[ขอแชร์ประสบการณ์นะ อาจจะไม่ตรงกับความคิดของใครหลายคน]
สังคมไทยตั้งแต่เด็กๆ เราก็ถูกสอนมาว่า
-ครอบครัวที่สมบูรณ์ต้องมี พ่อ-แม่-ลูก
-พ่อแม่ก็คือคนที่รักกัน แต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน
-บลาๆๆ
แต่พอครอบครัวมีปัญหามาถึงจุดๆหนึ่ง(บางครั้งก็หลายๆจุด) แบบ ความสัมพันธ์มันไปต่อไม่ได้แล้ว
คือ พ่อแม่เข้ากันไม่ได้เลย ทะเลาะกันบ่อยมาก
หลังๆก็เริ่มมีความรุนแรงเกิดขึ้น
มันเริ่มจากคำพูด เช่น ด่าลับหลัง ต่อมาก็พัฒนาดีกรีเป็นด่าต่อหน้า จนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
หรือบางครอบครัวก็เป็นปัญหา ไม่ซื่อสัตย์ นอกใจ
แล้วมันก็ถึงขั้นที่ว่า "จะหย่ากัน"
แต่บรรดาไทยมุง ตัวญาติๆ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญ(หมอจิตด้านครอบครัวอ่ะแหละ)
ก็พากันมาบอกว่า ให้นึกถึงเด็ก เด็กจะแย่นะถ้าพ่อแม่เลิกกัน
อย่างหมอจิตฯบางคนก็บอกว่า การหย่ากันมีผลกระทบต่อเด็กมากกว่า จึงควรให้พ่อแม่ "ทน" อยู่ด้วยกันดีกว่า
เพราะเป็นห่วงสุขภาพจิตเด็ก อยากให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่น
แต่เคยมีใครถามเด็กมั้ยว่า "แบบไหนแย่กับเขามากกว่ากัน?"
เราคือเด็กคนนึง ที่พ่อแม่พูดเสมอว่า "อยู่เพื่อลูก"
พยายามหลอกตัวเองว่าเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ที่สมบูรณ์ นั่นคือ มี
"พ่อ-แม่-ลูก"
ตามแบบตำราเรียนไทยเป๊ะเลย
ทั้งๆที่ จริงๆแล้ว .. มันไม่เหลือความเป็นครอบครัวแล้ว พ่อแม่ไม่ได้รักกัน ซ้ำยังเกลียดกัน
พร่ำบ่นให้เราฟังเสมอว่ามองคนผิด พร่ำบ่นว่าไม่น่าแต่งงานกับคนนี้
แล้วรู้อะไรอีกมั้ย คำว่า "หย่า" น่ะ
เราได้ยินตั้งแต่ 5 ขวบ
พ่อแม่พูดใส่กันต่อหน้าเราเลย
จนตอนนี้เราเฉยๆมากกกกกกกก พูดจริงๆ เราเคยท้าด้วยว่า "แน่จริงก็หย่าเลยดิ" คือเรารำคาญอ่ะ แยกกันอยู่ชีวิตอาจจะดีกว่า
และปัญหาในครอบครัวที่มันเคลียร์ไม่ได้ มันไม่เคยหายไปกับคำว่าอยู่เพื่อลูกที่พูดออกไปผ่านสายลม
มันมีแต่ เพิ่ม เพิ่ม และเพิ่ม รุนแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ซึ่งตอนนั้น .. เราทำอะไรไม่ได้เลย
ตอนที่พ่อทำร้ายร่างกายแม่เรา ตอนนั้นเราอยู่ม.ปลาย คือเรายังแต่งตัวไม่เสร็จ ก็เลยช่วยไรไม่ค่อยได้(เท่าที่ตัวเองคาดไว้)
แล้วมันฝังใจ
เรารู้สึกว่า เรา
ไม่ได้เรื่องว่ะ ไม่มีพลังอะไรเลย ไร้ค่ามาก
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้(พวกเรื่องครอบครัว) หรือแค่คิด เราก็ร้องไห้น้ำตาไหลพรากกก หาทิชชู่แทบไม่ทัน
จิตแพทย์บอกเราว่า
"เราเป็นคนมีปม"
ซึ่งปมเนี้ย มันสะสมความเครียดให้เราจนเราเคยทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรเลย555
และหมอก็วินิจฉัยว่าเราเป็น โรคจิตเวท คือ
