สวัสดีครับ.. ขอต้อนรับทุกท่านสู่กระทู้ของ #Hellblazer #ปั่นจักรยานอ่านความสยอง เจ้าเดิมเจ้าของเรื่องเล่า 'เรียกมันว่า..น้องPOP' และ 'ท้าลองของ..สยอง 4 ด่าน'
ตามหัวข้อเลยครับ กระทู้นี้ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องผีห่าซาตานใดๆ ทั้งที่ตามเดิมผมจากปิดจ๊อบเรื่องเล่าของผมให้ครบไตรภาคเสียก่อน แต่ตอนนี้มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับคลิปพริตตี้คนหนึ่งที่ถูกบางอย่างเข้าสิง ซึ่งมีบางคนเริ่มหลังไมค์กันมาถามความเห็นผมแล้วว่าผมคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดนี้ ดังนั้น ผมจะขอพักยกเรื่องเล่าตอนสุดท้ายนั้นไว้ก่อน แล้วมาคุยโวโม้ผีเกี่ยวกับประเด็นนี้กัน
เหมือนเดิมนะครับ.. ใช้จักรยานในการอ่านกันด้วยนะครับ ;))
อย่างแรกเลย..ไปดูต้นตอประเด็นกันก่อนครับ
https://www.youtube.com/watch?v=FLRVXW_1F0U
เมื่อถามผมว่า 'จริง หรือ ไม่จริง' กับอาการแบบนั้น ผมตอบก่อนเลยว่า
'ไม่จริง'
แล้วนางเธอเป็นอะไร?
อาการนี้หลายๆ คนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วครับ 'อุปทานหมู่' หรือ 'อุปทานกลุ่ม' ดีๆ นี่แหละ แต่เคสนี้ไม่ได้มีคนรอบข้างแสดงอาการแบบเดียวกันออกมา เพราะอาการอุปทาน ความจริงแล้วเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เพียงแค่เราได้เจอเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่มันเหนือความคาดหมายว่าตัวเองจะได้เจอเหตุการณ์นั้น โดยเหตุการณ์ที่เจอกันส่วนมาก ก็ไม่พ้นเรื่องผีสางเหนือธรรมชาตินี่ล่ะครับ
อุปทาน..การสะกดจิตตัวเอง
ถ้าเรื่องผีมันยังไม่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ งั้นถอยมาดูที่ 'การสะกดจิต' ก่อนแล้วกันครับ มันไม่ใช่เรื่องแฟนตาซีอะไรเลย เมื่อทุกวันนี้ ยังมีการใช้ 'การสะกดจิต' ทั้งการรักษา รวมไปถึงการฆ่าด้วย ยกตัวอย่างเช่นการจ่าย 'ยาเปล่า' ให้แก่ผู้ป่วย นั่นคือการนำเอาผงแป้งที่รับประทานได้มาเคลือบสี และเข้าแม่พิมพ์เพื่อให้ได้เป็นรูปทรงยาเม็ดต่างๆ ก่อนที่แพทย์จะจ่ายให้ผู้ป่วยด้วยคำอธิบายสไตล์หมอว่า 'มันจะรักษาโรคบลาๆๆ' แล้วเมื่อผู้ป่วยทานยานั้นลงไปด้วยความเชื่อว่า 'ยาตัวนี้รักษาได้จริงๆ' อาการเจ็บป่วยก็จะบรรเทาด้วยการสั่งการจากสมองส่วนหน้า ในส่วนของซีรีบรัม ทำงานผสานกับ ไฮโพทาลามัส ที่คอยควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกาย จากการรับฟังคำแนะนำของหมอ ผ่านโสตประสาท ส่งตรงมายัง 'Temporal lobe' ที่ประมวลผลด้านการรับฟัง และการรับกลิ่น ส่งต่อไปยัง 'Frontal Lobe' ที่คอยประมวลผลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การออกเสียง ความคิด ความจำ สติปัญญา บุคลิก ความรู้สึก อารมณ์ขั้นพื้นฐาน
ในขณะเดียวกัน การสะกดจิตสมองยังเคยใช้กับการประหารนักโทษมาแล้ว เมื่อครั้งหนึ่งเคยมีการนำนักโทษรอประหารรายหนึ่งมาผู้ผ้าปิดตาแล้วกระซิบข้างหูไปว่า 'จะทำการฉีดไซยาไนต์' ซึ่งไม่ถึงชั่วโมงต่อมาหลังฉีด นักโทษคนนั้นเสียชีวิตจริงๆ ทั้งที่สารในเข็มฉีดยาที่เพชฌฆาตฉีดให้นั้นเป็นเพียง 'น้ำเปล่า'
