3
สัญญา
โดย ฮาร์โมนิก้า
มิลาน สามปีต่อมา
ภายในโรงละครขนาดใหญ่ใจกลางมหานครมิลาน ซึ่งจัดแสดงบัลเล่ต์คณะดังจากรัสเซียกระหึ่มก้องไปด้วย
เสียงปรบมือจากผู้ชมหลังจบการแสดงสวอนเลค มันเป็นบทประพันธ์ที่ถูกนำมาจัดแสดงซ้ำเป็นพันครั้ง
แต่ทุกครั้งหากได้รับการแสดงจากนักเต้นที่ดีและดนตรีที่ละเมียดก็ยังสามารถเรียกเสียงชื่นชมจากผู้ชม
และนักวิจารณ์ และสร้างความดื่มด่ำซาบซึ้งให้กับผู้ชมได้เสมอ บทเจ้าหญิงโอเดตต์ผู้ถูกสาปให้กลายเป็นหงส์
ในเวลากลางวัน และเป็นมนุษย์ในเวลากลางคืนคือบทท้าทายความสามารถอย่างยิ่งที่บัลเลต์ริน่าส่วนมาก
ต่างใฝ่ฝันที่จะได้แสดงบนเวทีใหญ่สักครั้งในชีวิต
อาบิเกลลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับการแสดงที่แสนซาบซึ้งนั้น นักเต้นผู้รับบทเจ้าหญิงโอเดตต์ช่างมีขาที่ว่องไว
ลีลาที่งดงาม เธอเต้นรำในท่าหงส์ได้นุ่มนวลและยังถ่ายทอดความเศร้าของเจ้าหญิงผู้ถูกสาปในยามราตรีได้
อย่างละเมียดกินใจ ผ่านลีลาการเต้นบัลเล่ต์ชั้นครู หญิงสาวน้ำตาไหลเป็นทางยาวอาบสองแก้ม เป็นทั้งน้ำตา
แห่งความปิติที่ได้ชมการแสดงชั้นเยี่ยมและน้ำตาแห่งความเสทือนใจที่ตัวเองไม่อาจก้าวไปยืนยังจุดที่
นักแสดงผู้นั้นได้ยืน
เธอได้ตัดสินใจไปแล้วเมื่อสามปีก่อนด้วยการเปลี่ยนแผนจากการไปเรียนบัลเล่ต์ที่ปารีสมาเป็นเรียนศิลปะ
ที่มิลาน หญิงสาวไม่อาจยอมรับได้ที่ตัวเองเต้นได้ไม่ดีเหมือนเดิม ขาไม่รวดเร็วว่องไวเท่าเดิม อาบิเกลขลาดกลัว
เกินกว่าจะยอมรับความผิดหวังได้จึงเลี่ยงด้วยการเดินหนีความฝันของตัวเองไป แต่ความรักบัลเล่ต์ก็ทำให้เธอต้อง
กลับมาชมการแสดงนัดสำคัญทุกครั้ง และยังคงซ้อมเต้นสัปดาห์ละสองครั้งที่สตูดิโอบัลเล่ต์แห่งหนึ่งใจกลาง
กรุงมิลาน แม้จะไม่ได้เต้นเป็นอาชีพ แต่ก็ยังอยากจะเต้นเป็นงานอดิเรก มันคือสิ่งที่เธอรักที่จะทำไม่ใช่หรือ
หญิงสาวคิดพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสาย จนเสียงปรบมือที่เรียกให้นักแสดงออกมา
โชว์ตัวซ้ำถึงสามครั้งเริ่มซาลง ผู้คนเริ่มทยอยออกจากโรงละครขณะที่นักแสดงเดินกลับหลังม่าน นีลจึงแตะแขน
อาบิเกลให้ออกเดินตาม
นีล แม็กซ์เวลคู่หมั้นหนุ่มหล่ออนาคตไกลมาเยี่ยมอาบิเกลที่มิลานสามเดือนครั้งในปีแรก และลดลงเป็นสี่เดือน
ในปีที่สอง ในปีที่สามเขาหายไปนานหกเดือนจึงกลับมาเยี่ยม นีลงานยุ่งมากจนไม่มีแม้แต่เวลาจะส่งข้อความคุย
กับเธอมากไปกว่าการส่งลิ้งค์การแสดงบัลเล่ต์ต่างๆ ให้ดู หรือส่งรูปถ่ายความเป็นไปในเมลเบิร์น และที่ส่งมาเสมอ
คือภาพและเรื่องราวการทำงานขององค์กรการกุศลที่นีลเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งเขาได้ขอเงินบริจาคก้อนใหญ่จากรอเจอร์ทุกปี
