กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก Tang Warat Sermprasartkul ได้โพสต์เล่าถึงเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตการเป็นทนาย หลังขึ้นว่าความให้ลูกความ ซึ่งเป็นโจทก์ ฟ้องจำเลยเรื่องเงินที่ถูกยืมไป 79,000 บาท โดยจำเลยต้องการผ่อนเดือนละ 1,000 บาท ให้แต่เงินต้นไม่ให้ดอกเบี้ย แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าของโพสต์รู้สึกตกใจและเสียใจคือ คำพูดของศาลที่แนะนำให้จำเลยไม่ต้องใช้เงินคืนโจทก์ กลับบ้านไปนอนตีพุงได้เลย จึงอยากวอนให้ช่วยกันแชร์เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ และ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย
โดยมีรายละเอียดดังนี้
** หากใครอยากเห็นการเปลื่ยนแปลงของสถาบันยุติธรรม รบกวนแชร์ให้ทุกคนรับรู้ด้วยครับ
** ท่านที่บอกให้ผมระวังเรื่องหมิ่นศาล ก่อนที่ผมจะมาโพสต์ ผมคงต้องไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วเรื่องข้อกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงเรื่องหมิ่นศาลด้วย ผมได้ปรึกษาขอข้อมูลจาก ท่านรองคณบดีคณะนิติศาสตร์จุฬาฯ , ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์-ฎีกา รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่านที่ให้คำปรึกษาผม ทุกท่านยืนยันว่า ข้อความของผมไม่เข้าข่ายหมิ่นศาล ผมอายุเพียง 24 ปี ผมเขียนเองทุกอย่าง ผมเปิดเผยหน้าจริงและชื่อจริง ผมคงไม่เอาอนาคตของผมมาจบเพียงแค่นี้หรอกครับ ขอบคุณครับ
มีเรื่องเล่าสู่กันฟัง ประสบการณ์แย่ ๆ ในศาล เรื่องที่เจอกับตัววันนี้เป็นเรื่องที่เฟลที่สุด ผิดหวังที่สุด รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตการเป็นทนาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่คนอื่น ๆ เล่ามาจะมาเกิดกับตัวเองบ้างก็ครั้งนี้
เรื่องก็คือ วันนี้ผมมีคดีต้องไปศาลแขวงแห่งหนึ่งเป็นคดีกู้ยืมเงิน ฝั่งผมเป็นโจทก์ ศาลเรียกไกล่เกลี่ย จำเลยบอกว่าผ่อนให้ได้แค่เดือนละ 1,000 บาท มากกว่านั้นไม่ยอม หนี้ที่จำเลยค้างอยู่มันยอด 79,000 บาท สรุปคือจำเลยจะผ่อน 79 เดือนหรือ 6 ปีกว่า โดยไม่มีดอกเบี้ย คืนแต่เงินต้น
ข้อเสนอนี้มันไม่มีใครจะบ้ายอมรับได้หรอก ผมคัดค้านไปว่าผ่อนเดือนละ 1,000 บาทมันน้อยไป แถมเรื่องดอกเบี้ยอีก ไหนจะเรื่องผ่อน 79 เดือนอีก มันไม่โอเคขอให้ศาลช่วยไกล่เกลี่ยให้จำเลยผ่อนมากขึ้น
ท่านถามจำเลยว่า ผ่อนมากกว่าเดือนละ 1,000 ไหวมั้ย มีทรัพย์สิน มีรถมีบ้านเป็นชื่อตัวเองมั้ย จำเลยตอบว่าไม่ หลังจากนั้นคือประโยคที่ไม่คิดว่าจะหลุดมาจากศาล
