จะเล่นหุ้นแนวไหนดี?
เป็นคำถามยอดฮิตติดลมบนมานาน
ที่มือใหม่ซิงๆ ต้องการคำตอบและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง
ว่าถ้าอยากลงทุน ถ้าอยากเล่นหุ้น เราจะเล่นแนวไหนดี
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเราต้องการลงทุนในหุ้น
สิ่งที่เราต้องรู้ก็คือ การหามูลค่าหุ้นของบริษัทที่เราจะลงทุน
การหามูลค่าหุ้นนั้นก็ต้องใช้การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน
และอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้เมื่อต้องการเข้ามาลงทุนในหุ้นก็คือ
การหาราคาหุ้น จังหวะซื้อ จังหวะขาย
นั่นก็คือ เราต้องไปศึกษาเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค
เพื่อตอบโจทย์เกี่ยวกับเรื่องราคาหุ้น
เพื่อหาแนวโน้มของราคาว่าจะมีโอกาสขึ้นหรือลง
ดังนั้น สำหรับมือใหม่แล้ว สิ่งที่ต้องเรียนรู้คร่าวๆ ก็คือ
ต้องศึกษาเรื่องการวิเคราะห์ทางด้านปัจจัยพื้นฐาน
และต้องศึกษาเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค
แล้วคำถามที่ตามมาอีกก็คือ "ถ้ามีเงินน้อยๆ สามารถลงทุนได้ไหม"
ตอบเลยว่า "ได้"
... แต่ ... มีแต่ก็เพราะว่า เราต้องจัดการเงินลงทุนให้เหมาะสมกับวิธีการลงทุน
เช่น ถ้าเรามีเงินน้อย แต่อยากเก็งกำไร
ต้องการเก็งกำไรภายในเวลาสั้นๆ เพื่อให้ได้กำไรเยอะๆ ด้วยเงินเพียงน้อยนิด
บอกได้เลยว่า กำไรที่ได้อาจไม่คุ้มกับค่าเสียเวลา
แล้วทีนี้ เงินลงทุนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมล่ะ? ในมุมมองของผมแล้ว
ถ้ามีเงินน้อยกว่า 50,000 บาท ควรลงทุนแบบค่อยๆ สะสม ค่อยๆ รับปันผล
อาจใช้วิธีหาหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีราคาที่อยู่ในช่วงสะสม
และเริ่มมีสัญญาณซื้อบ่งชี้ออกมา ว่าในระยะไม่กี่เดือนข้างหน้า ราคาหุ้นอาจจะมีการขยับขึ้นไปได้
ถ้ามีเงินประมาณ 200,000 ขึ้นไป ซึ่งเป็นเงินออม เป็นเงินเย็น
เราสามารถลงทุนได้หลากหลายขึ้น จะเป็นการซื้อสะสมเพื่อรับเงินปันผล
หรือจะเป็นการซื้อแล้วถือไว้ เพื่อรอรอบของราคา
หรือจะเป็นการซื้อเพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้น (ซื้อที่ราคาปิด ถือ และขายออกในไม่กี่วัน)
หรืออาจนำเงินบางส่วนมาเก็งกำไรหรือเดย์เทรดก็ได้
แต่ทั้งนี้ ด้วยปริมาณเงินที่มีก็ยังไม่สามารถเล่นเก็งกำไรในระยะสั้น หรือเดย์เทรด เพื่อให้มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้
เพราะยังมี "ความเสี่ยง" ในวิธีที่ใช้ในการเข้าไปเล่นหุ้น
และเชื่อแน่ว่า ผู้เทรดยังต้องทำงานอื่นไปด้วย ซึ่งจะทำให้ไม่มีเวลาในการเทรดอย่างใกล้ชิด
ที่สำคัญ ผู้เทรดยังมีความกดดันเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ในกรณีที่ ถ้ามีเงินมากพอ และมีรายได้จากเงินปันผล มีรายได้จากทรัพย์สินอื่นๆ ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
ปริมาณเงินขนาดนี้ จะทำให้เราไม่ต้องมากังวลกับค่าใช้จ่ายใดๆ
จะทำให้เราสามารถจัดการพอร์ทฯ การลงทุนได้เป็นอย่างดี
เราสามารถซื้อถือสะสม หรือวางกลยุทธ์ในการเล่นเก็งกำไร หรือเดย์เทรดได้ง่ายขึ้น
ไม่มีความกดดันในเรื่องเวลา ไม่มีความกดดันในเรื่องปริมาณเงินลงทุน
ทั้งนี้ ถ้าผู้ลงทุนรู้จักบริหารจัดการเงินลงทุนและเวลาอย่างเหมาะสม
ไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ก็ตาม ผู้ลงทุนก็สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นได้
อ้างอิง :
https://www.facebook.com/tasimplifieds
