นิพพานหนองเสม็ด

การภาวนาเป็นสำคัญมาก โลกชาวพุทธเรานี้ได้ยึดศาสนาที่เลิศเลอแล้ว ทำไมเจ้าของจึงเลวเอานักหนา เอาความเลวเข้าไปแข่งพระพุทธเจ้าใช้ไม่ได้นะ พระพุทธเจ้าเลิศเลอ สาวกทั้งหลายเลิศเลอ เพราะตามเสด็จพระพุทธเจ้าด้วยข้อปฏิบัติที่ถูกต้องดีงาม ตามทางที่องค์ศาสดาสอนไว้แล้ว แต่พวกเรานี้มันแฉลบออกนอกลู่นอกทาง ตกหลุมตกบ่อไปอย่างนั้น มันก็ไม่ได้เรื่องละซิ ธรรมนี้แม่นยำตลอด สดๆ ร้อนๆ ไม่มีกาลนั้นสถานที่นี้มาทำลายธรรมนี้ได้ ขอให้ปฏิบัติตามธรรมที่พระองค์สอนไว้นั้น จะแม่นยำไปโดยลำดับ ถ้าลงได้เต็มภูมิแล้วมันหมดเรื่องความสงสัย หมดในเรื่องการที่จะสั่งสอนคนว่าจะสอนได้ไม่ได้ ไม่มี ออกมาแง่ใดปั๊บ เข้าใจทันทีๆ เพราะกิเลสกับธรรมเคยฟัดกันมาแล้ว อะไรเป็นกิเลส อะไรเป็นธรรม อะไรเป็นทางถูกทางผิด จะรู้ทันทีๆ อย่างนั้นละการปฏิบัติธรรม

พอพูดอย่างนี้ก็ระลึกเห็นลูกศิษย์ เขาก็พูดกับอาจารย์ของเขานั่นแหละ อาจารย์ของเขาก็คือนี้ (หลวงตา) เขามาคุยอวดอาจารย์เขา เราก็ขบขันจะตาย จะบอกว่าผิดทีเดียวไม่ได้ ต้องเกาะอันหนึ่ง จับอันหนึ่งติดแล้วค่อยปล่อยอันหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรจับติด คว้าเลยตกเหวตกบ่อไปได้ พอไปถึงบ้านเขา เขานิมนต์ไปบ้านเขา เราก็ไป พอไปถึงเขาก็ว่า อาจารย์ โยมได้เห็นแล้วนะนิพพาน เป็นยังไงว่าซิ นู่นอยู่ทางหนองเสม็ด เขาชี้ไปทางหนองเสม็ด แล้วโยมไปยังไงถึงไปถึงนิพพานหนองเสม็ดล่ะ เราว่า โยมพิจารณาไปอย่างนั้นๆ มันก็เป็นนิพพานหนองเสม็ดทั้งนั้น มันไม่ใช่ทางนิพพานจริงๆ มันเป็นนิพพานหนองเสม็ด เราถาม แล้วพิจารณายังไงถึงไปเจอเอานิพพานหนองเสม็ด ก็พิจารณาอย่างนั้นๆ มันมีแต่ทางไปหนองเสม็ด

พอเขาพูดจบลงแล้วเราก็ว่าเอาละ เราไม่ปัดนะ เพราะเวลานั้นเขาไม่มีอะไรยึด เขาถืออันนั้นเป็นอารมณ์ บอกว่าผิดเสียทีเดียวเขาไขว่คว้า เพราะฉะนั้นเราจึงว่า เอ้อ เอาไว้ก่อนนะ ทีนี้ให้พิจารณาอย่างนี้ๆ นะ อันนี้นิพพานไหนก็ไม่รู้ละ ไม่ได้บอกว่านิพพานหนองเสม็ด สอนเขาให้ปฏิบัติตามนี้ หนองเสม็ดนั้นเรารู้แล้วเห็นแล้วพักไว้ก่อนนะ ไม่หายไปไหนแหละ ไม่ต้องกลัวว่าจะหายไปไหน ขอให้พิจารณานี้ก็แล้วกัน คือรู้อันนี้แล้วมันจะปล่อยเอง ความหมายว่างั้น แกก็พิจารณา โอ๊ย แกพูดอย่างอาจหาญนะ พอเราไป อาจารย์ โยมได้ถึงนิพพานแล้วนะ ขึ้นเลยทันที นิพพานอยู่ที่ไหนล่ะ นู่น อยู่ทางหนองเสม็ด แกชี้ไปโน่น หนองเสม็ดอยู่ทางโน้น แล้วโยมพิจารณายังไงถึงไปรู้นิพพานหนองเสม็ดล่ะ โยมพิจารณาอย่างนั้นๆ ถึงนิพพานหนองเสม็ด

