ตอนที่แล้ว
ตอน 1 บทเรียกน้ำย่อย
http://ppantip.com/topic/35291074 ว่าเที่ยว Norway ไม่แพงอย่างที่คิด ว่ามีการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง
ตอน 2 การเตรียมตัว จะต้องเตรียมอะไรบ้าง
http://ppantip.com/topic/35298680
ตอน3 : เมื่อถึง oslo ต้องซื้อ? และเรื่องที่เกี่ยวกับรถ
1 ซื้อ Oslo pass
มันคืออะไร มันคือบัตรเหมาจ่ายค่าเดินทางใน Oslo zone 1-2 และค่าเข้า Museum ต่างๆ
มีราคา ตามชั่วโมงที่ใช้
24 hours: 335 NOK
48 hours: 490 NOK
72 hours: 620 NOK
ดังนั้นดูที่ web
http://www.visitoslo.com/en/activities-and-attractions/oslo-pass/
ว่า museum ที่เราเข้าถ้าไม่ใช้บัตรต้องจ่ายค่าเข้าเท่าไร
แต่ถ้าไม่ชอบเข้า museum จะเอาตั๋วเดินทางขนส่งมวลอย่างเดียวก็ได้ 24 hours: 90 NOK
http://www.visitoslo.com/en/product/?TLp=182075
ที่เราวางแผนเข้า
The Viking Ship Museum :80 Nok
Norwegian Folk Museum : 125 Nok
Fram Museum - The Polar Ship Fram :100 Nok
Nobel Peace Center :100 Nok
National Gallery :100 Nok
Munch Museum : 120 Nok
คำนวณว่าคุ้ม เลยซื้อ แบบ 24 ชั่วโมง เริ่มใช้ วันพรุ่งนี้ 8.55 ก็จะหมดวันรุ่งขึ้นเวลานี้
ดังนั้นต้องซื้อตั๋วในวันที่ D1 ที่ไปถึง แต่พวกเรามาถึงตอนเย็น Oslo Visitor Centre ปิดแล้ว
ถ้ารอเปิดพรุ่งนี้เช้า ก็จะเป็นการเสียเวลาเที่ยวเช้าพรุ่งนี้
แต่เราหาซื้อได้ตามที่พักต่างๆได้ ดูได้จาก website:
http://www.visitoslo.com/en/activities-and-attractions/oslo-pass/sales-points-list/?viewType=map#!
เราเลือกซื้อที่ โรงแรมที่มีขาย แถวๆ สถานีรถไฟ Oslo S มี 2 ที่ คือ Scandic Oslo City, Scandic Byporten เราเลือกซื้อที่แรก ราคาตามตั๋วนะคะ ไม่มี charge เพิ่ม
2 หาซื้อ Sim โทรศัพท์
พวกเราจำเป็นต้องมีเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อกับเจ้าของบ้าน เราเลยจะใช้บริการของ my call โดย shop นี้อยู่ไม่ไกลจาก สถานีรถไฟ Oslo S
ที่อยู่ MyCall Shop, Brugata 1, 0186 Oslo, นอร์เวย์
ราคา sim อันละ 25 NOK สามารถโทรศัพท์ได้ ตามจำนวนค่า Sim นั้น และซื้อ internet 1 G ราคา 79 Nok ถ้าใช้ internet หมด ก็ซื้อได้ที่ร้าน Seven/eleven
และที่สำคัญให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนให้เรียบร้อยด้วยนะคะ เพราะเป็น ภาษา Norway ซึ่งเราอ่านไม่ออก
