เชียงคานเงียบเกิน หาเรื่องไปหนองคาย
[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]
ติดตาม Page ของผู้เขียน ชมภาพ และการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว http://facebook.com/omeoyou
จากตัวเมืองเลยหลังจากเยือนภูบ่อบิด (
http://ppantip.com/topic/35329482) ก็มุ่งหน้ามาเชียงคาน ถึงแม้จะรู้สึกว่า หลังจากนี้ฝนจะไม่ปราณีเราอีกแล้ว ซึ่งลางสังหรนี้ไม่ผิดเลย แต่ผมคิดไว้แต่แรกแล้วตั้งแต่เริ่มออกเดินทางครั้งแรก ๆ ว่า ผมอยากจะไปแต่ละที่ในทุกฤดู อย่างน้อยปีละ 3 ครั้งถ้าทำได้ เพราะเชื่อว่านอกฤดูท่องเที่ยวของที่ ๆ นั้น ก็อาจจะมีวิวที่แปลก สวยงาม และสร้างความประทับใจให้เราได้
วิวระหว่างการเดินทางมาเชียงคาน เห็นแบบนี้ก็คิดดีใจว่า เที่ยวหน้าฝนก็ดีแบบนี้แหละ เขียว หมอกปลายยอดเขา
เกิดมาผมเพิ่งเคยเห็นป้ายระวังเต่าข้ามถนน - -’
ถึงที่พักที่เล็งไว้ ‘บ้านเฮา’ (
https://goo.gl/maps/mhdwSsmL3TF2) ขอพัก 4 วัน 3 คืน (30 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค.) ต่อรองราคาขอลดราคาได้คืนละ 400 บาท สำรวจสถานที่แล้ว ok จริง ๆ ผมสนใจตรงที่ป้าเจ้าของที่พักแกก็เป็นไกด์อยู่แล้ว แกน่าจะแนะนำเรื่องสถานที่เที่ยวในบริเวณได้บ้างไม่มากก็น้อย อีกอย่างห้องก็เป็นส่วนตัวอย่างมาก กว้าง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
ชาวบ้านก็คงใช้ชีวิตตามปกติของเขา ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน มองคนเดินผ่านไปผ่านมา
เก็บของเสร็จก็ลองเดินสำรวจเชียงคานครั้งแรกในชีวิต ผมพอจะเดาได้ว่า บ่ายสามกลางวันพฤหัส เชียงคานจะเงียบเหงาไม่มากก็น้อย แต่ก็ต้องการดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เผื่อไว้ก่อนเมื่อถึงเวลาถ่ายภาพจริง ที่พักของผมให้บริการจักรยานฟรี ก็ปั่นไปรอบ ๆ
ใกล้ได้เวลาโรงเรียนเลิก รถโรงเรียนจอดกันเป็นแถวยาว
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิด นอกจากบ้านเรือนที่สวยงาม มีการควบคุมดูแล และสร้างไว้สวยมาก แต่ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ผมสนใจมากนัก ครั้นจะถ่ายตึกรามบ้านช่องตอนนี้ เวลากลางวันก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะ แสงแข็ง แสงกดลง และทำให้ภายในบ้านมืดเกิน มันทำให้ผมว่าง ไม่มีอะไรทำ
เลยเริ่มหาข้อมูลสถานที่น่าสนใจ จะได้แวะไปถ่ายรูป หาข้อมูลใน Google หาไปหามาไปสุดใจภาพ ๆ หนึ่ง เป็นภาพแม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองเส้นละมั้ง รีบเข้าไปดูข้อมูล อ่านดูจึงรู้ว่า มันเป็นภาพที่ถูกถ่ายจากวัดผาตากเสื้อในหนองคาย “เฮ้ยไม่ไกล” ผมคิดในใจทั้ง ๆ ที่ไม่เช็คข้อมูลอะไรให้ละเอียด ทั้งที่จริง ๆ มันก็ถือว่าไกลนะ
เส้นทางที่ผมใช้ไปวัดผาตากเสื้อ โดยเริ่มต้นจากเชียงคาน ไม่ไกล ๆ ปาไปเกือบ 2 ชั่วโมง
เส้นทางที่ใช้เป็นเส้นทางเรียบริบน้ำโขง เคยได้ยินหลายคนบอกว่า ถนนเส้นนี้ก่อนถึงอำเภอปากชมเป็นถนนที่สวยงาม ผมว่ามันสวยดี แต่ไม่ได้จอดถ่ายมากนัก เพราะ ณ ตอนนั้น ผมต้องรีบเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ตกดินที่วัดผาตากเสื้อ
จุดชมวิวหนองปลาบึก มีที่จอดรถให้ชมแม่น้ำโขงที่มีลักษณะเป็นเกาะแก่งเล็ก ๆ
ยิ่งขี่ไปยิ่งนานก็ทำให้รู้ว่าตัวเองคิดผิดที่ว่า มันไม่ไกล แต่ในที่สุดผมก็เห็นวัดตั้งบนผาโดดเด่นมาก รีบขี่ขึ้นไป คิดว่าอย่างไงก็ทันพระอาทิตย์ตกแน่แล้วละ วันนี้ดวงดีที่เห็นแสงอาทิตย์ด้วย ฟ้าไม่ถึงกับปิด
วัดผาตากเสื้อตั้งอยู่บนเขาเห็นได้แต่ไกลตั้งแต่อยู่บนถนนเส้นหลัก
ถนนหนทางระหว่างทางไปวัดดีมาก ๆ และสวยมาก ๆ ยิ่งตอนช่วงก่อน 18.00 น. แสงเลียพื้นต่ำ ทำให้ดูสวยงาม ทางชัน และไกลพอสมควร แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะถนนเป็นยางมะตอยเหมือนเพิ่งจะทำใหม่ได้ไม่กี่เดือน
ทางเข้าวัดที่ติดป้ายไว้ชัดเจนว่าเปิด - ปิดตอน 6.00 - 18.00 น.
