ดิชั้นน้ำหนัก 165 กิโลค่ะ

สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับการลำดับเนื้อเรื่องกับภาษานะค่ะ เพราะตั้งกระทู้ครั้งเเรก
เราเป็นผู้หญิงคนนึงคะ เป็นนักศึกษาในมหาลัยหนึ่ง... ซึ่งตอนนี้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวที่หนักมาก
ทำให้เราใช้ชีวิตได้ลำบากมากๆ ตอนนี้เรากำลังอยู่ปีสาม ทำให้เริ่มเครียดเพราะ ใกล้กับการฝึกงานและหาที่ทำงาน
จึงเกิดคำถามกับตัวเองว่า คนอย่างแกใครเค้าจะรับทำงาน บุคลิกภาพก็ไม่ดี เรียนก็ไม่ได้เก่งอะไร แต่ปัญหาจริงๆเลยก็คือเรื่องน้ำหนัก
เราเคยหาคนที่มีปัญหาเเบบเรา เเต่ก็มีน้อยมากๆ แต่ไปเจอคนนึง เค้าน้ำหนักใกล้เคียงกับเรา แล้วเค้าเลือกใช้วิธีผ่าตัดลดกระเพาะ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ
เค้าสามารถที่จะมีชีวิตปกติเหมือนกับคนอื่น เราอ่านแล้วน้ำตาไหลเพราะตอนเเรกเราคิดว่าชีวิตนี้เราคงไม่มีหนทางลดแล้ว. เพราะเราลองกินคลีน แต่เราออกกำลังกายไม่ค่อยได้เพราะเราปวดหลังกับส้นเท้ามากๆ แต่ปัญหาคือ ค่ารักษาด้วยวิธีผ่าตัด ค่าใช้จ่ายสูงมาก ฐานะทางบ้านของเราก็ไม่ดี หนี้สินก็เยอะ เราจะหางานพารทไทม์ทำ ก็ไม่มีใครรับเราเพราะสภาพร่างกายที่เป็นแบบนี้ เราเครียดมากกับปัญหาที่เจออยู่ตอนนี้ เราไม่รู้จะปรึกษากับใคร ทางบ้านรับทราบกับปัญหานี้เเต่เค้าทำอะไรไม่ได้ เพราะมีภาระที่ต้องเเบกรับอยู่  
ถ้าเป็นเพื่อนๆจะทำอย่างไรดีค่ะ ใครพอจะมีหนทางบ้าง เพราะตอนนี้เรามืดแปดด้านจริงๆ ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ :,)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เมื่อก่อนเราหนัก 110 กก.ค่ะ ในขณะที่ส่วนสูง 153 ซม.
เวลาออกกำลังกาย ถ้าออกไม่ถูกวิธี จะปวดข้อเท้า ขา  เท้า
เราอ่านข้อมูลในเน็ตนี่แหล่ะ หาท่าออกกำลังกาย
หาข้อมูลโภชนาการ  

ทุกอย่างต้องใช้เวลา คุณต้องใช้เวลา ทำอย่างสม่ำเสมอ ใจเย็น และอย่ากดดันตัวเอง

ออกกำลังกาย เริ่มจากท่าพื้นฐาน หมุนคอ แขน เอว ข้อเท้า
เปิดเพลง แล้วเดินย่ำเท้าอยู่กับที่ติดต่อกันพร้อมยกมือขึ้นลง เหวี่ยงแขนไปมา
เริ่มต้นที่ 15 นาที/วัน แล้วเพิ่มขึ้นครั้งละ 5 นาทีทุก ๆ  3 วัน ทำแบบนี้ติดต่อกัน เช้า - เย็น

อาหารการกิน ให้แบ่งซอยเป็นมื้อย่อย ๆ เน้นให้ครบ 5 หมู่
เลี่ยงคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแป้งข้าว ส่วนตัวเลือกกินข้าวโอ๊ตมันอิ่มท้องดี

ระหว่างมื้อถ้าหิว ให้กินผลไม้ และดื่มน้ำ
คุณจะหงุดหงิดมาก และหิว ทุกครั้งที่กิน ให้ท่องไว้  "เป็นตามที่กิน"
จะหยิบอะไรเข้าปาก ให้ลองคำนวณค่าพลังงานของมัน
3 สัปดาห์แรก วัดใจกันล้วน ๆ

เราทำแบบนี้ 1 ปีค่ะ น้ำหนักเราลดลงมาอยู่ที่ 90 กก.

