ฮัลโหลสาวๆ วันนี้สวีทฮาร์ทกลับมาอีกครั้งพร้อมประสบการณ์เสียวสยอง
ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง และอยากมาแบ่งปันให้เพื่อนๆทุกคนระวัง และรับมือไปพร้อมๆกัน
ประสบการณ์ที่ว่านั่นก็คือ อาการ "ฉี่เป็นเลือด" จากโรคกระเพราะปัสสาวะอักเสบนั่นเองค่ะ
ก่อนอื่นอขอเล่าที่มาก่อนสักเล็กน้อย เพราะโรคที่เราเป็นกันนั้น
มักเกี่ยวข้องกับ Lifestyle การใช้ชีวิตของเรา อะไรที่ทำซ้ำๆบ่อย
จนเกิดเป็นนิสัย อาจจะก่อโรคให้เราในสักวันนึงนะจีะสาวๆ
ซึ่งสำหรับเราเองนั้นเป็นพนักงานออฟฟิศที่ขยันมากกก (รีเปล่าวว้า)
ชอบตั้งกฎให้ตัวเองว่าหากยังทำงานชิ้นนี้ไม่เสร็จจะไม่ลุกไปไหนเด็ดขาด
ปวดฉี่ก็ไม่ลุก พยายากลั้นไปแบบนั้น หุหุหุหุ
นอกจากความขยันจนเกินพอดีแล้ว สิ่งที่ที่เราต้องเจอที่ การเข้าห้องน้ำตามที่สาธารณะ
กลั้นฉี่ในวันที่รถติด บางครั้งต้องออกไปประชุม ไปทำงานข้างนอกอีก
ยิ่งต้องเข้าห้องน้ำหลายที่ไปอีก บางทีมีความเสี่ยงที่จะหาห้องน้ำไม่เจอ
จนต้องกลั้นนานขึ้น นานขึ้นและนานขึ้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังกลั้นฉี่ฝ่านรถติดย่านอโศกกกก เกือบ 2 ชั่วโมง
พอกลับถึงบ้านเรามีอาการปวดฉี่ตลอดเวลา ฉี่กระปิบกระปอย
คืนนั้นเราปวดฉี่แบบนี้ทั้งคืน แต่ก็อดทนไว้เพราะบางทีที่กลั้นฉี่ก็จะเป็นแบบนี้บ่อยๆ
จนเช้าวันรุ่งขึ้น เรามีอาการฉี่เป็นเลือด !!!!! เป็นเลือดแดงๆสดๆเลยจ้า
แถมอาการฉี่ต่อเนื่องก็ยังไม่หาย เลยต้องไปหาหมอ
เราตัดสินใจหาหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 1
ซึ่งคุณหมอให้ความรู้เรื่องกระเพราะปัสสาวะดีมากๆค่ะ
คุณหมอเล่าว่า
โดยปกติแล้วปัสสาวะปกติของเราจะมีน้ำ มีเกลือ แต่ะไม่มีเชื้อโรค
ซึ่งการอักเสบนั้นเกิดได้จากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะมาจากทางเดินอาหาร
หรือจากอุจาระ โดยเชื้อพวกนั้นจะมาทางท่อปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบ
หากเชื้อลามเข้ากระเพาะปัสสาวะเรียกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หากเชื้อลามเข้าท่อไต และกรวยไตทำให้เกิดกรวยไตอักเสบ Pyelonephritis ได้เลย
เชื้อที่เป็นสาเหตุสำคัญของกระเพราะปัสสาวะอักเสบ คือ E coli (อีโคไล)
มาจากอุจาระ หรืออุนจิของเราเอง
และมีเชื้อโรคอื่นๆ อย่างเชื้อที่ที่ติดต่อจากเพศสัมพันธ์
อย่าง Clamydia และ Mycoplasma ก็ทำให้เกิดโรคได้ค่ะ
และคุณหมอยังแนะนำวิธีการป้องกันกระเพราะปัสสาวะอักเสบไว้ด้วยค่ะ
1.อย่ากลั้นฉี่ เด็ดขาด!!!!