*** จะเล่นหุ้นแนวไหนดี? *** [บทความ]
เป็นคำถามยอดฮิตติดลมบนมานาน
ที่มือใหม่ซิงๆ ต้องการคำตอบและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง
ว่าถ้าอยากลงทุน ถ้าอยากเล่นหุ้น เราจะเล่นแนวไหนดี
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเราต้องการลงทุนในหุ้น
สิ่งที่เราต้องรู้ก็คือ การหามูลค่าหุ้นของบริษัทที่เราจะลงทุน
การหามูลค่าหุ้นนั้นก็ต้องใช้การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน
และอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้เมื่อต้องการเข้ามาลงทุนในหุ้นก็คือ
การหาราคาหุ้น จังหวะซื้อ จังหวะขาย
นั่นก็คือ เราต้องไปศึกษาเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค
เพื่อตอบโจทย์เกี่ยวกับเรื่องราคาหุ้น
เพื่อหาแนวโน้มของราคาว่าจะมีโอกาสขึ้นหรือลง
ดังนั้น สำหรับมือใหม่แล้ว สิ่งที่ต้องเรียนรู้คร่าวๆ ก็คือ
ต้องศึกษาเรื่องการวิเคราะห์ทางด้านปัจจัยพื้นฐาน
และต้องศึกษาเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค
แล้วคำถามที่ตามมาอีกก็คือ "ถ้ามีเงินน้อยๆ สามารถลงทุนได้ไหม"
ตอบเลยว่า "ได้"
... แต่ ... มีแต่ก็เพราะว่า เราต้องจัดการเงินลงทุนให้เหมาะสมกับวิธีการลงทุน
เช่น ถ้าเรามีเงินน้อย แต่อยากเก็งกำไร
ต้องการเก็งกำไรภายในเวลาสั้นๆ เพื่อให้ได้กำไรเยอะๆ ด้วยเงินเพียงน้อยนิด
บอกได้เลยว่า กำไรที่ได้อาจไม่คุ้มกับค่าเสียเวลา
แล้วทีนี้ เงินลงทุนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมล่ะ? ในมุมมองของผมแล้ว
ถ้ามีเงินน้อยกว่า 50,000 บาท ควรลงทุนแบบค่อยๆ สะสม ค่อยๆ รับปันผล
อาจใช้วิธีหาหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีราคาที่อยู่ในช่วงสะสม
และเริ่มมีสัญญาณซื้อบ่งชี้ออกมา ว่าในระยะไม่กี่เดือนข้างหน้า ราคาหุ้นอาจจะมีการขยับขึ้นไปได้
ถ้ามีเงินประมาณ 200,000 ขึ้นไป ซึ่งเป็นเงินออม เป็นเงินเย็น
เราสามารถลงทุนได้หลากหลายขึ้น จะเป็นการซื้อสะสมเพื่อรับเงินปันผล
หรือจะเป็นการซื้อแล้วถือไว้ เพื่อรอรอบของราคา
หรือจะเป็นการซื้อเพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้น (ซื้อที่ราคาปิด ถือ และขายออกในไม่กี่วัน)
หรืออาจนำเงินบางส่วนมาเก็งกำไรหรือเดย์เทรดก็ได้
แต่ทั้งนี้ ด้วยปริมาณเงินที่มีก็ยังไม่สามารถเล่นเก็งกำไรในระยะสั้น หรือเดย์เทรด เพื่อให้มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้
เพราะยังมี "ความเสี่ยง" ในวิธีที่ใช้ในการเข้าไปเล่นหุ้น
และเชื่อแน่ว่า ผู้เทรดยังต้องทำงานอื่นไปด้วย ซึ่งจะทำให้ไม่มีเวลาในการเทรดอย่างใกล้ชิด
ที่สำคัญ ผู้เทรดยังมีความกดดันเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย
ในกรณีที่ ถ้ามีเงินมากพอ และมีรายได้จากเงินปันผล มีรายได้จากทรัพย์สินอื่นๆ ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้
ปริมาณเงินขนาดนี้ จะทำให้เราไม่ต้องมากังวลกับค่าใช้จ่ายใดๆ
จะทำให้เราสามารถจัดการพอร์ทฯ การลงทุนได้เป็นอย่างดี
เราสามารถซื้อถือสะสม หรือวางกลยุทธ์ในการเล่นเก็งกำไร หรือเดย์เทรดได้ง่ายขึ้น
ไม่มีความกดดันในเรื่องเวลา ไม่มีความกดดันในเรื่องปริมาณเงินลงทุน
ทั้งนี้ ถ้าผู้ลงทุนรู้จักบริหารจัดการเงินลงทุนและเวลาอย่างเหมาะสม
ไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ก็ตาม ผู้ลงทุนก็สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นได้
อ้างอิง : https://www.facebook.com/tasimplifieds