ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 7

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว
ตอนที่ 5-6
http://ppantip.com/topic/35347907

ติดตามเรื่องสั้นเรื่องยาวของลิได้ที่เพจนี้นะคะ
https://www.facebook.com/L.Wilissamara/?__mref=message_bubble

ริษยาซ่อนร่าง


โดย... ล. วิลิศมาหรา

ตอนที่เจ็ด

สุดท้าย...รักคือการจากลา


    สามเดือนผ่านไป...เมื่อถึงกำหนดกลับเมืองไทยของเอกกวี ระหว่างชายหนุ่มอยู่ที่โน่นสองหนุ่มสาวคู่รักคุยกันทางไลน์ หนุ่มหล่อยังคงคิดว่ากวินตาโกรธเคืองจึงไม่เคยพูดคุยกับเขา เพื่อนฝูงทุกคนช่วยกันปิดบังเพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดมากแล้วเสียการเรียน ยังไงค่อยให้กลับมารู้เองที่เมืองไทยดีกว่า

    วันเดินทางกลับ ทิพย์วิภาเป็นธุระไปรับหลานชายที่สนามบินอีกตามเคย วันนั้นบังเอิญแสงสินีป่วยเป็นไข้หวัดถึงขั้นลุกเดินไม่ไหว เธอนอนซมอยู่ในที่นอนด้วยความอ่อนเพลียและง่วงงุนจากยาแก้ไข้หวัด ในความรู้สึกเลื่อนลอยเลือนรางเหมือนมีใครมานั่งข้าง ๆ หญิงสาวพยายามเผยอเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมอง

    ทันใดนั้นเอง เธอเห็นใบหน้าซีดขาวปราศจากสีเลือดของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้มลงมองมาจนชิด ผมยาวสีดำสนิทย้อยลงปกคลุมหน้าตารุ่ยร่าย บางส่วนระอยู่แถวใบหน้าของแสงสินี ดวงตาสองข้างของหญิงลึกลับแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มาแล้วอย่างหนัก เห็นน้ำใส ๆ ยังเอ่อคลอเบ้า ริมฝีปากเขียวคล้ำขมุบขมิบ แต่หูแสงสินีเหมือนได้ยินเสียงพูดชัดแจ๋ว

...ฝน...เสียงเรียกชื่อเธอ เด็กสาวลืมตาโตจ้องมองใบหน้าของหญิงคนนั้นอย่างตื่นตกใจเต็มที่ อ้าปากเปล่งเสียงร้องออกมา แต่ทำได้แค่ทำปากพะงาบ ๆ นิ้วชี้ซีดเซียวข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาแตะริมฝีปากคล้ำของร่างน่ากลัว...จุ๊ จุ๊ ไม่ต้องตกใจ คิดถึงแก้มใช่ไหม แก้มมาหาฝนแล้ว

... แก้ม...หา...ใช่แก้มจริงเหรอ แต่ทำไมหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ เอ๊ะ แก้มตายแล้วนี่...แสงสินีตกใจตื่นกระเด้งตัวลุกพรวดขึ้นนั่งทันควัน...คุณพระช่วย

    "ลุกพรวดพราดเดี๋ยวก็เวียนหัวหรอก" สาวห้าวยกมือขึ้นขยี้ตา โอ ภาพน่ากลัวนั้นหายไปแล้ว คนที่นั่งข้างเตียงคือเอกกวีนี่เอง...เขากลับมาแล้ว เมื่อกี้เราคงฝันไป หญิงสาวดีใจแทบน้ำตาไหล

    "เต้ยพึ่งมาถึง ได้ยินว่าฝนป่วยเลยขึ้นมาเยี่ยม นอนพักเยอะ ๆ นะ ดีใจจังเลยที่ได้กลับมาเห็นหน้าฝนเสียที คิดถึงเหมือนใจจะขาด"