"ไบโพล่าร์" =>ซึ่งกรูไม่ได้อยากเป็นเลยยย
เป็นโรคที่หลายคนยังมอง(เราก็เคยมอง)ว่าเหมือนคนบ้าอยู่อ่ะ แบบบ้าๆบอๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ...ซึ่งมันไม่ใช่ มันทรมานนะ
เราโตมากับความเครียด กับความเกลียดชัง กับความเย็นชา(การที่พ่อแม่ดูแลลูก เขาอาจมองว่าเขาให้ความอบอุ่นแล้ว แต่จริงๆความอบอุ่นคือความรักกันในครอบครัวที่ทุกคนมีให้กัน) เราไม่เคยรู้ว่าคนรักกันจริงๆมันเป็นยังไง เราเคยกลัวความรักด้วยซ้ำ เพราะเราไม่มีตัวอย่างที่ดี
แต่เราได้เรียนรู้จากพ่อแม่ของเพื่อนเรา จากคนนอก เขาก็อาจมีปัญหาเหมือนกันแหละ แต่คงไม่เท่าของเรา(มองเห็นจากภายนอกเลย)
อย่างน้อยพ่อแม่ของเพื่อน เขาก็ดูรักกันดีแม้ว่าจะแก่แล้วก็ตาม555
มันทำให้เรารู้ว่า ความรักดีๆ ครอบครัวดีๆ ก็ยังมีอยู่นะ อยากมีแบบนั้นบ้าง
(ถอนหายใจแป๊ป).. กลับมาที่เรื่องเดิม มันมีช่วงนึงที่พ่อแม่เราทะเลาะกันหนัก เขาก็อ้างคำเดิมแต่พูดกับเรานะ เราก็เลยบอกแม่เราไปว่า
"ไม่ต้องมาอ้างคำนี้ ...หนูไม่เคยขอให้พ่อกับแม่มาทนอยู่ด้วยกัน" เราแนะนำให้เขาหย่าไปเลยด้วยซ้ำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอเน้นว่า ลูกแนะนำให้พ่อแม่หย่ากัน!
บรรดาคนโลกสวยทั้งหลาย คุณรู้มั้ยว่า
กว่าที่เด็กคนนึงจะพูดอย่างนี้ออกมา ... สภาพจิตใจเขาไปถึงไหนแล้ว
แล้วมันใช่มั้ยที่ต้องมาทรมานให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น จนเป็นอีโรคไบโพล่าร์เนี่ยยย!!!!!!!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนั้นถ้าเราไม่ได้อยู่ในร.ร.ดีๆ (ไม่ได้เก่งมากแต่อบอุ่นมาก) ก็ไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไง เพราะช่วงนั้นร.ร.คือที่ยึดเหนี่ยวของเรา ขอบอกเลยนะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเด็กวัยรุ่นคือ ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งมันควรเป็นที่ดีๆ ถ้าไม่มีก็หายนะมากสำหรับเด็กคนนั้น
เราเลยขอบอกในฐานะเด็กคนนึงที่พ่อแม่แก้ปัญหาด้วยการทนอยู่ด้วยกันโดยไม่มีอะไรดีขึ้น ว่า
ถ้ามันหนักหนาสาหัส ปรับตัวเข้าหากันไม่ได้แล้ว กลับไปรักกันไม่ได้แล้ว และ
ยิ่งมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ
ก็หย่าเถอะค่ะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเด็ก
พ่อแม่หย่ากันแต่ก็ยังเป็นพ่อแม่ คุณก็มาดูแลลูกได้ มาหาลูกบ่อยๆจนเขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาขาดความอบอุ่นก็ได้นี่
เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวไทยส่วนใหญ่ที่เราเจอ หย่าแล้วก็แยกจากกันไปเลย ไม่มาหาลูกอีก
(อารมณ์แบบละครไทย-- นี่ลูกของฉัน ไสหัวปายยย --สนใจปรึกษาหมอจิตฯมั้ยคะ?)