ยังไม่จบนะคะ แม้ว่าจะลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ต้องทดลองใช้ด้วยนะคะ เพราะตอนที่ซื้อ Sim สำหรับ 2 เครี่อง แล้วลองโทร ปรากฏว่าโทรไม่ได้ ต้องกลับไปให้เจ้าหน้าที่แก้ไข ดังนั้นลองใช้ดูก่อนออกจากร้านนะคะ
อ้อ ร้าน MyCall Shop ปิด หกโมงเย็นนะคะ
3 หมวดเรื่องที่เกี่ยวกับรถ การเช่า และการขับรถ
3.1 การรับรถ
การรับรถ ให้ถ่ายรูปรอบคัน เพื่อเป็นหลักฐานว่า รอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากเราทำ
ถ้าเจอก็บอกเจ้าหน้าที่
ตอนจองมา Manual เพื่อราคาถูกลง แต่ได้รถ volkswagen golf เกียร์ Auto สบายเลยเรา
3.2Auto pass
ตอนที่รับรถถามเรื่องการจ่าย Toll
เจ้าหน้าที่ ก็ให้บัตร Auto pass มาแบบไม่บอกอะไร ฟรีเพราะเขารู้ดีว่า Auto pass มันจำเป็น เพราะว่าทางที่ให้จ่ายเงินค่าผ่านทาง ไม่มีด่านเก็บเงิน มีแต่ป้ายบอกว่ามีการจ่ายเงิน และมีกล้องที่มันจะส่องมาที่ Auto pass ไม่มีเจ้าหน้าที่เก็บตังส์เหมือนบ้านเรานะ ถ้าไม่มี มันคงถ่ายรถแล้วแจ้งจับก็เป็นไปได้
พอกลับมาเมืองไทย มี invoice มาเรียกเก็บค่าใช้ Auto pass เป็นเงิน 150 NOK ค่าทางด่วนที่ใช้ เขาไม่คิดค่าบัตร
ใครว่า.....ค่าทางด่วน่งมาเรียกเก็บหลังจากกลับจากเมืองไทยมา 2-3 เดือน เสียประมาณ 2,500 บาทจ้า
เพื่อนๆ คะ อันนี้อย่าเอาเป็นบรรทัดฐาน ว่าบริษัทอื่น จะเป็นอย่างนี้นะคะ...มันฟลุ๊ก
ถ้าไม่มี Auto pass ให้ศึกษาก่อนว่าจะจ่ายเงินอย่างไรด้วยนะคะ หาข้อมูลจาก
http://www.autopass.no/en/visitors-payment
3.3 GPS
ตอนรับรถมี GPS ติดรถมาให้จ้า
ก็งงๆ อยู่ การเช่ารถครั้งนี้ เลือกที่ถูก อะไรตัดได้ ตัดออก
แต่ได้option มาใช้ ฟรีถึง 3 รายการ ตั้งแต่ได้รถเกียร์ออโต, auto pass และ GPS
สามเฒ่า+1 จึง มี GPS ใช้ 2 เครื่องเลย
ประสบการณ์ การใช้เครื่องนำทาง
1. เครื่อง GPS จากเมือไทย search จากชื่อได้เลย
2.เครื่องที่มากับรถ search ด้วยชื่อไม่เจอ ดังนั้นใช้ search on the map เลยจ้า
3. ปัญหา คือ GPS แนะนำทาง ไม่ดูว่าเป็นถนนแคบที่ขับลำบาก เอาแต่เลือกที่สั้น หรือบางที่มันก็งงๆ คือทางที่ไปต้องเลี้ยว มันก็บอกให้ขับไปตรงไป แล้วไปกลับรถ จากนั้นก็ให้เลี้ยวทางที่เราจะไป และที่เจอ ข้อมูลของเครื่อง GPS ที่มากับรถ ไม่ Update ให้ไป detour ทั้งๆ ที่ถนนข้างหน้าดีๆ ไม่มีการซ่อมอะไร
