สวัสดีครับ ทุกท่าน จริง ๆ ตอนแรก ผมอยากแชร์เรื่องราวนี้ ของผมใน เฟส แต่ เนื่องจาก เรื่องเงินเดือนมัน sensitive แล้วอีกอย่าง บริษัทใหม่ที่ผมทำงานก็เป็นเพื่อนผมในเฟส มากมาย เลยเลือกที่จะมาแชร์ในนี้ครับ
เล่า black ground คร่าว ๆ ก่อน เดิมผมทำงาน อยู่วงการสื่อสารครับ ทำ Expat มาได้ 4 ปี ก็จะอยู่ มาเล สิงค์โปร์ อินโด ฟิลิปปิน แถบเอเชีย นี้ทั่วไป
ตอนแรกผมขอที่บ้านมาทำงาน ต่างประเทศแค่สองปี จนในตอนนี้ ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมควรกลับบ้านสักที
สิ่งแรกที่ผมเครียดคือ ย้ายกลับมาจะมีงานมั้ย แล้ว จะมีที่ไหน ยอมจ้างใน เรท ที่ผมยอมรับได้หรอป่าว
เดิมทำผมเป็น expat ผมรับรายได้ต่อเดือน รวมทุกอย่าง เช่นค่าบ้าน ค่ารถ อยู่ราว 210k (tax free) นะครับ
เมื่อเลือกที่จะกลับไทย ผมได้มีโอกาส สัมพาดงาน (ขอโทษที่พิมพ์ผิดนะครับ นึกสะว่าอ่าน ในเฟสแล้วกัน) 3 ที่ด้วยกัน
บริษัท A เป็นบริษัทแรกที่ผมมีโอกาสได้สัมพาดครับ เนื่องจาก ผมมีหัวหน้าเก่าอยู่ที่นี่ เค้าช่วยส่ง resume ให้ ผมก็สัมพาด 2 รอบแล้ว ก็ถึงขั้นต่อรองเงินเดือนครับ
สิ่งหนึ่งที่ทุกที่เหมือนกันคือ เค้าจะพยายามถามว่า รายรับเดิมได้เท่าไร ผมก็บอกไปตามที่ผมได้ แต่ทุกที่จะบอกเหมือนกันคือ คุณจะกลับมาไทย แล้วรับเรท expat มันไม่ได้หรอกนะ กลับไทยก็ต้องได้รายได้ อย่างคน local ผมก็จะมีมุขที่พูดกับ HR ทุกครั้งนะครับ แต่ไม่เคยได้ผล คือ ผมบอกเค้าว่า คุณอย่าคิดว่า คุณจ้าง local ที่มี expat experience สิ ผมอยากให้คิดว่า คุณพึ่งจ้าง expat who can speak thai แต่ก็ไม่เคยได้ผลนะครับ
ทุกที่บอกเหมือนกัน คือ คุณต้องยอมลด แต่ในเมื่อผมเลือกจะกลับไทยแล้ว ผมก็ยอมลดครับ แต่ลดได้เท่าไร เดี๋ยวค่อยว่ากัน
กลับมาที่บริษัท A ครับ บริษัท A คือบริษัท แรกที่ตอบรับผม เค้าเสนอเงินให้ผมคือ 133k ผมบอกเค้าว่า เรทนี้ผมไม่ไหวจริง ๆ อีกประมาณ สัปดาห์ หัวหน้าใหม่ ก็โทรหาผมว่า ถามว่า คุณต้องการเท่าไร เนื่องจาก ตอนนั้น ผมยังไม่มีงานเลย แล้วอยากกลับไทยด้วย ผมเลยไม่กล้าเรียกมาก เลยบอกเค้าไปว่า งั้น 150k แล้วกัน วันรุ่งขึ้น HR โทรหาผมเพื่อขอ เซ็นสัญญา ทันที ผมรู้สึกเลยว่า ผมบอกน้อยไปป่าวว่ะ เนิ่ย บอกไปแล้วด้วย จะขอเพิ่มนี่ก็จะหมาสะป่าว ๆ แล้วผมกำลังจะมี สัมพาดกับบริษัท B และ C ด้วย ผมเลย ขอเวลา เค้าคิดสักสัปดาห์นึงครับ