เราว่ามันดีกว่าให้เด็กมาเห็นความรุนแรงในครอบครัว จนเขารู้สึกว่าไม่มีที่ไปและอาจจะเลือกเส้นทางชีวิตที่ผิดพลาดไปเลย
เด็กที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ตัวปัญหาของสังคมนะ ถ้าเขายังได้รับการดูแลเอาใจใส่เติมเต็มความอบอุ่นอยู่
แต่เด็กที่มีสิทธิ์จะเป็นปัญหาก็คือ เด็กแบบนี้นี่แหละ ที่เห็นความรุนแรง จนเอาเป็นเยี่ยงอย่างหรือหนีออกจากบ้าน
หรือไม่ก็ พ่อแม่ไม่เคยสนใจมันเลย จนเด็กขาดความอบอุ่นจากคนในบ้าน ต้องไปหานอกบ้าน
ก็เข้าใจนะว่าคนที่แนะนำงั้นก็หวังดี อยากเห็นครอบครัวเขามีความสุข แต่ช่วยมองหน่อยว่าปัญหาของเขามันมีแนวโน้มจะไปทางไหน
ถ้าเขาแก้ไขต้นเหตุ ปรับตัวกันได้ ยังรักกันได้(ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่ขอแค่ไม่เกลียดกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้)
ก็อย่าเพิ่งเลิกกัน ช่วยกันดูแลลูกดีกว่า
แต่ถ้ามันมีวี่แววว่า น่าจะไม่ไหวว่ะ น่าจะแย่ลงว่ะ ลูกเนี่ยเป็นไพ่ใบสุดท้ายเลย
อย่างนี้ เลิกเหอะ สงสารเด็ก
เพราะบางเคสศาลตัดสินว่าให้อยู่ด้วยกันเพื่อลูก แต่สุดท้ายลงเอยด้วย"เลือด" หรือ "ชีวิต"
ถ้าแยกกันด้วยดีคงไม่เป็นงั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คุณผู้หญิงคะ ถ้าคุณมีงานมีการทำคุณก็มีทางเลือกมากๆเลยนะ หลายๆคนที่อ้างว่าอยู่เพื่อลูกอ่ะ จริงๆไม่ใช่อย่างนั้น100เปอร์เซ็นต์หรอก แต่เพราะเขาไม่มีงานทำ หรือต้องทำงานคู่กับสามีเลยต้องทนอยู่ต่อไปเพื่อ..ลูก
อยากฝากไว้ว่า สำหรับเรา คำว่าครอบครัว มันไม่ใช่ พ่อ+แม่+ลูก
แต่มันคือใครก็ได้ที่อยู่ด้วยกัน รักกัน ดูแลกัน หวังดีต่อกัน จะสายเลือดเดียวกันหรือไม่ก็ได้
แค่มีคำว่า "รัก" มันก็เป็นครอบครัวได้แล้ว
ps.1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้เราอยู่มหาลัยฯแล้ว ก็ผ่านช่วงเวลาพวกนั้นมาได้อย่างทะลุกทุเล555 พ่อแม่เราก็ยังอยู่ด้วยกันนะ เหมือนเดิมแหละ แต่เราไปอยู่หอก็เลยไม่รับรู้เรื่องของเขา 555
ps.2 เรื่องโรคที่เราเป็น+แนะนำคนที่เป็นคล้ายๆเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้รักษาอยู่ ดีขึ้นเยอะ แต่เบื่อมากเลยกินยาหลายตัวทุกวัน แนะนำจริงๆนะ ใครที่มีอาการซึมเศร้า เครียดคุมตัวเองไม่ได้ รีบไปหาจิตแพทย์เหอะ ถ้าเป็นขึ้นมาจะได้รีบรักษา หายไวๆ และก็ไม่ต้องมาทนทรมาน(มันไม่หายเองง่ายๆด้วย) ให้คิดว่าเราแค่ไม่สบาย ใครจะมองเราแปลกๆเวลาไปวอร์ดจิตเวชก็ช่างหัวมัน เมิงอย่ามาเป็นแบบกรูก็แล้วกัน 555
ps.3 สำหรับเด็กวัยรุ่นที่อยากทำร้ายตัวเอง หนีออกจากบ้าน อยากหมดอนาคตประชดพ่อแม่ประชดชีวิต
