สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ผมจะบอกว่าเพิ่งเจอมา ที่สิงคโปร์เหมือนกัน
เป็นคนไทยนี่ล่ะ ผมวางกระเป๋าเพื่อถ่ายภาพอนุเสาวรีย์สิงห์บ้วนน้ำลาย สายกระเป๋ามันก็ยาวไง ก็มีสาวไทยเดินมาถ่ายรูปกัน 3-4 คน แล้วก็เดินมาอยู่ตรงรั้วเดียวกับผม คนหนึ่งในนั้นเหยียบสายกระเป๋าผมด้วย แล้วน้องๆเขาก็ยืนถ่ายรูปกันนานมาก ผมก็รอด้วยความที่ไม่อยากทำลายอรรถรสไง ยืนอยู่น่าจะหนึ่งเพลงชาติจบ ทีนของน้องก็ยังเหยียบสายกระเป๋าผมอยู่ ผมเลยพูดภาษาอังกฤษใส่สำเนียงสิงคโปร์เข้าไปหน่อย
"สกิ๊วส์มี้"
(น้องหันมา)
"ยู้อ่าสเต๊ปปิ๊งอ่อนมาแป้ก คันอะเก๊ติดเอ้าท์" (You're stepping on my bag. Can I get it out?)
(น้องหันมามองแบบเหยียดๆ แต่ก็พูดซอรี่ๆก่อนจะยกเท้า ผมเอากระเป๋าออกมา) เพื่อนๆน้องก็พูดกันว่า เกิดอะไรขึ้นวะxึง น้องก็ตอบ kuเหยียบกระเป๋ามันอยู่ ช่างmangเหอะถ่ายต่อๆ ผมนี่เตรียมปากจะด่าแล้วนะครับ เจอประโยคสร้อยตามมาจากเพื่อนเขาว่า mang วางกับพื้นkuก็เหยียบดิวะ
ผมเลยหันไปตักเตือนเบาๆอย่างสุภาพว่า
"e ชะนีทั้งหลายคะ
ku ไม่รู้หรอกค่ะว่าพวก mueng จะตาบอดขนาดเหยียบสายกระเป๋าชาวบ้านเขาได้ ซึ่งทาง ku ก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่ไอ้ประโยคปลาซิวปลาสร้อยตะกี้นี้น่ะวอนหาเรื่องโดนตบนอกเขตอภัยทานนะคะ"
"อ้าวพี่ คนไทยเหรอ" ไอ้ตัวหัวโจกที่พูดตะกี้ถาม
"ค่ะ ไทยตั้งแต่หัวยันหัวแม่ทีนค่ะ"
"หนูขอโทษพี่ หนูไม่รู้ว่าพี่เป็นคนไทย" น้องพูดพลางหัวเราะ
ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก แต่ก็บอกแค่ว่า "ค่ะน้อง ต่อให้พี่เป็นชาวอะบอริจิ้นน้องก็ไม่ควรพูดอย่างนั้นค่ะ ถ้าน้องเจอคนท้องถิ่นโหดๆเขารู้ภาษาไทย เดี๋ยวงานจะงอกนะคะ ไป..ไปถ่ายรูปทำอะไรก็ทำต่อเถอะ"
ผมใช้สรรพนามค่ะ ไม่ผิดหรอก ผมเป็นชายแท้ แต่บางทีเวลาด่า ผมจะแปลงกายชั่วครู่มันได้อรรถรสจัดหนักกว่า
เป็นคนไทยนี่ล่ะ ผมวางกระเป๋าเพื่อถ่ายภาพอนุเสาวรีย์สิงห์บ้วนน้ำลาย สายกระเป๋ามันก็ยาวไง ก็มีสาวไทยเดินมาถ่ายรูปกัน 3-4 คน แล้วก็เดินมาอยู่ตรงรั้วเดียวกับผม คนหนึ่งในนั้นเหยียบสายกระเป๋าผมด้วย แล้วน้องๆเขาก็ยืนถ่ายรูปกันนานมาก ผมก็รอด้วยความที่ไม่อยากทำลายอรรถรสไง ยืนอยู่น่าจะหนึ่งเพลงชาติจบ ทีนของน้องก็ยังเหยียบสายกระเป๋าผมอยู่ ผมเลยพูดภาษาอังกฤษใส่สำเนียงสิงคโปร์เข้าไปหน่อย
"สกิ๊วส์มี้"
(น้องหันมา)
"ยู้อ่าสเต๊ปปิ๊งอ่อนมาแป้ก คันอะเก๊ติดเอ้าท์" (You're stepping on my bag. Can I get it out?)