ระหว่างนี้ ผมก็มีโอกาส สัมพาดงาน บริษัท B และ C บริษัท B นี่เป็น บริษัทเดิมของผมที่ทำที่ต่างประเทศ แต่เป็น สาขาไทย ครับ ผมพอจะมีคนรู้จักที่ไทยอยู่บ้างพอบอกว่า อยากกลับไทย หัวหน้าทางไทยก็ช่วยเหลือครับ ไม่มีสอบสัมพาดเลยครับ ไปคุยเงินเดือนเลย
ข้อเสนอแรก บริษัท ฺB เสนอมาที่ 157k ครับ ตอนนี้ ผมเริ่มอุ่นใจว่า บริษัท B การงานก็สูสีกับบริษัท A ถ้ายังไงผมคงเลือก บริษัท B แน่ ๆ ครับ ผมเลย ปฎิเสธข้อเสนอแรกไป บอกไปที่ 180k
บริษัท B ขอกลับไปคิด 1 อาทิตย์ครับ แล้วบอกว่าให้ที่คุณขอไม่ได้หรอก เราให้คุณได้แค่ 170k คณจะยอมมั้ย เนื่องจากนี่เป็นบริษัทเก่าของผม ผมค่อนข้างสบายใจถ้าทำงานที่นี่ ผมเลยไม่ได้ต่อรองไรมาก แล้ว ตอบรับไปครับ (ผมว่าถ้าผมยืนยันว่าไม่ได้ 180k ผมไม่มา ผมว่าน่าจะได้นะครับ แต่ตอนนั้น ผมก็ไม่กล้าต่อรองมาก กลัวไม่มีงานครับ คิดว่า ได้เท่านี้ ที่ไทยก็เยอะแล้ว กลับบ้านดีกว่าเรา ผมเลยตอบตกลงกับบริษัท B ครับ
ทีนี้ มาถึงบริษัท C ครับ ผมได้สัมพาด บริษัทนี้ จากข้อมูล profile ใน linked in นะครับ ผมว่า ถือว่าเป็น app ที่ดีเลย ผมเคยได้ สัมพาดงานหลาย ๆ ที่ ในหลาย ๆ ประเทศจาก app นี้ครับ ผมสัมพาดหลายรอบมากบริษัทนี้ 4 รอบได้ manager , Div head , HR , VP region เนื่องจากบริษัทนี้เป็น บริษัทต่างชาติ ไม่มีสาขาที่ไทย มีผมคนเดียวใน asia ทำงานก็ทำที่บ้าน ไม่ต้องไป office แต่บริษัทนี้มีความยุ่งยากคือ ผมต้องเปิดบริษัทใหม่ แล้วเป็น independent contractor แล้ว ส่ง invoice ไปเก็บเงินบริษัท ได้เป็นเงินเดือนเป้นก้อน ไม่มี benefit อะไร ทั่วไป เหมือน บริษัท A และ B เลย (social benefit ,health insurance etc.) หลังจากสัมพาดอยู่ สี่รอบ ก็มาถึงเรื่องเงินเดือนครับ
ข้อเสนอแรก ที่ C เสนอผมมา คือ 141k บริษัท C พยายามบอกว่า เราสำรวจตลาดประเทศไทยมาแล้ว ราคานี้ น่าจะถือว่า เหมาะสม
ผมปฎิเสธ อย่างรวดเร็วเลย ครับ เพราะตอนนั้นผมมีข้อเสนอ บริษัท B อยู่แล้ว
เรื่องที่ผมอยากแชร์ จริง ๆ คือ บริษัทนี้ ครับ พอผมปฎิเสธไป บอกเค้าว่า ราคานี้ผมไม่ไหวจริงๆ VP region โทรหาผมทันทีครับ บอกจะช่วยแก้ไขเรื่องสัญญาให้
บริษัท C กลับมาด้วยข้อเสนอที่สองคือ 175k ครับ คือเรียกว่า ผมลังเล เลยนะครับเพราะก็เหมือนจะเยอะกว่า B แต่จริง ๆ B ถ้ารวม Benefit อย่างอื่นยังเยอะกว่าครับ แล้วอีกอย่าง C คือพยายาม รบเร้าผมมาก ๆ VP เรียกผมไปทานกาแฟ คุยถึงสองครั้ง เพื่ออยากได้เรา