หรือ คิดว่าตัวเองไม่มีค่าไม่อยากอยู่แล้ว ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พี่เองก็เคยผ่านช่วงนั้นมาแล้ว
-เคยคิดจะหนีออกจากบ้านจริงๆ แต่พอมาคิดไกลๆว่าจะทำไงต่อก็เห็นภาพเลยว่าอนาคตเราจะกลายเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ถ้าเรามีครอบครัวก็คงเป็นพ่อแม่ที่ไม่ดี อาจวนเป็นวัฏจักร ซึ่งพี่ไม่อยากเป็นงั้น ไม่อยากให้ลูกมาเจอแบบพี่(คิดงี้เลย)ก็เลยเลิกคิดจะทำ --ลองคิดดูดีๆนะ
-เคยทำร้ายตัวเองเพราะมันทรมานมาก อยากลดความทรมานที่จิตใจโดยไปลงที่ร่างกาย ทำนองหนามยอกเอาหนามบ่ง
แต่รู้มั้ย มันไม่ได้ดีขึ้นเลย นอกจากจะเจ็บตัวเพิ่ม ความทรมานกลับไม่ได้ลดลงไปเลย แต่มันเกิดแผลขึ้นในใจ เป็นแผลที่เราลืมไม่ลง เหมือนเป็นตราบาปว่าเราทำร้ายตัวเองทำไม ทำอย่างนั้นกับตัวเองได้ยังไง พอเรารู้ตัวว่าจริงๆแล้วชีวิตมันมีค่านะ เราจะเลิกคิดงั้นไปเลย อย่าทำเลยนะ
-บางครั้งที่รู้สึกผิดจนอยากทำร้ายตัวเอง อยากประชดชีวิตหรือรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ก็เพราะเราเอาปัญหาที่พ่อแม่สร้าง สิ่งที่เขาก่อ มาลงโทษตัวเอง เปลี่ยนความคิดนี้เลย อย่าคิดงั้น อย่าเอาปัญหาของเขามาผูกกับตัวเอง มาทำร้ายลงโทษตัวเอง เพราะเราไม่ใช่คนที่ต้อง "ชดใช้" ไม่ใช่คน "ก่อปัญหา" แต่เรามีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของเราเอง คือทำให้มันดีขึ้น เราทำได้นะ แล้วก็มองเขาไว้แล้วอย่าทำแบบเขา
มีปัญหากัน อยากเลิก ทนไม่ไหว แต่กลัวลูกเสียใจเลย "อยู่เพื่อลูก" !? -- จริงหรอ?
สังคมไทยตั้งแต่เด็กๆ เราก็ถูกสอนมาว่า
-ครอบครัวที่สมบูรณ์ต้องมี พ่อ-แม่-ลูก
-พ่อแม่ก็คือคนที่รักกัน แต่งงานกัน อยู่ด้วยกัน
-บลาๆๆ
แต่พอครอบครัวมีปัญหามาถึงจุดๆหนึ่ง(บางครั้งก็หลายๆจุด) แบบ ความสัมพันธ์มันไปต่อไม่ได้แล้ว
คือ พ่อแม่เข้ากันไม่ได้เลย ทะเลาะกันบ่อยมาก
หลังๆก็เริ่มมีความรุนแรงเกิดขึ้น
มันเริ่มจากคำพูด เช่น ด่าลับหลัง ต่อมาก็พัฒนาดีกรีเป็นด่าต่อหน้า จนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
หรือบางครอบครัวก็เป็นปัญหา ไม่ซื่อสัตย์ นอกใจ
แล้วมันก็ถึงขั้นที่ว่า "จะหย่ากัน"
แต่บรรดาไทยมุง ตัวญาติๆ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญ(หมอจิตด้านครอบครัวอ่ะแหละ)
ก็พากันมาบอกว่า ให้นึกถึงเด็ก เด็กจะแย่นะถ้าพ่อแม่เลิกกัน
อย่างหมอจิตฯบางคนก็บอกว่า การหย่ากันมีผลกระทบต่อเด็กมากกว่า จึงควรให้พ่อแม่ "ทน" อยู่ด้วยกันดีกว่า
เพราะเป็นห่วงสุขภาพจิตเด็ก อยากให้เขามีครอบครัวที่อบอุ่น
แต่เคยมีใครถามเด็กมั้ยว่า "แบบไหนแย่กับเขามากกว่ากัน?"
