ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 5-6

กระทู้สนทนา
ริษยาซ่อนร่าง


โดย...ล. วิลิศมาหรา

ตอนที่ห้า

รักในรอยแค้นของกวินตา


    "แก้มจะไปประกวดนางแบบเวทีอินเตอร์..."

    อย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน อยู่ ๆ กวินตาก็โพล่งเรื่องนี้ขึ้นมาในวันหนึ่ง ขณะที่เด็กทั้งสามคนกำลังนั่งติวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้กันอยู่ใต้ถุนบ้านไม้ของเอกกวี

    "ประกงประกวดอะไร นี่ใกล้สอบแล้วนะ ตั้งใจดูหนังสือสอบเหอะ ตัวจะเรียนหมอไม่ใช่เหรอ ต้องขยัน ๆ อ่านเยอะกว่าใครเพื่อนเลย"

    หนุ่มหล่อพูดปราม นิ่วหน้าขมวดคิ้วเข้ม ๆ ของเขาอย่างไม่เห็นด้วย แสงสินีเห็นเพื่อนสาวชำเลืองมองเอกกวีด้วยหางตาแล้วทำหน้าเชิดขึ้นน้อย ๆ

    "อย่ามาห้ามเลย นี่มันเรื่องของแก้ม จำคำทำนายที่อุ้มบอกได้ไหม ได้เวลาเปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ตามที่ฝัน ซึ่งมันต้องลงมือทำถึงจะไปให้ถึงฝันนั้นได้"

    "แต่พูดก็พูดเหอะแก้ม ตัวไม่มีลุคนางแบบเลยนะ เดินช้า ทำอะไรก็ช้า ๆ อย่างนี้ รำไทยไปเถอะ อย่าไปเดินแบบเลย ตั้งใจอ่านหนังสือสอบดีกว่าไหม เป็นหมออนาคตน่าจะมั่นคงกว่าเป็นนางแบบนะ"

    สาวห้าวเองก็ไม่เห็นด้วยสักนิด เธอบอกตรง ๆ อย่างจริงใจ ไม่ได้คิดเหน็บแนมเพื่อนคนสวย แต่อีกฝ่ายไม่คิดอย่างนั้น

    "อิจฉาเค้าเหรอฝน" เสียงหนัก ๆ ที่ย้อนมาทำเอาสะอึก แสงสินีหันขวับมองหน้ากวินตาอย่างแปลกใจในน้ำเสียง จึงเห็นว่ารายนั้นก็จ้องตรงมาเช่นกัน หญิงสาวสองคนประสานสายตาชั่วครู่ ในดวงตาของกวินตาฉายแววเจ็บปวดอย่างไม่ปกปิด

    หรือว่า....พอนึกอะไรขึ้นมาได้ แสงสินีเลยต้องเป็นฝ่ายหลบตาลงวูบ รู้สึกผิดยังไงบอกไม่ถูก...แต่เอ๊ะ แล้วเราทำอะไรผิดเหรอ สาวตาคมสับสนอยู่ในใจ

    "ถึงเค้าเดินช้าทำอะไรช้า แต่คงไม่ใช่เหตุผลที่กองประกวดเขาจะไม่รับสมัครหรอก แก้มฝากสายใจสมัครให้ทางอีเมลไปแล้ว ทีมงานประกวดตอบรับแล้วด้วย อีกไม่กี่วันเขาจะเรียกตัวไปสัมภาษณ์ แก้มหน่อมแน้มทำอะไรช้าไม่ทันกินเหรอฝน...ไม่หรอก แก้มจะทำให้ดูว่ามีดีพอแค่ไหน ไม่แน่ อนาคตแก้มอาจเป็นสุดยอดนางแบบของเมืองไทยก็ได้"

    "อ้าว แล้วเรื่องเรียนหมอล่ะ"

    เอกกวีที่นิ่งฟังอยู่นานถามขึ้นอีกอย่างเป็นห่วง ถ้ากวินตาสมัครเข้าประกวดเวทีความงามนั้นจริง เพื่อนสาวก็ต้องแบ่งเวลาไปร่วมทำกิจกรรมที่กองประกวดจัดขึ้น เขาเกรงว่ากวินตาจะอ่านหนังสือไม่ทัน หรือไม่เพียงพอจะสอบเข้าคณะที่เธอเลือก สาวสวยหันมองเพื่อนหนุ่ม ยามนี้เธอรู้แล้วว่า เด็กหนุ่มเพียงเป็นห่วงเธอตามนิสัยสุภาพบุรุษของเขาเท่านั้น

    กวินตาตอบเอกกวีเสียงสั่นเครือจนแสงสินีสะท้านใจ รู้ดีว่าขณะนี้เพื่อนสนิทกำลังเสียใจมากเรื่องของแสงสินีกับเอกกวีที่รักกันแทนที่จะเป็นเธอ!

