ผมสังเกตว่า หลายคนที่เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น มักจะคิดถึงการเข้าวัดเพื่อ "นั่งสมาธิ" (หายใจพุทโธ ดูท้องพองยุบ สัมมาอรหัง ฯลฯ)
บางคน อาจจะหวังเพียงแค่ให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เข้าใจว่าเมื่อนั่งสมาธิแล้ว จะเกิดอภินิหารอะไรสักอย่างหรือแปลงร่างเป็นผู้วิเศษที่ไม่มีความทุกข์
ที่จริงแล้ว ถ้าจะนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ โรงเรียนสอนโยคะ สอนเต้นแอโรบิค ก็มีสอนกันหลายแห่ง ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด อีกทั้งไม่จำเป็นต้องรักษาศีล ก็สามารถเกิดความสงบได้ (ในแบบมีความสุข)
คนที่ไม่รู้ธรรมะ เมื่อมีทุกข์ ก็ไปดูหนัง ไปเที่ยว ไปกินเหล้า ใช้ยาเสพติด กินยานอนหลับ หวังให้ลืม
ขณะที่ดูหนัง กินเหล้า เสพยา อาจจะลืมได้จริง แต่หลังจากนั้นก็ทุกข์ต่อ
ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองรู้ธรรมะก็เช่นกัน จะไปนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ เกิดความสุข แต่หลังจากออกจากสมาธิ ก็กลับมาทุกข์ต่อ
เมื่อเรามีทุกข์ เราก็ต้องหาวิธีดับทุกข์ ไม่ใช่หาวิธีทำให้สงบ
ศาสนาพุทธสอนอะไรครับ? สอนอริยสัจสี่ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
คำว่า "อริยสัจสี่" แปลว่า ความจริงอันยิ่งใหญ่ 4 ประการ
ในเมื่อพระพุทธเจ้าใช้คำว่า "ความจริงอันยิ่งใหญ่ 4 ประการ" นั่นแสดงว่าทุกข้อยิ่งใหญ่และสำคัญเท่ากันหมด จะข้ามข้อหนึ่งข้อใดไปไม่ได้
และข้อที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเปรียบเสมือน "ด่านแรก" ที่ต้องผ่านให้ได้ก่อนจะไปข้ออื่นๆ นั่นก็คือ "ทุกข์" ครับ
พระพุทธเจ้าสอนว่า
ทุกข์ ให้ รู้
สมุทัย ให้ ละ
นิโรธ ให้ แจ้ง
มรรค ให้ เจริญ
เมื่อเรา รู้ทุกข์ เราก็จะทุกข์น้อยลง
เมื่อเรา รู้ทุกข์ + ละสมุทัย เราก็จะทุกข์น้อยลงไปอีก
เมื่อเรา รู้ทุกข์ + ละสมุทัย + แจ้งนิโรธ เราก็จะทุกข์น้อยลงไปอีกจนถึงไม่ทุกข์เลย
โดยทั้งหมดนี้ อาศัยการ "เจริญมรรค" ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ (รู้ทุกข์ ละสมุทัย และแจ้งนิโรธ)
ผมถึงพูดเสมอว่า การเข้าใจธรรมะ การฟังธรรม มีความสำคัญอย่างยิ่ง อาจจะสำคัญกว่าการปฏิบัติใดๆ (เพราะเป็นทางเข้าด่านแรกตามที่พูดข้างต้น)
สมัยพุทธกาล มีผู้ที่ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าและเกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่? ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะบุคคลเหล่านั้นมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้าเปี่ยมล้นเป็นทุนเดิม (เหมือนกับที่เราเลื่อมใสศรัทธาในครูบาอาจารย์) พระพุทธเจ้าตรัสอะไรก็พยายามทำความเข้าใจโดยไม่ลังเลสงสัย เมื่อเข้าใจคำสอนแล้วจึงเกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นทันที
ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า ถ้าผมถามถึงวิธีนั่งสมาธิ หรือวิธีปฏิบัติธรรมใดๆ ก็ตาม จะมีคนมาแนะนำ มาแสดงความเห็นมากมาย หลายวิธี
แต่ถ้าผมถามคนๆ เดียวกันอีกนั้นว่า "ความทุกข์คืออะไร" ผมไม่แน่ใจว่าจะตอบได้ทุกคน หรือตอบได้ถูกต้องหรือไม่นะครับ
ที่จริงผมตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องทุกข์ว่าคืออะไร เราควรรู้อย่างไรด้วยนะครับ แต่คิดว่าเอาไว้โอกาสหน้าเพราะเขียนยาวมากแล้ว อีกทั้งท่านสามารถศึกษาจากเว็บไซต์หรือจากครูบาอาจารย์ได้ด้วยตัวเอง
สรุปว่า ตอนนี้หากใครกำลังประสบกับความทุกข์ ขอให้ฟังธรรมะให้เข้าใจครับ การปฏิบัติไว้ทีหลัง
เมื่อเรารู้แล้วว่า ทุกข์คืออะไร เกิดจากอะไร ความทุกข์ก็จะลดน้อยลง หรืออาจจะไม่ทุกข์เลยก็ได้ครับ
