันละ 50฿ คืนรถได้อีกวันนึงเลยทีเดียว
**** มัดจำด้วยบัตร ปชช. ***
เมื่อได้จักรยาน ก็ขี่ออกจากซอยมาเจอทะเลเลย เป็นไงละ สะดวกสบาย ถนนก็รถไม่เยอะขี่ชิวๆ
ดี๊ดีมากชีวิต วิวสวย อากาศดี ซึ่งเรากำลังจะขี่ไปยัง "เขาช่องกระจก" ที่ว่ากันว่าลิงเกเรมาก
ภูเขาที่อยู่ไกลๆ ด้านซ้ายนั้นคือ "เขาช่องกระจก" ซึ่งมาพร้อมกับเมฆฝนที่น่ากลัว เราจึงต้องรีบควบจักรยานคู่ใจไป
ก่อนที่ฝนจะตก
และเราก็มาโผล่บน "เขาช่องกระจก "ที่ไม่มีรูประหว่างทางขึนเขา เพราะ กลัวลิงมาแย่ง เนื่องจากไปคนเดียวไม่มีใครช่วย
วิวอ่าวประจวบ ฯ ที่ถ่ายบน "เขาช่องกระจก" ซึ่งรีบถ่ายรีบเก็บ เพราะกลัวลิง และกลัวฝนที่มาจ่ออยู่บนหัวเรา ข้างบนจะมี
"ศาลกรมหลวงชุมพร" ให้เราได้กราบไหว้ขอพร และก็มีพระพุทธรูปถ้าอยากไหว้ ต้องบอกคนขายอาหารลิง ให้เปิดประตูให้เข้าไป
หลังจากที่ลงมาจากเขา เราก็มุ่งหน้าไปยัง กองบิน 5 เพื่อไปสำรวจเส้นทางที่จะเข้าไป ยัง "เขาล้อมหมวก" (ตอนเช้าจะได้มาถูก)
เวลา 17.00 น. เราก็มาอยู่ที่ กองบิน 5 ซึ่งตอนนี้เราก็รู้จุดที่จะไปลงทะเบียนขึ้นเขาในตอนเช้าแล้ว ขากลับก็แวะชมวิวภายใน
กองบิน 5 และนั่งพักไปในตัวด้วย ***บางพื้นที่ห้ามถ่ายรูป ***
แอ๊คท่าถ่ายรูปสักนิด และที่กำลังมองอยู่คือ "ยอดเขาล้อมหมวก" ที่พรุ่งนี้เช้าเราจะขึ้นไป
หลังจากที่ไปสำรวจทางขึ้นเขาล้อมหมวก ณ กองบิน ๕ แล้ว เราก็ต้องขี่ย้อนกลับมาแถวๆ "เขาช่องกระจก"
เนื่องจากเป็นความผิดพลาดที่วางแผนผิด 555 มัวแต่หนีฝน จนลืมไหว้ศาลหลักเมือง "ประจวบคีรีขันธ์"
จากนั้นเราก็ออกจากศาลหลักเมือง ก็มุ่งหน้าไปยัง "สะพานสราญวิถี" เพื่อถ่ายรูป และในตอนนี้ฟ้าที่เคยมืดด้วยเมฆฝน
ก็กลับมาสดใสอีกครั้ง เนื่องจากเมฆฝนอ้อมไปอีกทาง นับว่าเป็นความโชคดีมาก #ข้างหลังมาเป็นคู่ #แล้วกูล่ะ
และแล้ว "สะพานสราญวิถี" ก็อยู่ไม่ไกล
1 แชะ ให้รู้ว่านี่คือ "สะพานสราญวิถี" ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด วันศุกร์ และเสาร์ จะมีถนนคนเดิน
และนี่คือบรรยากาศบนสะพาน "สราญวิถี" ซึ่งลมเย็นมากมีแต่คนมาถ่ายรูปกันเป็นคู่ เป็นครอบครัวบางคนก็มานั่งพักผ่อน
ภาพวิวอ่าวประจวบฯ และ เขาล้อมหมวก จากการถ่ายบนสะพาน "สราญวิถี" หลังจากนี้เราก็เดินทางกลับที่พัก
เวลา 20.00 น. เราก็ออกมากินข้าว มื้อแรกของวัน มาตามคำแนะนำของลูกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ ชื่อร้าน "สเต๊ก เกาะหลัก"
(กินแค่นี้แหละ แต่ก็อิ่มนะ )
พล่ากุ้ง ราคา 80 ฿ ซึ่งราคาเท่า กทม. ที่นี่กุ้งตัวใหญ่กว่าด้วยซ้ำ สำหรับมื้อนี้ สูญเสียไป 100฿ = ข้าว 10 ฿ พล่า 80฿ น้ำ 10 ฿
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เข้าที่พัก เพื่อเก็บแรงไว้ปีนเขา และสิ้นสุด 1 วันที่อ่อนล้า พรุ่งนี้เช้าจะตื่น ตี 4.50 น.