ใช้ Google map ดีกว่า แต่ปัญหา คือ ไม่มีสัญญาณในป่านะซิ เลยต้องใช้ร่วมๆกัน
3.4 สัญญาเช่ารถ
เป็นภาษา Norway แล้วใครจะอ่านออก ถ้ามีการโกงกัน ละก็เป็นเรื่องแน่เลย
ดังนั้นก็ต้องใช้ Google translate ช่วยแปลอย่างเดียว คำที่สำคัญ เช่น unlimited mileage และเรื่องประกัน
แต่การรับ/คืนรถที่นี้ ไม่มีเรื่องมาก เหมือนที่เคยอ่านเจอที่อิตาลี
3.5 การเติมน้ำมัน
เราสามารถหาปั้มน้ำมันได้จากใน GPS นะคะ เมื่อเข้าปั้มดูที่ตู้ว่า ว่าใช้ บัตรเครดิต หรือเงินสด หรือได้ทั้ง 2 อย่าง
ถ้าใช้บัตร ก็ต้องใช้ Pin code ของบัตรเครดิต ด้วยนะ
การเติมน้ำมันที่ Norway ต้องเติมเองนะ
ถ้าเติมน้ำมันจากตู้ที่เขียนว่า Cash เติมน้ำมันแล้วค่อยเดินไปจ่ายเงินที่ช้อป
ราคาน้ำมัน ของแต่ละปั้มก็ไม่เท่ากัน เท่าที่เห็น แถวๆ oslo เห็น 11Nok แต่ไม่มีโอกาสได้เติมเลย ดังนั้นที่เติมมามีตั้งแต่ 13-15 Nok
เติมน้ำมันมา 8 ครั้งจำนวน 184.29 ลิตร = NOK 2,608.00 = 11,136.16 ฿
ดังนั้นโดยเฉลี่ยที่เราเติมน้ำมัน เบนซิน 95 ลิตรละ 14.15 Nok/L
3.6 การขับรถที่ Norway ชิดขวานะ
ต่างจากบ้านเรานะจ๊ะ เวลาขับให้ท่องไว้ว่าชิดขวา
และเวลาขับในถนนเลนเดียว ต้องดูรถที่มาว่าเราอาจต้องถอยหลังหลบ ดูว่าคันไหนใกล้ที่หลบได้ก็ต้องหลบ
3.7 ขับรถยากมั๊ย ?
มาดูสภาพถนน กันว่าเป็นอย่างไร ถนนส่วนใหญ่เป็นสองเลน วิ่งสวนกัน แบบบ้านเราแยกกันมีเกาะกลางถนน ไม่เจอเลย หรือถนนที่ขึ้นเขา มักจะเป็นถนนแบบพอสวนได้ หรือ บางช่วงก็เป็นวิ่งได้คันเดียว ส่วนกันไม่พอ บางทีถนนแคบ ตองมีการหลบถอยหลังให้คันที่ผ่านมาไปก่อน เพราะเราอยู่ใกล้ พื้นที่ ๆ มากพอที่จะหลบได้...Auntie Molly ขับไม่ได้อย่างแน่นนอน
ถนนในนอร์เวย์มีหลายเส้นที่ปิดในช่วงฤดูหนาว ช่วงเวลาที่ถนนปิดขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี สามารถ Check ได้ที่ website
http://www.vegvesen.no/Trafikkbeta/
ถ้า trip หน้าจะเช่ารถในช่วงเมษา ถึงต้นพฤษภา และ ปลายกันยาถึง ตุลา เพื่อ ดูแสงเหนือ แล้วต้องขับรถถนนที่ผ่านภูเขาสูงต้องระวัง เป็นช่วงที่สภาพหน้าร้อนในพื้นที่ราบ ทำให้หิมะตก และพื้นถนนเป็นน้ำแข็ง หรือสภาพลมที่แรง...ข้อมูลจาก Net ของฝรั่งบอก เดี๋ยวถ้าไปอีก จะมาเล่าให้ฟังต่อ
อีกหนึ่งสิ่งที่ Amazing คือ อุโมงค์เยอะมาก บางช่วงยาวเป็นสิบ กม. มีทั้งแบบ อุโมงค์ ขึ้นหรือลงภูเขา หรืออุโมงค์รอดใต้น้ำ ที่เมือง Molde ก็มี และที่ Amazing ยิ่งกว่าคือ ในอุโมงค์มีวงเวียนด้วย Oh my God