แค่ "รู้ทุกข์" ก็พ้นทุกข์ได้
บางคน อาจจะหวังเพียงแค่ให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เข้าใจว่าเมื่อนั่งสมาธิแล้ว จะเกิดอภินิหารอะไรสักอย่างหรือแปลงร่างเป็นผู้วิเศษที่ไม่มีความทุกข์
ที่จริงแล้ว ถ้าจะนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ โรงเรียนสอนโยคะ สอนเต้นแอโรบิค ก็มีสอนกันหลายแห่ง ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด อีกทั้งไม่จำเป็นต้องรักษาศีล ก็สามารถเกิดความสงบได้ (ในแบบมีความสุข)
คนที่ไม่รู้ธรรมะ เมื่อมีทุกข์ ก็ไปดูหนัง ไปเที่ยว ไปกินเหล้า ใช้ยาเสพติด กินยานอนหลับ หวังให้ลืม
ขณะที่ดูหนัง กินเหล้า เสพยา อาจจะลืมได้จริง แต่หลังจากนั้นก็ทุกข์ต่อ
ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองรู้ธรรมะก็เช่นกัน จะไปนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ เกิดความสุข แต่หลังจากออกจากสมาธิ ก็กลับมาทุกข์ต่อ
เมื่อเรามีทุกข์ เราก็ต้องหาวิธีดับทุกข์ ไม่ใช่หาวิธีทำให้สงบ
ศาสนาพุทธสอนอะไรครับ? สอนอริยสัจสี่ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
คำว่า "อริยสัจสี่" แปลว่า ความจริงอันยิ่งใหญ่ 4 ประการ
ในเมื่อพระพุทธเจ้าใช้คำว่า "ความจริงอันยิ่งใหญ่ 4 ประการ" นั่นแสดงว่าทุกข้อยิ่งใหญ่และสำคัญเท่ากันหมด จะข้ามข้อหนึ่งข้อใดไปไม่ได้
และข้อที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเปรียบเสมือน "ด่านแรก" ที่ต้องผ่านให้ได้ก่อนจะไปข้ออื่นๆ นั่นก็คือ "ทุกข์" ครับ
พระพุทธเจ้าสอนว่า
ทุกข์ ให้ รู้
สมุทัย ให้ ละ
นิโรธ ให้ แจ้ง
มรรค ให้ เจริญ
เมื่อเรา รู้ทุกข์ เราก็จะทุกข์น้อยลง
เมื่อเรา รู้ทุกข์ + ละสมุทัย เราก็จะทุกข์น้อยลงไปอีก
เมื่อเรา รู้ทุกข์ + ละสมุทัย + แจ้งนิโรธ เราก็จะทุกข์น้อยลงไปอีกจนถึงไม่ทุกข์เลย
โดยทั้งหมดนี้ อาศัยการ "เจริญมรรค" ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติเพื่อการดับทุกข์ (รู้ทุกข์ ละสมุทัย และแจ้งนิโรธ)
ผมถึงพูดเสมอว่า การเข้าใจธรรมะ การฟังธรรม มีความสำคัญอย่างยิ่ง อาจจะสำคัญกว่าการปฏิบัติใดๆ (เพราะเป็นทางเข้าด่านแรกตามที่พูดข้างต้น)
สมัยพุทธกาล มีผู้ที่ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าและเกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบัน ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่? ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะบุคคลเหล่านั้นมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้าเปี่ยมล้นเป็นทุนเดิม (เหมือนกับที่เราเลื่อมใสศรัทธาในครูบาอาจารย์) พระพุทธเจ้าตรัสอะไรก็พยายามทำความเข้าใจโดยไม่ลังเลสงสัย เมื่อเข้าใจคำสอนแล้วจึงเกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นทันที
ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า ถ้าผมถามถึงวิธีนั่งสมาธิ หรือวิธีปฏิบัติธรรมใดๆ ก็ตาม จะมีคนมาแนะนำ มาแสดงความเห็นมากมาย หลายวิธี
แต่ถ้าผมถามคนๆ เดียวกันอีกนั้นว่า "ความทุกข์คืออะไร" ผมไม่แน่ใจว่าจะตอบได้ทุกคน หรือตอบได้ถูกต้องหรือไม่นะครับ
ที่จริงผมตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องทุกข์ว่าคืออะไร เราควรรู้อย่างไรด้วยนะครับ แต่คิดว่าเอาไว้โอกาสหน้าเพราะเขียนยาวมากแล้ว อีกทั้งท่านสามารถศึกษาจากเว็บไซต์หรือจากครูบาอาจารย์ได้ด้วยตัวเอง
สรุปว่า ตอนนี้หากใครกำลังประสบกับความทุกข์ ขอให้ฟังธรรมะให้เข้าใจครับ การปฏิบัติไว้ทีหลัง
เมื่อเรารู้แล้วว่า ทุกข์คืออะไร เกิดจากอะไร ความทุกข์ก็จะลดน้อยลง หรืออาจจะไม่ทุกข์เลยก็ได้ครับ