ฝากลมมาห่มรัก โดย ลอมชอม ตอนที่ 3 พบช้างเผือก

ตอนที่ 3 พบช้างเผือก

อากาศต้นฤดูหนาวของเชียงใหม่ ช่างหนาวจับขั้วหัวใจ จนพระภิกษุต้องใส่หมวกไหมพรมออกเดินบิณฑบาต บรรยากาศตอนใกล้รุ่งทั่วทั้งเมืองเชียงใหม่ปกคลุมไปด้วยหมอก เหมือนเมืองในฝัน เฉกเช่นเมืองในจินตนาการเทพนิยาย

อนิลวิ่งเหยาะ ๆ มาตามถนนรอบคูเมืองเพื่อออกกำลังกาย เหมือนกับที่เขาทำทุกเช้าตอนอยู่กรุงเทพ สวนรถไฟใกล้บ้านคือสถานที่ที่เขาไปวิ่งประจำ เพราะรู้สึกสดชื่นกว่าวิ่งในหมู่บ้านกลางเมือง ที่อาศัยอยู่ ชายหนุ่มวิ่งไม่ต่ำกว่า 10 กิโลทุกวัน บางวันเขาก็โทรไปปลุกลากรวิลงจากเตียง มาวิ่งเป็นเพื่อนเขา หรือไม่ก็ลากนักธุรกิจไฟแรงอย่างรวิ ไปสมัครฟิตเนสใต้คอนโดของเขาเอง จนรวิต้องขอร้องแกมบังคับว่า ช่วยปล่อยให้เขานอนสบายต่อสัก 2-3 ชั่วโมงเถอะ เพราะวันไหนมีประชุมดึก เขาต้องใช้สมองอย่างหนักและอยากนอนสถานเดียว

รวิบอกคนบ้าพลังอย่างเขาให้หาแฟนเป็นเรื่องเป็นราว แล้วชวนแฟนเขาไปวิ่งแทน เพราะทุกครั้งที่ไปวิ่งด้วยกัน แฟนคลับของเขาจะต้องมาเจอแล้วขอถ่ายรูปเขากับรวิ และมองด้วยสายตาแปลก ๆ เสมือนพวกเขาสองคนมีเขางอกออกมาเป็นแง่งของเก้งกวาง แค่คิดรวิก็ขนลุกแล้ว แต่เขากลับหัวเราะอย่างขบขัน ความจริงจังขึงขังของเพื่อนที่เจ้าระเบียบคนนี้ ภาพลักษณ์ต้องดูดี ต้องเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว ห้ามตกหล่น ตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายเท้า
ถ้าเปรียบเขาเป็นสายลมที่อิสระเบาสบาย เขาชอบแต่งตัวง่าย ๆ อย่างเสื้อยืด กางเกงยีนส์ เขามีกางเกงแสลค เสื้อสูท เน็คไท เหมือนกันแต่เก็บไว้ใช้ในโอกาสสำคัญเท่านั้น

ส่วนรวิเปรียบได้ดั่งดวงตะวัน ที่สว่าง อบอุ่น แต่ร้อนแรงแสงจ้า สูทสีดำกว่าสามสิบแบบรีดเรียบเรียงรายอยู่ในตู้เสื้อผ้า พร้อมกางเกงสีเดียวกัน เชิ๊ตอาร์มานี่ดีไซน์พอดีตัวสีอ่อน ไล่เฉดเรียงเต็มตู้อีกฟาก เน็คไทม้วนเรียบร้อยอยู่ในกล่องสามกล่อง ในลักษณะที่ไม่มีทางพบได้ ในผู้ชายอย่างเขา สายลมที่สบายจนไร้ระเบียบ กางเกงยีนส์ซักสองเดือนครั้ง เสื้อทีเชิ๊ตไม่เคยรีด แค่ซักสะอาดม้วน ๆ ใส่ตะกร้าไว้ จะใส่ตัวไหนก็หยิบมาสะบัด ๆ เขาจะพิถีพิถันการแต่งตัวตอนต้องออกงานสังคมเท่านั้น

