[CR] ลุยเดี่ยว...เที่ยวเกาะช้าง (หนึ่งคนกับมอไซค์ 1 คัน)




มาแล้วครับ สำหรับรีวิวไปเที่ยวเกาะช้าง 2 วัน 1 คืน ไปคนเดียวจะได้อะไรบ้าง การเดินทางไปเที่ยวที่เกาะช้างไม่ยากเลย ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้ คนเดียวก็ไปมาแล้ว ใครที่กำลังมีแพลนจะไปหรือสนใจที่จะไป ลองดูได้นะครับ ขอให้กล้าที่จะออกเที่ยว เดี๋ยวความสุข ความสนุกก็มา การเดินทางแต่ละครั้งได้ประสบการณ์ และเพื่อนใหม่ๆ แน่นอนครับ (สำหรับการเที่ยวครั้งนี้ เกิดจากความอยากจะไปเที่ยวที่ไหนซักที่ที่ไม่เคยไป เป็นที่ที่บรรยากาศดี เดินทางง่าย คนเดียวก็ไปได้ เลยมาลงที่เกาะช้าง จ.ตราด ครับ) ลองไปดูรายละเอียดกันเลยครับ

..................................................

#‎day1‬‬‬‬
ออกเดินทางคราวนี้ไม่ได้เอารถส่วนตัวไป การเดินทางเริ่มจากไปนั่งรถตู้ที่อนุเสาวรีย์ ซึ่งมีหลายท่าแต่ผมไปขึ้นตรงบริเวณฝั่ง Victory หน้าร้านก๋วยจั๊บ ค่ารถตู้ 300 บาท ได้ขึ้นรถรอบ 7:00 น. (ซึ่งท่านี้มีรอบตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่เห็นว่ามีอีกที่อยู่ฝั่ง ร.พ. ราชวิถี) หลังจากขึ้นรถตู้ก็นั่งยาวๆ ไป 4-5 ชั่วโมง (รถมีจอดเติมแก๊ส 2 รอบ) ถึงตราดประมาณเที่ยงๆ รถตู้จอดส่งให้ต่อรถสองแถวไปอ่าวธรรมชาติที่จะขึ้นเรือไปฝั่งเกาะช้าง(ค่ารถสอง+เรือ 130 บาท) ถึงท่าเรือเอาตั๋วยื่นให้พนักงานแล้วก็เดินไปขึ้นเรือได้เลย โดยเรือจะมี 2 ชั้น ด้านบนเป็นเก้าอี้สำหรับคนนั่ง ส่วนชั้นล่างเป็นที่สำหรับคนที่เอารถข้ามไปยังเกาะ ใช้เวลาข้ามไปยังเกาะประมาณครึ่งชั่วโมง พอลงเรือก็เดินหารถเพื่อเข้าไปยังบริเวณแหล่งชุมชนในเกาะ


สำหรับคนที่ไปคนเดียวไม่ต้องกลัวหลงหรือหารถไม่ได้ครับ สงสัยให้ถามเลย ออกมาจากท่าเรือจะมีรถสองแถวที่เขียนว่า taxi จอดเรียงรายเต็มไปหมด แล้วมีคนขับนั่งอยู่บริเวณร้านค้าให้เราถามทางอยู่แล้ว รอช้าอะไรถามสิครับ โดยผมจะไปหาจุดที่เช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อไว้สำหรับขับเที่ยวไปยังที่ต่างๆ คนขับบอกว่าให้ไปลงหาดทรายขาวตรงบริเวณนั้นมีที่ให้เช่าเยอะ เลยขึ้นรถไปลงหาดทรายขาว(ค่ารถสองแถว 50 บาท) พอถึงบริเวณหาดทรายขาวก็เดินหาที่เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ผมเช่าในราคา 300 บาท(รถมอเตอร์ไซค์ไม่มีประกันและไม่รวมค่าน้ำมันรถ มีระยะเวลาเช่า 24 ชั่วโมง)




พอได้รถแล้วก็ถามทางและรายละเอียดนิดหน่อย แล้วออกเดินทางไปโรงแรมที่พัก(แวะหาเติมพลังงานที่เซเว่น เพราะรีบไปเช็คอินเลยไม่ได้แวะกินข้าวที่ร้าน) พอเติมพลังเสร็จก็ออกแว๊นเดินทางกันต่อ ถนนที่เกาะช้างมีทั้งเป็นพื้นราบขับง่าย ไปจนถึงทางโค้งชันขึ้นเขาลงเขา(สำหรับคนที่ขับมอเตอร์ไซค์เป็นไม่น่ามีปัญหา แต่ก็พยายามขับระมัดระวังกันด้วยเพราะ บนถนนไม่ได้มีแต่รถเล็ก แต่มีรถใหญ่ขับด้วย มีทั้งรถคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นทางเหมือนกัน)






ผมขับมาถึงที่พักประมาณเกือบๆ บ่าย 2 โมง เข้าเช็คอินได้พอดี สำหรับที่พักที่ของผม คือ THE DEWA KOH CHANG จะอยู่เลยวัดคลองพร้าวไป ซึ่งจากรายละเอียดที่ดูมา THE DEWA KOH CHANG จะตกแต่งแบบ RUSTIC TROPICAL ที่ต้องการสื่อถึงพลัง ความหนักแน่น และเสน่ห์แบบตะวันออกผ่านงานออกแบบ โดยจะออกแบบอาคารเป็นปูนเปลือยขัดมัน มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่สีดำประกายทองเป็นจุดเด่น หลังคาของห้องพักเป็นหญ้าคา ไม้สนซีดาร์ และวัสดุตกแต่งอื่นๆ ที่เน้นวัสดุจากธรรมชาติ เพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด โดยที่พักที่ผมได้พักจะเป็นแบบ Villa เป็นห้องพักส่วนตัว 1 หลัง พอผมไปถึงที่พักก็รู้สึกชอบเลยนะ ในรูปแบบและสไตล์ห้องพัก














ก็ออกเดินทางขับรถสำรวจทางในเกาะช้าง(โดยรวมทางค่อนข้างขับยากพอประมาณ คนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่แข็งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ) ระหว่างทางได้เจอจุดชมวิวไก่แบ้ ตรงนี้วิวสวยมากเลยครับ มองจากวิวไปจะเจอเกาะเล็กเกาะน้อย เต็มไปหมด และช่วงเวลาเช้าน้ำลด สามารถเดินข้ามเกาะไปได้ อยู่ตรงจุดนี้นานหน่อยกะว่าจะดูพระอาทิตย์ตก แต่น่าเสียดายวันนี้พระอาทิตย์ตกไม่สวย เลยตัดสินใจกับที่พักเพราะกลัวมืดแล้วจะกลับลำบากเพราะเป็นทางลงเขา




ถึงที่พักผมได้จองบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลของโรงแรมไว้ ซึ่งจะจัดให้กินบริเวณริมหาด กินไปด้วยชมพระอาทิตย์ตกไปด้วย บรรยากาศดีมาก(โคตรโรแมนติก) สำหรับราคาบุฟเฟ่ต์ราคาจะอยู่ที่ 749 บาท กินไม่อั้น เวลาในการกินตั้งแต่ประมาณ 6 โมงครึ่งถึงสี่ทุ่ม อาหารก็จะมี กุ้ง หอยเซลล์ ปลา หมึก เนื้อ เนื้อหมู เนื้อไก่ มีผัดผัก ผัดไท สามารถสั่งทำให้ได้ สำหรับของที่ย่างเราเลือกใส่จานแล้วให้พนักงานย่างให้แล้วเดี๋ยวจะไปส่งที่โต๊ะเอง และยังมีขนมและผลไม้ตบท้ายอีกด้วย โดยบุฟเฟ่ต์นี้จะไม่รวมเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์นะครับ เรียกว่าเป็นการกินที่คุ้มมาก ทั้งอิ่มและได้ดูวิวริมทะเลสวยๆ สำหรับผมกินเสร็จก็เข้าห้องเตรียมตัวพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ยังต้องเดินทางไปอีกหลายที่








..................................................
#‎day2‬‬‬‬
ตื่นเช้ามาทำภารกิจเสร็จก็ออกไปดูทะเลยามเช้าอีกครั้ง ดูวิวยามเช้าน้ำทะเลลดก็สวยไปอีกแบบ ถ่ายรูปเล่นจนหิว ก็กลับมากินอาหารตอนเช้าที่โรงแรม อาหารก็จะมีพวกเบคอน ไส้กรอก แฮม ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว และขนมปังหลายหลากแบบให้เลือกทานกันจนอิ่ม โดยอาหารเช้าจะเริ่มทานได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 10 โมงเช้า








พอกินเสร็จผมก็ออกตระเวนหาที่เที่ยว และหาร้านกาแฟนั่ง ระหว่างขับรถไปเจอร้านกาแฟนึงอยู่ใต้ต้นไม้ ชื่อร้าน Coffee Tree เป็นร้านเล็กๆ ดูน่ารักดีเลยลองแวะเข้าไปชิมซะหน่อย สั่งชาไทยไปแก้วนึง รสชาติโอเคเลย นั่งชมบรรยากาศอยู่พักนึง




ก็ออกเดินทางไปต่อ เห็นบ้านแคมป์ช้าง เลยแวะเข้าไปดูว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง กิจกรรมก็จะมี นั่งช้างชมป่า พาช้างไปอาบน้ำ และมีให้อาหารช้าง โดยผมเลือกจะขี่ช้างชมป่า มีค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมง 700 บาท แต่ผมขอต่อ55 เพราะนั่งคนเดียว เลยได้มาในราคา 500 บาทกับการเดินทาง 1 ช.ม. ระหว่างทางก็ตื่นเต้นและเสียวตลอดการเดินทางเลยก็ว่าได้ เพราะมันโยกเยกและค่อนข้างสูง การขี่ช้างก็ผ่านไปด้วยดีถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในการขี่ช้างที่ดี




เสร็จจากขี่ช้างก็ขับรถไปจุดชมวิวไก่แบ้อีกครั้ง เพื่อจะดูตอนน้ำลด มาถึงก็เกือบไม่ทันเพราะน้ำเริ่มขึ้นละ อยู่ตรงจุดชมวิวซักพัก ก็ขับรถไปต่อ เห็นว่าจะมีวิวอีกจุดนึงสวย จะอยู่เลยทางเข้าหมู่บ้านประมงบางเบ้าไปหน่อย ผมได้ไปหาที่นั่งชมวิว ซึ่งบังเอิญไปเจอร้าน Rasta View โดยที่ร้านจะมีที่ให้นั่งห้อยขาชมวิวแบบชิลๆ เรียกว่าที่นั่งหลักสิบ แต่ได้วิวหลักล้านเลย คุ้มมากจริงๆ (ตรงนี้ผม สั่งน้ำมะพร้าวมาหนึ่งลูก 80 บาท) พอเต็มอิ่มกับบรรยากาศและวิวสวยๆ




แล้วก็ออกเดินทางต่อไปยังอีกจุด เห็นเค้าว่ามีสะพานไม้สวยๆ อีกจุด ซึ่งเป็นสะพานที่อยู่บริเวณริมเกาะ โดยทางเข้าจะอยู่ก่อนทางเข้าหมู่บ้านประมง 1 ซอย (ตรงบริเวณอยู่ได้ไม่นาน เพราะต้องรีบกลับไปเช็คเอ้าท์ เลยได้แต่ยืนถ่ายอยู่ไกลๆ) หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกลับโรงแรมเพื่อเช็คเอ้าท์ เก็บของเสร็จสรรพ เตรียมตัวออกเดินทางกลับ โดยระหว่างทางก็ได้แวะดูน้ำตกคลองพลู เข้าไปดูได้หน่อยนึงเห็นว่าน้ำแห้งมาเลยตัดสินใจไม่เข้า


คราวนี้ก็มุ่งตรงๆ ไปที่หาดทรายขาวเลยเพื่อเอารถไปคืนและเดินทางกลับ ถึงหาดทรายขาว ก็แวะเข้าไปเก็บภาพและชมวิวดูบรรยากาศ เก็บภาพนิดหน่อย แล้วเอารถไปคืน(เสียค่าน้ำมัน 90 บาท) จากนั้นก็ไปยืนรอรถสองแถวที่เขียนว่าไปท่าเรือ ขึ้นรถไปท่าเรือเสียไป 50 บาท ค่าเรืออีก 80 บาท และก็ไปรถตู้เพื่อจะกลับกรุงเทพฯ โดยขากลับผมกลับอีกวินนึง(วินแสนตุ้ง) ซึ่งจะซื้อตั๋วได้บริเวณทางออกจากทางเรือเลย ค่ารถตู้บวกกับรถสองแถวที่จะพาไปส่งที่อู่ 300 บาท แต่สำหรับวันกลับของผม รถค่อนข้างติด เพราะเป็นวันหยุดยาว รถตู้ก็ไม่เพียงพอ ซึ่งผมข้ามเกาะมาตั้งแต่บ่าย 3 โมง แต่ได้คิวรถตู้ 6 โมงเย็นเลยที่เดียว ชีวิตดีมากกว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็ปาไปถึงเที่ยงคืนเลย

..................................................
สรุปว่าสำหรับทริปนี้ ผมเลือกที่พักที่เหมาะสำหรับพักผ่อนจริงๆ และติดชายหาด เดินทางสะดวก และเลือกกิจกรรมที่คนเดียวก็ทำได้ในเวลาที่มีจำกัด สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวที่ใหม่ๆ ไกลๆ กรุงเทพฯ แต่มีเวลาจำกัด 2 วัน แต่ก็ถือว่าไปได้หลายที่เหมือนกัน มี ขี่ช้าง ชมวิวตรงหมู่บ้านชาวประมง วิวไก่แบ้ หาดทรายขาว สะพานไม้ที่อยู่แถวหมู่บ้านชาวประมง น้ำตกคลองพลู หาร้านกาแฟนั่งชิลๆ หนึ่งร้าน และพักผ่อน
ชื่อสินค้า:   THE DEWA KOH CHANG
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่