หากนับผลงาน “รักชาติปากมัน” ของ “พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” ที่นับว่า “คลาสสิค” ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรคเก่าแก่แห่งนี้
เรื่องที่ต้องติดอันดับต้นๆ เลย ก็ต้องเป็น กรณี “สปก 4-01” ที่เป็นการ “โกงที่ดินเกษตรกร” เพื่อไปให้กับ “ผู้ใกล้ชิดคนในพรรค” จนกลายเป็นตราประทับ ยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ที่ชัดเจน
กระทั่ง “รัฐบาลชวน หลีกภัย (ชวน 1)” ถึงขนาดต้อง “ยุบสภา” หนีความอับอาย !
…
หลังการเลือกตั้งกันยายน 2535 “พรรคประชาธิปัตย์” ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดย “ชวน หลีกภัย” หัวหน้าพรรค ปชป. ขณะนั้นขึ้นดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” สมัยแรก (ชวน 1)
แม้ “ชวน” จะพยายามรักษาภาพของความซื่อสัตย์สุจริตและสร้างภาพ “นายกรัฐมนตรี” ผู้สมถะ จากสตอรีย์ “เช่าบ้าน” อยู่ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ยันได้เป็น “นายกฯ”
แต่ก็ไม่สามารถปิดบัง “ร่องรอย” แห่งการทุจริต ของคนในพรรค “ปชป.” ได้ โดยเฉพาะเมื่อ “ชวน” ตัดสินใจผลักดัน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” และเร่งดำเนินการนโยบาย “ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” เพื่อมอบให้ “เกษตรกร”
แต่ “นายสุเทพ” กลับใช้อำนาจและช่องโหว่ของกฎหมาย แปรรูป “ที่ดิน” สปก 4-01 ที่จะต้องแจกเอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกร เอาไปให้กับ “ทศพร เทพบุตร” สามีของ อัญชลี วานิช เทพบุตร (อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ซึ่งขณะนั้นเป็น “เลขานุการ” ของ “นายสุเทพ” กว่า 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา
รวมไปถึง “บรรดาผู้มีอันจะกิน” ในจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่ภาคใต้อีกหลายคน ที่มีความสนิทสนมและให้การสนับสนุน “นายสุเทพ” ในเส้นทางการเมือง เป็นจำนนวนหลายร้อยไร่ !!!
ทั้งๆที่บุคคลเหล่านั้นไม่ได้เป็น “เกษตรกร” ตามที่กฎหมายบัญญัติ !
“สปก 4-01” จึงกลายเป็น “ผลงานอัปยศ” ของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่แสดงให้เห็น”ความหน้ามืด” โกงได้แม้กระทั่ง “ที่ดินหลวง”- กินได้ แม้กระทั่ง “ที่ดินของคนยากคนจน”
เพียงเพื่อต้องการที่จะสนองประโยชน์ให้กับ “พวกพ้อง” และ “บริวาร” ของ “นายสุเทพ”!
ซึ่งสุดท้ายเรื่องก็ลุกลามกลายเป็นสิ่งที่สังคมจับตาและออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำดังกล่าว
โดยเฉพาะในประเด็นที่ “ฝ่ายรัฐบาลปชป.” พยายามยืนยันว่า “ผู้มีอันจะกิน” ที่ได้รับที่ดิน สปก.ไปนั้น คือ “เกษตรกร” ตามที่กฎหมายบัญญัติ
ตั้งแต่ตัว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมช.เกษตรฯ ไปจนถึง ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันความถูกต้องเสียงแข็ง
และยังรวมไปถึง “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โฆษกรัฐบาลชวน 1 ที่ร่วมด้วยช่วยกันยืนยันหนักแน่นว่า การกระทำของนายสุเทพ ที่แจกเอกสารสิทธิ์ สปก 4-01 สำหรับเกษตรให้กับ “พวกพ้องตัวเอง”นั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว !
เดือดร้อนถึงขั้น “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรี ต้องส่งเรื่องให้ “สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา” ตีความความหมายของคำว่า “เกษตรกร” !
กระทั่ง “พรรคชาติไทย” นำโดย “บรรหาร ศิลปะอาชา” และ “เนวิน ชิดชอบ” รวบรวมเสียง ส.ส.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลชวน หลีกภัย” ในประเด็น การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน สปก.4-01
สามีอัญชลี จนสุดท้าย “นายชวน หลีกภัย” ต้องตัดสินใจ “ยุบสภา” เพราะไม่สามารถชี้แจง “การทุจริต” ที่เกิดขึ้นให้สังคมมีความกระจ่างชัดเจน
แม้หลังจากนั้น “พรรคประชาธิปัตย์” จะยังยืนยันตลอดเวลาว่า “การโกงที่ดินของเกษตรกร ไปให้กับพวกพ้อง” ครั้งนั้น เป็นสิ่งที่ “ถูกต้อง” !
แต่ก็ไม่สามารถหนีความจริงได้ เมื่อ “ศาลฎีกา” มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ในคดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร) ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า 12 ปี เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !
ซึ่งน่าสังเกตว่า นอกจาก “พรรคประชาธิปัตย์” จะไม่ยอมรับ “การโกง” ของตัวเองว่าเป็น “การกระทำผิด” แล้ว “บุคคลต่างๆ” ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับ “กระบวนการกินคลาสสิค” ครั้งนั้น “พรรคประชาธิปัตย์” ก็ยังคงเชิดชู เป็น “นักการเมืองระดับแถวหน้า” และ “คนดี” ของพรรคต่อไป
ไม่ว่าจะเป็น “ชวน หลีกภัย” ที่ยังคงเป็น “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ของ ปชป.
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็ก้าวสู่ “เลขาธิการพรรค ปชป.” และได้เป็นถึง “รองนายกรัฐมนตรี” ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในเวลาต่อมา
ส่วน “อัญชลี วานิช เทพบุตร” ภรรยาของ “ทศพร เทพบุตร” กระโดดจาก “เลขานุการ”ของ “นายสุเทพ” ขึ้นเป็น “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
และคนสุดท้าย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โฆษกรัฐบาลชวน 1 ต่อมาก็ขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” และก้าวขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” หลังสลับขั้วทางการเมืองปี 2551
โดยที่ “บุคคลเหล่านี้” ไม่ได้ “ละอาย” ต่อ “ประชาชน” ที่พวกเขาร่วมกัน”ปล้น” ครั้งนั้น แม้แต่น้อย !!!
ขอบคุณ :
http://www.phranakornsarn.com/democrat/390.html
@@@@@
เห็น สุเทพ ไปวัดพระแก้ว ไม่กล้าปฎิญาณตน ต่อหน้าวัดพระแก้ว เรื่องโกง
คนชั่วคนโกง แต่
ทำตัว เป็นดี มันเลวได้ใจจริงๆ ว่ะ สุเทพ....
อย่าประมาท เวรกรรม เกินไป สุเทพ-อภิสิทธิ์ อย่าคิดว่ากลไกความชั่วดี ไม่ทำงาน
ผลกรรม จะต้องตามทัน คุณทั้งสอง สุเทพ-อภิสิทธิ์ อย่างแน่นอน....
เปิดตำนาน พวกประชาธิปัตย์ ปล้นคนจน “เทือก” โกงคลาสสิค โกงที่ดิน สปก 4-01 ! รีรัน...
หากนับผลงาน “รักชาติปากมัน” ของ “พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)” ที่นับว่า “คลาสสิค” ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรคเก่าแก่แห่งนี้
เรื่องที่ต้องติดอันดับต้นๆ เลย ก็ต้องเป็น กรณี “สปก 4-01” ที่เป็นการ “โกงที่ดินเกษตรกร” เพื่อไปให้กับ “ผู้ใกล้ชิดคนในพรรค” จนกลายเป็นตราประทับ ยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ที่ชัดเจน
กระทั่ง “รัฐบาลชวน หลีกภัย (ชวน 1)” ถึงขนาดต้อง “ยุบสภา” หนีความอับอาย !
…
หลังการเลือกตั้งกันยายน 2535 “พรรคประชาธิปัตย์” ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดย “ชวน หลีกภัย” หัวหน้าพรรค ปชป. ขณะนั้นขึ้นดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” สมัยแรก (ชวน 1)
แม้ “ชวน” จะพยายามรักษาภาพของความซื่อสัตย์สุจริตและสร้างภาพ “นายกรัฐมนตรี” ผู้สมถะ จากสตอรีย์ “เช่าบ้าน” อยู่ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ยันได้เป็น “นายกฯ”
แต่ก็ไม่สามารถปิดบัง “ร่องรอย” แห่งการทุจริต ของคนในพรรค “ปชป.” ได้ โดยเฉพาะเมื่อ “ชวน” ตัดสินใจผลักดัน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” และเร่งดำเนินการนโยบาย “ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” เพื่อมอบให้ “เกษตรกร”
แต่ “นายสุเทพ” กลับใช้อำนาจและช่องโหว่ของกฎหมาย แปรรูป “ที่ดิน” สปก 4-01 ที่จะต้องแจกเอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกร เอาไปให้กับ “ทศพร เทพบุตร” สามีของ อัญชลี วานิช เทพบุตร (อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ซึ่งขณะนั้นเป็น “เลขานุการ” ของ “นายสุเทพ” กว่า 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา
รวมไปถึง “บรรดาผู้มีอันจะกิน” ในจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่ภาคใต้อีกหลายคน ที่มีความสนิทสนมและให้การสนับสนุน “นายสุเทพ” ในเส้นทางการเมือง เป็นจำนนวนหลายร้อยไร่ !!!
ทั้งๆที่บุคคลเหล่านั้นไม่ได้เป็น “เกษตรกร” ตามที่กฎหมายบัญญัติ !
