[CR] Autumn in Kyushu - Ep.4 - ตามหาคุมะมงที่ Kumamoto

Ep.1 - Huis Ten Bosch บินไปคิวชู แต่ไปโผล่ฮอลแลนด์: http://ppantip.com/topic/35236051
Ep.2 - ตามหาใบไม้แดงที่ Yutoku Inari: http://ppantip.com/topic/35263498
Ep.3 - ตามหาหัวใจที่ Nagasaki: http://ppantip.com/topic/35294708
Ep.4 - ตามหาคุมะมงที่ Kumamoto: http://ppantip.com/topic/35340828
Ep.5 - พาแฟนไปทัวร์นรก ที่ Beppu: http://ppantip.com/topic/35416017
Ep. 6 - ใครว่า Yufuin แค่ครึ่งวันก็พอ: http://ppantip.com/topic/35894794
Ep. 7 - แช่ออนเซ็นท่ามกลางใบไม้แดงที่ Kurokawa: http://ppantip.com/topic/35951771
Ep.8 - กินเพลินๆ ที่ Fukuoka: https://ppantip.com/topic/36053342/
Ep 9 - ล่องเรือในชุดกิโมโน ที่ Dazaifu & Yanagawa: https://ppantip.com/topic/36289772

          วันนี้ตื่นมาพร้อมท้องฟ้าแจ่มใส  เห็นแสงแดดแต่เช้า  เราสองคนจึงรู้สึกมีแรงฮึดเป็นพิเศษ เพราะสองวันที่ผ่านมา  ท้องฟ้าอึมครึมมีเมฆเยอะมาตลอด วันนี้เราบอกลา นางาซากิ แล้วมุ่งหน้าไปยังเมือง Kumamoto ด้วยรถไฟ Kamome ที่รวมอยู่ใน Northern Kyushu Pass

               ออกจากนางาซากิประมาณ 8 โมงครึ่ง นั่งไปประมาณสองชั่วโมงครึ่ง และไปแวะเปลี่ยนขบวนที่ สถานี Shin-Tosu  จากสถานีนี้ เราจะนั่ง รถไฟความเร็วสูง ชินคันเซ็น สายซากูระ Shinkansen (รวมอยู่ใน Pass แล้วเหมือนกัน) เพื่อไปยังคุมาโมโต้  ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เบ็ดเสร็จแล้วใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมง เม่าออกรถ

สถานี ชินโทซึ (Shin-Tosu Station)

รถไฟความเร็วสูง Sakura Shinkansen


          ในที่สุดก็ถึงสถานี Kumamoto ... เจอคุมะมงทักทายกันตั้งแต่ออกจากสถานี พาพันชอบ

          เช่นเดียวกับเมืองนางาซากิ  เมืองคุมาโมโต้ก็ยังคงใช้รถรางในการเดินทางในเมืองเป็นหลัก โดยจะแบ่งเป็นสาย A และสาย B ค่าตั๋วเที่ยวละ 150 เยน แต่เนื่องจาเราจะใช้รถรางค่อนข้างเยอะ เราจึงซื้อเป็น Kumamoto City Tram 1 Day Pass ราคา 400 เยน ที่สามารถใช้ขึ้น-ลง รถรางได้ไม่จำกัด ภายใน 1 วัน Pass นี้สามารถซื้อได้ที่ Information Center ในสถานีรถไฟคุมาโมโต้เลย
Credit: https://thewindowseat1a.com/2016/03/21/kumamoto/

          ก่อนอื่นเราเดินทางไปยังโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋ากัน คืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Kumamoto Tokyu Rei ที่ตั้งอยู่ใจกลางแหล่ง Shopping ถนน Shimotori
          การเดินทางมาโรงเเรมนี้ สะดวกสบายมาก นั่งรถรางสายA จากสถานี Kumamoto ไม่กี่นาที มาลงที่สถานี Karashima Cho ปุ๊บ ก็ถึงโรงแรมเลย