เพื่อรีบทำภาระกิจส่วนตัว และขี่จักรยานไปยัง กองบิน 5 เพื่อรีบไปขึ้นเขา
เวลา 5.50 น. เราก็ขี่จักรยานเข้ามากองบิน ๕ นี่คือ ด่านตรวจที่ 2 เพื่อแลกบัตร และรอเวลา 6.00 น. ถึงเปิดให้เข้าไปด้านใน
ซึ่งเราก็เห็นเขาอยู่ไกลๆ (เครดิตภาพจาก Kasempas Ch )ขอบคุณครับ
เวลา 6.10 น. เราก็มาถึงยังตีนเขา และรีบลงทะเบียน พร้อมซื้อน้ำ 2 ขวด เป็นสเบียงในการปีนเขา
ฝรั่งเสื้อขาว คนนี้มารอประตูเปิด เพื่อขึ้นไปยอดเขา แกเป็นคนแรกที่ไปถึงยอดเขาในวันนี้ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อม เราก็...
ลุยยยย !!! บางคนก็ทำฟิตจัด รีบวิ่งขึ้นไป ด้วยความที่บันไดชัน ก็หมดแรงไป ส่วนเราเดินเรื่อยๆ แซงคนอื่น ไป
ด้วยความที่เป็นนักบอล กำลังขาดีเลยชิวๆๆ
จุดพักที่ 1 สิ้นสุด บันได ที่ตรงนี้ก็แวะถ่ายรูป "อ่าวมะนาว"
ด้วยความที่นำหน้ามาเป็นคนที่ 2 ซึ่งยังไม่มีทหารคุมความปลอดภัยชั้นนี้ ก็ต้องดูแลตัวเอง ก็ลุยสิครับ แค่นี้ยังง่ายอยู่
ใครถอดใจชั้นนี้ก็กลับบ้านได้เลย เพราะมียากกว่านี้
และนี่ก็เป็นอีก 1 ช่วง ที่แวะถ่ายรูปเพราะเหนื่อย
มายังมุมดีๆอีก 1 จุด ซึ่งตรงนี้น่าจะประมาณ ครึ่งเขาแล้ว และก็ลุยต่อ
ดูจากการวางเท้า น่าจะบอกความชันได้ดี ก็ไม่ต้องกังวล มันจะมีซอกหินให้เหยียบ ลุยต่อครับ !!!
มาถึงชั้นนี้เหงื่อท่วมหัวเปียกไปหมดทั้งตัว ก็เลยต้องเอาผ้ามาโพกหัว และปีนต่อไป...
อีก 1 ช่วงครับ แต่ก็ยังไม่ถึงสักที เฮือก !!!
หลังจากเหนื่อย ก็ได้สัมผัสวิวดีๆอีกครั้ง #หายเหนื่อยครับ
และจุดนี้คือ #จุดพีค ของเขาล้อมหมวก **อันตราย ** ควรระวังให้มากเนื่องจาก ซอกหินให้เหยียบน้อยต้องหาดีๆ
ถ้าเจ้าหน้าที่คุม ก็จะมีคนช่วยแนะนำครับ แต่ด้วยความที่ขึ้นคนแรกๆ พี่ทหารยังเดินไม่ถึง ก็ต้องช่วยเหลือตัวไปเองครับ
(ทหารเดินมา2วันติดยังเหนื่อยเลย และเราล่ะ)
นึกสภาพเหมือน หน่วยคอมมานโดที่กำลังไต่เชือกขึ้นตึก "จับเชือกให้มั่น และก้าวอย่างระวัง" 😑 ฮึ้บ!