การกลั้นฉี่นานๆ ก็เหมือนการปล่อยน้ำเสียให้อยู่นิ่งๆโดยไม่หายทางระบายออก
ซึ่งทำให้เชื้อโรคต่างๆเติบโตแข็งแรงขึ้น และติดเชื้อในที่สุด
2.ดื่มน้ำมากๆ วันละ 3-4 ลิตร
คุณหมอบอกว่าเมื่อแบคทีเรียเมื่อหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะแล้ว
ต้องใช้เวลาสักพักในการฟักตัว การดื่มน้ำมากขึ้นจะสามารถขับแบคทีเรียออกมาได้
3.เข้าห้องน้ำ ทุก 2-3 ชั่วโมง แต่ไม่ฉี่บ่อยจนเกินไปนะจ๊ะ
คุณหมอฝากมาย้ำว่าไม่ควรบ่อยกว่านี้แล้วจ้า
โดยเฉลี่ยแล้วเราจะปัสสาวะประมาณ 3-5 ครั้ง ในตอนกลางวัน
ส่วนตัวเราเองตอนนี้ทำตารางแบ่งเวลาการฉี่ของตัวเองไว้ ตามนี้ค่ะ
9.30 น. ตอนเริ่มเข้างาน 12.00 น. ตอนพักกลางวัน
15.00 น. ในช่วงบ่าย และ 18.00 ก่อนฝ่ารถติดกลับบ้านค่ะ
วิธีการที่เราทำคือตั้งเตือนไว้ที่มือถือ กะจะทำให้เป็นนิสัยเลยค่ะ
เพื่อสุขภาพที่ดี แต่ยังไงก็ตามสาวๆไม่ควรวิตกจริตและฉี่บ่อยเกินไป
เพราะอาจทำให้เราเป็นโรค โรคกระเพาะปัสสาวะไวเกิน ซึ่งทำให้กระเพราะปัสสาวะ
บีบตัวมากเกินไปจนฉี่บ่อยกว่าปกติก ต้องรักษากันยาวเลยจ๊ะ
4.เช็ดก้นจากด้านหลัง
สาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อกระเพราะปัสสาวะอักเสบก็คือ แบคทีเรียจากอุนจิของเรา
ไปโดนท่อปัสสาวะ ดังนั้นสาวๆคนไหนที่ล้วงมือเช็ดก้นจากทางด้านหน้า
ต้องเลิกเดี๋ยวนี้ ! เพราะจะทำให้อุนจิไปเลอะ โดนช่องปัสสาวะเป็นติดเชื้อ
ทางที่ดีเช็คจากทางด้านหลังดีกว่าเยอะสาวๆ
5.ก่อนทำธุระในห้องน้ำสาธารณะให้กดน้ำทิ้งก่อน 1 ครั้ง
ใครจะว่าไม่รักโลก ไม่ประหยัดน้ำไม่ โนสน โนแคร์ค่ะคุณ
เพราะสุขภาพต้องมาก่อนใช่ไหมล่ะ ห้องน้ำสาธารณะเนี่ย
เป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดีทีเดียว การกดน้ำลงไป น่าจะช่วยกำจัด
เชื้อโรคที่เติบโตแข็งแรงอยู่ที่ชักโครก หล่นหายตายไปได้ส่วนหนึ่ง
6. หากเป็นบ่อยควรพบหมอ
ใครที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยๆ เป็นเรื้อรัง
ควรพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุแอบแฝงอื่นๆ อย่าง
นิ่ว กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติจากระบบประสาทควบคุม
หรือมีอาการอุดตันในกระเพาะปัสสาวะ ด้วยเช่นกัน
ที่คุณหมอแนะนำไว้มีเท่านี้ค่ะ
แต่ไหนๆก็ไหนๆ เราขอแชร์เคล็ดลับส่วนตัวในเรื่องฉี่ๆ ให้ทุกคนฟังกันหน่อยดีกว่าเนอะ
