เมื่อสังเกตเห็นว่าฝั่ง Bid มีปริมาณมากและมีการเติมคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่ง Offer มีปริมาณน้อย แต่ราคาหุ้นกลับลดลงเรื่อย ๆ สถานการณ์นี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้:
1.การตั้ง Bid หลอกเพื่อกดดันราคา (Spoofing): นักลงทุนหรือผู้เล่นรายใหญ่บางรายอาจตั้งคำสั่งซื้อจำนวนมากในฝั่ง Bid เพื่อสร้างภาพว่ามีความต้องการซื้อสูง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาอาจไม่ได้ต้องการซื้อจริง ๆ และอาจยกเลิกคำสั่งเหล่านั้นในภายหลัง เพื่อกดดันให้ราคาลดลงและซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า
2.การขายหุ้นโดยไม่แสดงในฝั่ง Offer (Hidden Selling): ผู้ขายรายใหญ่สามารถขายหุ้นโดยไม่ต้องตั้งคำสั่งขายในฝั่ง Offer โดยการขายตรงเข้าสู่คำสั่งซื้อในฝั่ง Bid ทำให้ราคาลดลงเรื่อย ๆ แม้ว่าฝั่ง Offer จะดูบาง
3.การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน: แม้ว่าฝั่ง Bid จะมีปริมาณมาก แต่หากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในหุ้นนั้น ๆ พวกเขาอาจไม่ยอมซื้อในราคาที่สูงขึ้น ทำให้ราคาลดลงต่อเนื่อง
4.การจัดการราคาของผู้เล่นรายใหญ่: ผู้เล่นรายใหญ่หรือ "เจ้ามือ" อาจใช้กลยุทธ์ในการควบคุมราคา โดยการตั้ง Bid จำนวนมากเพื่อสร้างภาพลวงตา และขายหุ้นในปริมาณมากโดยไม่ผ่านฝั่ง Offer เพื่อดึงราคาลง
การวิเคราะห์ Bid-Offer เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของราคาหุ้น แต่ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
การวิเคราะห์กราฟเทคนิค:
แนวโน้มขาลง (Downtrend): หากราคาหุ้นสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง (Lower Highs และ Lower Lows) แสดงถึงแนวโน้มขาลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ราคาหุ้นลดลงเรื่อย ๆ แม้ว่าฝั่ง Bid จะมีปริมาณมากก็ตาม
ปริมาณการซื้อขาย (Volume): หากมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาลดลง แสดงถึงแรงขายที่มีนัยสำคัญ ซึ่งอาจมาจากผู้ขายรายใหญ่ที่ขายหุ้นโดยตรงเข้าสู่ฝั่ง Bid
สัญญาณจากอินดิเคเตอร์: การใช้เครื่องมือเช่น Moving Average, MACD หรือ RSI สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มขาลงได้ หากอินดิเคเตอร์เหล่านี้แสดงสัญญาณเชิงลบ
สัญญานขาขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ราคาหุ้นสร้าง Higher High และ Higher Low อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น
เส้น EMA 15 วันตัดขึ้นเหนือเส้น EMA 50 วัน เป็นสัญญาณซื้อ
ค่า RSI อยู่ที่ 65 แสดงถึงแรงซื้อที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะ Overbought
Bid มีปริมาณมากและมีการเติมคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่ง Offer มีปริมาณน้อย แต่ราคาหุ้นกลับลดลงเรื่อย ๆ
1.การตั้ง Bid หลอกเพื่อกดดันราคา (Spoofing): นักลงทุนหรือผู้เล่นรายใหญ่บางรายอาจตั้งคำสั่งซื้อจำนวนมากในฝั่ง Bid เพื่อสร้างภาพว่ามีความต้องการซื้อสูง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาอาจไม่ได้ต้องการซื้อจริง ๆ และอาจยกเลิกคำสั่งเหล่านั้นในภายหลัง เพื่อกดดันให้ราคาลดลงและซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า
2.การขายหุ้นโดยไม่แสดงในฝั่ง Offer (Hidden Selling): ผู้ขายรายใหญ่สามารถขายหุ้นโดยไม่ต้องตั้งคำสั่งขายในฝั่ง Offer โดยการขายตรงเข้าสู่คำสั่งซื้อในฝั่ง Bid ทำให้ราคาลดลงเรื่อย ๆ แม้ว่าฝั่ง Offer จะดูบาง
3.การขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุน: แม้ว่าฝั่ง Bid จะมีปริมาณมาก แต่หากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในหุ้นนั้น ๆ พวกเขาอาจไม่ยอมซื้อในราคาที่สูงขึ้น ทำให้ราคาลดลงต่อเนื่อง
4.การจัดการราคาของผู้เล่นรายใหญ่: ผู้เล่นรายใหญ่หรือ "เจ้ามือ" อาจใช้กลยุทธ์ในการควบคุมราคา โดยการตั้ง Bid จำนวนมากเพื่อสร้างภาพลวงตา และขายหุ้นในปริมาณมากโดยไม่ผ่านฝั่ง Offer เพื่อดึงราคาลง
การวิเคราะห์ Bid-Offer เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจพฤติกรรมของราคาหุ้น แต่ควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
แนวโน้มขาลง (Downtrend): หากราคาหุ้นสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง (Lower Highs และ Lower Lows) แสดงถึงแนวโน้มขาลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ราคาหุ้นลดลงเรื่อย ๆ แม้ว่าฝั่ง Bid จะมีปริมาณมากก็ตาม
ปริมาณการซื้อขาย (Volume): หากมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาลดลง แสดงถึงแรงขายที่มีนัยสำคัญ ซึ่งอาจมาจากผู้ขายรายใหญ่ที่ขายหุ้นโดยตรงเข้าสู่ฝั่ง Bid
สัญญาณจากอินดิเคเตอร์: การใช้เครื่องมือเช่น Moving Average, MACD หรือ RSI สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มขาลงได้ หากอินดิเคเตอร์เหล่านี้แสดงสัญญาณเชิงลบ
สัญญานขาขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้