กลับมาที่กรณีนี้อีก หากคุณดูคลิปรายการนั้นแล้ว จะจับประโยคหนึ่งได้ว่า นางเธอเคยไปตำหนักหมอผี/คนเล่นของ อะไรเทือกนั้นอยู่ครั้งหนึ่ง ..แน่นอนว่าไปถึงตำหนักคนเล่นของ อาจจะเพื่อทำของอะไรซักอย่างจริงๆ และเป็นไปได้ว่านางเธอก็ได้พบกับ 'ผีเลี้ยง' ของคนเล่นของคนนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่มีผีห่าตนใดเข้าสิงนางเธอ ก็แค่นั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอออกอาการแบบนี้หลังจากนั้น นอกจากการสะกดจิตตัวเองว่า 'ฉันถูกผีเข้า ฉันถูกผีทำร้าย' แล้ว มันยังมีอีกอย่างคอยเสริมด้วยครับ
ผีจริงๆ อยู่ที่ตำหนัก แต่ผีที่อยู่ด้วยตอนนี้มันเป็นแค่สำเนา
อ่านไม่ผิดหรอกครับ..ผีมีอยู่จริง..แต่ผีที่เป็นสำเนาจากผีจริงๆ ก็มีอยู่จริง เพราะความที่นางเธอเองได้สัมผัสกับบรรยากาศของตำหนักหมอผีมาเต็มๆ พร้อมความปักใจเชื่อว่า 'ที่นั่นมีผีจริงๆ' ตรงนี้ผมให้คำตอบไม่ได้จริงๆ ว่าตำหนักหมอผีดังกล่าวมีผีเลี้ยงอยู่จริงๆ มั้ย แต่นางเธอคิดว่าเจอ นางเธอเลยมีผีสำเนาติดตัวมาแบบนี้ และออกอาการว่าถูกผีเข้าตามอาการอุปทานในหัวข้อก่อนนี้
อันที่จริงเคสนี้เคยเกิดมาแล้วกับหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นไปเข้าร่วม 'พิธีตัดกรรม' โดยพิธีนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการนั่งสมาธิวิปาสนาหรอกครับ เพียงแต่เป็นการนั่งสมาธิระลึกเจ้ากรรมนายเวรใดๆ ที่เราเคยก่อกรรมใดๆ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เขา..
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ.. แค่ระบายความรู้สึกส่วนตัว
ทำไมหลายๆ คนพยายามจะไขว่คว้าวิธีการใดๆ เพื่อขจัดเวรกรรมของตนในชาติก่อนให้หมดจดกันนะ? เวรกรรมมันคือการกระทำ มันไม่ใช้เศษอาหารบนจานกินข้าวที่เราเปิดน้ำล้างหรือใส่น้ำยาล้างจานแล้วมันจะลบออกรวดเดียวหมด การกระทำคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นลำดับขั้นตอน เกิดขึ้นทีละจุดๆ ส่งผลกันเป็นลูกโซ่แบบไม่สามารถหยุดยั้งได้ เราไม่สามารถระลึกได้เลยว่าเวรกรรมที่เราเคยก่อไว้ในชาติที่แล้วนั้น เราเคยทำอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ชดใช้กรรมไปทีละจุดๆ สู้วางมันไว้แล้วมาพยายามสร้างเรื่องดีๆ ฮิปปี้ฮุเลเฮ่ให้กับคนอื่นในชาตินี้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยดีกว่า
ด้วยความที่ทุกครั้งที่เรานั่งสมาธิ ยอมก่อให้เกิดสมาธิ และจิตใจของเราจะปรอดโปร่งจนโล่ง นั่นหมายความว่า จิตของเรายอมเปิดรับทุกอย่างที่พร้อมจะประเดประดังเข้ามาด้วย ทำให้เธอได้สัมผัสกับจิตของสัมภเวสี อะไรทำนองนั้น และคิดว่าตนกำลังถูก 'สัมภเวสีนับร้อยนับพันเข้าสิง' ทั้งที่ความจริงมันก็เป็นเพียงผีสำเนาจากการวิปาสนาครั้งนั้น..