(น้องหันมามองแบบเหยียดๆ แต่ก็พูดซอรี่ๆก่อนจะยกเท้า ผมเอากระเป๋าออกมา) เพื่อนๆน้องก็พูดกันว่า เกิดอะไรขึ้นวะxึง น้องก็ตอบ kuเหยียบกระเป๋ามันอยู่ ช่างmangเหอะถ่ายต่อๆ ผมนี่เตรียมปากจะด่าแล้วนะครับ เจอประโยคสร้อยตามมาจากเพื่อนเขาว่า mang วางกับพื้นkuก็เหยียบดิวะ
ผมเลยหันไปตักเตือนเบาๆอย่างสุภาพว่า
"e ชะนีทั้งหลายคะ
ku ไม่รู้หรอกค่ะว่าพวก mueng จะตาบอดขนาดเหยียบสายกระเป๋าชาวบ้านเขาได้ ซึ่งทาง ku ก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่ไอ้ประโยคปลาซิวปลาสร้อยตะกี้นี้น่ะวอนหาเรื่องโดนตบนอกเขตอภัยทานนะคะ"
"อ้าวพี่ คนไทยเหรอ" ไอ้ตัวหัวโจกที่พูดตะกี้ถาม
"ค่ะ ไทยตั้งแต่หัวยันหัวแม่ทีนค่ะ"
"หนูขอโทษพี่ หนูไม่รู้ว่าพี่เป็นคนไทย" น้องพูดพลางหัวเราะ
ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก แต่ก็บอกแค่ว่า "ค่ะน้อง ต่อให้พี่เป็นชาวอะบอริจิ้นน้องก็ไม่ควรพูดอย่างนั้นค่ะ ถ้าน้องเจอคนท้องถิ่นโหดๆเขารู้ภาษาไทย เดี๋ยวงานจะงอกนะคะ ไป..ไปถ่ายรูปทำอะไรก็ทำต่อเถอะ"
ผมใช้สรรพนามค่ะ ไม่ผิดหรอก ผมเป็นชายแท้ แต่บางทีเวลาด่า ผมจะแปลงกายชั่วครู่มันได้อรรถรสจัดหนักกว่า
ความคิดเห็นที่ 12
เราเคยโดนคนไทยใน ตปท นินทาในระยะเผาขน นินทาสงสัยกันว่าเราเป็นคนชาติอะไร ใช้คำไม่ค่อยสุภาพนินทา เรียกเราอ้ายนี่อินี่
สิ่งที่นินทาถึงเราก็ไม่เกี่ยวกับเราเลย คือ สองคนนั่นมโนไปเอง
เรายืนฟังเฉยๆ ไม่หันไปมอง แต่นึกในใจ กรุคนไทยว๊อย ฟังที่พวกมรุงพูดรู้เรื่องหมด และ พวกมรุงมาเจือกอะไร
ถ้ากรุจะใช่คนไทยหรือไม่ เพราะเดินทางมา ตปท ด้วยกันรึก็เปล่า และ ก็ไม่ได้มาออกค่าตั๋วเครื่องบินให้เรา
ต่างคนก็ต่างเดินทางมา มาทำธุระต่างกัน
จากนั้นเราต้องพูดภาษาอังกฤษกับพนักงานบริการต่างชาติ คนไทยสองคนนั่นยังเฉย เพราะคิดว่าเราเป็นคนต่างชาติ
จากนั้นเราอยากดูปฏิกิริยาของสองคนนั่น เลยแกล้งหยิบมือถือขึ้นมาปิดก่อน แล้วทำทีว่าคุยกับคนไทยที่ปลายสาย
เราคุยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ทำเป็นเม้าท์มอยสัพเพเหระกับเพื่อน
ได้ผล เราทำเหมือนสองคนนั่นเป็นธาตุอากาศ แต่เราแอบมองแบบเนียนๆ คนไทยที่นินทาเราสองคนนั่นสะดุ้งพร้อมกันทั้งคู่เลย
และ หันมามองเราด้วยความตกใจ เพราะรู้แล้วว่าเราเป็นคนไทย
พอเจอกันอีกตรงอื่น คนไทยสองคนนั่น มองเราแบบไม่กล้ามายุ่งวุ่นวาย ไม่นินทาเราอีกเลย และ พยายามอยู่ห่างๆ เรา
คนไทยส่วนหนึ่ง บางกลุ่ม บางจำพวก หน่ะคุณ ให้จำเอาไว้เลยว่า ใจเขาเล็กนิดเดียว
เวลาอยู่คนเดียวจะขี้กลัว ไม่มั่นใจในตัวเอง ติดนิสัยทำอะไรเป็นกลุ่ม ทำอะไรคนเดียวไม่เป็น นี่คือนิสัยคนไทยบางพวก บางกลุ่ม