“เป็นการแสดงที่ดีเหลือเกินค่ะนีล ฉันซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หน้าตาคงเลอะเทอะไปหมด” อาบิเกลชวนคุยระหว่าง
เดินออกมายังโถงด้านนอกของโรงละคร
“งั้นหรือ ใช่ เป็นการแสดงที่ดี ผมเห็นด้วย” นีลตอบ ดวงตาสีฟ้าของเขาไม่ได้จับจ้องยังใบหน้าของคู่หมั้นสาว หาก
แต่กวาดมองไปยังผู้คนในโถงนั้น และราวกับเขาหมายตาใครบางคนไว้เป็นพิเศษ อาบิเกลมองตามและเห็นว่าคู่หมั้น
ว่าที่นักการเมืองดาวรุ่งในเมลเบิร์นกำลังจับตามองเซอร์จอห์น เมเยอร์ ผู้เป็นราชเลขาในเจ้าฟ้าชายแห่งเครือจักรภพ
อังกฤษอยู่ เขาผู้นั้นมาชมบัลเล่ต์ถึงที่มิลานพร้อมภรรยา
“โอ้ อาบิเกล ดูนั่นสิ ท่านราชเลขาในเจ้าฟ้าชายแห่งเครือจักรภพมาชมการแสดงนี้กับเราด้วย ผมทราบมาว่าท่าน
จะมาประชุมที่มิลานช่วงนี้ โชคดีจริงที่ท่านมาชมการแสดงเดียวกับเราพอดี ผมว่าเราเข้าไปทักทายท่านสักนิดดีกว่า
ผมและแม่เคยมีโอกาสต้อนรับท่านเสมอครั้งที่ท่านตามขบวนเสด็จมาที่เมลเบิร์น คิดว่าท่านต้องจำผมได้”
อาบิเกลลังเล เธอไม่ชอบเข้าสังคมอย่างที่นีลชอบมากนัก “ฉันอยากเข้าห้องน้ำสิคะนีล คุณไปทักทายท่านเถอะค่ะ
ฉันจะขอตัวไปห้องน้ำก่อน คนเยอะอาจต้องรอคิวนาน คุณไม่ว่าใช่มั้ยคะ"
นีลก้มมองคู่หมั้นสาว ริมฝีปากที่เม้นแน่นกับประกายตาแข็งกร้าวบ่งความไม่พอใจที่เขาสะกดไว้ได้สำเร็จ “ตามใจคุณ
เสร็จแล้วมาเจอกันที่นี่ หากเห็นผมยังคุยอยู่กับท่านคุณก็เดินมาหาผม ผมจะแนะนำคุณให้ท่านรู้จักเอง”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วมองคู่หมั้นหนุ่มเดินอย่างสง่าไปยังราชเลขาผู้นั้น อาบิเกลห่อไหล่หมุนตัวตั้งใจเดินไปทางที่
เห็นว่าเป็นห้องน้ำซึ่งอยู่ถัดจากห้องเก็บเสื้อคลุมไปทางด้านใน จริงๆ เธอน่าจะนัดกับนีลที่ห้องเก็บเสื้อคลุมมากกว่านะ
จะได้ไม่ต้องออกไปสมทบกับเขาคุยกับท่านราชเลขานั่น
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษค่ะ”
ความที่จมอยู่กับภวังค์ความคิดและไม่ทันระวังทำให้อาบิเกลหันมาชนอย่างแรงกับร่างสูงที่เดินมาพอดี หญิงสาวไม่ทัน
ตั้งหลักจึงเซจะล้มหากแต่ชายหนุ่มตรงหน้าคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน
และราวกับมีประจุไฟฟ้าบางอย่างแล่นปราดผ่านสัมผัสมือของเขามายังแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาว อาบิเกลตกใจ
เงยหน้าขึ้นสบตาสีน้ำเงินเข้มที่เบิกกว้างขึ้นเช่นกันและกำลังมองดูเธออย่างงุนงงและประหลาดใจ
ตาสองคู่ประสานกันและก่อให้เกิดแรงดึงดูดมหาศาลที่สร้างกระแสสั่นเสียวแล่นปลาบลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง
อาบิเกลตกตะลึงพรึงเพริด พยายามเรียกความรู้สึกตัวกลับมาพร้อมกับถอนสายตาออกจากเขาอย่างยากเย็น
“อุ๊ย” เธออุทาน พร้อมกับค่อยๆ ดึงแขนออกจากการจับกุมของเขาอย่างสุภาพ รู้สึกถึงมนตร์สะกดบางอย่างที่น่าอัศจรรย์
ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเธอกับชายแปลกหน้าผู้นี้ นี่เธอรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวหรือเขาก็รู้สึกด้วยกันนะ หญิงสาวห่อไหล่อันสั่นสท้าน
รู้สึกถึงความร้อนซึ่งยังคงแผ่ซ่านผ่านข้อมือที่เพิ่งดึงหลุดจากการจับกุมของเขา สัมผัสสั้นๆ นั้นกลับมีพลังอำนาจเหนือ
เธออย่างน่าประหลาด “ขอโทษค่ะ ฉัน..ฉันไม่ทันระวัง”
ดวงตาสีเขียวมรกตของอาบิเกลยังคงเบิกกว้างและสับสน หญิงสาวกวาดตามองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลดำดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
ผู้นั้นอย่างตื่นตะลึง อายุของเขาน่าจะราวสามสิบปีและเขาหล่อมากเหลือเกิน หล่อคนละแบบกับนีลแต่เหมือนเธอจะชอบ
เขามากกว่า เอ๊ะ นีลเป็นคู่หมั้นของเธอนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรนอกลู่นอกทางแบบนี้
อาบิเกลเตือนตัวเองพลางเอามือลูบผมอย่างเก้อเขิน เมื่อรู้ตัวก็รีบลดมือลงกุมกระเป๋าแบบคลัชไว้แน่น รู้สึกตัวเองเก้กังและ
เปิ่นเหลือเกิน
“ขอโทษด้วยครับ ผมเองก็ไม่ทันระวัง คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้าถาม ดวงตาสีน้ำเงินยังคงจับจ้อง
ใบหน้าและเริ่มสำรวจลงมาตามเรือนกายของเธอ
อาบิเกลเขิน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อพบว่าถูกเขามองสำรวจทั่วใบหน้าเรือนผม และเวลานี้สายตานั้นกำลังแอบสำรวจไล่
ลงมายังเรือนร่างกลมกลึงและเรียวขางดงามของเธอด้วย ทำไมร่างกายเธอจึงตื่นตัวและมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสายตา
และสัมผัสของชายแปลกหน้าผู้นี้ได้มากมายถึงเพียงนี้
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขะ…ขอโทษนะคะ ฉันต้องไปแล้ว”
“เดี๋ยวสิครับ” เขาผู้นั้นถือวิสาสะแตะข้อมือเธอไว้เพื่อหยุดไม่ให้เธอเดินหนี อาการสะดุ้งจนต้องชักมือกลับของเขาก่อนที่
จะมองเธอด้วยสีหน้ามหัศจรรย์ใจอย่างมากนั้นบอกให้อาบิเกลรู้ว่าแรงดึงดูดระหว่างกันที่เธอรู้สึกนั้น เธอไม่ได้รู้สึกเพียง
ฝ่ายเดียว “ผมเดินชนคุณเกือบล้ม ให้ผมเลี้ยงกาแฟหรือเครื่องดื่มเพื่อเป็นการขอโทษคุณดีมั้ยครับ”
อาบิเกลตกใจ เหลือบมองหน้าเขาตาค้าง นี่เขากำลังคิดจีบเธออย่างนั้นหรือ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ บังเอิญคู่หมั้นของฉันรออยู่ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอก้าวขาที่สั่นเทาเตรียมผละออกมา ชายหนุ่มทำท่าจะเดินตามมาอีก หากแต่มีเสียงเรียกชื่อเขาไว้