ในการขับรถใน Norway : สำหรับความเร็วในการขับขี่ ถนนทั่วไป 80 กม/ชม. หรือในเขตเมืองหรือที่กำลังก่อนสร้างก็จะเป็น 50 กม/ชม. หรือ เขตที่อยู่อาศัยจะเหลือ30 กม/ชม ไม่ต้องห่วง มีป้ายบอกตลอดทาง ว่าทำความเร็วได้เท่าไร และยกเลยจำกัดความเร็วที่บอกไว้ตอนแรก แต่อย่างไรก็ตาม ทำความเร็วได้ไม่มากหรอกคะ เพราะถนนไม่กว้างมากอย่างบ้านเรา บางทีเจอถนนแคบ ต้องหลบให้กัน
ส่วน Motorway วิ่งได้ถึง 100 กม/ชม.แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่สภาพถนน นะคะ
แนะนำว่าทำตามกฎจราจรดีที่สุดค่ะ เค้าจะมีจุดกล้องมจับความเร็วและมีป้ายเตือนก่อนทุกครั้งว่ามีกล้อง และ GPS จะส่งเสียงเตือนเรื่องจับความเร็ว ถ้าเราวิ่งเกินที่กำหนด
ค่าปรับเรื่องขับรถเร็วโหดนะคะ ทริปเรายังไม่โดนค่ะ อิอิ แต่ทำการบ้านมาว่าโหด
การบ้านอีกอย่า คือต้องหาถนนที่ไปจัดเที่ยวของเราพยายามเลี้ยง เส้นทาง ทีจ่ายค่าผ่านทาง ดังนั้นเที่ยวครั้งนี้จ่ายค่าผ่านทางไป 150 Nok
การจอดรถชมวิว ควรทำในจุดที่ปลอดภัยหรือจุดให้จอดเท่านั้น อย่าสร้างปัญหาให้ผู้ใช้ถนนอื่น เพราะเกิดอันตรายได้คะ
อีกอย่าง ตลอดเวลาที่ขับรถต้องเปิดไฟตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน สำหรับรถที่ขับมีปุ่มตั้งไปที่ Auto ก็เลยไม่ต้องคอยไปเปิดปิดไฟหน้ารถ
และทุกที่นั่งต้องคาด Safety belt ด้วยนะ
3.8 มาดูป้ายจราจรกัน จะได้เที่ยวแบบสนุกกัน ตัวอย่าง
หาดูเพิ่มเติมได้ที่
https://en.wikipedia.org/wiki/Road_signs_in_Norway
3.9 การคืนรถ
ก่อนคืนรถก็ทำความสะอาดภายในรถ เท่าที่จะทำได้ พอดีที่พักสุดท้ายมีเครื่องดูดฝุ่น เลยเอามาดูฝุ่นในรถ โดยเฉพาะที่วางเท้านะ
ขับไปเติมน้ำมันแถวสนามบิน เจอ 2 ปั้ม ปั้มก่อนถึง ราคาสูงกว่าปั้มที่เลยสนามบินไปหน่อย
คืนรถที่สนามบิน ที่ชั้นสองที่ลานจอดรถ มีช่องๆ เขียนชื่อบริษัทรถเช่า ให้ไปจอดตามชื่อ
เจ้าหน้าที่จะมาตรวจ แต่เนื่องจากรถเราสกปรก จึงบอกว่าไม่สามารถตรวจได้ต้องทำความสะอาดก่อน แล้วจะแจ้งทาง email
อันนี้ไม่ถูกใจเลย คนตรวจรถไม่เก่ง ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น สามารถ clear ทุกอย่างตอนคืนรถเรียบร้อย
ดังนั้นก็เลยต้องถ่ายรถทุกมุมรอบคัน กันเผื่อมีปัญหาตอนหลัง