แต่เมื่อผมไปถึงก็เซ็งนิด ๆ ปนขำตัวเองที่อุตส่าห์รีบมา เพราะคนปิดประตูวัดเพิ่งเดินจากประตูไปเห็นหลังอยู่แว๊บ ๆ วัดมีเวลาเปิด - ปิด 6.00 - 18.00 น. เลยได้แต่ถ่ายรูปรถคู่กับประตูมาแทน ก่อนจะรีบเดินทางกลับ เพราะตอนดึก ๆ ถนนน่าจะมืด ตอนนี้ 18.00 น. ถ้าขี่ช้า ๆ ก็น่าจะถึงเกือบ 20.00 น. หรือเกินกว่านั้นซักหน่อย ต่างจังหวัดคงมืดมากสำหรับถนนระหว่างหมู่บ้าน
ขี่รถกลับระหว่างทางได้เกินครึ่งไปซักหน่อย ฝนเทลงมาอย่างหนัก และถนนก็มืดแล้ว อากาศเย็นพอสมควร พยายามขี่รถเกาะรถยนต์คันที่มีความเร็วพอ ๆ กับเราเพื่อความปลอดภัย เพราะไฟรถยนต์จะมองเห็นกว้างกว่าผมมาก กว่าจะถึงที่พักก็เกือบ 20.00 น.นั้นแหละครับ เปียกเละเทะ เข้าที่พักก็อาบน้ำเตรียมตัวนอน เพราะวันรุ่งขึ้นกะว่าจะไปขึ้นภูทอกซะหน่อย เล็งไว้ตื่น 4.30 น.
บันทึกสด 30 มิ.ย.- 3 ก.ค. 2559 [เชียงคาน หน้าฝน หมอก ยิ้มให้กัน]
[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]
ติดตาม Page ของผู้เขียน ชมภาพ และการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว http://facebook.com/omeoyou
จากตัวเมืองเลยหลังจากเยือนภูบ่อบิด (http://ppantip.com/topic/35329482) ก็มุ่งหน้ามาเชียงคาน ถึงแม้จะรู้สึกว่า หลังจากนี้ฝนจะไม่ปราณีเราอีกแล้ว ซึ่งลางสังหรนี้ไม่ผิดเลย แต่ผมคิดไว้แต่แรกแล้วตั้งแต่เริ่มออกเดินทางครั้งแรก ๆ ว่า ผมอยากจะไปแต่ละที่ในทุกฤดู อย่างน้อยปีละ 3 ครั้งถ้าทำได้ เพราะเชื่อว่านอกฤดูท่องเที่ยวของที่ ๆ นั้น ก็อาจจะมีวิวที่แปลก สวยงาม และสร้างความประทับใจให้เราได้
วิวระหว่างการเดินทางมาเชียงคาน เห็นแบบนี้ก็คิดดีใจว่า เที่ยวหน้าฝนก็ดีแบบนี้แหละ เขียว หมอกปลายยอดเขา
เกิดมาผมเพิ่งเคยเห็นป้ายระวังเต่าข้ามถนน - -’
ถึงที่พักที่เล็งไว้ ‘บ้านเฮา’ (https://goo.gl/maps/mhdwSsmL3TF2) ขอพัก 4 วัน 3 คืน (30 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค.) ต่อรองราคาขอลดราคาได้คืนละ 400 บาท สำรวจสถานที่แล้ว ok จริง ๆ ผมสนใจตรงที่ป้าเจ้าของที่พักแกก็เป็นไกด์อยู่แล้ว แกน่าจะแนะนำเรื่องสถานที่เที่ยวในบริเวณได้บ้างไม่มากก็น้อย อีกอย่างห้องก็เป็นส่วนตัวอย่างมาก กว้าง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
ชาวบ้านก็คงใช้ชีวิตตามปกติของเขา ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะออกมานั่งเล่นหน้าบ้าน มองคนเดินผ่านไปผ่านมา
เก็บของเสร็จก็ลองเดินสำรวจเชียงคานครั้งแรกในชีวิต ผมพอจะเดาได้ว่า บ่ายสามกลางวันพฤหัส เชียงคานจะเงียบเหงาไม่มากก็น้อย แต่ก็ต้องการดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ เผื่อไว้ก่อนเมื่อถึงเวลาถ่ายภาพจริง ที่พักของผมให้บริการจักรยานฟรี ก็ปั่นไปรอบ ๆ
ใกล้ได้เวลาโรงเรียนเลิก รถโรงเรียนจอดกันเป็นแถวยาว