1.วันไหนที่มีภาระกิจเยอะ จะมีเวลาฉี่ได้ยาก เราจะไมดื่มกาแฟ หรือ เครื่องดื่มที่ผสม คาเฟอีน
เพราะมันกระตุ้นให้เราปวดฉี่บ่อย
2.งดอาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ เพราะทำให้ฉี่บ่อยๆเหมือนกันค่ะ
3.ฉี่ก่อนออกจากบ้าน และก่อนขึ้นรถทุกครั้ง เพื่อกลีกเลี่ยงการกลั้นฉี่นานๆ และ
การใช้ห้องน้ำสาธาระณะ
4.หากจำเป็นต้องฉี่ในห้องน้ำอื่นๆที่ไม่ใช่บ้านเรา ควรทำความสะอาดให้ดี
ไม่ฉี่ หรือนั่งทับบนโถที่เปียก เพราะ ยิ่งเปียก ยิ่งชื้น ก็ยิ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
หากเป็นไปได้ให้เช็คทำความสะอาดด้วยทิชชู่เปียกที่เราเตรียมไว้
ถ้ามีพวกสารต้านแบคทีเรียจะยิ่งดีมากๆ เช็คแล้วอย่าลืมแว๊บไปล้างมือก่อน ชิ้งฉ่องด้วยล่ะเธอ
5.เมื่อต้องไปในสถานที่ไม่คุ้นเคย อย่าลืมมองหาทางหนีทีไล่
ว่าสุขาอยุ่หนใด และอย่าลืมเผื่อเวลารอคิวก่อนเข้าห้องน้ำด้วย
เพราะบางห้างคิวนานนนนนนนนนนนนมากกกกกกกกกกกกก
6.บนรถควรพกอุปกรณ์พกพาสำหรับกรณีปวดฉี่ยามฉุกเฉิน
ไม่ว่าจะเป็น คอมฟอร์ทร้อยของผู้หญิง แพมเพิด ถุง ขวด หรืออุปกรณ์อื่นๆ
ที่จะช่วยบรรเทา อุกทกภัยในร่างกายเราได้
cr.GoGirl1
cr.www.kaisongonline.com
7. อย่าอ้วน ! เพราะยิ่งอ้วนยิ่งปวดฉี่
กระปุกดอทคอมเค้าบอกว่า น้ำหนักตัวที่มากขึ้นจะเพิ่มแรงดันให้กระเพาะปัสสาวะมากขึ้นไปด้วย
จุดนี้จึงทำให้คนที่มีน้ำหนักเกินปวดฉี่บ่อยกว่าคนที่มีรูปร่างดียังไงล่ะ
ไม่น่าช่วงนี้ปวดฉี่บ่อยจริงๆ
8..รักษาความสะอาดของจิมิโก๊ะของเราให้ดี
นอกจากจะป้องกันกลิ่นปลาเค็มที่จะมาเยือนแล้ว
การรักษาความสะอาดยังป้องกันการติดเชื้อต่างๆได้อีกด้วย
ซึ่งการรักษาความสะอาดในที่นี้ ไม่ใช่การเอาสเปรย์จิมิหอม
หรืออื่นๆสารพัดมาฉีดนะยะ !! เพราะดีไม่ดี ฉีดไปฉีดมา
จะพาลอักเสบ ติดเชื้อหนักกว่าเดิมจนใช้การไม่ได้
จบแล้วค่ะทุกคน
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับสาวๆทุกคนนะคะ
หากใครสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ไปคุยกันได้ใน
แฟนเพจของ Sweetheart นะคะ
https://www.facebook.com/Sweetheart-771210872991303/?fref=ts
บ๊ายยยยยยย
XOXO
แบ่งปันประสบการณ์.......รับมือกระเพราะปัสสาวะอักเสบ
ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง และอยากมาแบ่งปันให้เพื่อนๆทุกคนระวัง และรับมือไปพร้อมๆกัน