    คำพูดตื่นเต้นของเอกกวีดังขึ้นอย่างยินดี ใช่ชายคนรักจริง ๆ ที่นั่งอยู่ข้างเตียงนอนและกำลังจับเธอเอาไว้ เขากดตัวเธอให้นอนลง ใบหน้าคมคายขาวผ่องขึ้นตั้งเยอะ ตาสีเข้มจ้องมาเป็นประกายอย่างดีใจ แสงสินีขืนตัวพยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่มันเวียนศีรษะมึนงง รู้สึกบ้านหมุนติ้ว ๆ เอกกวีเห็นอาการสาวคนรักจึงปรามเสียงเข้ม

    "ยังทำเก่งอยู่อีก ไม่สบายก็นอนลงไปก่อนเถอะ ไข้หวัดต้องพักเยอะ ๆ นะ ฝนรู้ไหมเต้ยพึ่งมาถึงก็รีบขึ้นมาดูฝนทันที นี่ยังไม่ได้เข้าบ้านเลย" เมื่อฝืนไม่ไหว สุดท้ายเลยต้องล้มตัวลงนอนตามเดิม เด็กสาวกะพริบตาปริบ ๆ ฟังเขาพูด ก่อนบอกเสียงแผ่ว

    "งั้นกลับไปหาพ่อกับแม่เต้ยก่อน ป่านนี้คงรออยากเจอหน้าลูกชายแย่แล้ว"

    รีบบอกให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไปอยู่ไกลกันเสียนาน คนเป็นพ่อแม่คงคิดถึงลูกชายแทบตาย ส่วนแฟนไว้เจอทีหลังก็ได้ ฝ่ายนั้นอมยิ้มรู้สึกภูมิใจคำพูดแฟนสาว แสงสินีเป็นคนมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้ใหญ่และรู้จักคิด ซึ่งเป็นจุดเด่นทำให้เขาตกหลุมรักเธอ

    "นึกแล้วจะต้องโดนว่า ที่จริงเต้ยไปบ้านมาแล้ว แต่พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาจากในสวน เต้ยเลยมาหาฝนก่อน ลุงกับป้าอยู่ข้างล่างสั่งให้ขึ้นมาดูฝนนี่ไง เขาให้พาฝนลงไปกินข้าวถ้าตัวเองลุกไหว" เสียงเล่าของเต้ยดังแว่วเข้าหู แสงสินีสะลึมสะลือฟังเขาเล่าไปเรื่อย ๆ ครั้นแล้วเธอต้องลืมตาโพลงในประโยคถัดมา!

    "ป้าทิพย์ส่งเต้ยหน้าประตูทางเข้าสวน แกจะรีบไปธุระ ตอนเดินกลับบ้านเต้ยเจอแก้มมาดักรอ ท่าทางแก้มจะหายโกรธเต้ยแล้วล่ะ ชวนคุยเสียงแจ๋ว เต้ยชวนขึ้นมาเยี่ยมฝน แต่แก้มบอกว่าขึ้นมาดูทุกวัน บางวันยังมานอนเป็นเพื่อนด้วย...ฝนกับแก้มดีกันแล้วใช่ไหม"



    เอกกวีรู้เรื่องการตายของกวินตาภายในวันที่มาถึงนั้นเอง เด็กหนุ่มมีอาการตกใจจนร่ำไห้ เขารับไม่ได้กับข่าวร้ายนี้ และคร่ำครวญเสียใจไม่หยุดปาก หากรู้สักนิดว่ากวินตาคิดสั้นแบบนี้เขาจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น คงช่วยปลอบใจและเตือนสติเพื่อนสาว ยับยั้งเรื่องร้ายนี้เอาไว้ได้ เอกกวีโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุ...