สามเฒ่าพาเที่ยว:3,009 km ตะลุย Norway 14 วัน คนละห้าหมื่นบาท ตอน3 : เมื่อถึง oslo ต้องซื้อ? และเรื่องที่เกี่ยวกับรถ
ตอน 1 บทเรียกน้ำย่อย http://ppantip.com/topic/35291074 ว่าเที่ยว Norway ไม่แพงอย่างที่คิด ว่ามีการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง
ตอน 2 การเตรียมตัว จะต้องเตรียมอะไรบ้าง http://ppantip.com/topic/35298680
ตอน3 : เมื่อถึง oslo ต้องซื้อ? และเรื่องที่เกี่ยวกับรถ
1 ซื้อ Oslo pass
มันคืออะไร มันคือบัตรเหมาจ่ายค่าเดินทางใน Oslo zone 1-2 และค่าเข้า Museum ต่างๆ
มีราคา ตามชั่วโมงที่ใช้
24 hours: 335 NOK
48 hours: 490 NOK
72 hours: 620 NOK
ดังนั้นดูที่ web http://www.visitoslo.com/en/activities-and-attractions/oslo-pass/
ว่า museum ที่เราเข้าถ้าไม่ใช้บัตรต้องจ่ายค่าเข้าเท่าไร
แต่ถ้าไม่ชอบเข้า museum จะเอาตั๋วเดินทางขนส่งมวลอย่างเดียวก็ได้ 24 hours: 90 NOK
http://www.visitoslo.com/en/product/?TLp=182075
ที่เราวางแผนเข้า
The Viking Ship Museum :80 Nok
Norwegian Folk Museum : 125 Nok
Fram Museum - The Polar Ship Fram :100 Nok
Nobel Peace Center :100 Nok
National Gallery :100 Nok
Munch Museum : 120 Nok
คำนวณว่าคุ้ม เลยซื้อ แบบ 24 ชั่วโมง เริ่มใช้ วันพรุ่งนี้ 8.55 ก็จะหมดวันรุ่งขึ้นเวลานี้
ดังนั้นต้องซื้อตั๋วในวันที่ D1 ที่ไปถึง แต่พวกเรามาถึงตอนเย็น Oslo Visitor Centre ปิดแล้ว
ถ้ารอเปิดพรุ่งนี้เช้า ก็จะเป็นการเสียเวลาเที่ยวเช้าพรุ่งนี้
แต่เราหาซื้อได้ตามที่พักต่างๆได้ ดูได้จาก website: http://www.visitoslo.com/en/activities-and-attractions/oslo-pass/sales-points-list/?viewType=map#!
เราเลือกซื้อที่ โรงแรมที่มีขาย แถวๆ สถานีรถไฟ Oslo S มี 2 ที่ คือ Scandic Oslo City, Scandic Byporten เราเลือกซื้อที่แรก ราคาตามตั๋วนะคะ ไม่มี charge เพิ่ม
2 หาซื้อ Sim โทรศัพท์
พวกเราจำเป็นต้องมีเบอร์โทรศัพท์ เพื่อติดต่อกับเจ้าของบ้าน เราเลยจะใช้บริการของ my call โดย shop นี้อยู่ไม่ไกลจาก สถานีรถไฟ Oslo S
ที่อยู่ MyCall Shop, Brugata 1, 0186 Oslo, นอร์เวย์
ราคา sim อันละ 25 NOK สามารถโทรศัพท์ได้ ตามจำนวนค่า Sim นั้น และซื้อ internet 1 G ราคา 79 Nok ถ้าใช้ internet หมด ก็ซื้อได้ที่ร้าน Seven/eleven
และที่สำคัญให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนให้เรียบร้อยด้วยนะคะ เพราะเป็น ภาษา Norway ซึ่งเราอ่านไม่ออก