"งั้นคุณก็ไม่ต้องผ่อนโจทก์อีก อย่าหาว่าศาลชี้โพรงให้กระรอกนะ ถ้าคุณไม่มีทรัพย์ที่จะให้โจทก์ยึด โจทก์บังคับคดีไปก็ไม่ได้เงินคุณ คำพิพากษาคดีนี้ก็แค่กระดาษแผ่นนึง เดี๋ยวศาลให้โจทก์ชนะคดีวันนี้เลย แล้วคุณก็กลับบ้านไปนอนเล่นตีพุงดูทีวีอยู่บ้านไม่ต้องกังวล นี่คดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญาคุณไม่มีเงินจ่ายโจทก์ โจทก์ก็เอาคุณเข้าคุกไม่ได้ คุณไม่มีเงินจ่ายโจทก์ โจทก์ก็ทำอะไรคุณไม่ได้
คุณเป็นทนายโจทก์นี่ คุณไม่ใช่โจทก์ คนเสียหายมันไม่ใช่คุณ คนเสียหายคือโจทก์ คุณจะเดือดร้อนทำไม
ผมให้คุณชนะคดีแล้ว คุณจะเอาอะไรอีก ผมให้คุณตามฟ้องหมดแล้ว ดอกเบี้ยผมก็ให้ คุณจะเอาอะไรอีก"
เอางี้ละกันผมให้เวลาคุณไปปรึกษา ถ้าไม่งั้นคุณก็ปรึกษาทนายท่านอื่นในห้องนี้ก็ได้ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าผมทำถูกมั้ย ผมให้คุณชนะคดีแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก
หลังจากฟังความรู้สึกคือ หูอื้อตาลาย ทั้งโดนดูถูก ทั้งโดนล้อเล่น เห็นเป็นเรื่องขำขัน คำพูดพวกนี้มันก้องในหูวิ้ง ๆ
ใช่ครับ ผมเป็นทนายโจทก์ ผมไม่ใช่โจทก์ ผมไม่ใช่คนเสียหาย เงินโจทก์จะได้คืนมั้ยก็เรื่องของโจทก์ ยังไงผมก็ได้ค่าบริการวิชาชีพ ใช่ครับ ศาลพูดถูกทุกอย่าง ใช่ครับ คดีนี้คดีแพ่งไม่ใช่อาญาจะให้ตายยังไงผมก็เอาจำเลยเข้าคุกไม่ได้ ใช่ครับ ผมบังคับคดีไปก็เสียเวลาเปล่าเพราะจำเลยไม่มีทรัพย์อะไรเป็นชื่อของตัวเองซักอย่าง ใช่ครับ ท่านให้ผมชนะคดีตามฟ้องให้ดอกเบี้ยตามที่ผมเรียก และใช่ครับผมไม่มีทางได้รับความยุติธรรมจากคนอย่างท่านแน่นอน
ท่านเล่นชี้ช่องให้จำเลยแบบนี้ แนะนำให้จำเลยทำแบบนั้น แนะนำให้นอนตีพุงอยู่บ้านเฉย ๆ ย้ายทรัพย์สินชื่อตัวเองออกหมด แล้วนั่งดูทีวี แทนที่ท่านจะบังคับให้จำเลยหาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยกู้ยืมเงินมาจากโจทก์ตั้งแต่ปี 2556 นี่ปี 2559 แล้ว โจทก์ต้องรออีกกี่ปีถึงจะได้เงินก้อนนี้คืนครบ หนี้เงินแค่หลักหมื่น จำเลยที่ไหนจะบอกว่าตัวเองมีตังครับ จำเลยก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่มีตังอยู่แล้วปะครับท่าน
ผมมีหลักฐานมากมายว่าจำเลยมีเงิน แต่จำเลยไม่ใช้หนี้ ทั้งการเข้าโรงพยาบาลเอกชน ค่าเทอมโรงเรียนเอกชนลูก การที่จำเลยจัดฟันแบบใส แต่ละอย่างค่าใช้จ่ายไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ เงินแค่ 79,000 บาท ไม่มีปัญญาใช้หนี้ แต่อย่างว่าแหละครับ ท่านไม่แม้แต่จะฟังพยานหลักฐานของผมเลย นี่คือการให้ความยุติธรรมแก่โจทก์หรอครับ ?