คนประเภทที่ว่านี้จะเก่งขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีพวก อยู่รวมกันอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป ความกล้ามันจะมาทันที เสียงมันจะดังทันที
และ ถ้าจะเก่งแบบเดี่ยวๆ ก็จะเก่งอยู่ข้างหลังคีย์บอร์ด ไม่ใจถึงไม่ตรงไปตรงมาแบบซึ่งๆ หน้า
ที่น่าเบื่อมาก คือ คนไทยเที่ยวเมืองนอกประเภทที่ไปกันกลุ่มใหญ่ๆ เห็นมาในหลายประเทศแล้ว เสียงดังมาก
ส่วนใหญ่จะดังจะวุ่นวายมากตั้งแต่ที่เช็คอินเคาน์เตอร์ ในเลาน์จ รอขึ้นเครื่อง บนเครื่อง ไปจนถึงตอนลง
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำด้วยเสียง ด้วยคำพูด ด้วยบรรยากาศวุ่นวายโกลาหล
หลายๆ ครั้งคนกลุ่มนี้ชอบวางมาดใส่แอร์ ใส่สจ๊วต ไม่เคยขอบคุณ ไม่ทักทาย แต่พูดจาเหมือนเป็นเจ้านาย
คือ พยายามมองด้วยความเข้าใจแล้วด้วย แต่เห็นบ่อยอ่ะ
แล้วคนไทยส่วนใหญ่เลยถ้าเที่ยวนอก หรือ อยู่นอก มักจะเชิ่ดใส่กันเอง เหมือนเขม่นกันกลายๆ
อารมณ์ประมาณเธอมาเที่ยวนอก ฉันก็มาเหมือนกัน ฉันก็อยู่เมืองนอก แต่งตัวแข่งกัน แต่ชอบใช้ของเหมือนกัน ดูแล้วขำดี
ทำกิริยาเหมือนคนไทยชั้นกลางบางส่วนเวลาเดินห้างหรูๆ แพงๆ ในไทย แข่งขันกันจัง
เวลาเจอคนระดับนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องลดตัวไปต่อปากต่อคำด้วย แต่ให้จำนิสัยไม่ดีมารยาทไม่ดี
เอาไวัเป็นตัวอย่างว่าไม่ควรทำแบบเขา ส่วนใครเขาจะพูดอะไรก็ ปากของเขา ความคิดของเขา
สภาพแวดลัอมของเขา การอบรมเลี้ยงดูที่เขาได้รับมาจากทางบ้านและทางโรงเรียนของเขา
ปัญหาของระดับสติปัญญา และ ปัญหาทางมารยาทสังคมของเขา
จะไปได้ยินใครนินทาคนอื่น หรือ ใครมานินทาเรา ก็เรื่องของเขา
ไม่มีความจำเป็นต้องแสดงตัว ไม่จำเป็นต้องเอาอาชีพ การศึกษาสูงๆ สถานะภาพทางการเงินทางสังคมยกมาข่มคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปพูดคุยกับคนที่ถูกนินทา(ที่ไม่ใช่ตัวเรา)
ถ้าเราถูกนินทาเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันไม่จริง ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน
ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเอง ปากของเขา คำพูดของเขา ความคิดของเขา
ใครจะทำอะไร จะพูดอะไร มันก็สะท้อนตัวตน สะท้อนระดับสติปัญญา ความคิด จิตใจ และสังคมของเขาเอง
คนเราหน่ะ ถ้ามีนิสัยขี้นินทา ช่างว่า ช่างอิจฉาริษยา ไม่มีจำกัดสัญชาติหรอก ไม่ว่าจะไทย ฝรั่ง จีน แขก
แม็กซิกัน ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ใต้หวัน ฯลฯ มีคนขี้นินทาทุกประเทศ
ทุกคนเป็นมนุษย์หน่ะ
เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเรา ไม่มีความจำเป็นต้องไปยุ่ง แต่ให้สังเกต ให้ดู แล้วสอนตัวเอง สอนลูกหลานว่าอย่าทำ
และ ทำตัวใหัเป็นคนไทยที่มีคุณภาพทั้งในประเทศ และ เวลาอยู่นอกประเทศ
***อ่อ เรามีเรื่องสงสัย อยากเรียนถามคุณหมอ จขกท ว่า โดยปกติแล้วคนที่เป็นกรดไหลย้อน
จะมีกลิ่นตัวเปรี้ยวเหรอ? กลิ่นปากเปรี้ยว กลิ่นหาวกลิ่นเรอเปรี้ยว? แล้วกลิ่นจะไกลขนาดคนอื่นรอบๆ ได้กลิ่น
เลยเหรอ?
แล้วคนไทยทำไมมีกลิ่นคล้ายศพ กลิ่นแนวไหน - ปกติคนเรามีกลิ่นตามอาหารที่รับประทานไม่ใช่เหรอ?
คนไทยบางคนก็เป็นมังสวิรัติ บางคนก็กินคลีน กลิ่นตัวก็คนละแบบกับคนที่ยังบริโภคสัตว์ใหญ่อยู่
ขอความกรุณาคุณหมอหรือใครที่ทราบมาให้ความรู้ด้วย
ขอบคุณทุกท่านทุกความคิดเห็นข้างล่างที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะคุณ 12-2 และ 12-3
สิ่งที่นินทาถึงเราก็ไม่เกี่ยวกับเราเลย คือ สองคนนั่นมโนไปเอง
เรายืนฟังเฉยๆ ไม่หันไปมอง แต่นึกในใจ กรุคนไทยว๊อย ฟังที่พวกมรุงพูดรู้เรื่องหมด และ พวกมรุงมาเจือกอะไร
ถ้ากรุจะใช่คนไทยหรือไม่ เพราะเดินทางมา ตปท ด้วยกันรึก็เปล่า และ ก็ไม่ได้มาออกค่าตั๋วเครื่องบินให้เรา
ต่างคนก็ต่างเดินทางมา มาทำธุระต่างกัน
จากนั้นเราต้องพูดภาษาอังกฤษกับพนักงานบริการต่างชาติ คนไทยสองคนนั่นยังเฉย เพราะคิดว่าเราเป็นคนต่างชาติ
จากนั้นเราอยากดูปฏิกิริยาของสองคนนั่น เลยแกล้งหยิบมือถือขึ้นมาปิดก่อน แล้วทำทีว่าคุยกับคนไทยที่ปลายสาย
เราคุยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ทำเป็นเม้าท์มอยสัพเพเหระกับเพื่อน
ได้ผล เราทำเหมือนสองคนนั่นเป็นธาตุอากาศ แต่เราแอบมองแบบเนียนๆ คนไทยที่นินทาเราสองคนนั่นสะดุ้งพร้อมกันทั้งคู่เลย
และ หันมามองเราด้วยความตกใจ เพราะรู้แล้วว่าเราเป็นคนไทย
พอเจอกันอีกตรงอื่น คนไทยสองคนนั่น มองเราแบบไม่กล้ามายุ่งวุ่นวาย ไม่นินทาเราอีกเลย และ พยายามอยู่ห่างๆ เรา
คนไทยส่วนหนึ่ง บางกลุ่ม บางจำพวก หน่ะคุณ ให้จำเอาไว้เลยว่า ใจเขาเล็กนิดเดียว
เวลาอยู่คนเดียวจะขี้กลัว ไม่มั่นใจในตัวเอง ติดนิสัยทำอะไรเป็นกลุ่ม ทำอะไรคนเดียวไม่เป็น นี่คือนิสัยคนไทยบางพวก บางกลุ่ม
คนประเภทที่ว่านี้จะเก่งขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีพวก อยู่รวมกันอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป ความกล้ามันจะมาทันที เสียงมันจะดังทันที
และ ถ้าจะเก่งแบบเดี่ยวๆ ก็จะเก่งอยู่ข้างหลังคีย์บอร์ด ไม่ใจถึงไม่ตรงไปตรงมาแบบซึ่งๆ หน้า
ที่น่าเบื่อมาก คือ คนไทยเที่ยวเมืองนอกประเภทที่ไปกันกลุ่มใหญ่ๆ เห็นมาในหลายประเทศแล้ว เสียงดังมาก