ผมนั่งคิดอยู่นาน จนผมตอบปฎิเสธ เค้าไปครับ ว่ามันดูเสี่ยง HQ อยู่ต่างประเทศ ไม่มี office ไทย ผมต้องเปิดบริษัทเองอีก ราคานี้ ผมไม่กล้า take risk
ไม่อยากเชื่อว่า สองวันถัดมา บริษัท C กลับมาใหม่ ด้วยข้อเสนอที่ 3 คือที่ 205k
คราวนี้ผมเครียดแตกเลยนะครับ คือมันเยอะกว่า ฺB แล้ว แล้วงานมันก็ดูน่าสนุก แล้วอีกอย่างไม่เคยเจอ VP ตาม ตื้อขนาดนี้เลย เหมือนเราเป็นคนสำคัญ
ผมก็นั่งคิดอย่างเครียดเลย แปลกนะครับ ได้ข้อเสนอที่ดี ได้งาน เหมือนหล่อเลือกได้ แต่มันก็เครียดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าอันไหนจะดีต่อชีวิตมากที่สุด
ท้ายที่สุดผมเลือก ที่จะปฎิเสธ C แล้วตอบตกลงกับ B ครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ผิดถูกอย่างไร แต่ที่อยากแชร์ให้เพื่อน ๆ เห็นคือ ถ้าตอนที่เรามี power เรามีอำนาจต่อรองจริง ๆ ครับ ตอนบริษัท A ผมไม่มีงานในไทยเลย ผมไม่กล้าต่อรองเท่าไร แต่พอเคสบริษัท C ที่ผมมีข้อเสนอ A และ B เทียบแล้ว ผมปฎิเสธ แล้วเค้าก็ขึ้นให้เยอะจริง ๆ จาก 141 > 175 > 205 เรียกว่าขึ้นเกือบ 50% จากข้อเสนอแรกเลยนะครับ
เสียดายที่ท้ายที่สุดผมก็ไม่ได้เอาอยู่ดี แต่ว่า ถือว่าเป็น ประสบการณ์ที่ดี ในการย้ายกลับไทยครั้งนี้ของผม เลยอยากแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังครับ
แชร์ประสบการณ์ย้ายงานจาก Expat กลับไทย พร้อมการพูดคุยเงินเดือนกับ HR
เล่า black ground คร่าว ๆ ก่อน เดิมผมทำงาน อยู่วงการสื่อสารครับ ทำ Expat มาได้ 4 ปี ก็จะอยู่ มาเล สิงค์โปร์ อินโด ฟิลิปปิน แถบเอเชีย นี้ทั่วไป
ตอนแรกผมขอที่บ้านมาทำงาน ต่างประเทศแค่สองปี จนในตอนนี้ ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมควรกลับบ้านสักที
สิ่งแรกที่ผมเครียดคือ ย้ายกลับมาจะมีงานมั้ย แล้ว จะมีที่ไหน ยอมจ้างใน เรท ที่ผมยอมรับได้หรอป่าว
เดิมทำผมเป็น expat ผมรับรายได้ต่อเดือน รวมทุกอย่าง เช่นค่าบ้าน ค่ารถ อยู่ราว 210k (tax free) นะครับ
เมื่อเลือกที่จะกลับไทย ผมได้มีโอกาส สัมพาดงาน (ขอโทษที่พิมพ์ผิดนะครับ นึกสะว่าอ่าน ในเฟสแล้วกัน) 3 ที่ด้วยกัน
บริษัท A เป็นบริษัทแรกที่ผมมีโอกาสได้สัมพาดครับ เนื่องจาก ผมมีหัวหน้าเก่าอยู่ที่นี่ เค้าช่วยส่ง resume ให้ ผมก็สัมพาด 2 รอบแล้ว ก็ถึงขั้นต่อรองเงินเดือนครับ
