ขึ้นรถแดงประมาณ ตี 5.45 วันที่ 18 พฤษภาคม 2559 กลับมาถึงที่พักประมาณ ตี 5.45 ของวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ก็ประมาณ 1 อาทิตย์พอดี
ผู้หญิง 2 คน(ไปเที่ยวกันสองพี่น้อง) เจอคำถามว่าเป็นลูกผู้หญิง แม่ไม่ว่าหรอ? แน่นอนว่าเราบอกแม่เรียบร้อยแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่นั่งรถไฟไปใต้ และไปไกลกว่าเดิมนิดหน่อย
ทริปนี้ไม่ได้วางแผนอะไรมาก ดูรีวิวที่พัก ที่เที่ยว จากหลายๆเว็บ ไม่ได้จองล่วงหน้าก่อน หาว่าที่ไหนใกล้แล้วเดินเข้าไปติดต่อ ทัวร์ก็ไม่ได้ดู ถามจากที่พักเอาเลย คุยกันวันต่อวันว่าอยากไปไหนกันดี
เป็นคนชอบนั่งรถไฟอยู่แล้วโดยส่วนตัว เพื่อนบอกให้จองเครื่องตอนมีโปรโมชั่นก็ไม่เอา ตอนนี้ยังมีแรงขอเที่ยวแบบลุยๆไปก่อนละกัน อยากเห็นอะไรที่แตกต่างบ้าง ส่วนอีกคนยังไม่เคยนั่งรถไฟเลยพาไปลองนั่งดู
กระทู้นี้เป็น รีวิวครั้งแรก ภาษาขอไม่เป็นทางการนะคะ ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาด ขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ และขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
การเดินทางโดยรถไฟ
ขาไป
จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ ได้ตั๋วฟรี แบบนั่ง ขบวน 102 ออกจากเชียงใหม่ 6.30 น. ไปเอาตั๋วประมาณหกโมง ยังมีตั๋วฟรีแบบนั่งอยู่ ไปถึงกรุงเทพ ประมาณ22.00 น.
จากกรุงเทพไปชุมทางทุ่งสง ขบวน 169 กรุงเทพไปยะลา ราคา 234 บาท เวลาออก 15.35 น. ถึงชุมทางทุ่งสงประมาณ 6.00 น. เนื่องจากขบวน 171 ตั๋วฟรีแบบนั่งเต็ม มีแต่แบบยืน เลยยอมเสียเงินไปขบวน 169 แทน
ขากลับ
จากชุมทางทุ่งสงไปกรุงเทพ ขบวน 172 สุไหงโกลกไปกรุงเทพ ได้ตั๋วฟรีแบบยืน ที่สถานีให้เอาตั๋วได้เวลา 8.00 น. แต่เรามาเอาตั๋วประมาณเที่ยงๆเพราะต้องนั่งรถตู้จาก บขส.กระบี่มาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เวลาออก 19.30 น. แต่รถไฟมาช้าเกือบสามทุ่ม เนื่องจากฝนตกหนักตั้งแต่ทุ่มกว่าๆ คิดว่ารถไฟน่าจะไปถึงสถานีกรุงเทพช้า แต่ไปถึงประมาณเก้าโมงก่อนสิบโมง
จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ หลังจากลงรถไฟที่เพิ่งมาถึงก็รีบเดินไปเอาตั๋วรถไฟฟรี ขบวน 109 เวลาออก 13.45 น. รถออกตรงเวลา ถึงเชียงใหม่ประมาณตี 5 ช้ากว่ากำหนด 1 ชั่วโมง เรามาเอาตั๋วรถไฟฟรีเกือบ สิบโมงหลังลงจากรถไฟฟรีสายใต้มา รถไฟมาเสียเวลาก่อนเข้าพิษณุโลก ประมาณ 30 นาที
บรรยากาศบนรถไฟ
จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ คนไม่แน่นหนาเท่าไหร่ ชั้น 2 ที่เป็นที่นั่งแบบพัดลม คนไม่ถึงสิบคน แต่ชั้น 3 แบบฟรีมีคนขึ้นลงเรื่อยๆ ตู้รถไฟตู้แรกๆคนจะขึ้นเยอะ แต่ตู้หลังๆจะมีที่นั่งว่างเหลืออยู่
จากกรุงเทพไปชุมทางทุ่งสง เราเลือก แบบชั้น 3 เสียเงิน ประมาณ 234 บาท เวลาออก 15.35 น. คนเยอะ เกือบเต็มทุกที่ตอนออกจากสถานีกรุงเทพ แต่พอผ่านหัวหินไปก็มีคนลงเรื่อยๆ จนมีที่นั่งว่าง เราเตรียมตัว เตรียมของเมื่อผ่านสถานีคลองจันดี เนื่องจากรถไฟฟรี ขบวน 171 รอบบ่ายโมงมีตั๋วยืนเต็ม เลยเลือกแบบเสียงเงิน เพราะคิดว่าคนน่าจะเยอะ เลยยอมเสียเงิน
จากชุมทางทุ่งสงไปกรุงเทพ แบบชั้น 3 ตั๋วฟรี แบบยืน คนแน่นทุกตู้รถไฟ เราต้องเดินหาที่นั่งที่ว่างที่ไม่มีเจ้าของเองได้ที่นั่งในตู้รถไฟขบวนรองสุดท้าย เวลาออก 19.27 น. ซึ่งรถไฟมาช้า เกือบสามทุ่ม เพราะฝนตกหนัก กลัวมาถึงกรุงเทพสาย แต่มาถึงก่อนสิบโมง
จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เวลาออก 13.45 น. รถออกตรงเวลา ถึงเชียงใหม่ประมาณตี 5 ช้ากว่ากำหนด 1 ชั่วโมง เรามาเอาตั๋วรถไฟฟรีเกือบ สิบโมงหลังลงจากรถไฟฟรีสายใต้มา รถไฟมาเสียเวลาก่อนเข้าพิษณุโลก ประมาณ 30 นาที
ห้องน้ำบนรถไฟ
ห้องน้ำของตู้รถไฟชั้น 3จะมีแบบสองห้องตรงข้ามกัน หรือมีแค่ห้องเดียว ติดกับทางขึ้นหรือทางลง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือจะเป็นแบบหนึ่งห้องติดทางขึ้นลงทั้งสองฝั่ง
ห้องน้ำของตู้รถไฟชั้น 2 เจอแบบสองห้องอยู่ตรงข้ามกัน ติดทางขึ้นหรือทางลงทางใดทางหนึ่ง
น้ำสำหรับล้าง มีและหมดเร็ว
อาหารระหว่างทริป
ระหว่างการเดินทางโดยรถไฟมีแม่ค้าพ่อค้าขึ้นมาขายของฝากไม่ขาดสาย ขึ้นรถไฟครั้งแรกๆ ก็ไม่กล้าซื้อ แต่ก็อยากลองว่าเป็นยังไง เพราะดูน่ากินมาก รสชาติแล้วแต่คนจะชอบ
จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ
ข้าวเหนียวกับหมูยอทอด ไม้ละ 20 บาท ซื้อที่สถานีขุนตาล
ขนมกล้วยฉาบ ถุงละ 10 บาท เป็นแบบหวาน จำไม่ได้ว่าซื้อสถานีไหน
ผัดไทย กล่องละ 30 บาท เป็นมื้อเที่ยง จำสถานีไม่ได้ พร้อมกับ น้ำถุงละ 10 บาท มีทั้งกาแฟ นมเย็น(นมชมพู) ชาเย็น
ข้าวเหนียวกับไก่ย่าง เป็นมื้อเย็น
โรตีสายไหมอยุธยา ซื้อขากลับไปเชียงใหม่ ถุงละ 25 บาท และยังมีอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าอีกมากมายแล้วแต่จะเลือก ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดผัดกะเพราะไข่ดาวที่ทำจากครัวบนรถไฟ หรือที่ทำจากพ่อค้าแม่ค้า
จากกรุงเทพไปชุมทางทุ่งสง