ยังไม่จบนะคะ แม้ว่าจะลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ต้องทดลองใช้ด้วยนะคะ เพราะตอนที่ซื้อ Sim สำหรับ 2 เครี่อง แล้วลองโทร ปรากฏว่าโทรไม่ได้ ต้องกลับไปให้เจ้าหน้าที่แก้ไข ดังนั้นลองใช้ดูก่อนออกจากร้านนะคะ
อ้อ ร้าน MyCall Shop ปิด หกโมงเย็นนะคะ
3 หมวดเรื่องที่เกี่ยวกับรถ การเช่า และการขับรถ
3.1 การรับรถ
การรับรถ ให้ถ่ายรูปรอบคัน เพื่อเป็นหลักฐานว่า รอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากเราทำ
ถ้าเจอก็บอกเจ้าหน้าที่
ตอนจองมา Manual เพื่อราคาถูกลง แต่ได้รถ volkswagen golf เกียร์ Auto สบายเลยเรา
3.2Auto pass
ตอนที่รับรถถามเรื่องการจ่าย Toll
เจ้าหน้าที่ ก็ให้บัตร Auto pass มาแบบไม่บอกอะไร ฟรีเพราะเขารู้ดีว่า Auto pass มันจำเป็น เพราะว่าทางที่ให้จ่ายเงินค่าผ่านทาง ไม่มีด่านเก็บเงิน มีแต่ป้ายบอกว่ามีการจ่ายเงิน และมีกล้องที่มันจะส่องมาที่ Auto pass ไม่มีเจ้าหน้าที่เก็บตังส์เหมือนบ้านเรานะ ถ้าไม่มี มันคงถ่ายรถแล้วแจ้งจับก็เป็นไปได้
พอกลับมาเมืองไทย มี invoice มาเรียกเก็บค่าใช้ Auto pass เป็นเงิน 150 NOK ค่าทางด่วนที่ใช้ เขาไม่คิดค่าบัตร
ใครว่า.....ค่าทางด่วน่งมาเรียกเก็บหลังจากกลับจากเมืองไทยมา 2-3 เดือน เสียประมาณ 2,500 บาทจ้า
เพื่อนๆ คะ อันนี้อย่าเอาเป็นบรรทัดฐาน ว่าบริษัทอื่น จะเป็นอย่างนี้นะคะ...มันฟลุ๊ก
ถ้าไม่มี Auto pass ให้ศึกษาก่อนว่าจะจ่ายเงินอย่างไรด้วยนะคะ หาข้อมูลจาก http://www.autopass.no/en/visitors-payment
3.3 GPS
ตอนรับรถมี GPS ติดรถมาให้จ้า
ก็งงๆ อยู่ การเช่ารถครั้งนี้ เลือกที่ถูก อะไรตัดได้ ตัดออก
แต่ได้option มาใช้ ฟรีถึง 3 รายการ ตั้งแต่ได้รถเกียร์ออโต, auto pass และ GPS
สามเฒ่า+1 จึง มี GPS ใช้ 2 เครื่องเลย
ประสบการณ์ การใช้เครื่องนำทาง
1. เครื่อง GPS จากเมือไทย search จากชื่อได้เลย
2.เครื่องที่มากับรถ search ด้วยชื่อไม่เจอ ดังนั้นใช้ search on the map เลยจ้า
3. ปัญหา คือ GPS แนะนำทาง ไม่ดูว่าเป็นถนนแคบที่ขับลำบาก เอาแต่เลือกที่สั้น หรือบางที่มันก็งงๆ คือทางที่ไปต้องเลี้ยว มันก็บอกให้ขับไปตรงไป แล้วไปกลับรถ จากนั้นก็ให้เลี้ยวทางที่เราจะไป และที่เจอ ข้อมูลของเครื่อง GPS ที่มากับรถ ไม่ Update ให้ไป detour ทั้งๆ ที่ถนนข้างหน้าดีๆ ไม่มีการซ่อมอะไร