    "แก้มจะทำให้สำเร็จทั้งสองอย่างนั่นแหละ เต้ยคอยดูก็แล้วกัน"

    ครั้นแล้วกวินตาก็เก็บหนังสือที่กำลังอ่านใส่กระเป๋า เธอลุกเดินกลับบ้านโดยไม่บอกลาเพื่อนสองคนสักคำ แสงสินีมองตามหลังเพื่อนรักที่เดินดุ่ม ๆ กลับบ้านไปอย่างอ่อนใจ หันมามองหน้าชายหนุ่มเชิงถาม

    "ใช่ เต้ยบอกเรื่องนั้นแก้มไปแล้ว" เขาพยักหน้ารับ เรื่องนั้นก็คือเรื่องของเธอกับเขาที่ได้ตกลงเป็นแฟนกันแล้วนั่นเอง

    "แล้ว...แล้วแก้มว่าไง" ชักใจคอไม่ดีขึ้นมาเสียแล้ว แสงสินีรู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงชายคนรักจะยืนยันว่าไม่ได้เป็นแฟนกับกวินตามาก่อนก็ตาม เพราะแต่ไหนแต่ไรมากวินตาต่างหากที่เปิดเผยว่ารู้สึกพิเศษกับเอกกวีอย่างไม่ปิดบัง

    "ฝน ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอก บังคับให้รักกันก็ไม่ได้ บอกแล้วไงว่าแก้มจำเป็นต้องเข้าใจให้ถูกว่าเต้ยรักฝน แก้มจะว่ายังไงก็เป็นเรื่องของแก้ม เราคงไปห้ามเขาไม่ได้เหมือนกัน"

    เฮ้อ...เรื่องรักสามเส้าเราสามคนนี้ สาวตาคมแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าได้พลั้งเผลอทำร้ายเพื่อนหญิงคนสนิทโดยไม่ได้ตั้งใจหรือเปล่าน่ะสิ


    เรื่องราวชีวิตรักของแสงสินีและเอกกวีที่ดำเนินไปท่ามกลางความเจ็บปวดของกวิตานั้นราวฉากละครน้ำเน่า แต่ฉากชีวิตรักของพาฝันกลับเน่ายิ่งกว่า เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นหลังคืนอันทรมานใจ สาวแว่นเดินมาขึ้นรถประจำทางไปโรงเรียนเหมือนเก่า อาจไม่มีคนซิ่งไปส่งถึงโรงเรียนอีกแล้ว

...เธอคงต้องปล่อยให้เลยตามเลย เพราะเขาบอกจะไม่รับผิดชอบ บล็อคเฟสบล็อคไลน์เธอไปแล้วด้วย หลังจากเด็กสาวเข้าไปด่าไม่เลิก

           พาฝันไม่รู้จะทำยังไงดี สองตายังบวมช้ำ เท้าที่ก้าวมันโซเซ ในใจก็ปวดตุบ ๆ ความจริงไม่อยากไปเรียน แต่จะให้ทนนั่งนอนอยู่ข้างในบ้านทั้งที่เป็นไข้ใจอย่างนี้เห็นทีจะไม่ไหว พ่อกับแม่ทะเลาะกันเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านอีกแล้ว เด็กสาวเกิดความรำคาญ ทั้งเต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าจากเรื่องของตนจนอยากร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ ลุกขึ้นแต่งตัว ผลุนผลันออกมาจากบ้านทั้งยังตาบวม

           พอมาถึงศาลารอรถประจำทาง สายตาก็เหลือบไปเจอรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งคันคุ้นตา...มันจอดสงบนิ่งอยู่ข้างทางเท้าแต่ไร้วี่แววคนขี่ ความรู้สึกแรกที่เห็น...ดีใจ

แต่แล้วอารมณ์น้อยใจก็เข้าแทนที่ หัวตาเริ่มร้อนรื้น แสบคัดจมูกเพราะน้ำจากตาเข้าไปขังอยู่ข้างใน พาฝันสะบัดหน้าหนี!