“ฮัลโหล แบรด ใช่มั้ย แบรด แพร์ริช คุณมาที่มิลานนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
อาบิเกลเหลือบมองตามเสียงและเห็นว่าเป็นผู้กำกับการแสดงบัลเล่ต์ครั้งนี้ที่เดินเข้ามาทักทายเขา เขาคงเป็นคนสำคัญ
ในวงการสินะ หญิงสาวเลิกคิดแล้วรีบฉวยโอกาสเดินหนีมาอย่างรวดเร็ว หางตาเห็นว่าชายแปลกหน้าผู้นั้นยังคงหันมอง
ตามขณะทักทายกับผู้กำกับการแสดง
เมื่อเดินพ้นโถงต้อนรับมาได้เธอก็มายืนเอามือกุมอกระงับหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ข้างกำแพงหน้าห้องน้ำ แรงดึงดูดที่เกิด
ขึ้นระหว่างเธอกับเขานั้นมันอธิบายยากเหลือเกิน ทำไมเธอจึงไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับนีล แม็กซ์เวลทั้งที่เขาเป็นคู่หมั้น
และเป็นประหนึ่งชายในฝันของผู้หญิงแทบทุกคนในเมลเบิร์น ใครๆ ต่างริษยาที่เขาเลือกอาบิเกลเป็นคู่หมั้น แม้เธอเอง
ก็เคยรู้สึกตื่นเต้นภูมิใจ หากแต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันค่อยๆ เลือนลางหายไปหลังการหมั้นไม่กี่เดือน ที่สำคัญเธอไม่เคยรู้สึก
ตื่นตัวทางร่างกายและอารมณ์แบบนี้เลยในยามที่อยู่กับนีล ทำไมนะ ทำไม
รักในรอยฝัน บทที่ 3 สัญญา
สัญญา
โดย ฮาร์โมนิก้า
มิลาน สามปีต่อมา
ภายในโรงละครขนาดใหญ่ใจกลางมหานครมิลาน ซึ่งจัดแสดงบัลเล่ต์คณะดังจากรัสเซียกระหึ่มก้องไปด้วย
เสียงปรบมือจากผู้ชมหลังจบการแสดงสวอนเลค มันเป็นบทประพันธ์ที่ถูกนำมาจัดแสดงซ้ำเป็นพันครั้ง
แต่ทุกครั้งหากได้รับการแสดงจากนักเต้นที่ดีและดนตรีที่ละเมียดก็ยังสามารถเรียกเสียงชื่นชมจากผู้ชม
และนักวิจารณ์ และสร้างความดื่มด่ำซาบซึ้งให้กับผู้ชมได้เสมอ บทเจ้าหญิงโอเดตต์ผู้ถูกสาปให้กลายเป็นหงส์
ในเวลากลางวัน และเป็นมนุษย์ในเวลากลางคืนคือบทท้าทายความสามารถอย่างยิ่งที่บัลเลต์ริน่าส่วนมาก
ต่างใฝ่ฝันที่จะได้แสดงบนเวทีใหญ่สักครั้งในชีวิต
อาบิเกลลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับการแสดงที่แสนซาบซึ้งนั้น นักเต้นผู้รับบทเจ้าหญิงโอเดตต์ช่างมีขาที่ว่องไว
ลีลาที่งดงาม เธอเต้นรำในท่าหงส์ได้นุ่มนวลและยังถ่ายทอดความเศร้าของเจ้าหญิงผู้ถูกสาปในยามราตรีได้
อย่างละเมียดกินใจ ผ่านลีลาการเต้นบัลเล่ต์ชั้นครู หญิงสาวน้ำตาไหลเป็นทางยาวอาบสองแก้ม เป็นทั้งน้ำตา
แห่งความปิติที่ได้ชมการแสดงชั้นเยี่ยมและน้ำตาแห่งความเสทือนใจที่ตัวเองไม่อาจก้าวไปยืนยังจุดที่
นักแสดงผู้นั้นได้ยืน