ใช้ Google map ดีกว่า แต่ปัญหา คือ ไม่มีสัญญาณในป่านะซิ เลยต้องใช้ร่วมๆกัน
3.4 สัญญาเช่ารถ
เป็นภาษา Norway แล้วใครจะอ่านออก ถ้ามีการโกงกัน ละก็เป็นเรื่องแน่เลย
ดังนั้นก็ต้องใช้ Google translate ช่วยแปลอย่างเดียว คำที่สำคัญ เช่น unlimited mileage และเรื่องประกัน
แต่การรับ/คืนรถที่นี้ ไม่มีเรื่องมาก เหมือนที่เคยอ่านเจอที่อิตาลี
3.5 การเติมน้ำมัน
เราสามารถหาปั้มน้ำมันได้จากใน GPS นะคะ เมื่อเข้าปั้มดูที่ตู้ว่า ว่าใช้ บัตรเครดิต หรือเงินสด หรือได้ทั้ง 2 อย่าง
ถ้าใช้บัตร ก็ต้องใช้ Pin code ของบัตรเครดิต ด้วยนะ
การเติมน้ำมันที่ Norway ต้องเติมเองนะ
ถ้าเติมน้ำมันจากตู้ที่เขียนว่า Cash เติมน้ำมันแล้วค่อยเดินไปจ่ายเงินที่ช้อป
ราคาน้ำมัน ของแต่ละปั้มก็ไม่เท่ากัน เท่าที่เห็น แถวๆ oslo เห็น 11Nok แต่ไม่มีโอกาสได้เติมเลย ดังนั้นที่เติมมามีตั้งแต่ 13-15 Nok
เติมน้ำมันมา 8 ครั้งจำนวน 184.29 ลิตร = NOK 2,608.00 = 11,136.16 ฿
ดังนั้นโดยเฉลี่ยที่เราเติมน้ำมัน เบนซิน 95 ลิตรละ 14.15 Nok/L
3.6 การขับรถที่ Norway ชิดขวานะ
ต่างจากบ้านเรานะจ๊ะ เวลาขับให้ท่องไว้ว่าชิดขวา
และเวลาขับในถนนเลนเดียว ต้องดูรถที่มาว่าเราอาจต้องถอยหลังหลบ ดูว่าคันไหนใกล้ที่หลบได้ก็ต้องหลบ
3.7 ขับรถยากมั๊ย ?
มาดูสภาพถนน กันว่าเป็นอย่างไร ถนนส่วนใหญ่เป็นสองเลน วิ่งสวนกัน แบบบ้านเราแยกกันมีเกาะกลางถนน ไม่เจอเลย หรือถนนที่ขึ้นเขา มักจะเป็นถนนแบบพอสวนได้ หรือ บางช่วงก็เป็นวิ่งได้คันเดียว ส่วนกันไม่พอ บางทีถนนแคบ ตองมีการหลบถอยหลังให้คันที่ผ่านมาไปก่อน เพราะเราอยู่ใกล้ พื้นที่ ๆ มากพอที่จะหลบได้...Auntie Molly ขับไม่ได้อย่างแน่นนอน
ถนนในนอร์เวย์มีหลายเส้นที่ปิดในช่วงฤดูหนาว ช่วงเวลาที่ถนนปิดขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี สามารถ Check ได้ที่ website http://www.vegvesen.no/Trafikkbeta/
ถ้า trip หน้าจะเช่ารถในช่วงเมษา ถึงต้นพฤษภา และ ปลายกันยาถึง ตุลา เพื่อ ดูแสงเหนือ แล้วต้องขับรถถนนที่ผ่านภูเขาสูงต้องระวัง เป็นช่วงที่สภาพหน้าร้อนในพื้นที่ราบ ทำให้หิมะตก และพื้นถนนเป็นน้ำแข็ง หรือสภาพลมที่แรง...ข้อมูลจาก Net ของฝรั่งบอก เดี๋ยวถ้าไปอีก จะมาเล่าให้ฟังต่อ