แล้วก็พบวิวสวยๆอีก 1 จุด เรียกน้ำย่อย
พักหายใจสักครู่ แล้วลุยต่อช่วงท้าย ไป!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป >>>>>>
[CR] รีวิว "ลุยเดี่ยวเมืองสามอ่าว พิชิตเขาล้อมหมวก"
หลังจากที่ติดตาม และอ่านรีวิว "เขาล้อมหมวก" มานานในที่สุดก็ได้เวลาที่จะไปสัมผัสด้วยตัวเองว่ามันสุดยอดแค่ไหน
เนื่องจากหยุดยาว 5 วัน ในช่วงวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ตั้งแต่วันที่ 16 - 20 กรกฎาคม 2559
จขกท. จึงเริ่มประกาศหาเพื่อนไป "เขาล้อมหมวก" ทางเฟสบุค ในคืนวันที่ 15 ก.ค. 59 แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ
จนถึงวันเสาร์ ตอนกลางคืน ก็ยังไม่มีใครทักมาขอไปด้วย จขกท. ก็เลยตัดสินใจที่จะไปคนเดียว โดยคิดแค่ว่า
ถ้ามีห้องพักในราคาที่ถูกก็จะไป แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ไป และแล้วก็ได้ที่พักที่ชื่อว่า " สบายดี เกสต์เฮ้าท์ "
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และในที่สุด ... เรื่องราวการเดินทางพิชิต "เขาล้อมหมวก" ในเวลา 2 วัน 1 คืน กับเงิน 1,200 บาท ก็เกิดขึ้น .
เริ่มต้น... เช้าวันอาทิตย์ที่ 17 กค. 59 เวลา 6.00 น . ก็เริ่มออกเดินทางจากบ้าน มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟธนบุรี
โดยใช้บริการรถไฟฟรี ธนบุรี - หลังสวน โดยที่ปลายทางของเราคือ "จ. ประจวบคีรีขันธ์" กำหนดการออกเดินทางเวลา 7.30 น
เมื่อได้ตั๋วเป็นที่เรียบร้อยก็มานั่งรอ เจ้าหน้าที่เปิดประตูโบกี้รถไฟ ที่จอดอยู่ใน ชานชาลาที่2 วันนี้ เป็นวันที่คนเยอะมาก
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 5 วัน ผู้คนก็ต่างออกเดินทางกันทั้งนั้นส่วนมากเป็นวัยรุ่น วัยเรียนทั้งนั้นเลย
เป๊ง...เป๊ง...เป๊ง" (เสียงระฆังดัง) เวลา 7.45 น. (ล่าช้า 15 นาที ) ก็ได้เวลาล้อหมุน ซึ่งจาก ธนบุรี - ประจวบฯ
ต้องผ่านสถานีทั้งหมด 48 สถานี ซึ่งก็ต้องนั่งจนเมื่อยทวาร แต่ด้วยความที่เป็นทริปคนจน ราคาประหยัดก็ต้องอดทน
เวลา 13.12 น. รถก็เดินทางมาถึง อ. สามร้อยยอด ซึ่งก็ใกล้ถึงปลายทางของเรา ณ ตอนนี้ รถล่าช้ามาประมาณ 30 นาที
(เป็นเรื่องปกติ ของการรถไฟไทย)
และอีก 1 ชม. ถัดมา รถไฟก็วิ่งเรียบชายฝั่ง เป็นวิวที่สวยงามมาก ซึ่งอีกครึ่งชั่วโมง เราก็จะถึงปลายทาง "ประจวบฯ"
เวลา 14.20 น. เราก็มาถึงสถานี ณ สถานีรถไฟ "ประจวบคีรีขันธ์" เราก็โทรหาที่พัก "สบายดี เกสต์เฮ้าส์" ให้มารับเรา
ณ สบายดี เกสต์เฮ้าส์ เมื่อมาถึงก็สำรวจห้องพัก ซึ่งโอเคมาก กับราคา 550 ฿ ถ้ามา 2 คนก็คนละ 275 บาท
(แต่เรามาคนเดียวกินราคาเต็ม 550 ฿) ซึ่งมีทั้ง แอร์, ไวไฟ, ทีวี, ห้องน้ำรวม
*** แอร์เย็นเจี๊ยบ , เจ้าของเป็นกันเองบริการดุจญาติ #อวยเต็มที่เพราะประทับใจการบริการ ***
หลังจากสำรวจห้องพักเรียบร้อย เราก็ออกไปซอยหน้าที่พัก เพื่อเช่าจักยาน วันละ 50฿ คืนรถได้อีกวันนึงเลยทีเดียว