เธอได้ตัดสินใจไปแล้วเมื่อสามปีก่อนด้วยการเปลี่ยนแผนจากการไปเรียนบัลเล่ต์ที่ปารีสมาเป็นเรียนศิลปะ
ที่มิลาน หญิงสาวไม่อาจยอมรับได้ที่ตัวเองเต้นได้ไม่ดีเหมือนเดิม ขาไม่รวดเร็วว่องไวเท่าเดิม อาบิเกลขลาดกลัว
เกินกว่าจะยอมรับความผิดหวังได้จึงเลี่ยงด้วยการเดินหนีความฝันของตัวเองไป แต่ความรักบัลเล่ต์ก็ทำให้เธอต้อง
กลับมาชมการแสดงนัดสำคัญทุกครั้ง และยังคงซ้อมเต้นสัปดาห์ละสองครั้งที่สตูดิโอบัลเล่ต์แห่งหนึ่งใจกลาง
กรุงมิลาน แม้จะไม่ได้เต้นเป็นอาชีพ แต่ก็ยังอยากจะเต้นเป็นงานอดิเรก มันคือสิ่งที่เธอรักที่จะทำไม่ใช่หรือ
หญิงสาวคิดพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่ยังคงไหลรินไม่ขาดสาย จนเสียงปรบมือที่เรียกให้นักแสดงออกมา
โชว์ตัวซ้ำถึงสามครั้งเริ่มซาลง ผู้คนเริ่มทยอยออกจากโรงละครขณะที่นักแสดงเดินกลับหลังม่าน นีลจึงแตะแขน
อาบิเกลให้ออกเดินตาม
นีล แม็กซ์เวลคู่หมั้นหนุ่มหล่ออนาคตไกลมาเยี่ยมอาบิเกลที่มิลานสามเดือนครั้งในปีแรก และลดลงเป็นสี่เดือน
ในปีที่สอง ในปีที่สามเขาหายไปนานหกเดือนจึงกลับมาเยี่ยม นีลงานยุ่งมากจนไม่มีแม้แต่เวลาจะส่งข้อความคุย
กับเธอมากไปกว่าการส่งลิ้งค์การแสดงบัลเล่ต์ต่างๆ ให้ดู หรือส่งรูปถ่ายความเป็นไปในเมลเบิร์น และที่ส่งมาเสมอ
คือภาพและเรื่องราวการทำงานขององค์กรการกุศลที่นีลเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งเขาได้ขอเงินบริจาคก้อนใหญ่จากรอเจอร์ทุกปี
“เป็นการแสดงที่ดีเหลือเกินค่ะนีล ฉันซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หน้าตาคงเลอะเทอะไปหมด” อาบิเกลชวนคุยระหว่าง
เดินออกมายังโถงด้านนอกของโรงละคร
“งั้นหรือ ใช่ เป็นการแสดงที่ดี ผมเห็นด้วย” นีลตอบ ดวงตาสีฟ้าของเขาไม่ได้จับจ้องยังใบหน้าของคู่หมั้นสาว หาก
แต่กวาดมองไปยังผู้คนในโถงนั้น และราวกับเขาหมายตาใครบางคนไว้เป็นพิเศษ อาบิเกลมองตามและเห็นว่าคู่หมั้น
ว่าที่นักการเมืองดาวรุ่งในเมลเบิร์นกำลังจับตามองเซอร์จอห์น เมเยอร์ ผู้เป็นราชเลขาในเจ้าฟ้าชายแห่งเครือจักรภพ
อังกฤษอยู่ เขาผู้นั้นมาชมบัลเล่ต์ถึงที่มิลานพร้อมภรรยา
“โอ้ อาบิเกล ดูนั่นสิ ท่านราชเลขาในเจ้าฟ้าชายแห่งเครือจักรภพมาชมการแสดงนี้กับเราด้วย ผมทราบมาว่าท่าน
จะมาประชุมที่มิลานช่วงนี้ โชคดีจริงที่ท่านมาชมการแสดงเดียวกับเราพอดี ผมว่าเราเข้าไปทักทายท่านสักนิดดีกว่า
ผมและแม่เคยมีโอกาสต้อนรับท่านเสมอครั้งที่ท่านตามขบวนเสด็จมาที่เมลเบิร์น คิดว่าท่านต้องจำผมได้”
อาบิเกลลังเล เธอไม่ชอบเข้าสังคมอย่างที่นีลชอบมากนัก “ฉันอยากเข้าห้องน้ำสิคะนีล คุณไปทักทายท่านเถอะค่ะ
