จากเพจศูนย์พุทธศรัทธา
ห้อยพระให้เป็นต้องทำอย่างไร?
โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง: “ขอโอกาสเจ้าค่ะ คนใส่สร้อยพระ
ทำไมต้องอาราธนาพระเจ้าคะ?”
หลวงพ่อ: “... การอาราธพระเป็นการเตือนสติให้เรา
รู้ว่าเราห้อยพระอยู่ เป็นพุทธานุสติเป็นการระลึกนึกถึง
พระทำให้เรานี้มีกุศล เรียกว่าการแสวงบุญก็ได้ลูก
แสวงบุญไม่ต้องไปถึงอินเดีย การฟังธรรมหนึ่ง
ฟังธรรมอย่างนี้เรียกว่าแสวงบุญ การอาราธนาพระ
ก็เป็นการแสวงบุญ เพราะเรานึกถึงพระ
พอเราท่องคาถา คาถาก็เป็นพระพุทธคุณ ก็ทำให้
เรานึกถึงพระได้ การนึกถึงพระได้ก็เรียกว่าบุญ
การแสวงก็คือการหามา และทำให้พระนี้เกิด
ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตามความเชื่อ แล้วถ้าเรา
ห้อยพระเราไม่ต้องอาราธนาได้มั้ย? ก็ได้
ถ้าเรานึกว่าเราห้อยพระอยู่ ก็เรียกว่าเรา
อาราธนาแล้ว แล้วถ้าเราไม่ห้อยพระ แล้วเรา
พุทโธๆๆ อยู่ล่ะ อันนี้ก็เรียกว่าห้อยพระ
แต่ว่าใจห้อยนะ แต่กายไม่ได้ห้อย ห้อยใน
กับห้อยนอก ถ้าจะให้ดีนะต้องห้อยพระ
ข้างนอกด้วยและห้อยข้างในด้วย
ห้อยข้างนอกอาราธนาเสร็จพุทโธๆๆ ด้วย
แปลว่าห้อยข้างในด้วย ข้างในนี่เรียกว่า
“พระสติ – พระปัญญา” ข้างนอกจะเป็น
พระพุทธชินราชหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็เข้า
ไปหา “พระสติ” กับ “พระปัญญา” เช่นเดียวกัน
สององค์นี้ต้องหาห้อยไว้ให้ได้นะ สำคัญมาก
เรียนเก่งไม่เก่งก็อันนี้แหละ ฉลาดโง่ก็อันนี้แหละ ...”
ห้อยพระให้เป็น
ห้อยพระให้เป็นต้องทำอย่างไร?
โดย หลวงพ่อครูบาเจ้าเพชร วชิรมโน
เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง: “ขอโอกาสเจ้าค่ะ คนใส่สร้อยพระ
ทำไมต้องอาราธนาพระเจ้าคะ?”
หลวงพ่อ: “... การอาราธพระเป็นการเตือนสติให้เรา
รู้ว่าเราห้อยพระอยู่ เป็นพุทธานุสติเป็นการระลึกนึกถึง
พระทำให้เรานี้มีกุศล เรียกว่าการแสวงบุญก็ได้ลูก
แสวงบุญไม่ต้องไปถึงอินเดีย การฟังธรรมหนึ่ง
ฟังธรรมอย่างนี้เรียกว่าแสวงบุญ การอาราธนาพระ
ก็เป็นการแสวงบุญ เพราะเรานึกถึงพระ
พอเราท่องคาถา คาถาก็เป็นพระพุทธคุณ ก็ทำให้
เรานึกถึงพระได้ การนึกถึงพระได้ก็เรียกว่าบุญ
การแสวงก็คือการหามา และทำให้พระนี้เกิด
ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตามความเชื่อ แล้วถ้าเรา
ห้อยพระเราไม่ต้องอาราธนาได้มั้ย? ก็ได้
ถ้าเรานึกว่าเราห้อยพระอยู่ ก็เรียกว่าเรา
อาราธนาแล้ว แล้วถ้าเราไม่ห้อยพระ แล้วเรา
พุทโธๆๆ อยู่ล่ะ อันนี้ก็เรียกว่าห้อยพระ
แต่ว่าใจห้อยนะ แต่กายไม่ได้ห้อย ห้อยใน
กับห้อยนอก ถ้าจะให้ดีนะต้องห้อยพระ
ข้างนอกด้วยและห้อยข้างในด้วย
ห้อยข้างนอกอาราธนาเสร็จพุทโธๆๆ ด้วย
แปลว่าห้อยข้างในด้วย ข้างในนี่เรียกว่า
“พระสติ – พระปัญญา” ข้างนอกจะเป็น
พระพุทธชินราชหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็เข้า
ไปหา “พระสติ” กับ “พระปัญญา” เช่นเดียวกัน
สององค์นี้ต้องหาห้อยไว้ให้ได้นะ สำคัญมาก
เรียนเก่งไม่เก่งก็อันนี้แหละ ฉลาดโง่ก็อันนี้แหละ ...”