           สักครู่ก็อดหันไปกวาดตามองรอบ ๆ ไม่ได้...ไม่มีร่างชายหัวเกรียนรอยสักเต็มแขนคนนั้นอยู่ใกล้แถวนี้ มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ของเขา สาวผมเปียฮึดฮัด อยากระบายอารมณ์แค้นจึงกรากเข้าไปหารถคันนั้น ยกเท้าขึ้นเตะ...นี่แน่ะ

    เธอไม่เตะแรงนักเพราะกลัวเท้าเจ็บ อยากเตะเจ้าของรถมากกว่าแต่เขาก็ไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น

    เอ๊ะนั่น...กระดาษสีขาวถูกรัดด้วยหนังยางติดแฮนด์รถข้างหนึ่ง พาฝันสังเกตเห็นจึงเอียงหน้ามอง ก็พบมีชื่อตัวเองเขียนติดอยู่ด้วย...มันคือจดหมายน้อย

    รีบรูดหนังยางออกคว้ามันขึ้นมาอ่าน...ขอโทษ...คำแรกที่ขึ้นต้นด้วยลายมือโย้เย้

    ฉันไม่ได้หลอกลวงเธอ ฉันรักเธอ แต่เธอรักฉันจริงไหมให้ถามใจตัวเองดูดี ๆ  เมื่อคืนฉันเผลอตัวแต่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ตั้งใจเรียนนะใกล้สอบแล้ว ทำเพื่ออนาคตของเธอ ฉันก็จะตั้งใจทำงานเพื่ออนาคตของเรา

    ไอ้คนเฮงซวย...ตบหัวแล้วลูบหลัง!

    สาวแว่นฉีกกระดาษแผ่นนั้นเป็นชิ้น ๆ แล้วปาทิ้ง รถประจำทางมาพอดี หล่อนจึงกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถ แต่แอบมองไปยังมอเตอร์ไซค์คันนั้นซึ่งค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ

    ...ซึ่งเขาก็ยังไม่ยอมโผล่มา

    วันที่สองของจดหมายน้อย

    ”...อย่าเตะรถฉันอีก...” เชอะ! นี่แน่ะ ป้าปเข้าให้ เชื่อฟังเสียที่ไหน สาวแว่นยกเท้าขึ้นเตะล้อรถ แต่ไม่แรงนักหรอกเพราะกลัวเจ็บเท้า

    ใกล้จะสอบแล้วใช่ไหม อ่านหนังสือนะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เอาคณะที่เธอตั้งใจ ฉันจะคอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ...รัก

    ทำไมมันสั้นกุดดุดอย่างนี้ล่ะ หงุดหงิดที่เขาบังอาจออกคำสั่งหรือเพราะข้อความมันสั้น หรือทั้งสองอย่าง หญิงสาวคว้าปากกาในกระเป๋านักเรียนขึ้นมาเขียนตอบทันควัน...ไอ้บ้า...แล้วก็รัดหนังสติกเอาไว้กับแฮนด์รถตามเดิม เหลียวมองหาเจ้าของมอเตอร์ไซค์เหมือนทุกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

    หลายวันแล้ว...มอเตอร์ไซค์ซิ่งจอดนิ่งอยู่ที่เดิม พาฝันก็ออกมารอขึ้นรถประจำทางที่เดิม หนุ่มหล่อไม่ยอมโผล่ แต่เธอคุยกับเขาผ่านทางจดหมายน้อย

    ที่รัก... ลายมือโย้เย้อันเป็นเอกลักษณ์ เขาเรียกเธออย่างนั้น ส่วนพาฝันมักขึ้นต้นด้วยคำว่า...ไอ้บ้า...ไอ้ทุเรศ...ไอ้คนเฮงซวย และอีกหลายไอ้ แต่เขาก็ยังเรียกเธอว่า...ที่รัก ทุกครั้ง ข้อความสั้น ๆ ในจดหมายน้อยคือคำปลอบใจ เขารู้ว่าวันไหนที่เธอกับแม่กำลังเดือดร้อนจากการกระทำของพ่อ เหมือนแอบมาส่องดูทุกวัน