ฉันจะขอตัวไปห้องน้ำก่อน คนเยอะอาจต้องรอคิวนาน คุณไม่ว่าใช่มั้ยคะ"
นีลก้มมองคู่หมั้นสาว ริมฝีปากที่เม้นแน่นกับประกายตาแข็งกร้าวบ่งความไม่พอใจที่เขาสะกดไว้ได้สำเร็จ “ตามใจคุณ
เสร็จแล้วมาเจอกันที่นี่ หากเห็นผมยังคุยอยู่กับท่านคุณก็เดินมาหาผม ผมจะแนะนำคุณให้ท่านรู้จักเอง”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วมองคู่หมั้นหนุ่มเดินอย่างสง่าไปยังราชเลขาผู้นั้น อาบิเกลห่อไหล่หมุนตัวตั้งใจเดินไปทางที่
เห็นว่าเป็นห้องน้ำซึ่งอยู่ถัดจากห้องเก็บเสื้อคลุมไปทางด้านใน จริงๆ เธอน่าจะนัดกับนีลที่ห้องเก็บเสื้อคลุมมากกว่านะ
จะได้ไม่ต้องออกไปสมทบกับเขาคุยกับท่านราชเลขานั่น
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษค่ะ”
ความที่จมอยู่กับภวังค์ความคิดและไม่ทันระวังทำให้อาบิเกลหันมาชนอย่างแรงกับร่างสูงที่เดินมาพอดี หญิงสาวไม่ทัน
ตั้งหลักจึงเซจะล้มหากแต่ชายหนุ่มตรงหน้าคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน
และราวกับมีประจุไฟฟ้าบางอย่างแล่นปราดผ่านสัมผัสมือของเขามายังแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาว อาบิเกลตกใจ
เงยหน้าขึ้นสบตาสีน้ำเงินเข้มที่เบิกกว้างขึ้นเช่นกันและกำลังมองดูเธออย่างงุนงงและประหลาดใจ
ตาสองคู่ประสานกันและก่อให้เกิดแรงดึงดูดมหาศาลที่สร้างกระแสสั่นเสียวแล่นปลาบลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง
อาบิเกลตกตะลึงพรึงเพริด พยายามเรียกความรู้สึกตัวกลับมาพร้อมกับถอนสายตาออกจากเขาอย่างยากเย็น
“อุ๊ย” เธออุทาน พร้อมกับค่อยๆ ดึงแขนออกจากการจับกุมของเขาอย่างสุภาพ รู้สึกถึงมนตร์สะกดบางอย่างที่น่าอัศจรรย์
ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเธอกับชายแปลกหน้าผู้นี้ นี่เธอรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวหรือเขาก็รู้สึกด้วยกันนะ หญิงสาวห่อไหล่อันสั่นสท้าน
รู้สึกถึงความร้อนซึ่งยังคงแผ่ซ่านผ่านข้อมือที่เพิ่งดึงหลุดจากการจับกุมของเขา สัมผัสสั้นๆ นั้นกลับมีพลังอำนาจเหนือ
เธออย่างน่าประหลาด “ขอโทษค่ะ ฉัน..ฉันไม่ทันระวัง”
ดวงตาสีเขียวมรกตของอาบิเกลยังคงเบิกกว้างและสับสน หญิงสาวกวาดตามองชายหนุ่มผมสีน้ำตาลดำดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
ผู้นั้นอย่างตื่นตะลึง อายุของเขาน่าจะราวสามสิบปีและเขาหล่อมากเหลือเกิน หล่อคนละแบบกับนีลแต่เหมือนเธอจะชอบ
เขามากกว่า เอ๊ะ นีลเป็นคู่หมั้นของเธอนะ นี่เธอกำลังคิดอะไรนอกลู่นอกทางแบบนี้
อาบิเกลเตือนตัวเองพลางเอามือลูบผมอย่างเก้อเขิน เมื่อรู้ตัวก็รีบลดมือลงกุมกระเป๋าแบบคลัชไว้แน่น รู้สึกตัวเองเก้กังและ