แผนที่รถรางเมืองคุมาโมโต้

          ฝากของเสร็จก็เลี้ยวเข้าถนน Shopping เพื่ออกหาอาหาร  มื้อนี้เราเล็งซูชิร้านดังอย่าง Sushi Zanmai ไว้

          ระหว่างทางมีร้านมาเบี่ยงเบนความสนใจมากมาย  แต่ด้วยความหิว จึงขอข้ามไปก่อน เรื่องปากท้อง เรื่องใหญ่ เม่าตกอับ

          และแล้วก็ถึงร้านซูชิ  มีพนักงานหน้าตายิ้มแย้มคอยเรียกลูกค้าอยู่ด้านหน้า

          เข้าไปจับจองหาที่นั่ง  เรากับคุณแฟนชอบนั่งตรงบาร์ เพื่อดูพ่อครัวปั้นซูชิไปด้วย

          สั่งมาหลายอย่าง ทั้งโอโทโร่ (298 เยน) ชูโทโร่  (248 เยน) เอ็นกาวะ (148 เยน)ไข่ปลาแซลมอน (198 เยน) ของโปรดทั้งนั้น จุ๊บๆ

          ตามด้วยปลาไหลชิ้นโต (898 เยน)

           หมดชุดแรก  ด้วยความถูกในในรสชาติ  สั่งวนกันไป เพิ่มแซลมอน(68 เยน) กะหอยเป่าฮื้อ (298 เยน) เข้าไปอีกหนึ่งรอบ ... ฟิน

           ออกมาจากร้านด้วยความอิ่ม  แต่ก็นะ  หากใครติดตามเรามาตลอดจะรู้ว่าทุกมื้อ มันจะไม่สุด หากไม่ได้ปิดท้ายด้วยของหวานเริศๆ สักหนึ่งอย่าง  และร้านที่เราขอแนะนำคือร้าน Swiss ที่ขายทั้งช็อคโกแลตและเค้ก

           หน้าตาสวยงาม  รสชาติก็ดี๊ดี

          เสร็จจากการเติมพลัง  (ได้ข่าววันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรนอกจากกิน) เราก็เริ่มมุ่งหน้าสู่ปราสาท Kumamoto อันยิ่งใหญ่อลังการ  ซึงจากถนน Shopping เราสามารถเดินปยังตัวปราสาทได้เลย

          เดินไปประมาณ 10 นาที ก็จะถึงทางเข้าปราสาท  

ซื้อตั๋วเข้าชมราคา 500 เยน

          !! แต่เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนเมษายน 2559 ทำให้ปราสาทคุมาโมโต้เสียหายไปเยอะมาก เม่าเหม่อ
ทั้งบริเวณหลังคา และกำแพงโดยรอบ ทำให้ตอนนี้ปราสาทยังคงปิดซ่อมอยู่โดยไม่มีกำหนด  หากใครวางแผนที่จะไปเที่ยวชม สามารถเช็คสถานการณ์ปัจจุบันได้จากลิ้งนี้ค่ะ (http://www.japan-guide.com/e/e4501.html)

          เข้ามาในบริเวณปราสาท เป็นสวนขนาดใหญ่  มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น  

          เดินเลียบกำแพง และตามป้ายบอกทางไปไม่นาน  (แต่ก็แอบเหนื่อย เพราะมีขึ้นบันไดเยอะเหมือนกัน )ก็จะถึงบริเวณตัวปราสาท

          เจอภาพนี้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  ขอบคุณเทพทั้งหลายที่ปัดเป่าเหล่าเมฆฝนออกไป  ทำให้วันนี้ฟ้าใสปิ๊ง  เหมาะกับการถายรูปซะเหลือเกิน เม่าดี๊ด๊า

          ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1607 โดยไดเมียวที่ชื่อว่า Kato Kiyomasa ซึ่งเป็นนักรบที่มีประสบการณ์ในการรบอย่างโชกโชน  ปราสาทแห่งนี้จึงถูกออกแบบมาให้มีลักษณะที่เหมาะแก่การเป็นป้อมปราการณ์ และตั้งอยู่ในจุกยุธศาสตร์ที่ดี