เราคือเด็กคนนึง ที่พ่อแม่พูดเสมอว่า "อยู่เพื่อลูก"
พยายามหลอกตัวเองว่าเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ที่สมบูรณ์ นั่นคือ มี
"พ่อ-แม่-ลูก"
ตามแบบตำราเรียนไทยเป๊ะเลย
ทั้งๆที่ จริงๆแล้ว .. มันไม่เหลือความเป็นครอบครัวแล้ว พ่อแม่ไม่ได้รักกัน ซ้ำยังเกลียดกัน
พร่ำบ่นให้เราฟังเสมอว่ามองคนผิด พร่ำบ่นว่าไม่น่าแต่งงานกับคนนี้
แล้วรู้อะไรอีกมั้ย คำว่า "หย่า" น่ะ
เราได้ยินตั้งแต่ 5 ขวบ
พ่อแม่พูดใส่กันต่อหน้าเราเลย
จนตอนนี้เราเฉยๆมากกกกกกกก พูดจริงๆ เราเคยท้าด้วยว่า "แน่จริงก็หย่าเลยดิ" คือเรารำคาญอ่ะ แยกกันอยู่ชีวิตอาจจะดีกว่า
และปัญหาในครอบครัวที่มันเคลียร์ไม่ได้ มันไม่เคยหายไปกับคำว่าอยู่เพื่อลูกที่พูดออกไปผ่านสายลม
มันมีแต่ เพิ่ม เพิ่ม และเพิ่ม รุนแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ซึ่งตอนนั้น .. เราทำอะไรไม่ได้เลย
ตอนที่พ่อทำร้ายร่างกายแม่เรา ตอนนั้นเราอยู่ม.ปลาย คือเรายังแต่งตัวไม่เสร็จ ก็เลยช่วยไรไม่ค่อยได้(เท่าที่ตัวเองคาดไว้)
แล้วมันฝังใจ
เรารู้สึกว่า เราไม่ได้เรื่องว่ะ ไม่มีพลังอะไรเลย ไร้ค่ามาก
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้(พวกเรื่องครอบครัว) หรือแค่คิด เราก็ร้องไห้น้ำตาไหลพรากกก หาทิชชู่แทบไม่ทัน
จิตแพทย์บอกเราว่า
"เราเป็นคนมีปม"
ซึ่งปมเนี้ย มันสะสมความเครียดให้เราจนเราเคยทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรเลย555
และหมอก็วินิจฉัยว่าเราเป็น โรคจิตเวท คือ
"ไบโพล่าร์" =>ซึ่งกรูไม่ได้อยากเป็นเลยยย
เป็นโรคที่หลายคนยังมอง(เราก็เคยมอง)ว่าเหมือนคนบ้าอยู่อ่ะ แบบบ้าๆบอๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ...ซึ่งมันไม่ใช่ มันทรมานนะ
เราโตมากับความเครียด กับความเกลียดชัง กับความเย็นชา(การที่พ่อแม่ดูแลลูก เขาอาจมองว่าเขาให้ความอบอุ่นแล้ว แต่จริงๆความอบอุ่นคือความรักกันในครอบครัวที่ทุกคนมีให้กัน) เราไม่เคยรู้ว่าคนรักกันจริงๆมันเป็นยังไง เราเคยกลัวความรักด้วยซ้ำ เพราะเราไม่มีตัวอย่างที่ดี
แต่เราได้เรียนรู้จากพ่อแม่ของเพื่อนเรา จากคนนอก เขาก็อาจมีปัญหาเหมือนกันแหละ แต่คงไม่เท่าของเรา(มองเห็นจากภายนอกเลย)
อย่างน้อยพ่อแม่ของเพื่อน เขาก็ดูรักกันดีแม้ว่าจะแก่แล้วก็ตาม555
มันทำให้เรารู้ว่า ความรักดีๆ ครอบครัวดีๆ ก็ยังมีอยู่นะ อยากมีแบบนั้นบ้าง
(ถอนหายใจแป๊ป).. กลับมาที่เรื่องเดิม มันมีช่วงนึงที่พ่อแม่เราทะเลาะกันหนัก เขาก็อ้างคำเดิมแต่พูดกับเรานะ เราก็เลยบอกแม่เราไปว่า
"ไม่ต้องมาอ้างคำนี้ ...หนูไม่เคยขอให้พ่อกับแม่มาทนอยู่ด้วยกัน" เราแนะนำให้เขาหย่าไปเลยด้วยซ้ำ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บรรดาคนโลกสวยทั้งหลาย คุณรู้มั้ยว่า
กว่าที่เด็กคนนึงจะพูดอย่างนี้ออกมา ... สภาพจิตใจเขาไปถึงไหนแล้ว