**** มัดจำด้วยบัตร ปชช. ***
เมื่อได้จักรยาน ก็ขี่ออกจากซอยมาเจอทะเลเลย เป็นไงละ สะดวกสบาย ถนนก็รถไม่เยอะขี่ชิวๆ
ดี๊ดีมากชีวิต วิวสวย อากาศดี ซึ่งเรากำลังจะขี่ไปยัง "เขาช่องกระจก" ที่ว่ากันว่าลิงเกเรมาก
ภูเขาที่อยู่ไกลๆ ด้านซ้ายนั้นคือ "เขาช่องกระจก" ซึ่งมาพร้อมกับเมฆฝนที่น่ากลัว เราจึงต้องรีบควบจักรยานคู่ใจไป
ก่อนที่ฝนจะตก
และเราก็มาโผล่บน "เขาช่องกระจก "ที่ไม่มีรูประหว่างทางขึนเขา เพราะ กลัวลิงมาแย่ง เนื่องจากไปคนเดียวไม่มีใครช่วย
วิวอ่าวประจวบ ฯ ที่ถ่ายบน "เขาช่องกระจก" ซึ่งรีบถ่ายรีบเก็บ เพราะกลัวลิง และกลัวฝนที่มาจ่ออยู่บนหัวเรา ข้างบนจะมี
"ศาลกรมหลวงชุมพร" ให้เราได้กราบไหว้ขอพร และก็มีพระพุทธรูปถ้าอยากไหว้ ต้องบอกคนขายอาหารลิง ให้เปิดประตูให้เข้าไป
หลังจากที่ลงมาจากเขา เราก็มุ่งหน้าไปยัง กองบิน 5 เพื่อไปสำรวจเส้นทางที่จะเข้าไป ยัง "เขาล้อมหมวก" (ตอนเช้าจะได้มาถูก)
เวลา 17.00 น. เราก็มาอยู่ที่ กองบิน 5 ซึ่งตอนนี้เราก็รู้จุดที่จะไปลงทะเบียนขึ้นเขาในตอนเช้าแล้ว ขากลับก็แวะชมวิวภายใน
กองบิน 5 และนั่งพักไปในตัวด้วย ***บางพื้นที่ห้ามถ่ายรูป ***
แอ๊คท่าถ่ายรูปสักนิด และที่กำลังมองอยู่คือ "ยอดเขาล้อมหมวก" ที่พรุ่งนี้เช้าเราจะขึ้นไป
หลังจากที่ไปสำรวจทางขึ้นเขาล้อมหมวก ณ กองบิน ๕ แล้ว เราก็ต้องขี่ย้อนกลับมาแถวๆ "เขาช่องกระจก"
เนื่องจากเป็นความผิดพลาดที่วางแผนผิด 555 มัวแต่หนีฝน จนลืมไหว้ศาลหลักเมือง "ประจวบคีรีขันธ์"
จากนั้นเราก็ออกจากศาลหลักเมือง ก็มุ่งหน้าไปยัง "สะพานสราญวิถี" เพื่อถ่ายรูป และในตอนนี้ฟ้าที่เคยมืดด้วยเมฆฝน
ก็กลับมาสดใสอีกครั้ง เนื่องจากเมฆฝนอ้อมไปอีกทาง นับว่าเป็นความโชคดีมาก #ข้างหลังมาเป็นคู่ #แล้วกูล่ะ
และแล้ว "สะพานสราญวิถี" ก็อยู่ไม่ไกล
1 แชะ ให้รู้ว่านี่คือ "สะพานสราญวิถี" ถ้าข้อมูลไม่ผิดพลาด วันศุกร์ และเสาร์ จะมีถนนคนเดิน
และนี่คือบรรยากาศบนสะพาน "สราญวิถี" ซึ่งลมเย็นมากมีแต่คนมาถ่ายรูปกันเป็นคู่ เป็นครอบครัวบางคนก็มานั่งพักผ่อน
ภาพวิวอ่าวประจวบฯ และ เขาล้อมหมวก จากการถ่ายบนสะพาน "สราญวิถี" หลังจากนี้เราก็เดินทางกลับที่พัก
เวลา 20.00 น. เราก็ออกมากินข้าว มื้อแรกของวัน มาตามคำแนะนำของลูกเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ ชื่อร้าน "สเต๊ก เกาะหลัก"
(กินแค่นี้แหละ แต่ก็อิ่มนะ )
พล่ากุ้ง ราคา 80 ฿ ซึ่งราคาเท่า กทม. ที่นี่กุ้งตัวใหญ่กว่าด้วยซ้ำ สำหรับมื้อนี้ สูญเสียไป 100฿ = ข้าว 10 ฿ พล่า 80฿ น้ำ 10 ฿
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เข้าที่พัก เพื่อเก็บแรงไว้ปีนเขา และสิ้นสุด 1 วันที่อ่อนล้า พรุ่งนี้เช้าจะตื่น ตี 4.50 น.