คำพิพากษาที่ท่านเขียนให้ผมมันก็มีความหมายแค่กระดาษแผ่นนึงใช่ไหมครับแบบที่ท่านบอก มันทำให้ผมเห็นเลยครับ ว่าท่านเป็นคนกำพืดแบบไหนก่อนที่จะมาเป็นศาล ท่านเป็นคนแบบไหนท่านก็เป็นคนแบบนั้น ท่านเป็นคนที่ทำให้สถาบันยุติธรรมตกต่ำลง ท่านมันเป็นปลาเน่าที่ทำให้ท่านผู้พิพากษาดี ๆ หลายคนต้องถูกเหมารวมเพราะการกระทำของท่านไปด้วย
ทนายหนุ่ม โพสต์เล่า เจอผู้พิพากษาแนะจำเลยเบี้ยวหนี้ วอนร่วมกัน ‘ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทย’
โดยมีรายละเอียดดังนี้
** หากใครอยากเห็นการเปลื่ยนแปลงของสถาบันยุติธรรม รบกวนแชร์ให้ทุกคนรับรู้ด้วยครับ
** ท่านที่บอกให้ผมระวังเรื่องหมิ่นศาล ก่อนที่ผมจะมาโพสต์ ผมคงต้องไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วเรื่องข้อกฎหมายต่าง ๆ รวมถึงเรื่องหมิ่นศาลด้วย ผมได้ปรึกษาขอข้อมูลจาก ท่านรองคณบดีคณะนิติศาสตร์จุฬาฯ , ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์-ฎีกา รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่านที่ให้คำปรึกษาผม ทุกท่านยืนยันว่า ข้อความของผมไม่เข้าข่ายหมิ่นศาล ผมอายุเพียง 24 ปี ผมเขียนเองทุกอย่าง ผมเปิดเผยหน้าจริงและชื่อจริง ผมคงไม่เอาอนาคตของผมมาจบเพียงแค่นี้หรอกครับ ขอบคุณครับ
มีเรื่องเล่าสู่กันฟัง ประสบการณ์แย่ ๆ ในศาล เรื่องที่เจอกับตัววันนี้เป็นเรื่องที่เฟลที่สุด ผิดหวังที่สุด รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตการเป็นทนาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่คนอื่น ๆ เล่ามาจะมาเกิดกับตัวเองบ้างก็ครั้งนี้
เรื่องก็คือ วันนี้ผมมีคดีต้องไปศาลแขวงแห่งหนึ่งเป็นคดีกู้ยืมเงิน ฝั่งผมเป็นโจทก์ ศาลเรียกไกล่เกลี่ย จำเลยบอกว่าผ่อนให้ได้แค่เดือนละ 1,000 บาท มากกว่านั้นไม่ยอม หนี้ที่จำเลยค้างอยู่มันยอด 79,000 บาท สรุปคือจำเลยจะผ่อน 79 เดือนหรือ 6 ปีกว่า โดยไม่มีดอกเบี้ย คืนแต่เงินต้น
ข้อเสนอนี้มันไม่มีใครจะบ้ายอมรับได้หรอก ผมคัดค้านไปว่าผ่อนเดือนละ 1,000 บาทมันน้อยไป แถมเรื่องดอกเบี้ยอีก ไหนจะเรื่องผ่อน 79 เดือนอีก มันไม่โอเคขอให้ศาลช่วยไกล่เกลี่ยให้จำเลยผ่อนมากขึ้น
ท่านถามจำเลยว่า ผ่อนมากกว่าเดือนละ 1,000 ไหวมั้ย มีทรัพย์สิน มีรถมีบ้านเป็นชื่อตัวเองมั้ย จำเลยตอบว่าไม่ หลังจากนั้นคือประโยคที่ไม่คิดว่าจะหลุดมาจากศาล
"งั้นคุณก็ไม่ต้องผ่อนโจทก์อีก อย่าหาว่าศาลชี้โพรงให้กระรอกนะ ถ้าคุณไม่มีทรัพย์ที่จะให้โจทก์ยึด โจทก์บังคับคดีไปก็ไม่ได้เงินคุณ คำพิพากษาคดีนี้ก็แค่กระดาษแผ่นนึง เดี๋ยวศาลให้โจทก์ชนะคดีวันนี้เลย แล้วคุณก็กลับบ้านไปนอนเล่นตีพุงดูทีวีอยู่บ้านไม่ต้องกังวล นี่คดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญาคุณไม่มีเงินจ่ายโจทก์ โจทก์ก็เอาคุณเข้าคุกไม่ได้ คุณไม่มีเงินจ่ายโจทก์ โจทก์ก็ทำอะไรคุณไม่ได้