“สปก 4-01” จึงกลายเป็น “ผลงานอัปยศ” ของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่แสดงให้เห็น”ความหน้ามืด” โกงได้แม้กระทั่ง “ที่ดินหลวง”- กินได้ แม้กระทั่ง “ที่ดินของคนยากคนจน”
เพียงเพื่อต้องการที่จะสนองประโยชน์ให้กับ “พวกพ้อง” และ “บริวาร” ของ “นายสุเทพ”!
ซึ่งสุดท้ายเรื่องก็ลุกลามกลายเป็นสิ่งที่สังคมจับตาและออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำดังกล่าว
โดยเฉพาะในประเด็นที่ “ฝ่ายรัฐบาลปชป.” พยายามยืนยันว่า “ผู้มีอันจะกิน” ที่ได้รับที่ดิน สปก.ไปนั้น คือ “เกษตรกร” ตามที่กฎหมายบัญญัติ
ตั้งแต่ตัว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมช.เกษตรฯ ไปจนถึง ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันความถูกต้องเสียงแข็ง
และยังรวมไปถึง “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โฆษกรัฐบาลชวน 1 ที่ร่วมด้วยช่วยกันยืนยันหนักแน่นว่า การกระทำของนายสุเทพ ที่แจกเอกสารสิทธิ์ สปก 4-01 สำหรับเกษตรให้กับ “พวกพ้องตัวเอง”นั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว !
เดือดร้อนถึงขั้น “ชวน หลีกภัย” นายกรัฐมนตรี ต้องส่งเรื่องให้ “สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา” ตีความความหมายของคำว่า “เกษตรกร” !
กระทั่ง “พรรคชาติไทย” นำโดย “บรรหาร ศิลปะอาชา” และ “เนวิน ชิดชอบ” รวบรวมเสียง ส.ส.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลชวน หลีกภัย” ในประเด็น การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน สปก.4-01
สามีอัญชลี จนสุดท้าย “นายชวน หลีกภัย” ต้องตัดสินใจ “ยุบสภา” เพราะไม่สามารถชี้แจง “การทุจริต” ที่เกิดขึ้นให้สังคมมีความกระจ่างชัดเจน
แม้หลังจากนั้น “พรรคประชาธิปัตย์” จะยังยืนยันตลอดเวลาว่า “การโกงที่ดินของเกษตรกร ไปให้กับพวกพ้อง” ครั้งนั้น เป็นสิ่งที่ “ถูกต้อง” !
แต่ก็ไม่สามารถหนีความจริงได้ เมื่อ “ศาลฎีกา” มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ในคดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 และคดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 ให้นายทศพร เทพบุตร จำเลย (สามีนางอัญชลี วานิช เทพบุตร) ออกจากที่ดิน สปก. ที่ครอบครองมายาวนานกว่า 12 ปี เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา เนื่องจาก “จำเลย” ไม่ได้เป็นเกษตรกรจริง !
ซึ่งน่าสังเกตว่า นอกจาก “พรรคประชาธิปัตย์” จะไม่ยอมรับ “การโกง” ของตัวเองว่าเป็น “การกระทำผิด” แล้ว “บุคคลต่างๆ” ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับ “กระบวนการกินคลาสสิค” ครั้งนั้น “พรรคประชาธิปัตย์” ก็ยังคงเชิดชู เป็น “นักการเมืองระดับแถวหน้า” และ “คนดี” ของพรรคต่อไป
ไม่ว่าจะเป็น “ชวน หลีกภัย” ที่ยังคงเป็น “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ของ ปชป.
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ก็ก้าวสู่ “เลขาธิการพรรค ปชป.” และได้เป็นถึง “รองนายกรัฐมนตรี” ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในเวลาต่อมา
ส่วน “อัญชลี วานิช เทพบุตร” ภรรยาของ “ทศพร เทพบุตร” กระโดดจาก “เลขานุการ”ของ “นายสุเทพ” ขึ้นเป็น “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
และคนสุดท้าย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โฆษกรัฐบาลชวน 1 ต่อมาก็ขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” และก้าวขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” หลังสลับขั้วทางการเมืองปี 2551
โดยที่ “บุคคลเหล่านี้” ไม่ได้ “ละอาย” ต่อ “ประชาชน” ที่พวกเขาร่วมกัน”ปล้น” ครั้งนั้น แม้แต่น้อย !!!
ขอบคุณ : http://www.phranakornsarn.com/democrat/390.html
@@@@@
เห็น สุเทพ ไปวัดพระแก้ว ไม่กล้าปฎิญาณตน ต่อหน้าวัดพระแก้ว เรื่องโกง
คนชั่วคนโกง แต่ทำตัว เป็นดี มันเลวได้ใจจริงๆ ว่ะ สุเทพ....
อย่าประมาท เวรกรรม เกินไป สุเทพ-อภิสิทธิ์ อย่าคิดว่ากลไกความชั่วดี ไม่ทำงาน
ผลกรรม จะต้องตามทัน คุณทั้งสอง สุเทพ-อภิสิทธิ์ อย่างแน่นอน....