    ทนเอาหน่อยนะ ครั้งหนึ่งเขาเคยเขียนบอก...ทนเพื่อแม่ เธอโชคดีที่ยังมีแม่ ถ้าเธอตั้งใจเรียนจนจบสูง ๆ มีงานดี ๆ ทำ แม่และเธอจะสบาย ฉันเอาใจช่วย

    และแล้ววันนี้หญิงสาวก็เลิกเขียนคำขึ้นต้นว่าไอ้...ในจดหมายน้อย เพราะเธอจะไม่ตอบจดหมายเขา แต่ตั้งใจแวะไปหาถึงในอู่ซ่อมรถหลังเลิกเรียนแทน

    ที่นั่น เขาอยู่กับเพื่อน ๆ นักซิ่ง แต่ละคนรูปร่างบึกบึน หน้าตายียวน พูดจาเสียงดังกวนโอ้ย ปากคาบบุหรี่ เจาะหูเจาะจมูกและสักลายพร้อยทั้งตัว

    ทุกสายตาของเพื่อนนักซิ่งหันมามองนักเรียนหญิงมัธยมศึกษาตอนปลายสวมแว่นสายตา ถักเปียสองข้าง หอบกระเป๋าเรียนใบโต กำลังยืนทำหน้าเจี่ยมเจี้ยมอยู่หน้าร้าน

    ปวุฒิใส่เสื้อกล้ามตัวเดิมโชว์ลายสักเหมือนเคย กางเกงยีนส์เปื้อนคราบน้ำมันเครื่องกระดำกระด่าง ใบหน้าคมสันกับตาเข้ม ๆ ของเขาหันมามองตามเพื่อน

    "มาทำไม" เขาพูดทั้งคาบบุหรี่ติดมุมปาก ก้าวมาหา เหม็นกลิ่นน้ำมันรถกับกลิ่นควันบุหรี่ผสมกัน

    "เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านไปเสียสิ มายืนทำอะไรแถวนี้"

    "ฉัน..เอ้อ...."

    "ไปได้แล้ว...เออ...พรุ่งนี้อย่าลืมตอบจดหมายล่ะ"

    บอกเสร็จก็หันหลังให้เหมือนเลิกสนใจ สาวน้อยยืนอ้ำอึ้ง สุดท้ายก็ต้องจำใจหันหลังกลับเดินออกมาจากหน้าอู่ซ่อมรถซิ่งของเขาไปอย่างเงื่องหงอย ทำไมในจดหมายเขาถึงพูดดีด้วย คอยให้กำลังใจ เป็นห่วงเป็นใยสารพัด แต่พอเจอหน้าเขากลับไล่เธอกลับบ้าน ทำเหมือนไม่อยากคุยด้วย พาฝันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

           คืนนั้นเธอจึงลงมือเขียนจดหมายระบายความในใจ เขียนออกมามากมายเพราะเขากำชับให้เขียนนี่นา อยากอ่านใช่ไหม...ได้เลย เขียนตั้งห้าหน้ากระดาษ เอ สี่ แน่ะ มีทั้งประชดประชัน ต่อว่าด่าทอ แถมส่งสายตาค้อนขวับ ๆ ใส่แผ่นกระดาษ

    ซึ่งในที่สุดก็เขียนรำพันว่าคิดถึงเขาเหมือนใจจะขาด...เขาอาจพูดห้วน กรรโชกโฮกฮาก ถึงบอกว่าไม่อาจรับผิดชอบ แต่เขาแคร์เธอมากมาย พาฝันรู้ว่าเขายังคอยสอดส่องและให้ความสำคัญต่อเธอเสมอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอในแต่ละวัน ปวุฒิถ่ายทอดความอาทรลงในจดหมาย อีกทั้งมาส่งเธอขึ้นรถไปโรงเรียนทุกวัน ถึงแม้ไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นก็ตาม

    เสียงพ่ออาเจียนโอ้กอ้ากอยู่ในห้องน้ำ แม่บ่นล้งเล้งเข้าใส่สามีอีกตามเคย พาฝันยกสองมือปิดหู...เกรียน เธออยู่ที่ไหน ทำไมทิ้งฉันไป ฉันคิดถึงเธอ พาฝันรำพึงรำพัน น้ำใสไหลอาบใบหน้า ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวย้อนคืนกลับมาเมื่อไม่มีเกรียน