ส่วนใหญ่จะดังจะวุ่นวายมากตั้งแต่ที่เช็คอินเคาน์เตอร์ ในเลาน์จ รอขึ้นเครื่อง บนเครื่อง ไปจนถึงตอนลง
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำด้วยเสียง ด้วยคำพูด ด้วยบรรยากาศวุ่นวายโกลาหล
หลายๆ ครั้งคนกลุ่มนี้ชอบวางมาดใส่แอร์ ใส่สจ๊วต ไม่เคยขอบคุณ ไม่ทักทาย แต่พูดจาเหมือนเป็นเจ้านาย
คือ พยายามมองด้วยความเข้าใจแล้วด้วย แต่เห็นบ่อยอ่ะ
แล้วคนไทยส่วนใหญ่เลยถ้าเที่ยวนอก หรือ อยู่นอก มักจะเชิ่ดใส่กันเอง เหมือนเขม่นกันกลายๆ
อารมณ์ประมาณเธอมาเที่ยวนอก ฉันก็มาเหมือนกัน ฉันก็อยู่เมืองนอก แต่งตัวแข่งกัน แต่ชอบใช้ของเหมือนกัน ดูแล้วขำดี
ทำกิริยาเหมือนคนไทยชั้นกลางบางส่วนเวลาเดินห้างหรูๆ แพงๆ ในไทย แข่งขันกันจัง
เวลาเจอคนระดับนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องลดตัวไปต่อปากต่อคำด้วย แต่ให้จำนิสัยไม่ดีมารยาทไม่ดี
เอาไวัเป็นตัวอย่างว่าไม่ควรทำแบบเขา ส่วนใครเขาจะพูดอะไรก็ ปากของเขา ความคิดของเขา
สภาพแวดลัอมของเขา การอบรมเลี้ยงดูที่เขาได้รับมาจากทางบ้านและทางโรงเรียนของเขา
ปัญหาของระดับสติปัญญา และ ปัญหาทางมารยาทสังคมของเขา
จะไปได้ยินใครนินทาคนอื่น หรือ ใครมานินทาเรา ก็เรื่องของเขา
ไม่มีความจำเป็นต้องแสดงตัว ไม่จำเป็นต้องเอาอาชีพ การศึกษาสูงๆ สถานะภาพทางการเงินทางสังคมยกมาข่มคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องเข้าไปพูดคุยกับคนที่ถูกนินทา(ที่ไม่ใช่ตัวเรา)
ถ้าเราถูกนินทาเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันไม่จริง ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน
ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเอง ปากของเขา คำพูดของเขา ความคิดของเขา
ใครจะทำอะไร จะพูดอะไร มันก็สะท้อนตัวตน สะท้อนระดับสติปัญญา ความคิด จิตใจ และสังคมของเขาเอง
คนเราหน่ะ ถ้ามีนิสัยขี้นินทา ช่างว่า ช่างอิจฉาริษยา ไม่มีจำกัดสัญชาติหรอก ไม่ว่าจะไทย ฝรั่ง จีน แขก
แม็กซิกัน ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ใต้หวัน ฯลฯ มีคนขี้นินทาทุกประเทศ
ทุกคนเป็นมนุษย์หน่ะ
เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเรา ไม่มีความจำเป็นต้องไปยุ่ง แต่ให้สังเกต ให้ดู แล้วสอนตัวเอง สอนลูกหลานว่าอย่าทำ
และ ทำตัวใหัเป็นคนไทยที่มีคุณภาพทั้งในประเทศ และ เวลาอยู่นอกประเทศ
***อ่อ เรามีเรื่องสงสัย อยากเรียนถามคุณหมอ จขกท ว่า โดยปกติแล้วคนที่เป็นกรดไหลย้อน
จะมีกลิ่นตัวเปรี้ยวเหรอ? กลิ่นปากเปรี้ยว กลิ่นหาวกลิ่นเรอเปรี้ยว? แล้วกลิ่นจะไกลขนาดคนอื่นรอบๆ ได้กลิ่น
เลยเหรอ?
