พระพุทธเจ้าภาคขาว เหมือนอย่างพระสมณโคดม สักกี่โกฏิกี่ล้านหรือสักกี่อสงไขยก็สู้มารไม่ได้ (สำนักไหนสอน?)อิอิ ช่างกล้าเนาะ!

๑. พระพุทธเจ้าภาคขาวที่ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว เหมือนอย่างพระสมณโคดม สักกี่โกฏิกี่ล้านหรือสักกี่อสงไขยก็สู้มารไม่ได้สักองค์เดียว เพราพระพุทธเจ้าภาคขาวที่ดับขันธ์ถอดเอาธรรมกายเข้านิพพานไปนั้น เหมือนอย่างกุ้งหรือปูที่ลอกคราบ ก้ามหรือกระดองอ่อน ๆ อย่างนั้น จะไปทำไรใครได้ ไม่เหมือนพระพุทธเจ้าชั้นก่อน ๆ ที่เข้านิพพานทั้งกายมนุษย์ แม้อย่างนั้นก็ยังเต็มรับเต็มสู้

     ๒. พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ท่านคิดจะเข้านิพพานทั้งเป็น ๆ เหมือนกัน แต่สู้เขาไม่ได้ ก็ต้องดับขันธปรินิพพาน

     ๓. กล่าวถึงพระสมณโคดม เมื่อพระองค์สำเร็จโพธิญาณใหม่ ๆ ได้เสด็จไปประทับที่ใต้ควงไม้อชปาลนิโครธ พระยามารนิมนต์ให้เข้านิพพานเสียทีเดียว พระองค์ได้ตรัสแก่มารว่า ถ้าบริษัท 4 เหล่าคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังไม่บริสุทธิ์แพร่หลายดีแล้ว จะยังไม่เข้านิพพาน มารได้ฟังดังนั้นก็หลีกไป

     เมื่อพระยามารหลีกไปแล้ว พระพุทธเจ้าภาคมารก็มาเอง ตอนนี้ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะบาลีไม่กล่าวไว้ เป็นแต่ผู้มีธรรมกายไปพบเข้า พระพุทธเจ้าภาคมารนั้น พระกายดำเป็นนิล ใสเป็นแก้ว โผล่ขึ้นมาตรงหน้าพระพุทธองค์ แล้วถามพระองค์ว่า “เมื่อท่านยังไม่เข้านิพพาน แล้วท่านจะรบกับเราหรือโปรดสัตว์?”

     พระพุทธเจ้าเพิ่งสำเร็จโพธิญาณใหม่ ๆ ไม่ทันจะทราบเรื่องราวอะไรนัก ต้องเข้านิโรธสมาบัติ ๗ วัน ขึ้นไปทูลถามพระพุทธเจ้านิพพานเก่า ๆ ขึ้นไป จนถึงพระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานทั้งกายมนุษย์ (นิพพานเป็น) ว่าจะรบดีหรือจะโปรดสัตว์ดี พระพุทธเจ้านิพพานแก่ ๆ บอกว่า “โปรดสัตว์เถิด จะรบนั้นสู้เขาไม่ได้ เพราะบารมีท่านน้อยกว่าเขา” แล้วก็ให้นัยมาว่า ให้ตั้งกติกากับเขาข้อเดียว เมื่อพระพุทธองค์ออกจากนิโรธแล้วก็บอกแก่มารว่า “เราจะโปรดสัตว์” แล้วมารก็ตั้งกติกา 4 ข้อ คือ

๑. ท่านอย่าไปแตะต้องโครงการของเขา (ของมาร) ที่เขาทำให้ทุกข์แก่สัตว์ไว้ แล้วอย่าไปพูด

๒. ท่านต้องห้ามสาวก อย่าให้แผงฤทธิ์เดช จนไปแตะต้องโครงการของเขา

๓. ท่านจะเทศนาโปรดสัตว์ ท่านต้องเทศนาโทษว่า “เป็นกรรมของสัตว์” อย่าโทษว่าเขาทำ (มาร)

๔. เมื่อท่านอายุครอบ ๘๐ ปี ท่านต้องเข้านิพพาน

     นี่คือ กติกาที่มารเขาให้ไว้แก่พระพุทธองค์ รวม ๔ ข้อ

     ส่วนพระพุทธองค์ก็ตั้งกติกาข้องเดียว คือ “ศาสนาของเราไม่มีกำหนด มรรคผลยังมีอยู่ตราบใด ศาสนาก็ตั้งอยู่ตราบนั้น”