    ทุกคนพยายามปลุกปลอบให้กำลังใจ ต่างนึกสงสารที่หลังกลับมาจากออสเตรเลียได้เพียงวันเดียว เด็กหนุ่มก็ต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงแทบตั้งตัวไม่ทัน...แสงสินีขอให้เขาทำใจ คิดเสียว่ามันเป็นชะตากรรมหรือพรหมลิขิตที่คนเราไม่อาจฝืนได้ ชะตาชีวิตถูกสวรรค์เบื้องบนกำหนดขีดเส้นเอาไว้ให้แล้ว

    อีกเรื่องที่ต้องช่วยกันปลุกปลอบขวัญกันอย่างหนักก็คือเรื่องประหลาดที่เอกกวีพบกวินตาในวันมาถึง ซึ่งมันทำให้ทุกคนในบ้านสวนถึงกับขนลุกเกรียว เพราะจากพยานหลักฐาน ทั้งจดหมายลาตายกับการสอบสวนพิสูจน์คดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สรุปคดีนี้ว่า...กวินตาฆ่าตัวตาย

    ในคืนวันนี้หลังทราบข่าวร้าย เอกกวียืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องนอนตัวเอง จิตใจของเขาสับสนหม่นหมอง ม่านรัตติกาลข้างหน้าดังฉากละครบทเศร้า นี่มันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ เหรอ...ใบหน้าคมสันเซื่องซึมลง

    เมื่อสามสี่เดือนก่อนเรายังมีกันและกัน ข้างกายซ้ายขวาขนาบข้างด้วยผู้หญิงที่เขารัก...เพียงแต่มันเป็นความรักที่ต่างรูปแบบ

    แก้ม...ทำไมถึงตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ แก้มไม่ได้ฆ่าตัวตายคนเดียว แต่แก้มฆ่าเต้ยกับฝนให้ตายทั้งเป็นด้วยความรู้สึกผิด แก้มรับรู้หรือเปล่า...หรือแก้มไม่เคยสนใจความรู้สึกของใคร

    สายลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง ความเยือกเย็นประหลาดจู่โจมเข้าสู่จิตใจ ไหล่กว้างของหนุ่มหล่อไหวสะท้าน

    คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์นวลสาดส่องทั่วบริเวณข้างนอกเรือนไม้ มองเห็นสรรพสิ่งสว่างชัดเจน เงาตะคุ่มร่างหนึ่งปรากฏ รู้สึกเหมือนมีใครกำลังเดินตรงมาหา

    "ฝน..." เมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้ระยะสายตาก็เห็นเป็นแสงสินีจริง ๆ เพื่อนสาวอยู่ในชุดนอนกรอมเท้าสีขาวแขนยาว ติดระบายลูกไม้ที่ปลายแขนและชายกระโปรง เธอเดินมาหยุดยืนข้างล่างตรงหน้าต่างห้องนอนของเขาพอดี แล้วแหงนหน้าขึ้นมองก่อนส่งยิ้มให้...แสงสินีมาทำไมค่ำมืด เขานึกสงสัย

    "รอแป๊บนะฝน จะลงไปหาเดี๋ยวนี้แล้ว" หนุ่มหล่อตะโกนบอกจากข้างบนเรือนไม้ เห็นแฟนสาวแค่ยิ้มหวานส่งให้ ไม่พูดไม่จา เขาเป็นห่วงกลัวเธอรอนานรีบหันหลังกลับ สาวเท้าไปที่ประตูห้องนอนแล้วเปิดเดินออกไป

    "จะไปไหนเต้ย" จรุงจิตแม่ของเอกกวีกำลังนั่งชุนชายเสื้อที่หลุดลุ่ยให้อำนาจผู้เป็นสามีอยู่ที่โถงรับแขกหน้าเรือนร้องถาม เมื่อเห็นลูกชายคนเดียวเดินผ่านหน้าและกำลังจะก้าวลงบันไดบ้าน

    "ลงไปรับฝนครับแม่ ฝนมาหา รออยู่ข้างล่าง"

    "อ้าว มาทำไมค่ำมืด" จรุงจิตบ่นเบา ๆ

    "ไปรับขึ้นมาคุยกันซิ มีอะไรหรือเปล่า" ชายหนุ่มรับคำแล้วลงเรือนไป มีสายตาของมารดามองตามอย่างสงสัย เด็กสองคนนี้รักกัน ผู้ใหญ่สองบ้านก็รับรู้และไม่ได้กีดกัน แต่แสงสินีไม่เคยมาหาแฟนหนุ่มถึงบ้านยามวิกาลมาก่อน พ่อแม่ของเธอไม่อนุญาตให้ลูกสาวทำแบบนั้น