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิด นอกจากบ้านเรือนที่สวยงาม มีการควบคุมดูแล และสร้างไว้สวยมาก แต่ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ผมสนใจมากนัก ครั้นจะถ่ายตึกรามบ้านช่องตอนนี้ เวลากลางวันก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะ แสงแข็ง แสงกดลง และทำให้ภายในบ้านมืดเกิน มันทำให้ผมว่าง ไม่มีอะไรทำ
เลยเริ่มหาข้อมูลสถานที่น่าสนใจ จะได้แวะไปถ่ายรูป หาข้อมูลใน Google หาไปหามาไปสุดใจภาพ ๆ หนึ่ง เป็นภาพแม่น้ำโขงแยกออกเป็นสองเส้นละมั้ง รีบเข้าไปดูข้อมูล อ่านดูจึงรู้ว่า มันเป็นภาพที่ถูกถ่ายจากวัดผาตากเสื้อในหนองคาย “เฮ้ยไม่ไกล” ผมคิดในใจทั้ง ๆ ที่ไม่เช็คข้อมูลอะไรให้ละเอียด ทั้งที่จริง ๆ มันก็ถือว่าไกลนะ
เส้นทางที่ผมใช้ไปวัดผาตากเสื้อ โดยเริ่มต้นจากเชียงคาน ไม่ไกล ๆ ปาไปเกือบ 2 ชั่วโมง
เส้นทางที่ใช้เป็นเส้นทางเรียบริบน้ำโขง เคยได้ยินหลายคนบอกว่า ถนนเส้นนี้ก่อนถึงอำเภอปากชมเป็นถนนที่สวยงาม ผมว่ามันสวยดี แต่ไม่ได้จอดถ่ายมากนัก เพราะ ณ ตอนนั้น ผมต้องรีบเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ตกดินที่วัดผาตากเสื้อ
จุดชมวิวหนองปลาบึก มีที่จอดรถให้ชมแม่น้ำโขงที่มีลักษณะเป็นเกาะแก่งเล็ก ๆ
ยิ่งขี่ไปยิ่งนานก็ทำให้รู้ว่าตัวเองคิดผิดที่ว่า มันไม่ไกล แต่ในที่สุดผมก็เห็นวัดตั้งบนผาโดดเด่นมาก รีบขี่ขึ้นไป คิดว่าอย่างไงก็ทันพระอาทิตย์ตกแน่แล้วละ วันนี้ดวงดีที่เห็นแสงอาทิตย์ด้วย ฟ้าไม่ถึงกับปิด
วัดผาตากเสื้อตั้งอยู่บนเขาเห็นได้แต่ไกลตั้งแต่อยู่บนถนนเส้นหลัก
ถนนหนทางระหว่างทางไปวัดดีมาก ๆ และสวยมาก ๆ ยิ่งตอนช่วงก่อน 18.00 น. แสงเลียพื้นต่ำ ทำให้ดูสวยงาม ทางชัน และไกลพอสมควร แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะถนนเป็นยางมะตอยเหมือนเพิ่งจะทำใหม่ได้ไม่กี่เดือน
ทางเข้าวัดที่ติดป้ายไว้ชัดเจนว่าเปิด - ปิดตอน 6.00 - 18.00 น.
แต่เมื่อผมไปถึงก็เซ็งนิด ๆ ปนขำตัวเองที่อุตส่าห์รีบมา เพราะคนปิดประตูวัดเพิ่งเดินจากประตูไปเห็นหลังอยู่แว๊บ ๆ วัดมีเวลาเปิด - ปิด 6.00 - 18.00 น. เลยได้แต่ถ่ายรูปรถคู่กับประตูมาแทน ก่อนจะรีบเดินทางกลับ เพราะตอนดึก ๆ ถนนน่าจะมืด ตอนนี้ 18.00 น. ถ้าขี่ช้า ๆ ก็น่าจะถึงเกือบ 20.00 น. หรือเกินกว่านั้นซักหน่อย ต่างจังหวัดคงมืดมากสำหรับถนนระหว่างหมู่บ้าน
ขี่รถกลับระหว่างทางได้เกินครึ่งไปซักหน่อย ฝนเทลงมาอย่างหนัก และถนนก็มืดแล้ว อากาศเย็นพอสมควร พยายามขี่รถเกาะรถยนต์คันที่มีความเร็วพอ ๆ กับเราเพื่อความปลอดภัย เพราะไฟรถยนต์จะมองเห็นกว้างกว่าผมมาก กว่าจะถึงที่พักก็เกือบ 20.00 น.นั้นแหละครับ เปียกเละเทะ เข้าที่พักก็อาบน้ำเตรียมตัวนอน เพราะวันรุ่งขึ้นกะว่าจะไปขึ้นภูทอกซะหน่อย เล็งไว้ตื่น 4.30 น.