โอเปอเรเตอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ค่ายใหญ่ ร้อง กสทช. เปิดทางการแข่งขันด้านราคาอย่างเสรี ด้วยการปลดล็อคมติคิดค่าโทรเป็นวินาที เลิกคุมอัตราค่าบริการ และปล่อยให้แข่งขันตามกลไกตลาด แบบไม่ปิดกั้นสิทธิผู้บริโภค
บรรดาผู้ให้บริการระบบ 3G และ 4G ทั้งค่าย TRUE ADVANC และ DTAC ต่างเสนอข้อเรียกร้องต่อกรณีที่ กสทช. มีมติให้อัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 900/ 1800/2100 MHz ทุกรายการต้องส่งเสริมการขายเป็นวินาที และไม่ให้เกินกว่าอัตราที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กำหนดไว้ โดยระบุว่าเป็นการกำกับดูแลที่ไม่สอดคล้องต่อการแข่งขันเสรี และยังปิดโอกาสการใช้งานของผู้บริโภค
ทางฝั่ง "
ทรูมูฟ เอช" ระบุว่า เงื่อนไขดังกล่าว จะทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือกในการใช้บริการแพ็กเกจที่คุ้มค่าตามรูปแบบการใช้งานของตนเองอย่างแท้จริง ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน และยังอาจไม่สอดคล้องต่อการแข่งขันเสรีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และไม่เป็นไปตามกลไกตลาด
จึงเห็นว่าการกำกับดูแลของ กสทช. ด้วยอัตราเฉลี่ยมีความเหมาะสมอยู่แล้ว จึงอยากขอให้ กทค. และ กสทช. ทบทวนมติดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้บริโภค
ด้าน "
เอไอเอส" ระบุว่า แนวทางนี้ เป็นการกำกับดูแลที่ขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากถูกควบคุมโดยราคากลางและมีช่องว่างด้านราคาลดลง ทำให้ผู้ให้บริการแต่ละราย ไม่สามารถนำเสนอรายการส่งเสริมการขายที่มีความแตกต่างกันได้ จนทำให้ทางเลือกของผู้ใช้บริการลดลงตามไปด้วย ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันของตลาดในปัจจุบัน ที่ต้องการให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการที่หลากหลายและมีทางเลือกในด้านราคาที่มากขึ้น
จึงเสนอให้ทางหน่วยงานพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะการกำหนดอัตราค่าบริการ อาจทำให้ผู้ประกอบการขาดแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการ โดยปรับลดต้นทุนการให้บริการหรือปรับเทคโนโลยีให้ต่ำลงเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการหรือกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแล
เช่นเดียวกับ “
DTAC” ที่แสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า การควบคุมอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามกฎเกณฑ์นี้ จะส่งผลกระทบต่อไปยังผู้ใช้บริการ ที่จะไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากไม่มีแพ็กเกจที่เหมาะสมต่อความต้องการของตนเอง
ประกอบกับปัจจุบัน อัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนจัดอยู่ในกลุ่มต่ำสุดอยู่แล้ว ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลจึงควรพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการ
DTAC ระบุด้วยว่า หาก กสทช. ต้องการกำหนดราคาจริง ก็เสนอให้แพ็กเกจตามราคาของ กสทช.นั้น เป็นแพ็กเกจทางเลือก โดยยังคงให้กลไกการแข่งขันเป็นตัวกำหนดความหลากหลายของแพ็กเกจและอัตราที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา
http://www.moneychannel.co.th/news_detail/11285
3 ค่ายมือถือวอน กสทช. ทบทวนมติคุมค่าบริการ 3G/4G
โอเปอเรเตอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ค่ายใหญ่ ร้อง กสทช. เปิดทางการแข่งขันด้านราคาอย่างเสรี ด้วยการปลดล็อคมติคิดค่าโทรเป็นวินาที เลิกคุมอัตราค่าบริการ และปล่อยให้แข่งขันตามกลไกตลาด แบบไม่ปิดกั้นสิทธิผู้บริโภค
บรรดาผู้ให้บริการระบบ 3G และ 4G ทั้งค่าย TRUE ADVANC และ DTAC ต่างเสนอข้อเรียกร้องต่อกรณีที่ กสทช. มีมติให้อัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ 900/ 1800/2100 MHz ทุกรายการต้องส่งเสริมการขายเป็นวินาที และไม่ให้เกินกว่าอัตราที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กำหนดไว้ โดยระบุว่าเป็นการกำกับดูแลที่ไม่สอดคล้องต่อการแข่งขันเสรี และยังปิดโอกาสการใช้งานของผู้บริโภค
ทางฝั่ง "ทรูมูฟ เอช" ระบุว่า เงื่อนไขดังกล่าว จะทำให้ผู้บริโภคไม่มีทางเลือกในการใช้บริการแพ็กเกจที่คุ้มค่าตามรูปแบบการใช้งานของตนเองอย่างแท้จริง ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน และยังอาจไม่สอดคล้องต่อการแข่งขันเสรีในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และไม่เป็นไปตามกลไกตลาด
จึงเห็นว่าการกำกับดูแลของ กสทช. ด้วยอัตราเฉลี่ยมีความเหมาะสมอยู่แล้ว จึงอยากขอให้ กทค. และ กสทช. ทบทวนมติดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้บริโภค
ด้าน "เอไอเอส" ระบุว่า แนวทางนี้ เป็นการกำกับดูแลที่ขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากถูกควบคุมโดยราคากลางและมีช่องว่างด้านราคาลดลง ทำให้ผู้ให้บริการแต่ละราย ไม่สามารถนำเสนอรายการส่งเสริมการขายที่มีความแตกต่างกันได้ จนทำให้ทางเลือกของผู้ใช้บริการลดลงตามไปด้วย ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันของตลาดในปัจจุบัน ที่ต้องการให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการที่หลากหลายและมีทางเลือกในด้านราคาที่มากขึ้น
จึงเสนอให้ทางหน่วยงานพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะการกำหนดอัตราค่าบริการ อาจทำให้ผู้ประกอบการขาดแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการ โดยปรับลดต้นทุนการให้บริการหรือปรับเทคโนโลยีให้ต่ำลงเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการหรือกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแล
เช่นเดียวกับ “DTAC” ที่แสดงความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า การควบคุมอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามกฎเกณฑ์นี้ จะส่งผลกระทบต่อไปยังผู้ใช้บริการ ที่จะไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากไม่มีแพ็กเกจที่เหมาะสมต่อความต้องการของตนเอง
ประกอบกับปัจจุบัน อัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในแถบอาเซียนจัดอยู่ในกลุ่มต่ำสุดอยู่แล้ว ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลจึงควรพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการ
DTAC ระบุด้วยว่า หาก กสทช. ต้องการกำหนดราคาจริง ก็เสนอให้แพ็กเกจตามราคาของ กสทช.นั้น เป็นแพ็กเกจทางเลือก โดยยังคงให้กลไกการแข่งขันเป็นตัวกำหนดความหลากหลายของแพ็กเกจและอัตราที่เหมาะสมต่อไป
ที่มา http://www.moneychannel.co.th/news_detail/11285