เพื่อรีบทำภาระกิจส่วนตัว และขี่จักรยานไปยัง กองบิน 5 เพื่อรีบไปขึ้นเขา
เวลา 5.50 น. เราก็ขี่จักรยานเข้ามากองบิน ๕ นี่คือ ด่านตรวจที่ 2 เพื่อแลกบัตร และรอเวลา 6.00 น. ถึงเปิดให้เข้าไปด้านใน
ซึ่งเราก็เห็นเขาอยู่ไกลๆ (เครดิตภาพจาก Kasempas Ch )ขอบคุณครับ
เวลา 6.10 น. เราก็มาถึงยังตีนเขา และรีบลงทะเบียน พร้อมซื้อน้ำ 2 ขวด เป็นสเบียงในการปีนเขา
ฝรั่งเสื้อขาว คนนี้มารอประตูเปิด เพื่อขึ้นไปยอดเขา แกเป็นคนแรกที่ไปถึงยอดเขาในวันนี้ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อม เราก็...
ลุยยยย !!! บางคนก็ทำฟิตจัด รีบวิ่งขึ้นไป ด้วยความที่บันไดชัน ก็หมดแรงไป ส่วนเราเดินเรื่อยๆ แซงคนอื่น ไป
ด้วยความที่เป็นนักบอล กำลังขาดีเลยชิวๆๆ
จุดพักที่ 1 สิ้นสุด บันได ที่ตรงนี้ก็แวะถ่ายรูป "อ่าวมะนาว"
ด้วยความที่นำหน้ามาเป็นคนที่ 2 ซึ่งยังไม่มีทหารคุมความปลอดภัยชั้นนี้ ก็ต้องดูแลตัวเอง ก็ลุยสิครับ แค่นี้ยังง่ายอยู่
ใครถอดใจชั้นนี้ก็กลับบ้านได้เลย เพราะมียากกว่านี้
และนี่ก็เป็นอีก 1 ช่วง ที่แวะถ่ายรูปเพราะเหนื่อย
มายังมุมดีๆอีก 1 จุด ซึ่งตรงนี้น่าจะประมาณ ครึ่งเขาแล้ว และก็ลุยต่อ
ดูจากการวางเท้า น่าจะบอกความชันได้ดี ก็ไม่ต้องกังวล มันจะมีซอกหินให้เหยียบ ลุยต่อครับ !!!
มาถึงชั้นนี้เหงื่อท่วมหัวเปียกไปหมดทั้งตัว ก็เลยต้องเอาผ้ามาโพกหัว และปีนต่อไป...
อีก 1 ช่วงครับ แต่ก็ยังไม่ถึงสักที เฮือก !!!
หลังจากเหนื่อย ก็ได้สัมผัสวิวดีๆอีกครั้ง #หายเหนื่อยครับ
และจุดนี้คือ #จุดพีค ของเขาล้อมหมวก **อันตราย ** ควรระวังให้มากเนื่องจาก ซอกหินให้เหยียบน้อยต้องหาดีๆ
ถ้าเจ้าหน้าที่คุม ก็จะมีคนช่วยแนะนำครับ แต่ด้วยความที่ขึ้นคนแรกๆ พี่ทหารยังเดินไม่ถึง ก็ต้องช่วยเหลือตัวไปเองครับ
(ทหารเดินมา2วันติดยังเหนื่อยเลย และเราล่ะ)
นึกสภาพเหมือน หน่วยคอมมานโดที่กำลังไต่เชือกขึ้นตึก "จับเชือกให้มั่น และก้าวอย่างระวัง" 😑 ฮึ้บ!
แล้วก็พบวิวสวยๆอีก 1 จุด เรียกน้ำย่อย
พักหายใจสักครู่ แล้วลุยต่อช่วงท้าย ไป!!!