แล้วมันใช่มั้ยที่ต้องมาทรมานให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น จนเป็นอีโรคไบโพล่าร์เนี่ยยย!!!!!!!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเลยขอบอกในฐานะเด็กคนนึงที่พ่อแม่แก้ปัญหาด้วยการทนอยู่ด้วยกันโดยไม่มีอะไรดีขึ้น ว่า
ถ้ามันหนักหนาสาหัส ปรับตัวเข้าหากันไม่ได้แล้ว กลับไปรักกันไม่ได้แล้ว และยิ่งมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ
ก็หย่าเถอะค่ะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเด็ก
พ่อแม่หย่ากันแต่ก็ยังเป็นพ่อแม่ คุณก็มาดูแลลูกได้ มาหาลูกบ่อยๆจนเขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาขาดความอบอุ่นก็ได้นี่
เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวไทยส่วนใหญ่ที่เราเจอ หย่าแล้วก็แยกจากกันไปเลย ไม่มาหาลูกอีก
(อารมณ์แบบละครไทย-- นี่ลูกของฉัน ไสหัวปายยย --สนใจปรึกษาหมอจิตฯมั้ยคะ?)
เราว่ามันดีกว่าให้เด็กมาเห็นความรุนแรงในครอบครัว จนเขารู้สึกว่าไม่มีที่ไปและอาจจะเลือกเส้นทางชีวิตที่ผิดพลาดไปเลย
เด็กที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ตัวปัญหาของสังคมนะ ถ้าเขายังได้รับการดูแลเอาใจใส่เติมเต็มความอบอุ่นอยู่
แต่เด็กที่มีสิทธิ์จะเป็นปัญหาก็คือ เด็กแบบนี้นี่แหละ ที่เห็นความรุนแรง จนเอาเป็นเยี่ยงอย่างหรือหนีออกจากบ้าน
หรือไม่ก็ พ่อแม่ไม่เคยสนใจมันเลย จนเด็กขาดความอบอุ่นจากคนในบ้าน ต้องไปหานอกบ้าน
ก็เข้าใจนะว่าคนที่แนะนำงั้นก็หวังดี อยากเห็นครอบครัวเขามีความสุข แต่ช่วยมองหน่อยว่าปัญหาของเขามันมีแนวโน้มจะไปทางไหน
ถ้าเขาแก้ไขต้นเหตุ ปรับตัวกันได้ ยังรักกันได้(ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่ขอแค่ไม่เกลียดกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้)
ก็อย่าเพิ่งเลิกกัน ช่วยกันดูแลลูกดีกว่า
แต่ถ้ามันมีวี่แววว่า น่าจะไม่ไหวว่ะ น่าจะแย่ลงว่ะ ลูกเนี่ยเป็นไพ่ใบสุดท้ายเลย
อย่างนี้ เลิกเหอะ สงสารเด็ก
เพราะบางเคสศาลตัดสินว่าให้อยู่ด้วยกันเพื่อลูก แต่สุดท้ายลงเอยด้วย"เลือด" หรือ "ชีวิต"
ถ้าแยกกันด้วยดีคงไม่เป็นงั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อยากฝากไว้ว่า สำหรับเรา คำว่าครอบครัว มันไม่ใช่ พ่อ+แม่+ลูก
แต่มันคือใครก็ได้ที่อยู่ด้วยกัน รักกัน ดูแลกัน หวังดีต่อกัน จะสายเลือดเดียวกันหรือไม่ก็ได้
แค่มีคำว่า "รัก" มันก็เป็นครอบครัวได้แล้ว
ps.1 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ps.2 เรื่องโรคที่เราเป็น+แนะนำคนที่เป็นคล้ายๆเรา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ps.3 สำหรับเด็กวัยรุ่นที่อยากทำร้ายตัวเอง หนีออกจากบ้าน อยากหมดอนาคตประชดพ่อแม่ประชดชีวิต
หรือ คิดว่าตัวเองไม่มีค่าไม่อยากอยู่แล้ว ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้