          ตัวปราสาทแบ่งเป็นสองอาคาร อาคารหลักหลังใหญ่มี 6 ชั้น และอาคารหลังเล็กมี 4 ชั้น  ในช่วงยุคปฏิวัติสมัยเมจิ  ปราสาทแห่งนี้ได้มีบทบาทที่สำคัญ เพราะเป็นที่ที่รัฐบาลใช้เป็นป้อมปราการณ์สุดท้าย ในการต่อต้านการลุกฮือของกลุ่มซามูไร ที่นำโดยซามูไรที่ชื่อว่า Saigo Takamori เรื่องราวของเขาได้ถูกนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่อง Tha Last Samurai นั่นเอง (เรื่องที่ Tom Cruise เล่น ยังพอจำกันได้มั้ยเอ่ย เค้าล้อเล่น)

          ระหว่างเดินขึ้นไป  แต่ละชั้นมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของปราสาทแห่งนี้  รวมทั้งยังทำให้เราได้มีโอกาสเห็นโครงสร้างภายในของตัวอาคาร

          ชั้นบนสุดของอาคารหลักเป็นจุดชมวิวอันยอดเยี่ยม สามารถมองเห็นสวนรอบๆปราสาท และเมืองคุมาโมโต้ได้ 360 องศา

          อุ๊ย  เจอเจ้าคุมะมงอีกแล้ว  ดังจริงๆ

          ติดกับตัวปราสาท ยังมีอีกส่วนที่น่าสนใจ ก็คือ ส่วนการจำลองพระราชวัง Honmaru Goten อาคารส่วนนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 400 ปีของปราสาทคุมาโมโต้ และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตั้งแต่ในปี 2008 ส่วนพระราชวังของจริงดั้งเดิมนั้น ได้ถูกทำลายไปในช่วงสงครามกลางเมือง Seinan เพี้ยนแช๊ะ

          ถึงแม้จะเป็นของจำลอง  ที่นี่ก็ถูกสร้างโดยใช้วัสดุ และวิธีการก่อสร้างที่ใช้จริงๆในยุคนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงเห็นความงดงามและมนต์เสน่ห์ของสิ่งก่อสร้างในยุคเก่า

          ออกจากวังจำลอง  ถ่ายรูปกับตัวปราสาทอีกครั้ง ก่อนกลับ  แปลงร่างเป็นซามูไรกันสักหน่อย

          ระหว่างจะเดินออก ได้ไปเจอกับกลุ่มซามูไรตัวจริงเข้า แต่ละคนชุดจัดเต็ม พร้อมทั้งโพสท่าให้ถ่ายรูปอย่างเต็มที่มาก

          เราเลยขออนุญาติคุณสามี  วิ่งไปถ่ายรูปกับซามูไร  หลังจากได้รับอนุญาติ  วิ่งเข้าไปซบทันที (รออะไรหละค่ะ ... คริคริ)  แต่แอบกลัว เพราะทำหน้าเข้มเหลือเกิน เม่าอดีต

          ออกมาถึงนอกปราสาท เรามุ่งหน้าหาที่กิน (อีกแล้ว) เพราะได้ยินมาว่าแถวนี้มีโซนร้านค้าและร้านอาหารที่น่าสนใจอยู่ เรียกว่า Sakuranobaba Johseien  
          เลี้ยวซ้าย ตามป้ายไปเลย

          เดินไปไม่นาน ไม่นานก็ถึงละ

          แถวนี้คนคึกคักทีเดียว  วันนี้เราจะมาตามหา 3 สิ่งที่ต้องกิน ที่ท่องมาจากบ้าน ท่องมาตั้งแต่อยู่เมืองไทย ว่าอยากจะลองกินคือ 1. ครอกเก้ไข่หอยเม่น 2. ครอกเก้เนื่อม้า 3. Amasake เหล้าหวานที่ทำจากข้าว
ชื่อสินค้า:   Kumamoto,Kyushu
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่