คุณเป็นทนายโจทก์นี่ คุณไม่ใช่โจทก์ คนเสียหายมันไม่ใช่คุณ คนเสียหายคือโจทก์ คุณจะเดือดร้อนทำไม
ผมให้คุณชนะคดีแล้ว คุณจะเอาอะไรอีก ผมให้คุณตามฟ้องหมดแล้ว ดอกเบี้ยผมก็ให้ คุณจะเอาอะไรอีก"
เอางี้ละกันผมให้เวลาคุณไปปรึกษา ถ้าไม่งั้นคุณก็ปรึกษาทนายท่านอื่นในห้องนี้ก็ได้ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าผมทำถูกมั้ย ผมให้คุณชนะคดีแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก
หลังจากฟังความรู้สึกคือ หูอื้อตาลาย ทั้งโดนดูถูก ทั้งโดนล้อเล่น เห็นเป็นเรื่องขำขัน คำพูดพวกนี้มันก้องในหูวิ้ง ๆ
ใช่ครับ ผมเป็นทนายโจทก์ ผมไม่ใช่โจทก์ ผมไม่ใช่คนเสียหาย เงินโจทก์จะได้คืนมั้ยก็เรื่องของโจทก์ ยังไงผมก็ได้ค่าบริการวิชาชีพ ใช่ครับ ศาลพูดถูกทุกอย่าง ใช่ครับ คดีนี้คดีแพ่งไม่ใช่อาญาจะให้ตายยังไงผมก็เอาจำเลยเข้าคุกไม่ได้ ใช่ครับ ผมบังคับคดีไปก็เสียเวลาเปล่าเพราะจำเลยไม่มีทรัพย์อะไรเป็นชื่อของตัวเองซักอย่าง ใช่ครับ ท่านให้ผมชนะคดีตามฟ้องให้ดอกเบี้ยตามที่ผมเรียก และใช่ครับผมไม่มีทางได้รับความยุติธรรมจากคนอย่างท่านแน่นอน
ท่านเล่นชี้ช่องให้จำเลยแบบนี้ แนะนำให้จำเลยทำแบบนั้น แนะนำให้นอนตีพุงอยู่บ้านเฉย ๆ ย้ายทรัพย์สินชื่อตัวเองออกหมด แล้วนั่งดูทีวี แทนที่ท่านจะบังคับให้จำเลยหาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ จำเลยกู้ยืมเงินมาจากโจทก์ตั้งแต่ปี 2556 นี่ปี 2559 แล้ว โจทก์ต้องรออีกกี่ปีถึงจะได้เงินก้อนนี้คืนครบ หนี้เงินแค่หลักหมื่น จำเลยที่ไหนจะบอกว่าตัวเองมีตังครับ จำเลยก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่มีตังอยู่แล้วปะครับท่าน
ผมมีหลักฐานมากมายว่าจำเลยมีเงิน แต่จำเลยไม่ใช้หนี้ ทั้งการเข้าโรงพยาบาลเอกชน ค่าเทอมโรงเรียนเอกชนลูก การที่จำเลยจัดฟันแบบใส แต่ละอย่างค่าใช้จ่ายไม่ใช่ถูก ๆ นะครับ เงินแค่ 79,000 บาท ไม่มีปัญญาใช้หนี้ แต่อย่างว่าแหละครับ ท่านไม่แม้แต่จะฟังพยานหลักฐานของผมเลย นี่คือการให้ความยุติธรรมแก่โจทก์หรอครับ ?
คำพิพากษาที่ท่านเขียนให้ผมมันก็มีความหมายแค่กระดาษแผ่นนึงใช่ไหมครับแบบที่ท่านบอก มันทำให้ผมเห็นเลยครับ ว่าท่านเป็นคนกำพืดแบบไหนก่อนที่จะมาเป็นศาล ท่านเป็นคนแบบไหนท่านก็เป็นคนแบบนั้น ท่านเป็นคนที่ทำให้สถาบันยุติธรรมตกต่ำลง ท่านมันเป็นปลาเน่าที่ทำให้ท่านผู้พิพากษาดี ๆ หลายคนต้องถูกเหมารวมเพราะการกระทำของท่านไปด้วย