แล้วคนไทยทำไมมีกลิ่นคล้ายศพ กลิ่นแนวไหน - ปกติคนเรามีกลิ่นตามอาหารที่รับประทานไม่ใช่เหรอ?
คนไทยบางคนก็เป็นมังสวิรัติ บางคนก็กินคลีน กลิ่นตัวก็คนละแบบกับคนที่ยังบริโภคสัตว์ใหญ่อยู่
ขอความกรุณาคุณหมอหรือใครที่ทราบมาให้ความรู้ด้วย
ขอบคุณทุกท่านทุกความคิดเห็นข้างล่างที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะคุณ 12-2 และ 12-3
ความคิดเห็นที่ 4
เห็นด้วยค่ะว่าคนไทยส่วนหนึ่ง ปากเน่าเหม็น ใช้ภาษาไทยพูดจิกคนแปลกหน้าเอามัน เคยโดนกับตัวเอง ที่มีกลุ่มผู้หญิงไทยนั่งรถบัสในคันเดียวกัน พูดกันเสียงดังพอๆกับคนจีนพูดเสียงดัง
ลงป้ายเดียวกันคือสุดทาง เรามีรถเข็นหนักจากไปซื้ออาหารตุนเข้าบ้าน เราลากรถเข็นเพื่อจะไปลงบันไดต่อรถไฟ แต่ตรงทางลงนั้นไม่มีลิฟท์ มีแต่บันได เราไม่เสี่ยงแบกรถเข็นลงกลัวจะพลาดตกบันได เลยยังยืนอยู่บนระดับถนนทางลงบันได มองหาทางลงทางอื่น ช่วงกำลังจะเดินไป กลุ่มผู้หญิงไทยกำลังเดินมาพอดีเพื่อลงบันได และมีผู้หญิงไทยปากเน่าคนหนึ่งในกลุ่มพูดใส่เราเป็นภาษาไทยว่า "เอ้าป้าจะไปไหนก็ไปสิ" เรางง ตรงที่เราไม่ได้ขวางทางเขา เพียงแต่เรากำลังจะเดินจากไป พร้อมกับลากรถเข็น เขาไม่จำเป็นต้องพูดใส่คนแปลกหน้าแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าเราเป็นคนไทย
มารยาทผู้หญิงไทยคนนั้นทรามมาก พอมาเป็นกลุ่มแล้วกร่าง ปากเสีย เพียงขอให้ได้พูดจิกใส่คนแปลกหน้าเพื่อสะใจ มันส่อให้เห็นถึงพื้นเพที่มาของคนไทยกลุ่มนั้น
ลงป้ายเดียวกันคือสุดทาง เรามีรถเข็นหนักจากไปซื้ออาหารตุนเข้าบ้าน เราลากรถเข็นเพื่อจะไปลงบันไดต่อรถไฟ แต่ตรงทางลงนั้นไม่มีลิฟท์ มีแต่บันได เราไม่เสี่ยงแบกรถเข็นลงกลัวจะพลาดตกบันได เลยยังยืนอยู่บนระดับถนนทางลงบันได มองหาทางลงทางอื่น ช่วงกำลังจะเดินไป กลุ่มผู้หญิงไทยกำลังเดินมาพอดีเพื่อลงบันได และมีผู้หญิงไทยปากเน่าคนหนึ่งในกลุ่มพูดใส่เราเป็นภาษาไทยว่า "เอ้าป้าจะไปไหนก็ไปสิ" เรางง ตรงที่เราไม่ได้ขวางทางเขา เพียงแต่เรากำลังจะเดินจากไป พร้อมกับลากรถเข็น เขาไม่จำเป็นต้องพูดใส่คนแปลกหน้าแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าเราเป็นคนไทย