ซื้อก๋วยเตี๋ยวแห้ง 10 บาท จำไม่ได้ว่าสถานีไหน
แนะนำสถานีหัวหิน เป็นข้าวต้มกุ้ง หรือ กระเพราะปลา ถ้วยละ 20 บาท
สถานีชุมพร มีอาหารมาขายเยอะเหมือนกัน จะถึงประมาณห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน เนื่องจากนอนเลยไม่ตื่นเลยไม่ได้ลอง
สถานีกรุงเทพ
ด้านในสถานีกรุงเทพ มีศูนย์อาหาร มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ก๋วยจั๊บ เราทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง จานละ 40 เป็นข้าวราดผัดกะเพราไก่ไม่เผ็ด และน้ำแก้วละ 15 บาท
ด้านนอกศูนย์อาหาร มีมินิมาร์ทใกล้ทางออกไปรถไฟฟ้าใต้ดิน มีร้านกาแฟ Black Canyon อยู่ชั้น 2 มี KFC อยู่ด้านนอกติดกับตัวสถานีรถไฟ มีร้านขนมอื่นๆอีกข้างร้านDunkin’ Donuts
รอบสถานีชุมทางทุ่งสง
จะมีมินิมาร์ทให้ซื้อของกินทาน หน้ามินิมาร์ทมีกล้วยทอดขายเห็นคนมาซื้อเรื่อยๆ เราไม่ได้ลอง มีร้านขายกาแฟแก้วละ 25 บาท แนะนำไส้กรอกอีสานลูกละ 1 บาท รสชาติใช้ได้เลย หรือถ้าไม่อยากออกไปไหนในสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสงก็มีข้าวกล่อง หรือข้าวเหนียวไก่ทอด หรือน้ำ หรือน้ำขาย หรือจะเดินข้ามถนนที่อยู่ใกล้กับมินิมาร์ทก็มีร้านอาหารตามสั่งขายอยู่
การเดินทางโดยรถตู้
จากสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสงไปตัวเมืองกระบี่ ต้องไปขึ้นที่คิวรถ จะนั่งวินมอไซด์ หรือ เดินก็ได้ ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ตอนแรกไม่คิดว่าใกล้ เลยนั่งวินไป เสียคนละ 20 บาท พอไปถึงคิวรถตู้ก็ซื้อตั๋วรถ ราคา 140 บาท จะได้บัตรคิวสีเหลืองมา รถรอบแรกออก 7.00 น. ก็นั่งรอ หรือจะหาอะไรทาน มีร้านอาหารตามสั่ง หรือจะเข้าห้องน้ำ คนละ 3 บาท บอกคนขับได้ว่าจะไปลงที่ไหน ถ้าไปลงในตัวเมืองกระบี่ รถตู้จะไปส่งตรงข้ามห้างโวคในตัวเมืองกระบี่
จากตัวเมืองกระบี่ไปสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง ต้องไปขึ้นรถตู้ที่บขส.กระบี่ เราไปบขส. โดยรถแดงของกระบี่ ต้องไปขึ้นที่คิวรถ จะอยู่ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งอยู่บนถนนติดทะเล ที่มีรูปปั้นปู ราคา 20 บาท เมื่อถึงบขส. กระบี่ เดินเข้าไปที่ซื้อตั๋วจะอยู่ทางด้านขวามือ ถ้าเดินเข้าจากด้านหน้า ราคา 140 บาท เมื่อซื้อแล้วเขาจะบอกว่ารถจอดที่จอดเลขอะไร ได้รอบ 10 โมง แถวที่ที่รถตู้จอดมีที่นั่งให้นั่งรอ
ที่พักที่กรุงเทพฯ