อีกหนึ่งสิ่งที่ Amazing คือ อุโมงค์เยอะมาก บางช่วงยาวเป็นสิบ กม. มีทั้งแบบ อุโมงค์ ขึ้นหรือลงภูเขา หรืออุโมงค์รอดใต้น้ำ ที่เมือง Molde ก็มี และที่ Amazing ยิ่งกว่าคือ ในอุโมงค์มีวงเวียนด้วย Oh my God
ในการขับรถใน Norway : สำหรับความเร็วในการขับขี่ ถนนทั่วไป 80 กม/ชม. หรือในเขตเมืองหรือที่กำลังก่อนสร้างก็จะเป็น 50 กม/ชม. หรือ เขตที่อยู่อาศัยจะเหลือ30 กม/ชม ไม่ต้องห่วง มีป้ายบอกตลอดทาง ว่าทำความเร็วได้เท่าไร และยกเลยจำกัดความเร็วที่บอกไว้ตอนแรก แต่อย่างไรก็ตาม ทำความเร็วได้ไม่มากหรอกคะ เพราะถนนไม่กว้างมากอย่างบ้านเรา บางทีเจอถนนแคบ ต้องหลบให้กัน
ส่วน Motorway วิ่งได้ถึง 100 กม/ชม.แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่สภาพถนน นะคะ
แนะนำว่าทำตามกฎจราจรดีที่สุดค่ะ เค้าจะมีจุดกล้องมจับความเร็วและมีป้ายเตือนก่อนทุกครั้งว่ามีกล้อง และ GPS จะส่งเสียงเตือนเรื่องจับความเร็ว ถ้าเราวิ่งเกินที่กำหนด
ค่าปรับเรื่องขับรถเร็วโหดนะคะ ทริปเรายังไม่โดนค่ะ อิอิ แต่ทำการบ้านมาว่าโหด
การบ้านอีกอย่า คือต้องหาถนนที่ไปจัดเที่ยวของเราพยายามเลี้ยง เส้นทาง ทีจ่ายค่าผ่านทาง ดังนั้นเที่ยวครั้งนี้จ่ายค่าผ่านทางไป 150 Nok
การจอดรถชมวิว ควรทำในจุดที่ปลอดภัยหรือจุดให้จอดเท่านั้น อย่าสร้างปัญหาให้ผู้ใช้ถนนอื่น เพราะเกิดอันตรายได้คะ
อีกอย่าง ตลอดเวลาที่ขับรถต้องเปิดไฟตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน สำหรับรถที่ขับมีปุ่มตั้งไปที่ Auto ก็เลยไม่ต้องคอยไปเปิดปิดไฟหน้ารถ
และทุกที่นั่งต้องคาด Safety belt ด้วยนะ
3.8 มาดูป้ายจราจรกัน จะได้เที่ยวแบบสนุกกัน ตัวอย่าง
หาดูเพิ่มเติมได้ที่
https://en.wikipedia.org/wiki/Road_signs_in_Norway
3.9 การคืนรถ
ก่อนคืนรถก็ทำความสะอาดภายในรถ เท่าที่จะทำได้ พอดีที่พักสุดท้ายมีเครื่องดูดฝุ่น เลยเอามาดูฝุ่นในรถ โดยเฉพาะที่วางเท้านะ
ขับไปเติมน้ำมันแถวสนามบิน เจอ 2 ปั้ม ปั้มก่อนถึง ราคาสูงกว่าปั้มที่เลยสนามบินไปหน่อย
คืนรถที่สนามบิน ที่ชั้นสองที่ลานจอดรถ มีช่องๆ เขียนชื่อบริษัทรถเช่า ให้ไปจอดตามชื่อ
เจ้าหน้าที่จะมาตรวจ แต่เนื่องจากรถเราสกปรก จึงบอกว่าไม่สามารถตรวจได้ต้องทำความสะอาดก่อน แล้วจะแจ้งทาง email
อันนี้ไม่ถูกใจเลย คนตรวจรถไม่เก่ง ไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น สามารถ clear ทุกอย่างตอนคืนรถเรียบร้อย
ดังนั้นก็เลยต้องถ่ายรถทุกมุมรอบคัน กันเผื่อมีปัญหาตอนหลัง