เปิ่นเหลือเกิน
“ขอโทษด้วยครับ ผมเองก็ไม่ทันระวัง คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มแปลกหน้าถาม ดวงตาสีน้ำเงินยังคงจับจ้อง
ใบหน้าและเริ่มสำรวจลงมาตามเรือนกายของเธอ
อาบิเกลเขิน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อพบว่าถูกเขามองสำรวจทั่วใบหน้าเรือนผม และเวลานี้สายตานั้นกำลังแอบสำรวจไล่
ลงมายังเรือนร่างกลมกลึงและเรียวขางดงามของเธอด้วย ทำไมร่างกายเธอจึงตื่นตัวและมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสายตา
และสัมผัสของชายแปลกหน้าผู้นี้ได้มากมายถึงเพียงนี้
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขะ…ขอโทษนะคะ ฉันต้องไปแล้ว”
“เดี๋ยวสิครับ” เขาผู้นั้นถือวิสาสะแตะข้อมือเธอไว้เพื่อหยุดไม่ให้เธอเดินหนี อาการสะดุ้งจนต้องชักมือกลับของเขาก่อนที่
จะมองเธอด้วยสีหน้ามหัศจรรย์ใจอย่างมากนั้นบอกให้อาบิเกลรู้ว่าแรงดึงดูดระหว่างกันที่เธอรู้สึกนั้น เธอไม่ได้รู้สึกเพียง
ฝ่ายเดียว “ผมเดินชนคุณเกือบล้ม ให้ผมเลี้ยงกาแฟหรือเครื่องดื่มเพื่อเป็นการขอโทษคุณดีมั้ยครับ”
อาบิเกลตกใจ เหลือบมองหน้าเขาตาค้าง นี่เขากำลังคิดจีบเธออย่างนั้นหรือ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ บังเอิญคู่หมั้นของฉันรออยู่ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอก้าวขาที่สั่นเทาเตรียมผละออกมา ชายหนุ่มทำท่าจะเดินตามมาอีก หากแต่มีเสียงเรียกชื่อเขาไว้
“ฮัลโหล แบรด ใช่มั้ย แบรด แพร์ริช คุณมาที่มิลานนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
อาบิเกลเหลือบมองตามเสียงและเห็นว่าเป็นผู้กำกับการแสดงบัลเล่ต์ครั้งนี้ที่เดินเข้ามาทักทายเขา เขาคงเป็นคนสำคัญ
ในวงการสินะ หญิงสาวเลิกคิดแล้วรีบฉวยโอกาสเดินหนีมาอย่างรวดเร็ว หางตาเห็นว่าชายแปลกหน้าผู้นั้นยังคงหันมอง
ตามขณะทักทายกับผู้กำกับการแสดง
เมื่อเดินพ้นโถงต้อนรับมาได้เธอก็มายืนเอามือกุมอกระงับหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ข้างกำแพงหน้าห้องน้ำ แรงดึงดูดที่เกิด
ขึ้นระหว่างเธอกับเขานั้นมันอธิบายยากเหลือเกิน ทำไมเธอจึงไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับนีล แม็กซ์เวลทั้งที่เขาเป็นคู่หมั้น
และเป็นประหนึ่งชายในฝันของผู้หญิงแทบทุกคนในเมลเบิร์น ใครๆ ต่างริษยาที่เขาเลือกอาบิเกลเป็นคู่หมั้น แม้เธอเอง
ก็เคยรู้สึกตื่นเต้นภูมิใจ หากแต่ความรู้สึกเหล่านั้นมันค่อยๆ เลือนลางหายไปหลังการหมั้นไม่กี่เดือน ที่สำคัญเธอไม่เคยรู้สึก
ตื่นตัวทางร่างกายและอารมณ์แบบนี้เลยในยามที่อยู่กับนีล ทำไมนะ ทำไม