นึกถึงตอนนี้ เขาก็หัวเราะออกมาอย่างรื่นรมย์ ความแตกต่างของผู้ชายสองขั้ว แต่จูนกันลงตัวด้วยคำว่า...มิตรภาพความเป็นเพื่อน ลมกับตะวันจะเป็นเพื่อนกันจนวันตาย

อนิลวิ่งมาได้เกือบสิบกิโลแล้ว เมื่อเลี้ยวเข้าถนนเส้นหนึ่ง อย่างไม่รู้ตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าทำให้เขาต้องหยุดวิ่งและยืนหลบมุมเสาข้างรั้วดงดอกเข็ม แอบดูอย่างเงียบ ๆ

วันนี้ภาพของสาวน้อยผมเผ้ายุ่งเหยิงมีกิ่งไม้ใบไม้แซมผม หน้าตามอมแมมเหมือนแมวคล้าว หายไปจากความทรงจำของอนิล ชายหนุ่มอมยิ้มชื่นชมกับภาพตรงหน้า

สาวน้อยในชุดผ้าซิ่นทอมือสีชมพูอ่อนหวาน กับเสื้อลูกไม้คอบัวแขนตุ๊กตา สีขาวสะอาดตา วันนี้หล่อนปล่อยผมสีดำสนิทเรียบลื่นที่หวีจนขึ้นเงา ทิ้งลงกลางหลังยาวจนเกือบถึงสะโพก ผมหล่อนยาวและสวยมาก ในสายตาของชายหนุ่มที่เจอแต่ผมแต่งทรงของสาวชาวกรุง ไม่ดัดก็ย้อมจนสูญเสียความเป็นธรรมชาติไป เมื่อมาเจอผู้หญิงที่ผมยาวตรงสวยแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้มาเจอช้างเผือกที่อาศัยอยู่ในป่าลึก และเขารู้สึกหึกเหิมเหมือนนายพรานไพรที่ตั้งใจจะใช้ทุกวิธีในการคล้องช้างเผือกเชือกนี้มาเลี้ยงให้ได้

แต่ก่อนจะใช้ยุทธวิธี ตอนนี้เขาต้องมีตัวช่วยก่อนและ ตอนนี้ตัวช่วยของเขาก็เดินออกมาสมทบกับหญิงสาว พร้อมขันใส่บาตรที่มีข้าวสวยร้อน ๆ ควันกรุ่น และเด็กหญิงคนหนึ่งยกถาดใส่ถุงกับข้าว ขนมและน้ำตามออกมาวางบนโต๊ะหน้าบ้าน พระภิกษุยังไม่มา นี่คือโอกาสอันดี แล้วชายหนุ่มก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง

“อ้าว พ่อลม มาได้ยังไงลูกแวะก่อนซิจ๊ะ" น่านไงตัวช่วยเขาเริ่มทำงานแล้ว ชีวิตช่างสวยงามเหลือเกินลม

“สวัสดีครับคุณป้าจันทร์ ผมออกมาวิ่งออกกำลังกายครับ วิ่งวนไปวนมา ได้เกือบสิบกิโลแล้ว ไม่รู้มาโผล่ถนนเส้นนี้ได้ยังไง บังเอิญจริง ๆ เลยนะครับ" ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มหันไปพูดกับสาวน้อยที่ยืนหน้างอง้ำ อยู่ข้าง ๆ ผู้สูงวัย

“ไหน ๆ ก็เจอกันแล้ว มาใส่บาตรด้วยกันสิพ่อลม "ป้าจันทร์เชื้อเชิญอย่างคนใจดีมีน้ำใจ ผิดกับสาวน้อยมะลิเพราะยังไม่ทันที่ป้าจันทร์จะพูดจบก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาแบบหักหาญ

“มะลิไม่ใส่บาตรร่วมกับนายลมพิษนะแม่ยาย มะลิไม่อยากเจอนายนี่อีกชาติหน้า" หญิงสาวพูดจบก็รีบหันไปแย่งขันข้าวจากมือป้าจันทร์ มากอดไว้ไม่ยอมปล่อย เพราะกลัวจะมีคนมาแย่งไปใส่เสียเอง ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะออกมานักกับท่าทางเด็กหวงขันข้าว แต่ยังเกรงใจผู้สูงวัยที่ยืนส่งสายตาเอือมระอาส่งให้หลานสาวจอมโวยวาย

“ไหนเมื่อเช้าใครสัญญากับแม่ว่า ต่อไปจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะพูดกับคนอื่นเพราะ ๆ ไม่โวยวายโหวกเหวกอีก” ผู้สูงวัยทวงสัญญาออกมายืดยาว จนสาวเจ้าทำคอหด อย่างสำนึกผิด แต่มีวายขว้างค้อนคมใส่ตาเขาแล้วสะบัดหน้าพรืดหนีไปอีกทาง

“พ่อลมมายืนข้างน้องสิลูก ถ้ามะลิอยากใส่ข้าว พ่อลมก็ใส่ข้าวพร้อมน้องแล้วกัน ป้าจะใส่กับข้าวกับขนมดอกไม้เอง" ผู้อวุโสจัดแจงแบ่งสัดส่วนการตักบาตรได้ถูกใจเขาที่สุด เขายิ้มกว้างขอบคุณนาง แล้วรีบเดินไปยืนใกล้ ๆ สาวน้อยหน้าง้ำแบบปิดทางหนีกันเลยที่เดียว

“ออกไปยืนไกล ๆ เลย เกะกะ ฉันเหม็นเหงื่อด้วยสกปรกยี้" หญิงสาวกระซิบแบบไม่เปิดปากพร้อมทำหน้ารังเกียจเดียดฉันท์เขาแบบโอเว่อร์แอคติ้ง จนเขาอยากจะบีบจมูกรั้น ๆ นั้นให้หายใจไม่ออก มันหน้าหมั่นเขี้ยวจริง ๆ ให้ตายเถอะ!

“แต่น้องไม่ได้ยินที่แม่ยายน้องสั่งเหรอ ท่านบอกให้พี่มาใส่ข้าวพร้อมน้อง น้องจะขัดใจแม่ยายเหรองั้นพี่คงต้องบอก.."

“เออ จะใส่ก็ใส่ น่ารำคาญที่สุด พวกคนขี้ฟ้องเนี่ย ฉันใส่ก่อนแล้วนายใส่ที่หลังสลับกันแล้วกัน จบนะ!"

“คุยอะไรกันหนุงหนิงเชียวลูก นั่นพระมาแล้ว ถอดรองเท้านั่งรับพระกันเร็ว" นางรีบสั่งและทำให้ดูเป็นตัวอย่างแต่เพราะเขาใส่รองเท้ากีฬามาทำให้การถอดรองเท้าทุลักทุเลพอสมควร

“ชักช้า ไม่รู้จะมาทำไม" โดนไปอีกที แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจอกันน้องมะลิ แม่ปีศาจกระเบื้องเคลือบ