พอเสร็จแล้วเราก็บอก เออ ยกไว้เสียก่อนนะนิพพานหนองเสม็ดนั่น ทีนี้ให้พิจารณาอย่างนี้ๆ นะ หนองเสม็ดไม่ไปไหนแหละ เอาตรงนี้ก่อน พิจารณาไป ทีนี้ขวนขวายหานิพพานเพิ่มหนองเสม็ดอีก เราบอกงั้น เราบอกนิพพานเพิ่มหนองเสม็ด ถ้าไปบอกว่าผิดไม่ได้ อย่างนั้นละการสอนคน ถ้าปัดมือเขาออกเขาไม่มีที่ไขว่คว้าแล้วล้มเหลวไปเลย ต้องปล่อยไว้นั้นเสียก่อน ทีนี้พอสอนวิธีการให้แล้ว อีก ๓ วัน เขาก็เร็วอยู่นะ กลับมา โหย ขอกราบอาจารย์ ขอกราบหาอะไร ก็ที่โยมว่านิพพานหนองเสม็ดมันไม่ถูก ที่ถูกมันเป็นยังไงล่ะลองว่าซิ แกก็เล่าเรื่องภาวนาให้ฟัง คราวนี้แกไม่บอกว่าแกถึงนิพพานนะ มีแต่บอกว่านิพพานหนองเสม็ดนั้นผิด แล้วโยมพิจารณายังไง แกก็เล่าให้ฟัง เราก็เสริม ทีนี้พิจารณาอย่างนี้

ที่อาจารย์สอนนี้ แหม ถูกต้องแม่นยำมาก สว่างจ้าไปเรื่อยๆ เรื่อยไปเลย เอาทีนี้พิจารณาอย่างนั้นๆ ให้แกเพิ่มเข้าไปอีก คือแกจับหลักนี้ได้แล้ว เราก็เลยไม่พูดถึงเลยว่า นิพพานหนองเสม็ดเป็นยังไงต่อยังไง เพราะแกจับได้แล้วก็ปล่อยเองจะยากอะไร ที่ยังไม่ปล่อยก็คือว่ามันไม่มีที่จับ เข้าใจว่าอันนั้นถูกต้องแล้ว แกก็ยึดอันนั้นไว้ ยึดนิพพานหนองเสม็ดไว้ก่อน จากนั้นแกก็ปล่อยของแกเอง นี่การสอนคน เอะอะจะปัดทันทีไม่ได้ ยังไม่มีที่ยึด ไขว่คว้าไม่มีที่ยึดล้มเหลวได้ ถ้าไม่มีที่ยึด มือนี้จับนี้ ยังไม่มีที่ยึดก็ต้องจับไว้ก่อน พอจับนี้ได้ปั๊บปล่อยมือนี้ปุ๊บไปเลย อันนี้พอจับหลักได้ปั๊บปล่อยนี้ปุ๊บไปเลย เป็นอย่างนั้นละ

เรื่องการอบรมจิตใจ ให้ท่านทั้งหลายอบรมนะ ที่ระงับดับทุกข์จะอยู่ที่ใจ ฟังให้ดีคำนี้ ไม่มีที่ไหนเป็นที่ดับทุกข์ได้ยิ่งกว่าทำจิตตภาวนา ดับทุกข์ที่ใจ พอลงที่นี่แล้วความทุกข์ทั้งหลายนี้กิเลสออกไปคว้าเข้ามาเผาเรา พอธรรมดับกันตรงนี้แล้วมันก็ไม่ออกไปไขว่คว้า ทีนี้สั่งสมธรรมขึ้นก็สว่างไสวขึ้น อันนี้ก็สงบลงๆ นี่ละการภาวนาเป็นของสำคัญอย่างนี้ พุทธศาสนาเราหาที่ต้องติไม่ได้แล้ว เราคอขาดแทนเลย ขนาดนั้นนะ เราไม่มีอะไรสงสัยพุทธศาสนา เพราะขึ้นเวทีฟัดกันเต็มเหนี่ยวแล้ว พระพุทธเจ้าสอนว่ายังไง ลูบๆ คลำๆ ทีแรก ไปก่อนนะ แต่ให้เดินไปตามทางของศาสดาที่สอนไว้ ลูบๆ คลำๆ ก็ลูบคลำไปตามทางนั้นแหละ ตาบอดหูหนวกก็ค่อยก้าวไปตามผู้ตาดี คือธรรมสอนไว้ ก้าวไปๆ มันก็เบิกกว้างออกๆ

เพราะฉะนั้นพูดถึงเรื่องตั้งแต่ ศีล สมาธิ ขึ้นไป เราจึงไม่สงสัยในตัวของเรา ถ้าว่าศีลก็บริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวตลอด สมาธิก็เริ่มไปตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน เจริญแล้วเสื่อมๆ ก็พูดให้ฟังแล้ว จนกระทั่งถึงเกาะติดแล้วทีนี้ก็ก้าวเรื่อยๆ ออกทางด้านปัญญาก็อย่างที่ว่า ที่มาพูดนี้แต่ละคนๆ จะพูดได้เท่าที่พูดได้เท่านั้น ที่พิสดารนอกจากนี้ไป ในวงแห่งการพิจารณายังมากกว่านั้นนะ แต่เราจับปั๊บได้เท่านั้นพอๆ เพราะเคยพิจารณาแล้ว นี่ละเรื่องปัญญา ปัญญาเป็นทางเบิกกว้างกิเลสทั้งหลาย จะสงบและขาดไปด้วยปัญญา สมาธิตีกิเลสเข้ามารวมตัว แล้วปัญญาเข้าฟาดฟันหั่นแหลกกัน กิเลสจะตายด้วยปัญญา ไม่ได้ตายด้วยสมาธิ สมาธิเป็นแต่เพียงว่าไล่ตะล่อมเข้ามาสู่จุดรวม ที่จุดจนตรอกของกิเลส แล้วปัญญาฟาดลงที่นั่นขาดสะบั้นลงไป จำให้ดีนะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้น แล้วมีอะไรอีกล่ะ

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่