    ที่ด้านล่างเรือนไม้ สาวตาคมมายืนรอคนรักอยู่ตรงเชิงบันได ร่างในชุดนอนสีขาวเนื้อผ้าค่อนข้างบางเบาและฟองฟูดูแปลกตา เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาติดหมัด สาวห้าวอย่างแสงสินีไม่น่ามีชุดนอนประเภทนี้ และเป็นเรื่องประหลาดที่เพื่อนสาวคนสนิทจะมาหาถึงบ้านทั้งชุดนอนกลางค่ำกลางคืน

    "คิดถึงเต้ยจัง" เสียงเย็น ๆ เอ่ยขึ้น คำพูดแบบนี้ยิ่งทำให้เอกกวีแปลกใจมากขึ้นไปอีก ก็เขาพึ่งไปเยี่ยมไข้แฟนสาวมาเมื่อบ่าย พอคุยกันถึงเรื่องกวินตา แสงสินีก็บ่นปวดศีรษะ หลังจัดแจงให้เธอทานยาแก้ปวดแล้วแฟนสาวจึงขอตัวนอนพัก บอกด้วยว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่...แปลกจริง จะว่าแสงสินีหายป่วยแล้วก็ไวเกินไป ตอนบ่ายเธอยังแทบไม่มีแรงลุกนั่ง ใบหน้าคมขำของเธอขณะนี้ซีดเผือด ขนาดอยู่ในที่แสงไฟสลัวยังสามารถมองเห็นท่าทางซีดเซียวชัดเจน ร่างเด็กสาวในชุดนอนตัวยาวดูเหมือนขาวโพลนยังไงบอกไม่ถูก

    "เต้ยรู้ เมื่อก่อนแค่เดาเอา แต่เดี๋ยวนี้แน่ใจแล้วว่าฝนคิดถึงเต้ยทุกวัน"

    แต่เพราะถึงอย่างไรสาวคนรักก็อุตส่าห์มาหาถึงบ้าน หนุ่มหล่อจึงพูดหวานเอาใจ แสงสินียิ้มเซียว ๆ มาให้ เอ๊ะ...ทำไมไม่ยักทำหน้าเมื่อยแล้วจิกกัดเขาว่าชอบพูดลิเก ปกติแฟนสาวนอกจากไม่ยอมเขินอาย เธอยังมักพูดเหน็บเอาเจ็บ ๆ ประจำ แต่ก็เพราะแฟนสาวเป็นคนแบบนี้เขาถึงรักเธอจนหมดใจ...แม่สาวแสนซนคนซื่อปากจัด

    "ลมพัดมาอีกแล้ว หนาวจัง เต้ยกอดเค้าหน่อยได้ไหม" หนุ่มหล่อเลิกคิ้ว...ชักแปลกขึ้นทุกที จู่ ๆ จะให้กอด เมื่อก่อนแค่จับมือยังหวง แสงสินีต้องไข้ขึ้นจนสติฟั่นเฟือนไปแล้วแน่ ๆ ลมกลางคืนก็ไม่หนาวเท่าไหร่นี่นา

    นั่น...ร่างในชุดนอนขยับเข้ามาจนใกล้ เรือนร่างภายใต้ชุดนอนบางเบาทำเอาชายหนุ่มแทบกลั้นหายใจ นี่แฟนสาวคิดลองใจเขาอยู่หรือไง เธออ้าแขนออกชูขึ้นสูงน้อย ๆ เหมือนรออ้อมกอดจากชายคนรัก สายตาวิงวอนเศร้า ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูด เพราะท่าทางเหงาเศร้าและคล้ายโหยหาความอบอุ่นของเธอแบบนั้น ชายหนุ่มจึงก้าวเข้าไปหาอย่างลืมตัว...

    "เต้ย...ฝนโทรมา..."เสียงจรุงจิตตะโกนขัดจังหวะบอกลงมาจากข้างบนเรือน!


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่