ประสบการณ์ที่ว่านั่นก็คือ อาการ "ฉี่เป็นเลือด" จากโรคกระเพราะปัสสาวะอักเสบนั่นเองค่ะ
ก่อนอื่นอขอเล่าที่มาก่อนสักเล็กน้อย เพราะโรคที่เราเป็นกันนั้น
มักเกี่ยวข้องกับ Lifestyle การใช้ชีวิตของเรา อะไรที่ทำซ้ำๆบ่อย
จนเกิดเป็นนิสัย อาจจะก่อโรคให้เราในสักวันนึงนะจีะสาวๆ
ซึ่งสำหรับเราเองนั้นเป็นพนักงานออฟฟิศที่ขยันมากกก (รีเปล่าวว้า)
ชอบตั้งกฎให้ตัวเองว่าหากยังทำงานชิ้นนี้ไม่เสร็จจะไม่ลุกไปไหนเด็ดขาด
ปวดฉี่ก็ไม่ลุก พยายากลั้นไปแบบนั้น หุหุหุหุ
นอกจากความขยันจนเกินพอดีแล้ว สิ่งที่ที่เราต้องเจอที่ การเข้าห้องน้ำตามที่สาธารณะ
กลั้นฉี่ในวันที่รถติด บางครั้งต้องออกไปประชุม ไปทำงานข้างนอกอีก
ยิ่งต้องเข้าห้องน้ำหลายที่ไปอีก บางทีมีความเสี่ยงที่จะหาห้องน้ำไม่เจอ
จนต้องกลั้นนานขึ้น นานขึ้นและนานขึ้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังกลั้นฉี่ฝ่านรถติดย่านอโศกกกก เกือบ 2 ชั่วโมง
พอกลับถึงบ้านเรามีอาการปวดฉี่ตลอดเวลา ฉี่กระปิบกระปอย
คืนนั้นเราปวดฉี่แบบนี้ทั้งคืน แต่ก็อดทนไว้เพราะบางทีที่กลั้นฉี่ก็จะเป็นแบบนี้บ่อยๆ
จนเช้าวันรุ่งขึ้น เรามีอาการฉี่เป็นเลือด !!!!! เป็นเลือดแดงๆสดๆเลยจ้า
แถมอาการฉี่ต่อเนื่องก็ยังไม่หาย เลยต้องไปหาหมอ
เราตัดสินใจหาหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 1
ซึ่งคุณหมอให้ความรู้เรื่องกระเพราะปัสสาวะดีมากๆค่ะ
คุณหมอเล่าว่า
โดยปกติแล้วปัสสาวะปกติของเราจะมีน้ำ มีเกลือ แต่ะไม่มีเชื้อโรค
ซึ่งการอักเสบนั้นเกิดได้จากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะมาจากทางเดินอาหาร
หรือจากอุจาระ โดยเชื้อพวกนั้นจะมาทางท่อปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะอักเสบ
หากเชื้อลามเข้ากระเพาะปัสสาวะเรียกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หากเชื้อลามเข้าท่อไต และกรวยไตทำให้เกิดกรวยไตอักเสบ Pyelonephritis ได้เลย
เชื้อที่เป็นสาเหตุสำคัญของกระเพราะปัสสาวะอักเสบ คือ E coli (อีโคไล)
มาจากอุจาระ หรืออุนจิของเราเอง
และมีเชื้อโรคอื่นๆ อย่างเชื้อที่ที่ติดต่อจากเพศสัมพันธ์
อย่าง Clamydia และ Mycoplasma ก็ทำให้เกิดโรคได้ค่ะ
และคุณหมอยังแนะนำวิธีการป้องกันกระเพราะปัสสาวะอักเสบไว้ด้วยค่ะ
1.อย่ากลั้นฉี่ เด็ดขาด!!!!