    พอรุ่งเช้า เธอถือจดหมายที่ไม่น้อยเลย ก็มันมีตั้งห้าหน้ากระดาษ เอ สี่ หมายใจจะเอาไปเสียบไว้ทิ้งที่เบาะรถมอเตอร์ไซค์...แต่กลับพบปวุฒินั่งสูบบุหรี่รออยู่บนเบาะรถซิ่งของเขาแทน ตาหลังแว่นหนาของเด็กสาวเป็นประกาย เธอดีใจอย่างบอกไม่ถูก

    เขายิ้มมุมปากข้างเดียวให้อีกแล้ว ยังคงใส่เสื้อกล้ามตัวเดิมกับกางเกงยีนส์เปื้อนคราบน้ำมันเครื่องชุดเก่ง เธอเดินเข้าไปหาเขาราวมีแรงดึงดูด ตาจ้องตากันแน่วนิ่ง

...ไอ้บ้า...เริ่มทักทายก่อนแล้วร้องไห้ฮือ ๆ น้ำมูกน้ำตาไหลย้อย

    "ร้องไห้ทำไม"

    "ก็นายทิ้งฉัน"

    "ไม่เคยทิ้ง" แววตาใต้คิ้วหนาที่มองดูผู้หญิงตรงหน้าอ่อนโยนอย่างประหลาด มันแสดงออกถึงความรักอันลึกซึ้ง

    "เพียงแต่อยู่ด้วยไม่ได้" น้ำเสียงทอดอ่อนนุ่มนวลผิดจากเดิม แต่พาฝันไม่ได้ใส่ใจตรงนั้น เธอมุ่งต่อว่าเง้างอนอย่างน้อยใจ

    "แค่ข้ออ้าง...นายได้ฉันแล้วก็คิดชิ่ง เมื่อวานฉันอุตส่าห์ไปหาถึงที่อู่ นายยังออกปากไล่"

    "เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษพอดีหงุดหงิดไปหน่อย ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก...จริง ๆ นะ...เธอมีความสำคัญกับฉัน บอกแล้วไงว่ารักเธอ...รักมาก ฉันรู้ดีว่าการถูกทิ้งมันเจ็บปวดแค่ไหน"

    "ใครทิ้งนาย"

    "แม่ฉันไง...แม่ทิ้งฉันกับน้องไว้ให้พ่อแล้วไปมีผัวใหม่ วันที่แม่ไปตอนนั้นฉันพึ่งเจ็ดขวบ น้องสาวห้าขวบ แม่บอกว่าเดี๋ยวจะกลับมา...ฉันนั่งรอแม่หน้าบ้านทุกวัน"

    หญิงสาวหยุดร้องไห้ เลิกคิดถึงแต่เรื่องตัวเองสักครู่ ตั้งใจฟังเขา ปวุฒิไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ พาฝันนึกว่าแม่เขาตายเสียอีก

    "แม่เบื่อพ่อที่เป็นขี้เหล้า แต่ฉันรู้ว่าทำไมพ่อถึงต้องกินเหล้า เพราะพ่อรักแม่ อยากทำให้แม่มีทุกอย่างที่แม่อยากมี เป็นทุกอย่างที่แม่อยากเป็น พ่อทำงานหนักนั่งซ่อมรถหลังขดหลังแข็ง แต่พ่อก็ทำให้แม่พอใจไม่ได้"

    "พ่อฉันไม่เห็นรักแม่ พ่อทุบตีแม่ทุกวัน" ฟังเรื่องพ่อเขาแล้วย้อนนึกถึงพ่อของตัวเอง เด็กสาวเลยบ่นออกมา

    "นั่นเพราะเหล้ามันกินพ่อเธอไม่ใช่พ่อเธอกินมัน ฉันก็กินแต่จะไม่มีวันติดเหล้า ฉันต้องเป็นนายมัน ให้เหล้ารับใช้เราไม่ใช่ตกเป็นทาสของมัน อย่าคิดมากเลย จำเอาไว้นะว่าฉันรักเธอ และไม่เคยคิดทิ้งเธอไปไหน ถึงแม้ตัวจากไปไกล แต่ใจฉันอยู่ใกล้เธอเสมอ"

(ีมีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่