มารยาทผู้หญิงไทยคนนั้นทรามมาก พอมาเป็นกลุ่มแล้วกร่าง ปากเสีย เพียงขอให้ได้พูดจิกใส่คนแปลกหน้าเพื่อสะใจ มันส่อให้เห็นถึงพื้นเพที่มาของคนไทยกลุ่มนั้น
ความคิดเห็นที่ 35
เจอเต็ม ๆ เลยค่ะ ที่ปารีส ณ สนามบิน
เจอกันตั้งแต่ ตอนเช็คอินเข้าไปแล้ว ก่อนจะผ่าน ตม. มันมีแถวอยู่ค่ะ เจอกรุ๊ปทัวร์ไทย ยาวเหยียด ยืนส่งเสียงดัง ต่อแถวกันอยู่ค่ะ
เราก็ใช้ช่องทางด่วนเพราะซื้อที่นั่งแบบ BC มา เลยตัดแถวไปได้สบาย ๆ ( มันจะมีช่องพิเศษอยู่ค่ะ)
พอกำลังรอ ตม.แสตมป์พาสปอร์ต เสียงลอยมาเลยค่ะ
- เฮ้ย มันมาได้ไง มาจากไหน ตัดแถวไปได้ยังไง นี่คือคนแรกนะคะทักมาก่อน
จากนั้นมีเสียงสนับสนุน เพียบบบบ เลยค่ะ ส่งเสียงเซ็งแซ่ หาว่าเราลัดคิวบ้างล่ะ แซงบ้างล่ะ พูดซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่ได้
เราทนไม่ไหว หันไปบอกว่า ซื้อตั๋วบิสสิเนสคลาสมาค่ะ งวดหน้าก็ซื้อมาบ้างนะคะ จะได้ตัดแถวได้
เงียบกันกริบเลยค่ะ เงียบทันใดเลย
อีกครั้งตอนจะขึ้นเครื่อง เรากำลังจะเดินไปขึ้นเครื่อง แต่เลน BC ยังไม่เปิดไม่มีคนรอ แต่ eco มีคนไปรอกันเพียบแล้ว
แล้วพอเขาเปิดแถว BC ซึ่งมันชิดกับเลน Eco เราก็เดินไปที่ตรงนั้นคนแรก มีวัยรุ่นคนนึง เป็นผู้หญิง เดาว่าจะเป็นคนจีน ที่ยืนต่อแถว eco อยู่ คงนึกว่าเราจะแซงคิวมั้งคะ นางมองแรงมากกก แล้วออกจากแถว แซงหน้าเราไป แถมชนเราด้วย ไม่ขอโทษสักนิด แต่เจอแอร์สกัดไว้ขอดูตั๋ว แล้วโดนไล่ให้ไปต่อแถว eco ใหม่ พอเรายื่นตั๋ว นางยังยืนดูอยู่เลยค่ะ ว่าเราจะเข้าไปได้มั้ย
เลยก่อนจะเข้า หันไปยิ้มสวย ๆ ให้นาง 1 ยก เจอนางหน้าหงิกใส่ สะใจยังไงก็ไม่รู้
เจอกันตั้งแต่ ตอนเช็คอินเข้าไปแล้ว ก่อนจะผ่าน ตม. มันมีแถวอยู่ค่ะ เจอกรุ๊ปทัวร์ไทย ยาวเหยียด ยืนส่งเสียงดัง ต่อแถวกันอยู่ค่ะ
เราก็ใช้ช่องทางด่วนเพราะซื้อที่นั่งแบบ BC มา เลยตัดแถวไปได้สบาย ๆ ( มันจะมีช่องพิเศษอยู่ค่ะ)
พอกำลังรอ ตม.แสตมป์พาสปอร์ต เสียงลอยมาเลยค่ะ
- เฮ้ย มันมาได้ไง มาจากไหน ตัดแถวไปได้ยังไง นี่คือคนแรกนะคะทักมาก่อน