การกลั้นฉี่นานๆ ก็เหมือนการปล่อยน้ำเสียให้อยู่นิ่งๆโดยไม่หายทางระบายออก
ซึ่งทำให้เชื้อโรคต่างๆเติบโตแข็งแรงขึ้น และติดเชื้อในที่สุด
2.ดื่มน้ำมากๆ วันละ 3-4 ลิตร
คุณหมอบอกว่าเมื่อแบคทีเรียเมื่อหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะแล้ว
ต้องใช้เวลาสักพักในการฟักตัว การดื่มน้ำมากขึ้นจะสามารถขับแบคทีเรียออกมาได้
3.เข้าห้องน้ำ ทุก 2-3 ชั่วโมง แต่ไม่ฉี่บ่อยจนเกินไปนะจ๊ะ
คุณหมอฝากมาย้ำว่าไม่ควรบ่อยกว่านี้แล้วจ้า
โดยเฉลี่ยแล้วเราจะปัสสาวะประมาณ 3-5 ครั้ง ในตอนกลางวัน
ส่วนตัวเราเองตอนนี้ทำตารางแบ่งเวลาการฉี่ของตัวเองไว้ ตามนี้ค่ะ
9.30 น. ตอนเริ่มเข้างาน 12.00 น. ตอนพักกลางวัน
15.00 น. ในช่วงบ่าย และ 18.00 ก่อนฝ่ารถติดกลับบ้านค่ะ
วิธีการที่เราทำคือตั้งเตือนไว้ที่มือถือ กะจะทำให้เป็นนิสัยเลยค่ะ
เพื่อสุขภาพที่ดี แต่ยังไงก็ตามสาวๆไม่ควรวิตกจริตและฉี่บ่อยเกินไป
เพราะอาจทำให้เราเป็นโรค โรคกระเพาะปัสสาวะไวเกิน ซึ่งทำให้กระเพราะปัสสาวะ
บีบตัวมากเกินไปจนฉี่บ่อยกว่าปกติก ต้องรักษากันยาวเลยจ๊ะ
4.เช็ดก้นจากด้านหลัง
สาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อกระเพราะปัสสาวะอักเสบก็คือ แบคทีเรียจากอุนจิของเรา
ไปโดนท่อปัสสาวะ ดังนั้นสาวๆคนไหนที่ล้วงมือเช็ดก้นจากทางด้านหน้า
ต้องเลิกเดี๋ยวนี้ ! เพราะจะทำให้อุนจิไปเลอะ โดนช่องปัสสาวะเป็นติดเชื้อ
ทางที่ดีเช็คจากทางด้านหลังดีกว่าเยอะสาวๆ
5.ก่อนทำธุระในห้องน้ำสาธารณะให้กดน้ำทิ้งก่อน 1 ครั้ง
ใครจะว่าไม่รักโลก ไม่ประหยัดน้ำไม่ โนสน โนแคร์ค่ะคุณ
เพราะสุขภาพต้องมาก่อนใช่ไหมล่ะ ห้องน้ำสาธารณะเนี่ย
เป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดีทีเดียว การกดน้ำลงไป น่าจะช่วยกำจัด
เชื้อโรคที่เติบโตแข็งแรงอยู่ที่ชักโครก หล่นหายตายไปได้ส่วนหนึ่ง
6. หากเป็นบ่อยควรพบหมอ
ใครที่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยๆ เป็นเรื้อรัง
ควรพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุแอบแฝงอื่นๆ อย่าง
นิ่ว กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติจากระบบประสาทควบคุม
หรือมีอาการอุดตันในกระเพาะปัสสาวะ ด้วยเช่นกัน
ที่คุณหมอแนะนำไว้มีเท่านี้ค่ะ