ผมจะขอเอาคลิปของผู้หญิงดังกล่าวมาให้ดูนะครับ..ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายใดๆ เพราะเรื่องนั้นได้รับการไขกระจ่างไปแล้ว แต่จะขอหยิบยกมาเพื่อทำให้เคสพริตตี้ผีสิงคนนี้ได้รับการทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นครับ
https://www.youtube.com/watch?v=vhLpxUiHqEo
แล้วน้องPOP จริงๆ ต้องเป็นแบบไหน?
ผมจะไม่บอกว่าผมขายของ..แต่คุณสามารถอ่านได้จากบทสรุปของกระทู้ 'เรียกมันว่า..น้องPOP' ได้เลยครับ 5555
แต่ขอเพิ่มเติมอีกนิด..ถ้าเป็น น้องPOP จริงๆ คงไม่ปล่อยให้นางเธออยู่มานานขนาดนี้หรอกครับ นางเธอคงเสียชีวิตจากการถูกกินทั้งวิญญาณทั้งเครื่องในไปตั้งแต่ 2 อาทิตย์แรกหลังถูกสิงแล้วครับ
เท่านี้ล่ะครับ สำหรับความเห็นของผมกับประเด็นดังกล่าว ท่านใดผ่านไปผ่านมาสามารถแวะเวียนมาแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เรื่องวิชาการแพทย์ หากผิดพลาดประการใด หากมีผู้รู้ท่านใดมาเพิ่มเติมเสริมข้อมูล ตามสบายครับ และขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย แล้วอย่าลืมติดตามเรื่องสุดท้ายของไตรภาคบ้านหลอนชัยภูมิเรื่องสุดท้ายด้วยนะครับ ในเรื่องที่มีชื่อว่า 'นัด..เล่า..หลอน'
#Hellblazer
พริตตี้ที่ถูก 'น้องPOP' เข้าสิง ..ในมุมมองของ #Hellblazer
ตามหัวข้อเลยครับ กระทู้นี้ไม่ได้จะมาเล่าเรื่องผีห่าซาตานใดๆ ทั้งที่ตามเดิมผมจากปิดจ๊อบเรื่องเล่าของผมให้ครบไตรภาคเสียก่อน แต่ตอนนี้มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจมาก เกี่ยวกับคลิปพริตตี้คนหนึ่งที่ถูกบางอย่างเข้าสิง ซึ่งมีบางคนเริ่มหลังไมค์กันมาถามความเห็นผมแล้วว่าผมคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดนี้ ดังนั้น ผมจะขอพักยกเรื่องเล่าตอนสุดท้ายนั้นไว้ก่อน แล้วมาคุยโวโม้ผีเกี่ยวกับประเด็นนี้กัน
เหมือนเดิมนะครับ.. ใช้จักรยานในการอ่านกันด้วยนะครับ ;))
อย่างแรกเลย..ไปดูต้นตอประเด็นกันก่อนครับ
https://www.youtube.com/watch?v=FLRVXW_1F0U
เมื่อถามผมว่า 'จริง หรือ ไม่จริง' กับอาการแบบนั้น ผมตอบก่อนเลยว่า 'ไม่จริง'
แล้วนางเธอเป็นอะไร?