ต่อจากนั้นเราเริ่มปั่นจักรยาน อยู่บนเบาะให้นานกว่า 30 นาที
เคล็ดลับเราคือ ปั่นไปให้ไกลที่สุด แล้วขากลับยังไงมันต้องกลับถึงบ้าน
การกิน เราใช้เทคนิคเดิม แต่จากเดิมเคยซอยย่อยวันละ 5 - 6 มื้อ
เหลือ 4 มื้อ โดยมื้อย่อย เป็นช่วงบ่าย - เย็น เรากินข้าวโอ๊ต

เราทำอีก 6 เดือนค่ะ น้ำหนักเราเหลือ 85 กก. ต่อจากนี้น้ำหนักเริ่มอยู่ตัว
เราเริ่มเดิน สลับปั่นจักรยาน อาหารเหลือ 3 มื้อ  ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 80 กก. ใช้เวลา 6 เดือน
หลังจากนั้นเราเน้น ปั่นจักรยาน เดิน สลับวิ่ง เราใช้เวลา 6 เดือน เหลือ 75 กก.
ตอนนี้เราเน้นวิ่ง สลับเดิน ปั่นจักรยานบางครั้ง ครั้งละ 40 นาที ตอนเย็น ส่วนเช้าเราเวท ประมาณ 20 นาที
ปัจจุบันเราน้ำหนัก 69 กก. ค่ะ ใช้เวลาทั้งหมด 3 ปีกว่า เป้าหมายต่อไปของเราคือ 60 กก. ค่ะ

เราไม่ได้กินคลีน เราทานปกติ แต่ปริมาณอาหารที่กินค่อย ๆ ลดลง ตามน้ำหนักตัว
ทานอาหารครบ 5 หมู่ ของหวาน ขนม อยากกิน ก็กิน แต่กิน เพื่อให้หายยาก 1 คำ  2 คำ เราก็พอแล้ว
ออกกำลังกาย 3 วัน เราหยุด 1 วัน แต่มีบางช่วงไปหาแฟนที่ต่างจังหวัด เป็นเดือน ไม่ได้ออกกำลังกาย
น้ำหนักตัวเราก็ไม่ขึ้นนะ

อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้เริ่มทำค่ะ
อย่าท้อ .. เราปั่นจักรยานไป ร้องไห้ไป ในช่วงฤดูหนาว
มันหนาว .. มันน่านอนมาก เราถามตัวเองว่า "กรูมาทำอะไรที่นี่ว่ะ" ทำไมไม่นอน
แล้วตอบตัวเองว่า "เพราะเมิงอ้วนไง เมิงถึงต้องมาอยู่ที่นี่"
เคยวิ่งไป ร้องไห้ไป ถามตัวเอง "ทำไมน้ำหนักไม่ลดว่ะ" ทำมาเป็นปีแล้ว
แล้วตอบตัวเองว่า "เพราะเมิงอ้วนมากไง มันถึงไม่ลด"

อ้อ!!! อย่าไปชั่งน้ำหนักบ่อย ตราชั่งไม่ใช่เครื่องลดความอ้วน
สังเกตความกระชับของร่างกาย ใช้สายวัดดีกว่า เดือน - 2 เดือนชั่งสักครั้ง จะเห็นความเปลี่ยนแปลง

เราทำได้ คุณก็ทำได้ สู้ ๆ นะ
ถ้าอยากผอมอย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เริ่มเลย วันนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่