แต่ไหนๆก็ไหนๆ เราขอแชร์เคล็ดลับส่วนตัวในเรื่องฉี่ๆ ให้ทุกคนฟังกันหน่อยดีกว่าเนอะ
1.วันไหนที่มีภาระกิจเยอะ จะมีเวลาฉี่ได้ยาก เราจะไมดื่มกาแฟ หรือ เครื่องดื่มที่ผสม คาเฟอีน
เพราะมันกระตุ้นให้เราปวดฉี่บ่อย
2.งดอาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ เพราะทำให้ฉี่บ่อยๆเหมือนกันค่ะ
3.ฉี่ก่อนออกจากบ้าน และก่อนขึ้นรถทุกครั้ง เพื่อกลีกเลี่ยงการกลั้นฉี่นานๆ และ
การใช้ห้องน้ำสาธาระณะ
4.หากจำเป็นต้องฉี่ในห้องน้ำอื่นๆที่ไม่ใช่บ้านเรา ควรทำความสะอาดให้ดี
ไม่ฉี่ หรือนั่งทับบนโถที่เปียก เพราะ ยิ่งเปียก ยิ่งชื้น ก็ยิ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
หากเป็นไปได้ให้เช็คทำความสะอาดด้วยทิชชู่เปียกที่เราเตรียมไว้
ถ้ามีพวกสารต้านแบคทีเรียจะยิ่งดีมากๆ เช็คแล้วอย่าลืมแว๊บไปล้างมือก่อน ชิ้งฉ่องด้วยล่ะเธอ
5.เมื่อต้องไปในสถานที่ไม่คุ้นเคย อย่าลืมมองหาทางหนีทีไล่
ว่าสุขาอยุ่หนใด และอย่าลืมเผื่อเวลารอคิวก่อนเข้าห้องน้ำด้วย
เพราะบางห้างคิวนานนนนนนนนนนนนมากกกกกกกกกกกกก
6.บนรถควรพกอุปกรณ์พกพาสำหรับกรณีปวดฉี่ยามฉุกเฉิน
ไม่ว่าจะเป็น คอมฟอร์ทร้อยของผู้หญิง แพมเพิด ถุง ขวด หรืออุปกรณ์อื่นๆ
ที่จะช่วยบรรเทา อุกทกภัยในร่างกายเราได้
cr.GoGirl1
cr.www.kaisongonline.com
7. อย่าอ้วน ! เพราะยิ่งอ้วนยิ่งปวดฉี่
กระปุกดอทคอมเค้าบอกว่า น้ำหนักตัวที่มากขึ้นจะเพิ่มแรงดันให้กระเพาะปัสสาวะมากขึ้นไปด้วย
จุดนี้จึงทำให้คนที่มีน้ำหนักเกินปวดฉี่บ่อยกว่าคนที่มีรูปร่างดียังไงล่ะ
ไม่น่าช่วงนี้ปวดฉี่บ่อยจริงๆ
8..รักษาความสะอาดของจิมิโก๊ะของเราให้ดี
นอกจากจะป้องกันกลิ่นปลาเค็มที่จะมาเยือนแล้ว
การรักษาความสะอาดยังป้องกันการติดเชื้อต่างๆได้อีกด้วย
ซึ่งการรักษาความสะอาดในที่นี้ ไม่ใช่การเอาสเปรย์จิมิหอม
หรืออื่นๆสารพัดมาฉีดนะยะ !! เพราะดีไม่ดี ฉีดไปฉีดมา
จะพาลอักเสบ ติดเชื้อหนักกว่าเดิมจนใช้การไม่ได้
จบแล้วค่ะทุกคน
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับสาวๆทุกคนนะคะ
หากใครสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ไปคุยกันได้ใน
แฟนเพจของ Sweetheart นะคะ
https://www.facebook.com/Sweetheart-771210872991303/?fref=ts
บ๊ายยยยยยย
XOXO