ปัญหาการกีดขวางทางเท้าในกรุงเทพฯ เป็นปัญหาที่พูดกันมาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะในสมัยของการเลือกตั้งผู้ว่าฯคนใดก็มีการยกประเด็นนี้ขึ้นมาถกเถียงกันอยู่ทุกครั้ง ด้วยเพราะทางเท้าในกรุงเทพฯ ยังไม่ได้ทำให้การเดินสัญจรไปมาสะดวกสักเท่าไร ทางเท้าแคบ เจ้าของบ้านเอาของมาวางกีดขวางทางเท้า มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาวิ่ง การวางป้ายวางเสาของภาครัฐ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหาบเร่แผงลอย
แน่นอนครับ เมื่อพูดถึงหาบเร่แผงลอยแล้วผมคิดว่าคงไม่มีใครไม่เคยซื้อของจากร้านเหล่านี้แน่ๆ ตั้งแต่จำความได้ผมก็เคยซื้อของจากร้านเหล่านี้เป็นประจำ และคิดว่าหลายคนก็เป็นแบบนั้น จนแทบจะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนกรุงเทพฯไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยปัญหาข้างต้นที่มีการตั้งกันมากเกินไปจนกีดขวางทางเท้าจนบางครั้งต้องลงไปเดินกันบนถนน ทำให้มีข้อถกเถียงกันเป็นฝักเป็นฝ่ายว่าหาบเร่แผงลอยควรมีหรือไม่ ข้อดีกับข้อเสียอันไหนมากกว่า และพวกเขามีประโยชน์บ้างหรือไม่
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ผมเป็นคนที่คิดว่าทางเท้าต้องโล่งมากๆ ถ้าไปอ่านจากกระทู้เก่าๆของผม หรือในเพจ KungKevTH writings ที่ผมใช้เขียนเรื่องราวการเดินทางก็มีการพูดถึงทางเท้าไว้หลายครั้ง แต่เหมือนเวลาผ่านไปผมเริ่มคิดเปลี่ยนไป ผมพยายามศึกษาข้อดีข้อเสียของสิ่งเหล่านี้อยู่หลายครั้ง การเดินทางไปเห็นโลกมากขึ้นบวกกับการศึกษาสิ่งต่างๆรอบตัวทำให้แนวคิดบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป
ในมุมมองของผม เศรษฐกิจของเมืองบ้านเรานี่ได้รับการผลักดันจากภาค Informal Sector อย่างนี้ค่อนข้างมากนะครับ อย่างหาบเร่แผงลอยนี่ถือเป็นตัวใหญ่ที่ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเลย จากการที่ร้านเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้ ทำให้คนเลือกซื้อ เพราะสะดวก ขี้เกียจเดิน หรือร้อน หรืออะไรก็ตามแต่เนี่ย ทำให้คนเลือกที่จะนำมาจับจ่ายในส่วนนี้มาก ด้วยนิสัยของคนไทยแต่โบราณก็ชอบอะไรที่ง่ายๆอยู่แล้ว หาบเร่แผงลอยจึงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยทีเดียว นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หาบเร่แผงลอยยังยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งที่เวลาผ่านไปไม่รู้กี่สิบปี เพราะถ้าไม่มี Demand ก็ย่อมไม่เกิด Supply สังเกตได้เลยครับ หลายพื้นที่ที่มีหาบเร่แผงลอยตั้งอยู่มากจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปโดยปริยาย เช่น การไปเดินหน้ารามตอนกลางคืน เดินคลองถม หรืออะไรทำนองนั้น สิ่งเหล่านี้ผมว่ามันสะท้อนได้ดีถึงเม็ดเงินขนาดใหญ่ที่เข้ามาในระบบของเมือง
ต่อเนื่องกัน หาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่จะขายสินค้าในราคาไม่แพง ค่อนไปทางถูกด้วย นั่นก็อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หาบเร่แผงลอยยังอยู่คู่กรุงเทพฯได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการลดค่าครองชีพในเมืองใหญ่นี้ อาหาร ของว่าง เสื้อผ้า รองเท้า สิ่งเหล่านี้หาซื้อได้ในราคาไม่แพง แม้ว่าคุณภาพนั้นอาจแปรผันไปตามราคาสินค้าก็ตามที แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหาบเร่แผงลอยเป็นส่วนสำคัญในการลดค่าครองชีพของคนเมืองหลวง
ความปลอดภัยน่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หาบเร่แผงลอยมีผลอย่างมาก คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าการมีหาบเร่แผงลอยอยู่มากทำให้คนต้องลงไปเดินบนถนนแล้วจะเสี่ยงกับการถูกรถชน นั่นคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ผมคิดว่าก็มีอีกด้านที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน นั่นคือพื้นที่ที่มีหาบเร่แผงลอยตั้งอยู่มากจะมีความเสี่ยงด้านอาชญากรรมต่ำ ทั้งการฆ่า การข่มขืน ผมเชื่อว่าเมื่อผู้หญิง (หรือแม้แต่ผู้ชาย) เดินในที่ที่มีหาบเร่แผงลอยมากย่อมรู้สึกปลอดภัยมากกว่าการเดินคนเดียวในซอยเปลี่ยวมืดๆอย่างแน่นอน
แนวคิดการวางแผนจัดการเมืองยุคใหม่จะเน้นให้คนเดินมากขึ้น มีการส่งเสริมการเดินด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้คนเมืองลดการใช้พลังงาน และให้มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมในเวลาเดียวกัน ซึ่งผมคิดว่าหาบเร่แผงลอยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเดินมากขึ้น เพราะการเดินบนทางเท้าที่มีการค้าย่อมไม่น่าเบื่อเหมือนการเดินบนทางเท้าที่ไม่มีอะไรเลย มันเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจอย่างที่ว่าข้างต้น และทำให้คนได้พบปะกันเป็นสังคมมากขึ้น
การเดินทางของผม ทำให้ค้นพบว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศก็ยังไม่ได้มีทางเท้าโล่งๆ อย่างเช่นบางย่านในสิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ในยุโรป ก็ยังมีการค้าขายบนทางเท้า นั่นทำให้ผมคิดว่าถ้าเรามีการจัดระเบียบให้เป็นที่เป็นทางก็น่าจะอยู่ร่วมกันได้ ทั้งผู้ค้า ผู้ซื้อ และผู้สัญจร ขอแค่ไม่กีดขวางทางกัน มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องก็เท่านั้น และการจัดระเบียบไม่ได้หมายความว่าจะต้องไล่ให้ย้ายไปทั้งหมด เพราะทุกวันนี้หลายพื้นที่ที่ถูกจัดระเบียบในกรุงเทพฯจากที่ที่มีคนพลุกพล่านก็กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไร้ผู้คน กลางวันดูสบายตา ขาดชีวิตชีวา กลางคืนก็คงเป็นที่เปลี่ยวๆไป
ทั้งหมดเป็นมุมมองของผม วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ อยากแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลและลดการใช้อารมณ์ สิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดก็คือการที่ต่างฝ่ายต่างรับฟังกันและกัน และร่วมกันคิด มันจะทำให้เราได้ทางออกที่สวยดูดีที่สุด ถือว่ามาคุยกันแลกเปลี่ยนกันครับ ผมรับฟังทุกความเห็น ขอบคุณครับ
แลกเปลี่ยนมุมมอง "หาบเร่แผงลอยบนทางเท้า" ข้อดีหรือข้อเสียของกรุงเทพฯ
แน่นอนครับ เมื่อพูดถึงหาบเร่แผงลอยแล้วผมคิดว่าคงไม่มีใครไม่เคยซื้อของจากร้านเหล่านี้แน่ๆ ตั้งแต่จำความได้ผมก็เคยซื้อของจากร้านเหล่านี้เป็นประจำ และคิดว่าหลายคนก็เป็นแบบนั้น จนแทบจะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนกรุงเทพฯไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยปัญหาข้างต้นที่มีการตั้งกันมากเกินไปจนกีดขวางทางเท้าจนบางครั้งต้องลงไปเดินกันบนถนน ทำให้มีข้อถกเถียงกันเป็นฝักเป็นฝ่ายว่าหาบเร่แผงลอยควรมีหรือไม่ ข้อดีกับข้อเสียอันไหนมากกว่า และพวกเขามีประโยชน์บ้างหรือไม่
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ผมเป็นคนที่คิดว่าทางเท้าต้องโล่งมากๆ ถ้าไปอ่านจากกระทู้เก่าๆของผม หรือในเพจ KungKevTH writings ที่ผมใช้เขียนเรื่องราวการเดินทางก็มีการพูดถึงทางเท้าไว้หลายครั้ง แต่เหมือนเวลาผ่านไปผมเริ่มคิดเปลี่ยนไป ผมพยายามศึกษาข้อดีข้อเสียของสิ่งเหล่านี้อยู่หลายครั้ง การเดินทางไปเห็นโลกมากขึ้นบวกกับการศึกษาสิ่งต่างๆรอบตัวทำให้แนวคิดบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป
ในมุมมองของผม เศรษฐกิจของเมืองบ้านเรานี่ได้รับการผลักดันจากภาค Informal Sector อย่างนี้ค่อนข้างมากนะครับ อย่างหาบเร่แผงลอยนี่ถือเป็นตัวใหญ่ที่ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเลย จากการที่ร้านเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้ ทำให้คนเลือกซื้อ เพราะสะดวก ขี้เกียจเดิน หรือร้อน หรืออะไรก็ตามแต่เนี่ย ทำให้คนเลือกที่จะนำมาจับจ่ายในส่วนนี้มาก ด้วยนิสัยของคนไทยแต่โบราณก็ชอบอะไรที่ง่ายๆอยู่แล้ว หาบเร่แผงลอยจึงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยทีเดียว นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หาบเร่แผงลอยยังยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งที่เวลาผ่านไปไม่รู้กี่สิบปี เพราะถ้าไม่มี Demand ก็ย่อมไม่เกิด Supply สังเกตได้เลยครับ หลายพื้นที่ที่มีหาบเร่แผงลอยตั้งอยู่มากจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปโดยปริยาย เช่น การไปเดินหน้ารามตอนกลางคืน เดินคลองถม หรืออะไรทำนองนั้น สิ่งเหล่านี้ผมว่ามันสะท้อนได้ดีถึงเม็ดเงินขนาดใหญ่ที่เข้ามาในระบบของเมือง
ต่อเนื่องกัน หาบเร่แผงลอยส่วนใหญ่จะขายสินค้าในราคาไม่แพง ค่อนไปทางถูกด้วย นั่นก็อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หาบเร่แผงลอยยังอยู่คู่กรุงเทพฯได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการลดค่าครองชีพในเมืองใหญ่นี้ อาหาร ของว่าง เสื้อผ้า รองเท้า สิ่งเหล่านี้หาซื้อได้ในราคาไม่แพง แม้ว่าคุณภาพนั้นอาจแปรผันไปตามราคาสินค้าก็ตามที แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหาบเร่แผงลอยเป็นส่วนสำคัญในการลดค่าครองชีพของคนเมืองหลวง
ความปลอดภัยน่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หาบเร่แผงลอยมีผลอย่างมาก คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าการมีหาบเร่แผงลอยอยู่มากทำให้คนต้องลงไปเดินบนถนนแล้วจะเสี่ยงกับการถูกรถชน นั่นคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ผมคิดว่าก็มีอีกด้านที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน นั่นคือพื้นที่ที่มีหาบเร่แผงลอยตั้งอยู่มากจะมีความเสี่ยงด้านอาชญากรรมต่ำ ทั้งการฆ่า การข่มขืน ผมเชื่อว่าเมื่อผู้หญิง (หรือแม้แต่ผู้ชาย) เดินในที่ที่มีหาบเร่แผงลอยมากย่อมรู้สึกปลอดภัยมากกว่าการเดินคนเดียวในซอยเปลี่ยวมืดๆอย่างแน่นอน
แนวคิดการวางแผนจัดการเมืองยุคใหม่จะเน้นให้คนเดินมากขึ้น มีการส่งเสริมการเดินด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้คนเมืองลดการใช้พลังงาน และให้มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมในเวลาเดียวกัน ซึ่งผมคิดว่าหาบเร่แผงลอยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเดินมากขึ้น เพราะการเดินบนทางเท้าที่มีการค้าย่อมไม่น่าเบื่อเหมือนการเดินบนทางเท้าที่ไม่มีอะไรเลย มันเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจอย่างที่ว่าข้างต้น และทำให้คนได้พบปะกันเป็นสังคมมากขึ้น
การเดินทางของผม ทำให้ค้นพบว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศก็ยังไม่ได้มีทางเท้าโล่งๆ อย่างเช่นบางย่านในสิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ในยุโรป ก็ยังมีการค้าขายบนทางเท้า นั่นทำให้ผมคิดว่าถ้าเรามีการจัดระเบียบให้เป็นที่เป็นทางก็น่าจะอยู่ร่วมกันได้ ทั้งผู้ค้า ผู้ซื้อ และผู้สัญจร ขอแค่ไม่กีดขวางทางกัน มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องก็เท่านั้น และการจัดระเบียบไม่ได้หมายความว่าจะต้องไล่ให้ย้ายไปทั้งหมด เพราะทุกวันนี้หลายพื้นที่ที่ถูกจัดระเบียบในกรุงเทพฯจากที่ที่มีคนพลุกพล่านก็กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไร้ผู้คน กลางวันดูสบายตา ขาดชีวิตชีวา กลางคืนก็คงเป็นที่เปลี่ยวๆไป
ทั้งหมดเป็นมุมมองของผม วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ อยากแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างเป็นเหตุเป็นผลและลดการใช้อารมณ์ สิ่งที่ผมเชื่อมาตลอดก็คือการที่ต่างฝ่ายต่างรับฟังกันและกัน และร่วมกันคิด มันจะทำให้เราได้ทางออกที่สวยดูดีที่สุด ถือว่ามาคุยกันแลกเปลี่ยนกันครับ ผมรับฟังทุกความเห็น ขอบคุณครับ