พระภิกษุจากวัดในตัวเมืองเชียงใหม่เดินเรียงแถวมาด้วยกันเก้ารูป กิริยาที่สำรวมตาหลุบมองถนนในทุกย่างก้าวที่เดิน เป็นภาพที่สวยงามน่าเลื่อมไสยิ่งนักในสายตาเขา หายากมาก พระสงฆ์ที่สำรวมกิริยาอาการ สมกับอยู่ในเพศบรรพชิต เพราะสังคมสมัยใหม่ ทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ตกต่ำลง ทั้งเพศฆราวาสและเพศบรรพชิต ต่างถูกกลืนด้วยวัตถุจนล้น เราต่างตกอยู่วงล้อมของเทคโนโลยีที่หลั่งไหลสิงใจผู้คน ทั้งข่าวสารและข้อมูลที่ส่งถึงกันอย่างว่องไว จนขาดการพินิจพิเคราะห์ ขาดการยังคิด ขาดสติคิดตริตรองก่อนแชร์ข่าวสารนั้น ๆ อนิลไม่ใช่คนประเภทต่อต้านการเปลี่ยนแปลงถ้ามันเปลี่ยนไปในทางที่เจริญขึ้น เขาเป็นคนประเภทสุขนิยม จึงพร้อมจะสร้างความสุขได้ด้วยความเรียบง่าย อย่างที่เขาพบในวันนี้

พระภิกษุเก้ารูปรับบาตรมาตลอดเส้นทาง จนสักพักหนึ่งท่านก็เดินมาถึงหน้าร้านครัวมัลลิกา

“นิมนต์ก่อนเจ้า" ป้าจันทร์พูดภาษาถิ่นนิมนต์พระให้หยุดรับบาตร

พระภิกษุหยุดต่อแถวรอตรงหน้า มัลลิกาและอนิล ชายหนุ่มยืนเคียงข้างหญิงสาวเพื่อตักข้าวใส่ในบาตรพระรูปแรก แต่แทนที่เขาจะสลับกันใส่พระคนละรูปกับหญิงสาว เขากลับจับมือหล่อนที่จับทัพพีแล้วตักข้าวในขันใส่บาตรพระอย่างรวดเร็ว มัลลิกาอ้าปากค้างกับการกระทำที่ตั้งตัวไม่ทันแบบนี้ของอนิล

แต่เมื่อพระรูปแรกผ่านไปรับกับข้าว น้ำดื่มและดอกไม้จาก ผู้สูงวัยและเด็กผู้ช่วยงาน พระรูปสองก็เดินมาเปิดฝาบาตรรอ มิไยที่หล่อนจะพยายามดึงมือออก แต่อนิลก็จับมือหล่อนไว้แน่น และใช้สายตาบังคับว่าอย่าให้พระท่านรอ หล่อนจึงต้องปล่อยเลยตามเลย ตักบาตรพระเก้ารูปร่วมกับชายหนุ่มจนเสร็จ ต้องเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจเพราะไม่อยากตกนรก ถ้าทำบุญด้วยใจที่ขุ่นมัวและหน้าบึ้งตึง หล่อนต้องตั้งจิตอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และอุทิศบุญให้ชายหนุ่มคนข้าง ๆ ด้วย เพราะหล่อนนับรวมนายคนนี้เป็นหนึ่งในเจ้ากรรมนายเวรของเธออีกหนึ่งคน …

เมื่อการตักบาตรเสร็จสิ้นลง มัลลิกาก็เดินฉับ ๆ คว้าขันใส่ข้าวเดินเข้าบ้านไปแบบไม่ยอมมองหน้าเขา และใคร เขาจึงอาสาป้าจันทร์ช่วยเก็บโต๊ะพับและยกเข้ามาเก็บในบ้าน ป้าจันทร์ชวนเขาให้กินอาหารเช้าด้วยกัน เพราะตอนนี้ร้านยังไม่เปิด แต่จะเปิดเวลาเก้านาฬิกาตรง ตอนแรกเขาก็ว่าจะปฏิเสธอีกครั้งเพราะเขาอยากรีบกลับไปอาบน้ำ เพราะเหนียวตัวเต็มที ในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากปฏิเสธอีกครั้ง มัลลิกาก็เดินเข้ามาพร้อมใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือแบบถูไปถูมาอย่างแรง ป้าจันทร์มองหญิงสาวอย่างสงสัย

“มะลิหนูทำไมถูมือแรงอย่างนั้นล่ะลูก ดูสิมือแดงหมดแล้ว" นางพูดจบก็เดินไปจับมือหลานสาวตัวแสบขึ้นมาดู

“แม่ยายขา แอลกอฮอล์ล้างมือเราอยู่ไหนคะ ลิอยากได้มาถูมือสักหน่อยค่ะ"พูดจบก็ปลายตามามองเขาแล้วทำท่าอุทานแบบพึ่งเห็นว่าเขานั่งหัวโด่อยู่ทนโท่แสบจริง ๆ นะมะลิ

“อ้าว นายยังอยู่เหรอ นึกว่าไปแล้วเสียอีก อยู่ทำอะไรมิทราบคะ ร้านเปิด9โมงเช้าค่ะ รับทราบนะคะ" ทั้งประโยคหล่อนจะเน้นคำลงท้ายคะค่ะแบบพิเศษ เหมือนประชดเขาว่าเชื่อแม่ยายนี่คือพูดเพราะที่สุดกับเขาแล้ว คำพูดปฏิเสธถูกกลืนลงคอ ความอยากชนะนำพาให้เขาบอกออกไปว่า

“พี่มีธุระจะคุยกับป้าจันทร์เป็นการส่วนตัวหน่อยนะครับ หวังว่าน้องมะลิจะอนุญาตนะครับ" พูดจบเขาก็ส่งยิ้มกระชากใจให้หญิงสาว แล้วก็สมใจเขาจนต้องแอบอมยิ้ม เมื่ออ่านสายตาของกวางสาวระวังภัย และเด็กหวงของหญิงสาวได้

“แต่แม่ยายไม่ว่างใช่ไหมคะ งานในครัวยังไม่เรียบร้อยเลย" หล่อนกล่าวจบก็รีบมายึดแขนของป้าจันทร์เอาไว้แน่น แบบไม่ยอมให้ป้าจันทร์อยู่กับเขาสองต่อสอง

“เดี๋ยวลิช่วยแม่ไปคุมส้มจี๊ดทอดหมูทอด กับไส้อั่วหน่อยนะลูกอย่าให้ใช้ไฟแรงจะไหม้เอา แกงกับน้ำพริกอ๋องแม่ทำเสร็จแล้ว หนูช่วยป้าคำแก้วล้างผักสดหน่อยนะลูก" ป้าจันทร์วานหญิงสาวให้ช่วยงานประจำวันแบบต้องการกันหล่อนให้ออกจากวงสนทนา

พอหล่อนได้ยินแบบนั้น ก็รีบส่งสายตาอาฆาตแค้นแผ่รังสีมาให้เขาทันที เหมือนกับจะปรามเขากลาย ๆ ว่าอย่าฟ้องแม่ยายนะ ว่าฉันร้ายกาจกับนายยังไง ..ก่อนเดินเข้าไปในครัว หล่อนหันมาสบตาเขาอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาสงสัยมาให้ เขาจึงส่งยิ้มจริงใจไปให้ใส่ตาหล่อน แต่แทนที่จะได้ยิ้มหวาน ๆ ตอบกลับมา หล่อนกลับแลบลิ้นใส่ตาเขาแล้วผลุบหายไปในครัวอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาในความแก่นของหญิงสาว แต่เขามีภารกิจที่ต้องจัดการ ขอฝากไว้ก่อนนะมะลิ แล้วสักวันพี่จะเอาคืน

อนิลหันมาหาป้าจันทร์และเริ่มพูดในสิ่งที่ตั้งใจ และชายหนุ่มรู้สึกได้ว่างานนี้ เขาไม่ได้ลงทุนเปล่า ๆ แน่นอน ชายหนุ่มยิ้มอย่างมุ่งมั่น..

....จบตอน 3 .....

ตอนที่ 1 แรกรัก       http://ppantip.com/topic/35327094
ตอนที่ 2 พรพรหม    http://ppantip.com/topic/35327127

^__* ลอมชอม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่