สิ่งหนึ่งที่ทุกที่เหมือนกันคือ เค้าจะพยายามถามว่า รายรับเดิมได้เท่าไร ผมก็บอกไปตามที่ผมได้ แต่ทุกที่จะบอกเหมือนกันคือ คุณจะกลับมาไทย แล้วรับเรท expat มันไม่ได้หรอกนะ กลับไทยก็ต้องได้รายได้ อย่างคน local ผมก็จะมีมุขที่พูดกับ HR ทุกครั้งนะครับ แต่ไม่เคยได้ผล คือ ผมบอกเค้าว่า คุณอย่าคิดว่า คุณจ้าง local ที่มี expat experience สิ ผมอยากให้คิดว่า คุณพึ่งจ้าง expat who can speak thai แต่ก็ไม่เคยได้ผลนะครับ
ทุกที่บอกเหมือนกัน คือ คุณต้องยอมลด แต่ในเมื่อผมเลือกจะกลับไทยแล้ว ผมก็ยอมลดครับ แต่ลดได้เท่าไร เดี๋ยวค่อยว่ากัน
กลับมาที่บริษัท A ครับ บริษัท A คือบริษัท แรกที่ตอบรับผม เค้าเสนอเงินให้ผมคือ 133k ผมบอกเค้าว่า เรทนี้ผมไม่ไหวจริง ๆ อีกประมาณ สัปดาห์ หัวหน้าใหม่ ก็โทรหาผมว่า ถามว่า คุณต้องการเท่าไร เนื่องจาก ตอนนั้น ผมยังไม่มีงานเลย แล้วอยากกลับไทยด้วย ผมเลยไม่กล้าเรียกมาก เลยบอกเค้าไปว่า งั้น 150k แล้วกัน วันรุ่งขึ้น HR โทรหาผมเพื่อขอ เซ็นสัญญา ทันที ผมรู้สึกเลยว่า ผมบอกน้อยไปป่าวว่ะ เนิ่ย บอกไปแล้วด้วย จะขอเพิ่มนี่ก็จะหมาสะป่าว ๆ แล้วผมกำลังจะมี สัมพาดกับบริษัท B และ C ด้วย ผมเลย ขอเวลา เค้าคิดสักสัปดาห์นึงครับ
ระหว่างนี้ ผมก็มีโอกาส สัมพาดงาน บริษัท B และ C บริษัท B นี่เป็น บริษัทเดิมของผมที่ทำที่ต่างประเทศ แต่เป็น สาขาไทย ครับ ผมพอจะมีคนรู้จักที่ไทยอยู่บ้างพอบอกว่า อยากกลับไทย หัวหน้าทางไทยก็ช่วยเหลือครับ ไม่มีสอบสัมพาดเลยครับ ไปคุยเงินเดือนเลย
ข้อเสนอแรก บริษัท ฺB เสนอมาที่ 157k ครับ ตอนนี้ ผมเริ่มอุ่นใจว่า บริษัท B การงานก็สูสีกับบริษัท A ถ้ายังไงผมคงเลือก บริษัท B แน่ ๆ ครับ ผมเลย ปฎิเสธข้อเสนอแรกไป บอกไปที่ 180k
บริษัท B ขอกลับไปคิด 1 อาทิตย์ครับ แล้วบอกว่าให้ที่คุณขอไม่ได้หรอก เราให้คุณได้แค่ 170k คณจะยอมมั้ย เนื่องจากนี่เป็นบริษัทเก่าของผม ผมค่อนข้างสบายใจถ้าทำงานที่นี่ ผมเลยไม่ได้ต่อรองไรมาก แล้ว ตอบรับไปครับ (ผมว่าถ้าผมยืนยันว่าไม่ได้ 180k ผมไม่มา ผมว่าน่าจะได้นะครับ แต่ตอนนั้น ผมก็ไม่กล้าต่อรองมาก กลัวไม่มีงานครับ คิดว่า ได้เท่านี้ ที่ไทยก็เยอะแล้ว กลับบ้านดีกว่าเรา ผมเลยตอบตกลงกับบริษัท B ครับ
ทีนี้ มาถึงบริษัท C ครับ ผมได้สัมพาด บริษัทนี้ จากข้อมูล profile ใน linked in นะครับ ผมว่า ถือว่าเป็น app ที่ดีเลย ผมเคยได้ สัมพาดงานหลาย ๆ ที่ ในหลาย ๆ ประเทศจาก app นี้ครับ ผมสัมพาดหลายรอบมากบริษัทนี้ 4 รอบได้ manager , Div head , HR , VP region เนื่องจากบริษัทนี้เป็น บริษัทต่างชาติ ไม่มีสาขาที่ไทย มีผมคนเดียวใน