อาการนี้หลายๆ คนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วครับ 'อุปทานหมู่' หรือ 'อุปทานกลุ่ม' ดีๆ นี่แหละ แต่เคสนี้ไม่ได้มีคนรอบข้างแสดงอาการแบบเดียวกันออกมา เพราะอาการอุปทาน ความจริงแล้วเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เพียงแค่เราได้เจอเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่มันเหนือความคาดหมายว่าตัวเองจะได้เจอเหตุการณ์นั้น โดยเหตุการณ์ที่เจอกันส่วนมาก ก็ไม่พ้นเรื่องผีสางเหนือธรรมชาตินี่ล่ะครับ
อุปทาน..การสะกดจิตตัวเอง
ถ้าเรื่องผีมันยังไม่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ งั้นถอยมาดูที่ 'การสะกดจิต' ก่อนแล้วกันครับ มันไม่ใช่เรื่องแฟนตาซีอะไรเลย เมื่อทุกวันนี้ ยังมีการใช้ 'การสะกดจิต' ทั้งการรักษา รวมไปถึงการฆ่าด้วย ยกตัวอย่างเช่นการจ่าย 'ยาเปล่า' ให้แก่ผู้ป่วย นั่นคือการนำเอาผงแป้งที่รับประทานได้มาเคลือบสี และเข้าแม่พิมพ์เพื่อให้ได้เป็นรูปทรงยาเม็ดต่างๆ ก่อนที่แพทย์จะจ่ายให้ผู้ป่วยด้วยคำอธิบายสไตล์หมอว่า 'มันจะรักษาโรคบลาๆๆ' แล้วเมื่อผู้ป่วยทานยานั้นลงไปด้วยความเชื่อว่า 'ยาตัวนี้รักษาได้จริงๆ' อาการเจ็บป่วยก็จะบรรเทาด้วยการสั่งการจากสมองส่วนหน้า ในส่วนของซีรีบรัม ทำงานผสานกับ ไฮโพทาลามัส ที่คอยควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกาย จากการรับฟังคำแนะนำของหมอ ผ่านโสตประสาท ส่งตรงมายัง 'Temporal lobe' ที่ประมวลผลด้านการรับฟัง และการรับกลิ่น ส่งต่อไปยัง 'Frontal Lobe' ที่คอยประมวลผลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว การออกเสียง ความคิด ความจำ สติปัญญา บุคลิก ความรู้สึก อารมณ์ขั้นพื้นฐาน
ในขณะเดียวกัน การสะกดจิตสมองยังเคยใช้กับการประหารนักโทษมาแล้ว เมื่อครั้งหนึ่งเคยมีการนำนักโทษรอประหารรายหนึ่งมาผู้ผ้าปิดตาแล้วกระซิบข้างหูไปว่า 'จะทำการฉีดไซยาไนต์' ซึ่งไม่ถึงชั่วโมงต่อมาหลังฉีด นักโทษคนนั้นเสียชีวิตจริงๆ ทั้งที่สารในเข็มฉีดยาที่เพชฌฆาตฉีดให้นั้นเป็นเพียง 'น้ำเปล่า'
กลับมาที่กรณีนี้อีก หากคุณดูคลิปรายการนั้นแล้ว จะจับประโยคหนึ่งได้ว่า นางเธอเคยไปตำหนักหมอผี/คนเล่นของ อะไรเทือกนั้นอยู่ครั้งหนึ่ง ..แน่นอนว่าไปถึงตำหนักคนเล่นของ อาจจะเพื่อทำของอะไรซักอย่างจริงๆ และเป็นไปได้ว่านางเธอก็ได้พบกับ 'ผีเลี้ยง' ของคนเล่นของคนนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าไม่มีผีห่าตนใดเข้าสิงนางเธอ ก็แค่นั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอออกอาการแบบนี้หลังจากนั้น นอกจากการสะกดจิตตัวเองว่า 'ฉันถูกผีเข้า ฉันถูกผีทำร้าย' แล้ว มันยังมีอีกอย่างคอยเสริมด้วยครับ
ผีจริงๆ อยู่ที่ตำหนัก แต่ผีที่อยู่ด้วยตอนนี้มันเป็นแค่สำเนา
อ่านไม่ผิดหรอกครับ..ผีมีอยู่จริง..แต่ผีที่เป็นสำเนาจากผีจริงๆ ก็มีอยู่จริง เพราะความที่นางเธอเองได้สัมผัสกับบรรยากาศของตำหนักหมอผีมาเต็มๆ พร้อมความปักใจเชื่อว่า 'ที่นั่นมีผีจริงๆ' ตรงนี้ผมให้คำตอบไม่ได้จริงๆ ว่าตำหนักหมอผีดังกล่าวมีผีเลี้ยงอยู่จริงๆ มั้ย แต่นางเธอคิดว่าเจอ นางเธอเลยมีผีสำเนาติดตัวมาแบบนี้ และออกอาการว่าถูกผีเข้าตามอาการอุปทานในหัวข้อก่อนนี้
อันที่จริงเคสนี้เคยเกิดมาแล้วกับหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นไปเข้าร่วม 'พิธีตัดกรรม' โดยพิธีนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการนั่งสมาธิวิปาสนาหรอกครับ เพียงแต่เป็นการนั่งสมาธิระลึกเจ้ากรรมนายเวรใดๆ ที่เราเคยก่อกรรมใดๆ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เขา..
ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ.. แค่ระบายความรู้สึกส่วนตัว
ทำไมหลายๆ คนพยายามจะไขว่คว้าวิธีการใดๆ เพื่อขจัดเวรกรรมของตนในชาติก่อนให้หมดจดกันนะ? เวรกรรมมันคือการกระทำ มันไม่ใช้เศษอาหารบนจานกินข้าวที่เราเปิดน้ำล้างหรือใส่น้ำยาล้างจานแล้วมันจะลบออกรวดเดียวหมด การกระทำคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นเป็นลำดับขั้นตอน เกิดขึ้นทีละจุดๆ ส่งผลกันเป็นลูกโซ่แบบไม่สามารถหยุดยั้งได้ เราไม่สามารถระลึกได้เลยว่าเวรกรรมที่เราเคยก่อไว้ในชาติที่แล้วนั้น เราเคยทำอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ชดใช้กรรมไปทีละจุดๆ สู้วางมันไว้แล้วมาพยายามสร้างเรื่องดีๆ ฮิปปี้ฮุเลเฮ่ให้กับคนอื่นในชาตินี้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยดีกว่า
ด้วยความที่ทุกครั้งที่เรานั่งสมาธิ ยอมก่อให้เกิดสมาธิ และจิตใจของเราจะปรอดโปร่งจนโล่ง นั่นหมายความว่า จิตของเรายอมเปิดรับทุกอย่างที่พร้อมจะประเดประดังเข้ามาด้วย ทำให้เธอได้สัมผัสกับจิตของสัมภเวสี อะไรทำนองนั้น และคิดว่าตนกำลังถูก 'สัมภเวสีนับร้อยนับพันเข้าสิง' ทั้งที่ความจริงมันก็เป็นเพียงผีสำเนาจากการวิปาสนาครั้งนั้น..
ผมจะขอเอาคลิปของผู้หญิงดังกล่าวมาให้ดูนะครับ..ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายใดๆ เพราะเรื่องนั้นได้รับการไขกระจ่างไปแล้ว แต่จะขอหยิบยกมาเพื่อทำให้เคสพริตตี้ผีสิงคนนี้ได้รับการทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นครับ
https://www.youtube.com/watch?v=vhLpxUiHqEo
แล้วน้องPOP จริงๆ ต้องเป็นแบบไหน?
ผมจะไม่บอกว่าผมขายของ..แต่คุณสามารถอ่านได้จากบทสรุปของกระทู้ 'เรียกมันว่า..น้องPOP' ได้เลยครับ 5555
แต่ขอเพิ่มเติมอีกนิด..ถ้าเป็น น้องPOP จริงๆ คงไม่ปล่อยให้นางเธออยู่มานานขนาดนี้หรอกครับ นางเธอคงเสียชีวิตจากการถูกกินทั้งวิญญาณทั้งเครื่องในไปตั้งแต่ 2 อาทิตย์แรกหลังถูกสิงแล้วครับ
เท่านี้ล่ะครับ สำหรับความเห็นของผมกับประเด็นดังกล่าว ท่านใดผ่านไปผ่านมาสามารถแวะเวียนมาแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เรื่องวิชาการแพทย์ หากผิดพลาดประการใด หากมีผู้รู้ท่านใดมาเพิ่มเติมเสริมข้อมูล ตามสบายครับ และขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย แล้วอย่าลืมติดตามเรื่องสุดท้ายของไตรภาคบ้านหลอนชัยภูมิเรื่องสุดท้ายด้วยนะครับ ในเรื่องที่มีชื่อว่า 'นัด..เล่า..หลอน'
#Hellblazer