     เมื่อรับกติกาต่อกันอย่างนี้ ก็จะไม่มีการรุกรานกัน

     แล้วพระพุทธองค์ก็โปรดสัตว์ต่อไป ครั้นศาสนาแพร่หลายมีสาวกมากเข้า ภาคดำก็เล่นลูกไม้ โดยสอดละเอียดเข้าไปใน เห็น จำ คิด รู้ ของพระสาวกให้ทำชั่วขึ้น อย่างพระสุทินเสพเมถุน พระธนิยะทำอทินนาทาน พระที่แม่น้ำวัคคุมุทาทำมนุสสวิคคหะบ้าง อวดอุตริมนุสธรรมบ้าง ให้ทำปาราชิก 4 แล้วก็สอดละเอียดให้พระทำสังฆาทิเสส ๑๓, อนิยต ๒, นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐, ปาจิตตีย์ ๙๒, ปาฏิเทสนียะ ๔, เสขิยวัตร ๗๕,อธิกรณสมถะ ๗, จดหมด ๒๒๗ สิกขาบท พระพุทธเจ้าก็ต้องตามบัญญัติสิกขาบทจนหมดสิ้น

     ๑. มารเขาตั้งกติกาบ้าง เพื่อยึดอำนาจปกครอง

     ผู้ที่ประพฤติไม่เป็นอาบัติ เป็นสาวกของพระสมณโคดม ส่วนท่านที่ประพฤติชั่วเป็นอาบัติ เป็นสาวกของเขาทั้งหมด (เป็นสาวกของมาร)

     เมื่อมารเขาตั้งกติกามาอย่างนี้ พระพุทธองค์ไม่รู้จะเอาอย่างไรเหมือนกัน ครั้นจะพูดเรื่องของเขาเข้า ก็จะเสียสัตย์ที่ตั้งกติกาไว้ต่อกัน ว่าจะไม่พูดเรื่องของเขา เพราะพระพุทธเจ้าภาคขาวตรัสสิ่งใดแล้ว ก็จะไม่คืนคายสัจวาจา ครั้นจะต่อว่าเขาก็ไม่อาจทำได้ภาคมารเขาถือว่า ความซื่อสัตย์และการคดโกงเป็นธรรมของเขา ซึ่งมารก็ต้องปฏิบัติตามธรรมดำของเขา

     ครั้นจะปะทะกัน (รบกัน) ก็จะไม่มีเวลาโปรดสัตว์ เพราะจะต้องนิ่งอยู่ในนิโรธสมาบัติ ไม่มีเวลาออกจากนิโรธ แล้วกำปั้นของเราเล็กกว่าเขา (บารมีน้อยกว่าเขา) เพราะบารมีของพระองค์เพียงสี่อสงไขยแสนมหากัปเท่านั้น ของเขา (ของมาร) ตั้งร้อยอสงไขย พันอสงไขย หรือกว่าพันอสงไขยก็มี ถึงปะทะกันขึ้น (รบกับเขา) ก็สู้เขาไม่ได้ เพราะกำลังบารมีของเขามากว่า นั่นเอง

     เหมือนกับประเทศไทยกับประเทศนอกสมัยราชาธิปไตย เขตแดนของเรามาก แต่กำปั้นเล็กกว่าเขา ก็ต้องปล่อยให้เป็นเขตแดนของผู้อื่น จะสร้างปืนสักกระบอก เขาก็ถามว่า “จะรบกับฉันหรือ?” แม้จะสร้างเรือสักลำ เขาก็ถามว่า “จะสร้างไว้รบกับฉันหรือ?” ไทยก็ต้องอดทน เพราะกำปั้นเล็กกว่าเขา น่าเจ็บใจไม่น้อย

     พระพุทธเจ้าของเรา (พระสมณโคดม) กับภาคดำ (มาร) ก็แบบเดียวกัน

     ๕. มารเป็นผู้กำหนดอายุพระพุทธเจ้า

     กล่าวถึงพระพุทธองค์ เมื่อพระชนมายุย่างเข้า ๘๐ ปี ก็เริ่มให้โอกาสแก่พระอานนท์ (เพราะคิดว่าจะเข้านิพพานทั้งเป็นเหมือนกัน) ตถาคตอาศัยอิทธิบาททั้ง ๔ แล้วจะให้อายุยืนถึงกัปหรือกว่ากัปก็ได้ เพียรให้นิมิตโอกาสแก่พระอานนท์อยู่ถึง ๑๖ ตำบล ตำบลละ ๓ ครั้ง จะให้พระอานนท์ทูลอาราธนาให้ดำรงชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่ภาคดำ (มาร) คอยดลใจให้พระอานนท์ไม่ให้นึกขึ้นมาได้ พอครบ ๑๖ ครั้งเท่าโสฬสกิจ ก็เป็นอันหมดโอกาส พระยามารก็มาเตือนให้นิพพานตามสัญญา ถ้าพระอานนท์ทูลอาราธนาไว้ได้ มารก็หมดโอกาส ทีนี้พระองค์จะได้เดินสมาบัติเชื่อมกายหมดทุกกาย จนนับอสงไขยกายไม่ถ้วนให้ติดเป็นกายเดียว ใสเป็นแก้ว เข้านิพพานทั้งเป็นได้แล้ว จะไปกลัวอะไร! แต่ก็ต้องดับขันธนิพพานอย่างนั้น .... ถ้าเข้านิพพานได้ทั้งเป็นก็เลิศเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่