asia ทำงานก็ทำที่บ้าน ไม่ต้องไป office แต่บริษัทนี้มีความยุ่งยากคือ ผมต้องเปิดบริษัทใหม่ แล้วเป็น independent contractor แล้ว ส่ง invoice ไปเก็บเงินบริษัท ได้เป็นเงินเดือนเป้นก้อน ไม่มี benefit อะไร ทั่วไป เหมือน บริษัท A และ B เลย (social benefit ,health insurance etc.) หลังจากสัมพาดอยู่ สี่รอบ ก็มาถึงเรื่องเงินเดือนครับ
ข้อเสนอแรก ที่ C เสนอผมมา คือ 141k บริษัท C พยายามบอกว่า เราสำรวจตลาดประเทศไทยมาแล้ว ราคานี้ น่าจะถือว่า เหมาะสม
ผมปฎิเสธ อย่างรวดเร็วเลย ครับ เพราะตอนนั้นผมมีข้อเสนอ บริษัท B อยู่แล้ว
เรื่องที่ผมอยากแชร์ จริง ๆ คือ บริษัทนี้ ครับ พอผมปฎิเสธไป บอกเค้าว่า ราคานี้ผมไม่ไหวจริงๆ VP region โทรหาผมทันทีครับ บอกจะช่วยแก้ไขเรื่องสัญญาให้
บริษัท C กลับมาด้วยข้อเสนอที่สองคือ 175k ครับ คือเรียกว่า ผมลังเล เลยนะครับเพราะก็เหมือนจะเยอะกว่า B แต่จริง ๆ B ถ้ารวม Benefit อย่างอื่นยังเยอะกว่าครับ แล้วอีกอย่าง C คือพยายาม รบเร้าผมมาก ๆ VP เรียกผมไปทานกาแฟ คุยถึงสองครั้ง เพื่ออยากได้เรา
ผมนั่งคิดอยู่นาน จนผมตอบปฎิเสธ เค้าไปครับ ว่ามันดูเสี่ยง HQ อยู่ต่างประเทศ ไม่มี office ไทย ผมต้องเปิดบริษัทเองอีก ราคานี้ ผมไม่กล้า take risk
ไม่อยากเชื่อว่า สองวันถัดมา บริษัท C กลับมาใหม่ ด้วยข้อเสนอที่ 3 คือที่ 205k
คราวนี้ผมเครียดแตกเลยนะครับ คือมันเยอะกว่า ฺB แล้ว แล้วงานมันก็ดูน่าสนุก แล้วอีกอย่างไม่เคยเจอ VP ตาม ตื้อขนาดนี้เลย เหมือนเราเป็นคนสำคัญ
ผมก็นั่งคิดอย่างเครียดเลย แปลกนะครับ ได้ข้อเสนอที่ดี ได้งาน เหมือนหล่อเลือกได้ แต่มันก็เครียดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าอันไหนจะดีต่อชีวิตมากที่สุด
ท้ายที่สุดผมเลือก ที่จะปฎิเสธ C แล้วตอบตกลงกับ B ครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ผิดถูกอย่างไร แต่ที่อยากแชร์ให้เพื่อน ๆ เห็นคือ ถ้าตอนที่เรามี power เรามีอำนาจต่อรองจริง ๆ ครับ ตอนบริษัท A ผมไม่มีงานในไทยเลย ผมไม่กล้าต่อรองเท่าไร แต่พอเคสบริษัท C ที่ผมมีข้อเสนอ A และ B เทียบแล้ว ผมปฎิเสธ แล้วเค้าก็ขึ้นให้เยอะจริง ๆ จาก 141 > 175 > 205 เรียกว่าขึ้นเกือบ 50% จากข้อเสนอแรกเลยนะครับ
เสียดายที่ท้ายที่สุดผมก็ไม่ได้เอาอยู่ดี แต่ว่า ถือว่าเป็น ประสบการณ์ที่ดี ในการย้ายกลับไทยครั้งนี้ของผม เลยอยากแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟังครับ