จากชีวิตกำนันบ้านนอก ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังสุราษฎร์ธานี ก้าวเข้าสู่วิถีแห่งนักการเมืองระดับชาติ ในคราบของประชาธิปัตย์ อันได้ชื่อว่าเป็นพรรคของคนใต้ ..ว่ากันอย่างนั้น
ถึงจุดนี้ ชีวิตของทิดเมือก เทือกสุบรรณ ก็รุ่งโรจน์โชติชัชวาลชนิดพรวดๆอย่างรวดเร็ว จัดเป็นแมนอ๊อฟเดอะแมทซ์ แม้จะแขนคดเพราะตกหลังควาย แต่หัวใจก็ไม่เคยคดนะเธอ..ว่าเข้านั่น
เมื่อเกิดการเลือกตั้งเมื่อปี 35 ประชาธิปัตย์โดยนายชวน
“เทพเจ้าแห่งชาวปักษ์ใต้” ผู้ซื่อสัตย์ สมถะ บ้านช่องก็ไม่มีเป็นของตนเอง ต้องเช่าเพื่อนอยู่ในซอยหมอเหล็ง ได้รับชัยชนะเลือกตั้ง ด้วยวาทะกรรม
“จำลองพาคนไปตาย”เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล..สาสมใจ
ส่วนทิดเมือกนั้นเล่า เมื่อเป็น สส.มาไม่รู้กี่สมัย จนเบื่อแล้วเบื่ออีก ก็อยากจะลิ้มรสความเป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง แหละแล้วเหมือนบุญหล่นทับจนขาบวม เมื่อได้ปี้ชวนช่วยเอามือดันก้นจนขึ้นตำแหน่ง
“รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร”ในครั้งนั้น แถมแบ่งงานให้ทิดเมือกคุมนโยบาย “สปก.4-01 นะจ๊ะ” เรียกว่าจัดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ช่างเหมาะเจาะกับทิดเมือกเสียเหลือเกิน..คนมีดวง !
อันไอ้ที่ดิน สปก.4-01 เนี่ยะ หลักการของมันคือต้องเอาไปเพื่อทำการเกษตรกรรมเท่านั้น ห้ามไปทำอย่างอื่นเด็ดขาด ที่สำคัญคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับต้อง“ยากจน”เสียก่อน หมายถึงต้องเป็นชาวบ้านตาดำๆหัวแดงๆที่เป็นเกษตรกรและยากจนข้นแค้นไม่มีที่ทำกิน เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปากหายใจสะดวก ..รวยแล้วไม่ต้อง !
แต่พระเจ้าช่วยกล้วยน้ำว้า เหมือนมารมาดลใจ ทิดเมือกในฐานะรัฐมนตรีช่วยผู้คุมนโยบาย ได้เผลอไผลไหลหลงนำที่ สปก.4-01 ไปแจกให้กับนายหัวแถวภูเก็ตผู้เป็นหัวคะแนนของพรรคเพียบไปหมด และที่เขานินทากันคือ พี่แกดันทะลึ่งเอาที่ สปก.ไปแจกนายหัวทศพร เทพบุตร สามีของอัญชลี วานิช เทพบุตร ผู้เป็นเลขานุการของทิดเมือกในขณะนั้นเสียด้วยซิ จำนวน 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา ทั้งนี้ อาจเพราะทิดเมือกเข้าใจผิดคิดว่านายทศพรคนนั้น เป็นเกษตรกรผู้ยากจนก็เป็นได้..เข้าใจผิด
เมื่อเรื่องมันดัง สังคมและสังคังก็วิพากย์วิจารย์กันทุกมุมตึก ว่าทิดเมือกทำอย่างงั้นได้ยังไง เหตุใดทำไมถึงทำอย่างงั้น ไม่น่าเลยพ่อคุณประมาณนี้ บัดนั้นเอง พลพรรคของประชาธิปัตย์นำโดยปี้ชวนรวมถึงโฆษกพรรคือน้องมาร์คด้วย ต่างก็ดาหน้าออกมาบอกว่า “เฮ้ย คนพวกนั้นมันเป็นเกษตรกรนะเว้ย ถึงมันจะรวยมันก็ทำเกษตรเหมือนกัน มีสิทธิ์นะครับ” แถมอ้างกฎหมายสารพัดมาตรามาบรรยายตามสไตล์.. พวกหัวหมอ !
สิ่งที่นายชวนและพวกพยายามบอกประชาชนว่าทิดเมือกไม่ผิด กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับนายทศพรสามีนางอัญชีลีที่มิใช่เกษตรกรยากจนตามนิยามของ สปก.นี่หว่า
นายชวนก็เกิดอาการ “ฮง”ขึ้นมาทันใดอย่างน่าสงสาร ถึงขนาดไม่รู้ว่าอะไรคือเกษตรกรกันแน่ จึงยื่นเรื่องให้กฤษฎีกาตีความคำว่า “เกษตรกร”มันคืออะไรวะ..บอกหน่อย ??
ไม่ทันที่กฤษฎีกาจะประดิดประดอยถ้อยคำ ใช้วาทะกรรมออกแบบคำว่าเกษตรกรให้ครอบคลุมเหมือนที่นายชวนต้องการ พรรคชาติไทยโดยนายบรรหาร ก็เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที โดยผู้นำการอภิปรายสปก.4-01 ก็คือเสี่ยห้อย เนวิน ชิดชอบ หอบหลักฐานของนายทศพรที่ไม่ใช่เกษตรกรมาเปิดเผยกลางสภา จำได้ว่าตอนนั้นทิดเมือกหน้าดำปี๋แถจนสีข้างแดงเถือก อึกๆอักๆ ส่วนนายชวนก็ปากแหลมขึ้นมาเป็นสองเท่า เมื่อเห็นหลักฐานจะจะ ได้แต่บอกว่า “ยังไม่ได้รับรายฮาน”..เออ เอาเข้าไป !
เมื่อถึงวันยกมือไว้วางใจ พรรคพลังธรรม โดยมหาจำลอง ศรีเมือง ผู้ซื่อสัตย์ สมถะ สุจริตเช่นเดียวกันนายชวน ชนิดเสือ(ตัวผู้)สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ก็พากันงดออกเสียงลงมติไว้วางใจทิดเมือกเพราะหลักฐานทนโท่ ทำให้นายชวนต้องรีบยุบสภาหนีความอายที่ทิดเมือกเอาที่ดินไปแจกพวกพ้องและบริวารของตนเอง..น่าจ๋งจ๋านยิ่งนัก
แต่พ่อคุณเอ๊ย พวกนักการเมืองของ ปชป.ยังปากแข็งไม่เลิก ยังยืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่า “ถูกต้องๆ”ชนิดหัวชนฝา ไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับว่าพรรคตนเองโดยทิดเมือก “ทุจริตที่ดินหลวง” ..คนดีจริงๆ
จนในที่สุด “ศาลฎีกา” มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ในคดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร) ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า 12 ปี เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !..งามหน้ากันทั่ว !
แต่นั่น ก็ไม่ได้ทำให้พวก ปชป.รู้สึกอะไร ก็คงยืนยันเหมือนเดิมว่า
“ถูกต้องนะคร๊าบบบ”อยู่นั่นแหละ แถมยังท้าทายด้วยการดันทิดเมือกขึ้นเป็นเลขาฯพรรคอีกแน่ะ ซ้ำยังให้เป็นรองนายกฯอีกด้วย ส่วนนางอัญชลี ภรรยาของนายทศพร ก็ยังกลับมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยพี่มาร์คเป็นนายกฯซะอีก..มีไรม๊ะ ??
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
“ผิดถูกประชาชนตัดสิน” เมื่อทิดเมือก และพรรคปชป.ลงเลือกตั้งในครั้งใด ชาวปักษ์ใต้ก็ยังคงเทคะแนนให้ทิดเมือกและ ปชป.อย่างล้นหลามงามตา ไม่มีพลาดสักครั้ง และเชื่อว่าสิ่งที่ทิดเมือกทำลงไปนั้น เป็นสิ่งถูกต้อง เพราะขนาดนายชวนผู้เป็นเทพเจ้า ยังบอกว่าถูกต้อง..มันก็ต้องถูกซิวะ !
มีคนพูดว่า
“ประชาชนเป็นอย่างไร ผู้แทนราษฎรก็เป็นอย่างนั้น ผู้แทนเป็นอย่างไร ประชาชนก็เป็นอย่างนั้น” ทิดเมือกผู้อหังการ์ ผู้กล้าเอ่ยคำว่า“ตั้งแต่เล่นการเมืองมา ผมไม่เคยโกงสักบาทเดียว “ ก็คงจะเป็นสุดยอดวลีที่เป็นอมตะ เป็นคำโดนใจ และยังคงเป็นเชื่อถือสำหรับคนใต้ต่อไป ตราบนิจนิรันดร์ เทอญฯ ..สาธุ สาธุ สาธุ !!!
......“ตั้งแต่เล่นการเมืองมา ผมไม่เคยโกงสักบาทเดียว “ทิดเมือกกล่าวไว้ มหากาพย์ สปก. !!…
ถึงจุดนี้ ชีวิตของทิดเมือก เทือกสุบรรณ ก็รุ่งโรจน์โชติชัชวาลชนิดพรวดๆอย่างรวดเร็ว จัดเป็นแมนอ๊อฟเดอะแมทซ์ แม้จะแขนคดเพราะตกหลังควาย แต่หัวใจก็ไม่เคยคดนะเธอ..ว่าเข้านั่น
เมื่อเกิดการเลือกตั้งเมื่อปี 35 ประชาธิปัตย์โดยนายชวน “เทพเจ้าแห่งชาวปักษ์ใต้” ผู้ซื่อสัตย์ สมถะ บ้านช่องก็ไม่มีเป็นของตนเอง ต้องเช่าเพื่อนอยู่ในซอยหมอเหล็ง ได้รับชัยชนะเลือกตั้ง ด้วยวาทะกรรม “จำลองพาคนไปตาย”เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล..สาสมใจ
ส่วนทิดเมือกนั้นเล่า เมื่อเป็น สส.มาไม่รู้กี่สมัย จนเบื่อแล้วเบื่ออีก ก็อยากจะลิ้มรสความเป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง แหละแล้วเหมือนบุญหล่นทับจนขาบวม เมื่อได้ปี้ชวนช่วยเอามือดันก้นจนขึ้นตำแหน่ง “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร”ในครั้งนั้น แถมแบ่งงานให้ทิดเมือกคุมนโยบาย “สปก.4-01 นะจ๊ะ” เรียกว่าจัดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ช่างเหมาะเจาะกับทิดเมือกเสียเหลือเกิน..คนมีดวง !
อันไอ้ที่ดิน สปก.4-01 เนี่ยะ หลักการของมันคือต้องเอาไปเพื่อทำการเกษตรกรรมเท่านั้น ห้ามไปทำอย่างอื่นเด็ดขาด ที่สำคัญคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับต้อง“ยากจน”เสียก่อน หมายถึงต้องเป็นชาวบ้านตาดำๆหัวแดงๆที่เป็นเกษตรกรและยากจนข้นแค้นไม่มีที่ทำกิน เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปากหายใจสะดวก ..รวยแล้วไม่ต้อง !
แต่พระเจ้าช่วยกล้วยน้ำว้า เหมือนมารมาดลใจ ทิดเมือกในฐานะรัฐมนตรีช่วยผู้คุมนโยบาย ได้เผลอไผลไหลหลงนำที่ สปก.4-01 ไปแจกให้กับนายหัวแถวภูเก็ตผู้เป็นหัวคะแนนของพรรคเพียบไปหมด และที่เขานินทากันคือ พี่แกดันทะลึ่งเอาที่ สปก.ไปแจกนายหัวทศพร เทพบุตร สามีของอัญชลี วานิช เทพบุตร ผู้เป็นเลขานุการของทิดเมือกในขณะนั้นเสียด้วยซิ จำนวน 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา ทั้งนี้ อาจเพราะทิดเมือกเข้าใจผิดคิดว่านายทศพรคนนั้น เป็นเกษตรกรผู้ยากจนก็เป็นได้..เข้าใจผิด
เมื่อเรื่องมันดัง สังคมและสังคังก็วิพากย์วิจารย์กันทุกมุมตึก ว่าทิดเมือกทำอย่างงั้นได้ยังไง เหตุใดทำไมถึงทำอย่างงั้น ไม่น่าเลยพ่อคุณประมาณนี้ บัดนั้นเอง พลพรรคของประชาธิปัตย์นำโดยปี้ชวนรวมถึงโฆษกพรรคือน้องมาร์คด้วย ต่างก็ดาหน้าออกมาบอกว่า “เฮ้ย คนพวกนั้นมันเป็นเกษตรกรนะเว้ย ถึงมันจะรวยมันก็ทำเกษตรเหมือนกัน มีสิทธิ์นะครับ” แถมอ้างกฎหมายสารพัดมาตรามาบรรยายตามสไตล์.. พวกหัวหมอ !
สิ่งที่นายชวนและพวกพยายามบอกประชาชนว่าทิดเมือกไม่ผิด กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับนายทศพรสามีนางอัญชีลีที่มิใช่เกษตรกรยากจนตามนิยามของ สปก.นี่หว่า นายชวนก็เกิดอาการ “ฮง”ขึ้นมาทันใดอย่างน่าสงสาร ถึงขนาดไม่รู้ว่าอะไรคือเกษตรกรกันแน่ จึงยื่นเรื่องให้กฤษฎีกาตีความคำว่า “เกษตรกร”มันคืออะไรวะ..บอกหน่อย ??
ไม่ทันที่กฤษฎีกาจะประดิดประดอยถ้อยคำ ใช้วาทะกรรมออกแบบคำว่าเกษตรกรให้ครอบคลุมเหมือนที่นายชวนต้องการ พรรคชาติไทยโดยนายบรรหาร ก็เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที โดยผู้นำการอภิปรายสปก.4-01 ก็คือเสี่ยห้อย เนวิน ชิดชอบ หอบหลักฐานของนายทศพรที่ไม่ใช่เกษตรกรมาเปิดเผยกลางสภา จำได้ว่าตอนนั้นทิดเมือกหน้าดำปี๋แถจนสีข้างแดงเถือก อึกๆอักๆ ส่วนนายชวนก็ปากแหลมขึ้นมาเป็นสองเท่า เมื่อเห็นหลักฐานจะจะ ได้แต่บอกว่า “ยังไม่ได้รับรายฮาน”..เออ เอาเข้าไป !
เมื่อถึงวันยกมือไว้วางใจ พรรคพลังธรรม โดยมหาจำลอง ศรีเมือง ผู้ซื่อสัตย์ สมถะ สุจริตเช่นเดียวกันนายชวน ชนิดเสือ(ตัวผู้)สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ก็พากันงดออกเสียงลงมติไว้วางใจทิดเมือกเพราะหลักฐานทนโท่ ทำให้นายชวนต้องรีบยุบสภาหนีความอายที่ทิดเมือกเอาที่ดินไปแจกพวกพ้องและบริวารของตนเอง..น่าจ๋งจ๋านยิ่งนัก
แต่พ่อคุณเอ๊ย พวกนักการเมืองของ ปชป.ยังปากแข็งไม่เลิก ยังยืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่า “ถูกต้องๆ”ชนิดหัวชนฝา ไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับว่าพรรคตนเองโดยทิดเมือก “ทุจริตที่ดินหลวง” ..คนดีจริงๆ
จนในที่สุด “ศาลฎีกา” มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ในคดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร) ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า 12 ปี เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !..งามหน้ากันทั่ว !
แต่นั่น ก็ไม่ได้ทำให้พวก ปชป.รู้สึกอะไร ก็คงยืนยันเหมือนเดิมว่า “ถูกต้องนะคร๊าบบบ”อยู่นั่นแหละ แถมยังท้าทายด้วยการดันทิดเมือกขึ้นเป็นเลขาฯพรรคอีกแน่ะ ซ้ำยังให้เป็นรองนายกฯอีกด้วย ส่วนนางอัญชลี ภรรยาของนายทศพร ก็ยังกลับมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยพี่มาร์คเป็นนายกฯซะอีก..มีไรม๊ะ ??
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น “ผิดถูกประชาชนตัดสิน” เมื่อทิดเมือก และพรรคปชป.ลงเลือกตั้งในครั้งใด ชาวปักษ์ใต้ก็ยังคงเทคะแนนให้ทิดเมือกและ ปชป.อย่างล้นหลามงามตา ไม่มีพลาดสักครั้ง และเชื่อว่าสิ่งที่ทิดเมือกทำลงไปนั้น เป็นสิ่งถูกต้อง เพราะขนาดนายชวนผู้เป็นเทพเจ้า ยังบอกว่าถูกต้อง..มันก็ต้องถูกซิวะ !
มีคนพูดว่า “ประชาชนเป็นอย่างไร ผู้แทนราษฎรก็เป็นอย่างนั้น ผู้แทนเป็นอย่างไร ประชาชนก็เป็นอย่างนั้น” ทิดเมือกผู้อหังการ์ ผู้กล้าเอ่ยคำว่า“ตั้งแต่เล่นการเมืองมา ผมไม่เคยโกงสักบาทเดียว “ ก็คงจะเป็นสุดยอดวลีที่เป็นอมตะ เป็นคำโดนใจ และยังคงเป็นเชื่อถือสำหรับคนใต้ต่อไป ตราบนิจนิรันดร์ เทอญฯ ..สาธุ สาธุ สาธุ !!!