เนื่องจากเราไปถึงกรุงเทพเกือบสี่ทุ่มเลยจำเป็นต้องหาที่พัก เราเลือกที่ใกล้สถานีรถไฟ เมื่อตอนไปถึง @หัวลำโพง มี 2 เส้นทาง เส้นทางแรกเดินออกจากสถานีข้ามถนนผ่านเซเว่น มีทางม้าลายให้ข้ามถนน แต่ต้องดูรถดีๆ หรือ ใช้ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เดินเข้าไป ไปออกทางประตู 1 ที่เป็นบันไดจะเดินไปอีกนิดเดียว เราเลือกทางแรกเพราะซื้อของที่เซเว่น เราเลือกห้องรวม เตียงสองชั้น สองเตียง คนละ 350 บาท ห้องน้ำรวม มีห้องอาบน้ำสองห้อง ห้องน้ำสองห้อง คืนนั้นห้องที่เราได้ เรานอนกันสองคน
ที่พักที่ตัวเมืองกระบี่
เราดูจากหลายเว็บไซต์ เราเลือกที่ Cube Hostel ตั้งอยู่มหาราช ซอย 2 ถ้าข้ามมาทางฝั่งห้างโวคแล้ว ให้เดินไปทางเซเว่นเรื่อยๆ พอถึงซอยแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป อยู่ถัดจากบริษัทขายทัวร์ ห้องนอนมีให้เลือกทั้ง ห้องนอนสองคน หรือ ห้องนอนรวมเตียงสองชั้น ห้าเตียง เราเลือกห้องนอนรวม ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม เรานอนค้างที่นี่ 3 คืน คืนละ 300 บาท ตอนเราไปคนไม่เยอะห้องรวมเลยเงียบ มีอาหารเช้าช่วง 7.30 – 10 โมง เป็นกาแฟ หรือขนมปังปิ้ง บริการตัวเองที่ชั้น 1 ป้าเจ้าของที่พัก ป้าเจน น่ารักมาก แนะนำดี ถ้ามีโอกาสจะกลับไปใช้บริการอีก
ติดตามต่อได้นะคะ :]
[CR] นั่งรถไฟเที่ยวกระบี่ ทริปนี้คุ้มเกินคาด
ผู้หญิง 2 คน(ไปเที่ยวกันสองพี่น้อง) เจอคำถามว่าเป็นลูกผู้หญิง แม่ไม่ว่าหรอ? แน่นอนว่าเราบอกแม่เรียบร้อยแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่นั่งรถไฟไปใต้ และไปไกลกว่าเดิมนิดหน่อย
ทริปนี้ไม่ได้วางแผนอะไรมาก ดูรีวิวที่พัก ที่เที่ยว จากหลายๆเว็บ ไม่ได้จองล่วงหน้าก่อน หาว่าที่ไหนใกล้แล้วเดินเข้าไปติดต่อ ทัวร์ก็ไม่ได้ดู ถามจากที่พักเอาเลย คุยกันวันต่อวันว่าอยากไปไหนกันดี
เป็นคนชอบนั่งรถไฟอยู่แล้วโดยส่วนตัว เพื่อนบอกให้จองเครื่องตอนมีโปรโมชั่นก็ไม่เอา ตอนนี้ยังมีแรงขอเที่ยวแบบลุยๆไปก่อนละกัน อยากเห็นอะไรที่แตกต่างบ้าง ส่วนอีกคนยังไม่เคยนั่งรถไฟเลยพาไปลองนั่งดู
กระทู้นี้เป็น รีวิวครั้งแรก ภาษาขอไม่เป็นทางการนะคะ ถ้ามีอะไรที่ผิดพลาด ขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ และขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
การเดินทางโดยรถไฟ
ขาไป
จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ ได้ตั๋วฟรี แบบนั่ง ขบวน 102 ออกจากเชียงใหม่ 6.30 น. ไปเอาตั๋วประมาณหกโมง ยังมีตั๋วฟรีแบบนั่งอยู่ ไปถึงกรุงเทพ ประมาณ22.00 น.
จากกรุงเทพไปชุมทางทุ่งสง ขบวน 169 กรุงเทพไปยะลา ราคา 234 บาท เวลาออก 15.35 น. ถึงชุมทางทุ่งสงประมาณ 6.00 น. เนื่องจากขบวน 171 ตั๋วฟรีแบบนั่งเต็ม มีแต่แบบยืน เลยยอมเสียเงินไปขบวน 169 แทน
ขากลับ
จากชุมทางทุ่งสงไปกรุงเทพ ขบวน 172 สุไหงโกลกไปกรุงเทพ ได้ตั๋วฟรีแบบยืน ที่สถานีให้เอาตั๋วได้เวลา 8.00 น. แต่เรามาเอาตั๋วประมาณเที่ยงๆเพราะต้องนั่งรถตู้จาก บขส.กระบี่มาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เวลาออก 19.30 น. แต่รถไฟมาช้าเกือบสามทุ่ม เนื่องจากฝนตกหนักตั้งแต่ทุ่มกว่าๆ คิดว่ารถไฟน่าจะไปถึงสถานีกรุงเทพช้า แต่ไปถึงประมาณเก้าโมงก่อนสิบโมง
จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ หลังจากลงรถไฟที่เพิ่งมาถึงก็รีบเดินไปเอาตั๋วรถไฟฟรี ขบวน 109 เวลาออก 13.45 น. รถออกตรงเวลา ถึงเชียงใหม่ประมาณตี 5 ช้ากว่ากำหนด 1 ชั่วโมง เรามาเอาตั๋วรถไฟฟรีเกือบ สิบโมงหลังลงจากรถไฟฟรีสายใต้มา รถไฟมาเสียเวลาก่อนเข้าพิษณุโลก ประมาณ 30 นาที
บรรยากาศบนรถไฟ
จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ คนไม่แน่นหนาเท่าไหร่ ชั้น 2 ที่เป็นที่นั่งแบบพัดลม คนไม่ถึงสิบคน แต่ชั้น 3 แบบฟรีมีคนขึ้นลงเรื่อยๆ ตู้รถไฟตู้แรกๆคนจะขึ้นเยอะ แต่ตู้หลังๆจะมีที่นั่งว่างเหลืออยู่
จากกรุงเทพไปชุมทางทุ่งสง เราเลือก แบบชั้น 3 เสียเงิน ประมาณ 234 บาท เวลาออก 15.35 น. คนเยอะ เกือบเต็มทุกที่ตอนออกจากสถานีกรุงเทพ แต่พอผ่านหัวหินไปก็มีคนลงเรื่อยๆ จนมีที่นั่งว่าง เราเตรียมตัว เตรียมของเมื่อผ่านสถานีคลองจันดี เนื่องจากรถไฟฟรี ขบวน 171 รอบบ่ายโมงมีตั๋วยืนเต็ม เลยเลือกแบบเสียงเงิน เพราะคิดว่าคนน่าจะเยอะ เลยยอมเสียเงิน
จากชุมทางทุ่งสงไปกรุงเทพ แบบชั้น 3 ตั๋วฟรี แบบยืน คนแน่นทุกตู้รถไฟ เราต้องเดินหาที่นั่งที่ว่างที่ไม่มีเจ้าของเองได้ที่นั่งในตู้รถไฟขบวนรองสุดท้าย เวลาออก 19.27 น. ซึ่งรถไฟมาช้า เกือบสามทุ่ม เพราะฝนตกหนัก กลัวมาถึงกรุงเทพสาย แต่มาถึงก่อนสิบโมง
จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เวลาออก 13.45 น. รถออกตรงเวลา ถึงเชียงใหม่ประมาณตี 5 ช้ากว่ากำหนด 1 ชั่วโมง เรามาเอาตั๋วรถไฟฟรีเกือบ สิบโมงหลังลงจากรถไฟฟรีสายใต้มา รถไฟมาเสียเวลาก่อนเข้าพิษณุโลก ประมาณ 30 นาที
ห้องน้ำบนรถไฟ
ห้องน้ำของตู้รถไฟชั้น 3จะมีแบบสองห้องตรงข้ามกัน หรือมีแค่ห้องเดียว ติดกับทางขึ้นหรือทางลง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือจะเป็นแบบหนึ่งห้องติดทางขึ้นลงทั้งสองฝั่ง
ห้องน้ำของตู้รถไฟชั้น 2 เจอแบบสองห้องอยู่ตรงข้ามกัน ติดทางขึ้นหรือทางลงทางใดทางหนึ่ง
น้ำสำหรับล้าง มีและหมดเร็ว
อาหารระหว่างทริป
ระหว่างการเดินทางโดยรถไฟมีแม่ค้าพ่อค้าขึ้นมาขายของฝากไม่ขาดสาย ขึ้นรถไฟครั้งแรกๆ ก็ไม่กล้าซื้อ แต่ก็อยากลองว่าเป็นยังไง เพราะดูน่ากินมาก รสชาติแล้วแต่คนจะชอบ
จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ
ข้าวเหนียวกับหมูยอทอด ไม้ละ 20 บาท ซื้อที่สถานีขุนตาล
ขนมกล้วยฉาบ ถุงละ 10 บาท เป็นแบบหวาน จำไม่ได้ว่าซื้อสถานีไหน
ผัดไทย กล่องละ 30 บาท เป็นมื้อเที่ยง จำสถานีไม่ได้ พร้อมกับ น้ำถุงละ 10 บาท มีทั้งกาแฟ นมเย็น(นมชมพู) ชาเย็น
ข้าวเหนียวกับไก่ย่าง เป็นมื้อเย็น
โรตีสายไหมอยุธยา ซื้อขากลับไปเชียงใหม่ ถุงละ 25 บาท และยังมีอาหารจากพ่อค้าแม่ค้าอีกมากมายแล้วแต่จะเลือก ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดผัดกะเพราะไข่ดาวที่ทำจากครัวบนรถไฟ หรือที่ทำจากพ่อค้าแม่ค้า
จากกรุงเทพไปชุมทางทุ่งสง
ซื้อก๋วยเตี๋ยวแห้ง 10 บาท จำไม่ได้ว่าสถานีไหน
แนะนำสถานีหัวหิน เป็นข้าวต้มกุ้ง หรือ กระเพราะปลา ถ้วยละ 20 บาท
สถานีชุมพร มีอาหารมาขายเยอะเหมือนกัน จะถึงประมาณห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน เนื่องจากนอนเลยไม่ตื่นเลยไม่ได้ลอง
สถานีกรุงเทพ
ด้านในสถานีกรุงเทพ มีศูนย์อาหาร มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ก๋วยจั๊บ เราทานข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง จานละ 40 เป็นข้าวราดผัดกะเพราไก่ไม่เผ็ด และน้ำแก้วละ 15 บาท
ด้านนอกศูนย์อาหาร มีมินิมาร์ทใกล้ทางออกไปรถไฟฟ้าใต้ดิน มีร้านกาแฟ Black Canyon อยู่ชั้น 2 มี KFC อยู่ด้านนอกติดกับตัวสถานีรถไฟ มีร้านขนมอื่นๆอีกข้างร้านDunkin’ Donuts
รอบสถานีชุมทางทุ่งสง
จะมีมินิมาร์ทให้ซื้อของกินทาน หน้ามินิมาร์ทมีกล้วยทอดขายเห็นคนมาซื้อเรื่อยๆ เราไม่ได้ลอง มีร้านขายกาแฟแก้วละ 25 บาท แนะนำไส้กรอกอีสานลูกละ 1 บาท รสชาติใช้ได้เลย หรือถ้าไม่อยากออกไปไหนในสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสงก็มีข้าวกล่อง หรือข้าวเหนียวไก่ทอด หรือน้ำ หรือน้ำขาย หรือจะเดินข้ามถนนที่อยู่ใกล้กับมินิมาร์ทก็มีร้านอาหารตามสั่งขายอยู่
การเดินทางโดยรถตู้
จากสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสงไปตัวเมืองกระบี่ ต้องไปขึ้นที่คิวรถ จะนั่งวินมอไซด์ หรือ เดินก็ได้ ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ตอนแรกไม่คิดว่าใกล้ เลยนั่งวินไป เสียคนละ 20 บาท พอไปถึงคิวรถตู้ก็ซื้อตั๋วรถ ราคา 140 บาท จะได้บัตรคิวสีเหลืองมา รถรอบแรกออก 7.00 น. ก็นั่งรอ หรือจะหาอะไรทาน มีร้านอาหารตามสั่ง หรือจะเข้าห้องน้ำ คนละ 3 บาท บอกคนขับได้ว่าจะไปลงที่ไหน ถ้าไปลงในตัวเมืองกระบี่ รถตู้จะไปส่งตรงข้ามห้างโวคในตัวเมืองกระบี่
จากตัวเมืองกระบี่ไปสถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง ต้องไปขึ้นรถตู้ที่บขส.กระบี่ เราไปบขส. โดยรถแดงของกระบี่ ต้องไปขึ้นที่คิวรถ จะอยู่ใกล้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งอยู่บนถนนติดทะเล ที่มีรูปปั้นปู ราคา 20 บาท เมื่อถึงบขส. กระบี่ เดินเข้าไปที่ซื้อตั๋วจะอยู่ทางด้านขวามือ ถ้าเดินเข้าจากด้านหน้า ราคา 140 บาท เมื่อซื้อแล้วเขาจะบอกว่ารถจอดที่จอดเลขอะไร ได้รอบ 10 โมง แถวที่ที่รถตู้จอดมีที่นั่งให้นั่งรอ
ที่พักที่กรุงเทพฯ
เนื่องจากเราไปถึงกรุงเทพเกือบสี่ทุ่มเลยจำเป็นต้องหาที่พัก เราเลือกที่ใกล้สถานีรถไฟ เมื่อตอนไปถึง @หัวลำโพง มี 2 เส้นทาง เส้นทางแรกเดินออกจากสถานีข้ามถนนผ่านเซเว่น มีทางม้าลายให้ข้ามถนน แต่ต้องดูรถดีๆ หรือ ใช้ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เดินเข้าไป ไปออกทางประตู 1 ที่เป็นบันไดจะเดินไปอีกนิดเดียว เราเลือกทางแรกเพราะซื้อของที่เซเว่น เราเลือกห้องรวม เตียงสองชั้น สองเตียง คนละ 350 บาท ห้องน้ำรวม มีห้องอาบน้ำสองห้อง ห้องน้ำสองห้อง คืนนั้นห้องที่เราได้ เรานอนกันสองคน
ที่พักที่ตัวเมืองกระบี่
เราดูจากหลายเว็บไซต์ เราเลือกที่ Cube Hostel ตั้งอยู่มหาราช ซอย 2 ถ้าข้ามมาทางฝั่งห้างโวคแล้ว ให้เดินไปทางเซเว่นเรื่อยๆ พอถึงซอยแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป อยู่ถัดจากบริษัทขายทัวร์ ห้องนอนมีให้เลือกทั้ง ห้องนอนสองคน หรือ ห้องนอนรวมเตียงสองชั้น ห้าเตียง เราเลือกห้องนอนรวม ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม เรานอนค้างที่นี่ 3 คืน คืนละ 300 บาท ตอนเราไปคนไม่เยอะห้องรวมเลยเงียบ มีอาหารเช้าช่วง 7.30 – 10 โมง เป็นกาแฟ หรือขนมปังปิ้ง บริการตัวเองที่ชั้น 1 ป้าเจ้าของที่พัก ป้าเจน น่ารักมาก แนะนำดี ถ้ามีโอกาสจะกลับไปใช้บริการอีก
ติดตามต่อได้นะคะ :]