ของเค้าดีจริงนะ
ขอบคุณภาพจาก singstreetmovie.com จ้า
Sing Street รักใครให้ร้องเพลงรัก
คะแนนความชอบ 10+++++
"ถ้าเราไม่เคยเศร้าเลย...เราจะมีความสุขได้อย่างไร บางครั้งก็ต้องเลือกเศร้าบ้าง...เพื่อจะได้เห็นคุณค่าของความสุขที่เข้ามาในชีวิต (Happy sad)"
***ไม่สปอยเนื้อหาสำคัญในหนัง***
.
เป็นยังไงบ้าง???
.
1. เรื่องเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นยุค 80 พระเอกไปชอบสาวรุ่นพี่ ก็เลยตั้งวงดนตรี แต่งเพลง เพื่อหาเรื่องชวนสาวที่ตัวเองชอบมาเป็นนางเอกเอ็มวี หวังจะได้พิชิตใจ
.
2. ต้องบอกก่อนว่า "นี่เป็นหนังที่โคตรอยากดูมากที่สุดของเดือนนี้เลย" รู้สึกถูกจริตกับหนังเพลงยุค 80 หรือเก่ากว่า (เราชอบหนังสไตล์นี้ อย่างเรื่อง God Help The Girl เมื่อปี 2014 หรือ Once ปี 2007 นี่ก็ชอบมาก) สำหรับเรื่องนี้ แค่ตัวอย่างฉากพระเอกร้องเพลง Take on me ของ A-HA เพียงท่อนเดียว...ก็รู้สึกหลงรักหนังเรื่องนี้แล้ว
.
3. พอดูจบ เรากลับรักมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า (นี่ขนาดตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงแล้วนะ) และกลายเป็นหนังที่ชอบที่สุดของ จอห์น คาร์นี่ย์ไปแล้ว เราชอบที่มันไม่โลกสวยเหมือน Begin Agian ( ช่วงนั้นเบื่อ Lost Star มากกกก คือแรกๆก็ชอบนะ แต่หลังๆชักเยอะ ไปไหนก็เจอแต่เพลงนี้ 555) และเรื่องนี้ก็ไม่ได้อินดี้ Deep เท่าเรื่อง Once
.
4. จริงๆเนื้อหาก็ดาร์กและน่าสนใจในระดับนึง มีทั้งประเด็นเผด็จการในโรงเรียน ปัญหาครอบครัว
.
5. ชอบคำว่า "Happy sad" ในหนัง "ความสุขปนความเศร้า" (จำไม่ได้แล้วว่าพี่เจไดยุทธแปลออกมาใช้คำว่าอะไร) คำนี้ทำให้เรากลับมาคิดต่อว่า ...."ไม่มีใครสุขได้ 100% หรอก คือต่อให้สุขมากแค่ไหนมันก็มีความเศร้าปนมาอยู่บ้าง ชีวิตมันต้องมีทั้งความหวานความขมปนกันไป ..." อย่างในหนังที่ตัวละครหลักทุกตัว ต่างก็ไม่สมบูรณ์ ทุกคนล้วนมีปมชีวิตทั้งนั้นแหล่ะ ขึ้นอยู่กับตัวเราจะอยู่กับความสุขหรือจมกับความเศร้ามากกว่า "ถ้าเราไม่เคยเศร้าเลย...เราจะมีความสุขได้อย่างไร บางครั้งก็ต้องเลือกเศร้าบ้าง...เพื่อจะได้เห็นคุณค่าของความสุขที่เข้ามาในชีวิต " #รู้สึกตัวเองกลายเป็นพี่อ้อนพี่ฉอดไปแล้ว 5555
.
6. เราชอบประเด็นของหนังที่พูดถึง "การเลือกทำตามฝันของตัวเอง" ย้อนกลับไปสมัยละอ่อนต่อนแต่น มากมายหลายเรื่องที่อยากจะทำ แต่ความ Loser ความกลัว ความขี้เกียจหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ ให้สิ่งนั้นไม่สำเร็จ ..... ถึงแม้ไม่สามารถทำให้เราย้อนเวลากลับไปได้ แต่ หนังเรื่องนี้จะสร้างกำลังใจ ให้เราก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคทั้งหลายที่กำลังเจอในตอนนี้
.
7.เพลงในหนังถือว่าเพราะทุกเพลงเลย (พี่เจไดยุทธก็แปลเนื้อเพลงออกมาสวยงาม ทำให้ฉันอินไปกับหนังได้มากกว่าเดิม) คือตอนแรกได้ฟังซีดี OST. Soundtrack ก่อนดูหนัง ฉันรู้สึกเพลงเพราะแค่บางเพลง ( อย่างเพลง Go Now ของ อดัมเลอวีนเนี่ย รู้สึกว่าใส่มาทำไม ไม่เห็นเพราะเลย กะจะขายเพลงนี้เหมือน Lost Star เหรอ) แต่พอดูหนังจบเท่านั้นแหล่ะ เพลงนี้
โคตรดีเลย คือทำให้ช่วงไคลแม๊กซ์ของหนังดีงามยิ่งกว่าเดิมเป็น 10 เท่า การเข้าถึงเนื้อหาของแต่ละเพลงด้วยหนัง ทำให้เพลงเพราะขึ้นจริงๆ
.
8. จริงอยู่ที่หนัง ไม่ได้สมบูรณ์แบบดีเลิศ 100 % ประเด็นน่าสนใจหลายอย่างถูกทิ้งไว้ รวมถึงตัวละครอีกหลายตัว แต่ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับที่เล่าเรื่องออกมาได้สนุก ฟิลกู๊ต น่ารัก มันเลยทำให้เรา ลืมข้อด้อยที่มีของหนัง
.
9. ที่สำคัญ....หนังเรื่องนี้ทำให้เรานั่งยิ้ม โยกหัว สั่นขา ตามหนังได้แทบทุกช่วง คือถ้าหน้าด้านพอ ฉันคงจะลุกขึ้นมาปรบมือดีดนิ้วตามจังวะเพลง ในโรงแล้วค่ะ 5555
.
10. ถ้าจะต้องระวังอะไรสักอย่างในเรื่องนี้ มีอย่างเดียวคือ...หลังดูจบอาจต้องระวังเสียตังค์โหลดSoundtrack ซื้อ CD เพลงประกอบมาฟังนี่แหล่ะ 55555
.
สรุป
- นี่คือหนัง Coming of Age ที่สนุกและแมสเลยแหล่ะ อยากให้ไปดูในโรงกันเยอะๆ ไม่อยากให้มองข้ามเพียงเพราะคิดว่า
มีแต่เพลงยุคเก่าคงไม่อิน เพราะเรื่องนี้บันเทิงและดีงามจริงๆ
และตอนนี้ สำหรับฉัน "Sing Street" ได้กลายเป็นหนังอันดับหนึ่งในดวงใจของปีนี้ไปแล้วล่ะ
#ชอบมากกว่าหนังแมวทั้งหลายอีก 5555
- ปล. 2 พระเอกว่าหล่อแล้วนะ เจอน้องแว่นในเรื่อง คือเจ้ตายไปเลยค่ะ น่ารักสุดๆ #สมาคมคนชอบเด็กเนิร์ด
.
หนังเข้าฉายพฤหัสที่ 30 มิถุนายนนี้ เดี๋ยวไปจะจัดซ้ำในโรงอีกรอบ
คะแนนความชอบ 10+++++
ขออนุญาตแปะรีวิวจาก เพจ "แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวC"
https://www.facebook.com/cwatchthemovies/?fref=nf
Sing Street หนังแนวดนตรี ที่มีดีกว่าที่เห็น
ขอบคุณภาพจาก singstreetmovie.com จ้า
Sing Street รักใครให้ร้องเพลงรัก
คะแนนความชอบ 10+++++
"ถ้าเราไม่เคยเศร้าเลย...เราจะมีความสุขได้อย่างไร บางครั้งก็ต้องเลือกเศร้าบ้าง...เพื่อจะได้เห็นคุณค่าของความสุขที่เข้ามาในชีวิต (Happy sad)"
***ไม่สปอยเนื้อหาสำคัญในหนัง***
.
เป็นยังไงบ้าง???
.
1. เรื่องเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นยุค 80 พระเอกไปชอบสาวรุ่นพี่ ก็เลยตั้งวงดนตรี แต่งเพลง เพื่อหาเรื่องชวนสาวที่ตัวเองชอบมาเป็นนางเอกเอ็มวี หวังจะได้พิชิตใจ
.
2. ต้องบอกก่อนว่า "นี่เป็นหนังที่โคตรอยากดูมากที่สุดของเดือนนี้เลย" รู้สึกถูกจริตกับหนังเพลงยุค 80 หรือเก่ากว่า (เราชอบหนังสไตล์นี้ อย่างเรื่อง God Help The Girl เมื่อปี 2014 หรือ Once ปี 2007 นี่ก็ชอบมาก) สำหรับเรื่องนี้ แค่ตัวอย่างฉากพระเอกร้องเพลง Take on me ของ A-HA เพียงท่อนเดียว...ก็รู้สึกหลงรักหนังเรื่องนี้แล้ว
.
3. พอดูจบ เรากลับรักมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า (นี่ขนาดตั้งมาตรฐานเอาไว้สูงแล้วนะ) และกลายเป็นหนังที่ชอบที่สุดของ จอห์น คาร์นี่ย์ไปแล้ว เราชอบที่มันไม่โลกสวยเหมือน Begin Agian ( ช่วงนั้นเบื่อ Lost Star มากกกก คือแรกๆก็ชอบนะ แต่หลังๆชักเยอะ ไปไหนก็เจอแต่เพลงนี้ 555) และเรื่องนี้ก็ไม่ได้อินดี้ Deep เท่าเรื่อง Once
.
4. จริงๆเนื้อหาก็ดาร์กและน่าสนใจในระดับนึง มีทั้งประเด็นเผด็จการในโรงเรียน ปัญหาครอบครัว
.
5. ชอบคำว่า "Happy sad" ในหนัง "ความสุขปนความเศร้า" (จำไม่ได้แล้วว่าพี่เจไดยุทธแปลออกมาใช้คำว่าอะไร) คำนี้ทำให้เรากลับมาคิดต่อว่า ...."ไม่มีใครสุขได้ 100% หรอก คือต่อให้สุขมากแค่ไหนมันก็มีความเศร้าปนมาอยู่บ้าง ชีวิตมันต้องมีทั้งความหวานความขมปนกันไป ..." อย่างในหนังที่ตัวละครหลักทุกตัว ต่างก็ไม่สมบูรณ์ ทุกคนล้วนมีปมชีวิตทั้งนั้นแหล่ะ ขึ้นอยู่กับตัวเราจะอยู่กับความสุขหรือจมกับความเศร้ามากกว่า "ถ้าเราไม่เคยเศร้าเลย...เราจะมีความสุขได้อย่างไร บางครั้งก็ต้องเลือกเศร้าบ้าง...เพื่อจะได้เห็นคุณค่าของความสุขที่เข้ามาในชีวิต " #รู้สึกตัวเองกลายเป็นพี่อ้อนพี่ฉอดไปแล้ว 5555
.
6. เราชอบประเด็นของหนังที่พูดถึง "การเลือกทำตามฝันของตัวเอง" ย้อนกลับไปสมัยละอ่อนต่อนแต่น มากมายหลายเรื่องที่อยากจะทำ แต่ความ Loser ความกลัว ความขี้เกียจหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ ให้สิ่งนั้นไม่สำเร็จ ..... ถึงแม้ไม่สามารถทำให้เราย้อนเวลากลับไปได้ แต่ หนังเรื่องนี้จะสร้างกำลังใจ ให้เราก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคทั้งหลายที่กำลังเจอในตอนนี้
.
7.เพลงในหนังถือว่าเพราะทุกเพลงเลย (พี่เจไดยุทธก็แปลเนื้อเพลงออกมาสวยงาม ทำให้ฉันอินไปกับหนังได้มากกว่าเดิม) คือตอนแรกได้ฟังซีดี OST. Soundtrack ก่อนดูหนัง ฉันรู้สึกเพลงเพราะแค่บางเพลง ( อย่างเพลง Go Now ของ อดัมเลอวีนเนี่ย รู้สึกว่าใส่มาทำไม ไม่เห็นเพราะเลย กะจะขายเพลงนี้เหมือน Lost Star เหรอ) แต่พอดูหนังจบเท่านั้นแหล่ะ เพลงนี้โคตรดีเลย คือทำให้ช่วงไคลแม๊กซ์ของหนังดีงามยิ่งกว่าเดิมเป็น 10 เท่า การเข้าถึงเนื้อหาของแต่ละเพลงด้วยหนัง ทำให้เพลงเพราะขึ้นจริงๆ
.
8. จริงอยู่ที่หนัง ไม่ได้สมบูรณ์แบบดีเลิศ 100 % ประเด็นน่าสนใจหลายอย่างถูกทิ้งไว้ รวมถึงตัวละครอีกหลายตัว แต่ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับที่เล่าเรื่องออกมาได้สนุก ฟิลกู๊ต น่ารัก มันเลยทำให้เรา ลืมข้อด้อยที่มีของหนัง
.
9. ที่สำคัญ....หนังเรื่องนี้ทำให้เรานั่งยิ้ม โยกหัว สั่นขา ตามหนังได้แทบทุกช่วง คือถ้าหน้าด้านพอ ฉันคงจะลุกขึ้นมาปรบมือดีดนิ้วตามจังวะเพลง ในโรงแล้วค่ะ 5555
.
10. ถ้าจะต้องระวังอะไรสักอย่างในเรื่องนี้ มีอย่างเดียวคือ...หลังดูจบอาจต้องระวังเสียตังค์โหลดSoundtrack ซื้อ CD เพลงประกอบมาฟังนี่แหล่ะ 55555
.
สรุป
- นี่คือหนัง Coming of Age ที่สนุกและแมสเลยแหล่ะ อยากให้ไปดูในโรงกันเยอะๆ ไม่อยากให้มองข้ามเพียงเพราะคิดว่ามีแต่เพลงยุคเก่าคงไม่อิน เพราะเรื่องนี้บันเทิงและดีงามจริงๆ
และตอนนี้ สำหรับฉัน "Sing Street" ได้กลายเป็นหนังอันดับหนึ่งในดวงใจของปีนี้ไปแล้วล่ะ
#ชอบมากกว่าหนังแมวทั้งหลายอีก 5555
- ปล. 2 พระเอกว่าหล่อแล้วนะ เจอน้องแว่นในเรื่อง คือเจ้ตายไปเลยค่ะ น่ารักสุดๆ #สมาคมคนชอบเด็กเนิร์ด
.
หนังเข้าฉายพฤหัสที่ 30 มิถุนายนนี้ เดี๋ยวไปจะจัดซ้ำในโรงอีกรอบ
คะแนนความชอบ 10+++++
ขออนุญาตแปะรีวิวจาก เพจ "แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวC"
https://www.facebook.com/cwatchthemovies/?fref=nf