จากนั้นมีเสียงสนับสนุน เพียบบบบ เลยค่ะ ส่งเสียงเซ็งแซ่ หาว่าเราลัดคิวบ้างล่ะ แซงบ้างล่ะ พูดซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่ได้
เราทนไม่ไหว หันไปบอกว่า ซื้อตั๋วบิสสิเนสคลาสมาค่ะ งวดหน้าก็ซื้อมาบ้างนะคะ จะได้ตัดแถวได้
เงียบกันกริบเลยค่ะ เงียบทันใดเลย
อีกครั้งตอนจะขึ้นเครื่อง เรากำลังจะเดินไปขึ้นเครื่อง แต่เลน BC ยังไม่เปิดไม่มีคนรอ แต่ eco มีคนไปรอกันเพียบแล้ว
แล้วพอเขาเปิดแถว BC ซึ่งมันชิดกับเลน Eco เราก็เดินไปที่ตรงนั้นคนแรก มีวัยรุ่นคนนึง เป็นผู้หญิง เดาว่าจะเป็นคนจีน ที่ยืนต่อแถว eco อยู่ คงนึกว่าเราจะแซงคิวมั้งคะ นางมองแรงมากกก แล้วออกจากแถว แซงหน้าเราไป แถมชนเราด้วย ไม่ขอโทษสักนิด แต่เจอแอร์สกัดไว้ขอดูตั๋ว แล้วโดนไล่ให้ไปต่อแถว eco ใหม่ พอเรายื่นตั๋ว นางยังยืนดูอยู่เลยค่ะ ว่าเราจะเข้าไปได้มั้ย
เลยก่อนจะเข้า หันไปยิ้มสวย ๆ ให้นาง 1 ยก เจอนางหน้าหงิกใส่ สะใจยังไงก็ไม่รู้
แสดงความคิดเห็น
นิสัยขี้นินทาของคนไทยเมื่อไปต่างแดน
วันนี้ผมจะมาเล่านิสัยอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าคนไทยควรแก้ไขคือ การซุบซิบนินทาในภาษาไทยเมื่อไปต่างประเทศ
เมื่อวันที่23 ที่ผ่านมาผมไปเที่ยวสิงค์โปรคนเดียว
นั่งรถไฟมาถึงสถาณี Bugis เจอผู้หญิงไทย 2 คน บนบันไดเลื่อน กำลังนินทาคนอินเดียคนข้างหน้าอยู่
คำพูดคราวๆที่จำได้ "เธอๆ คนนี้เปรี้ยวว่ะ" อีกคนถามว่า เปรี้ยวยังไง อีกคนตอบ กลิ่นตัวเปรี้ยว
ผมมีความคิดเห็นว่าเราไม่ควรพูดถึงจุดด้อยของคนอื่นน่ะครับ มันดูไร้มารยาทมาก พี่ 2 คนนั้นก็ไม่ได้หอมเลย ผมเคยอ่านผลวิจัยบอกว่า เราคนไทยเองก็มีกลิ่นตัวเหมือนเนื้อเน่าอยู่ในตัวอยู่แล้ว เค้าอาจจะเหม็นเรา เราเหม็นเค้า แต่ผู้มีพ่อแม่สั่งสอนจะไม่พูดถึงข้อด้อยของคนอื่น
หลังจากได้ยินดังนั้นผมเองก็เป็นหมออยู่ ก็เลยไปคุยเล่นกับผู้ชายคนนั้น แล้วพบว่าเค้าก็รู้ภาษาไทย และเค้าเป็นโรคกรดไหลย้อน ทำให้มีกลิ่นเปรี้ยวออกจากปากตอนหายใจ
เราไม่ควรทำนิสัยไม่ดีเมื่อก้าวออกจากบ้านตัวเองแล้ว คนอื่นจะมองไม่ดี