[CR] BMC Granfondo สองล้อสายพันธุ์ เอ็นดูรานซ์ จากสวิส

หลังจากห่างหายมาจากวงการจักรยาน มานานพอสมควร เนื่องจาก งาน เรียน และ ปัญหาเรื่องจะปั่นไหนดี ช่วงนี้เริ่มมีเวลามากขึ้น เลยจะหวนสู่วงการปั่นอีกครั้ง (ปั่นออกกำลังกาย) อีกทั้ง 2-3 ปีที่ผ่านมา คนเริ่มหันมาปั่นจักรยานมากขึ้น ยิ่งช่วยสุมไฟในการอยากกลับมาปั่นได้อย่างดี  จะรออะไรล่ะครับ ใจมาซะขนาดนี้ เริ่มสืบเสาะหาข้อมูล โจทย์ง่ายๆคือ จักรยานปั่นสบายๆ ไม่เอาแนว แอโร่มากนัก all around เหมาะถนนเมืองไทยซับแรงได้ดี งบประมาณประมาณนึง หาข้อมูลอยู่สัก 2-3 อาทิตย์ ก็มาพบรักกับเจ้า BMC รูปทรงโอเค สวยงามตามท้องเรื่อง ราคาพอสมควรแต่ยังอยู่ในงบประมาณ จากนั้นก็สืบเสาะหา ตัวแทนจำหน่าย แล้วก็รีบไปยังร้านทันที
และเมื่อออกมาจากร้าน ผมก็ได้เจ้าตัวนนี้มา ชื่อ BMC granfondo GF02 มาเป็นยานปั่นคู่กาย หลังจากได้ทดลองปั่น ขึ้นขย่ม โขยก ควงบันไดไปกว่า 1000 กิโลเมตรแล้วนั้น พอจะได้ข้อมูลมาระดับหนึ่ง ก็อยากจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ รีวิวเล็กๆ ของเจ้า BMC granfondo GF02 กัน
BMC granfondo GF02 ตัวนี้ เป็น ม้าศึกตัวรองของ BMC ทีมในการแข่งขัน Endurance ในรายการ Paris-Roubaix หรือแปลกันตรงตัวว่า Hell of the North เพราะว่าระยะทางส่วนใหญ่ เป็นถนนที่ปูด้วยหิน (cobblestones) ที่เขย่าตับไตใส้พุงให้เคลื่อนที่ตลอดเวลา ดังนั้น เจ้าม้าศึก BMC granfondo GF01 ก็ได้เวลาออกรบแล้ว  (BMC team ใช้ granfondo GF01 ในการแข่งนะครับ ส่วนจักรยานคู่ใจของผมเป็นตัวรองนั่นคือ granfondo GF02)
เอาล่ะ กลับมาที่ จักรยานคู่ใจของผมดีกว่า BMC granfondo GF02 สเปกคร่าวๆที่ให้มากับรถก็ ชุดขับเคลื่อน Shimano 105 ทั้งชุด ล้อขอบอลูมิเนียมและดุมเป็น Shimano RS010 ส่วนยางเป็นยางงัด continental ultra-sport  แฮนด์ สเต็ม และหลักอาน เป็นของ BMC ส่วนเบาะของเดิมให้ Selle Royal Saba ซึ่งเมื่อลองนั่งปั่นดู รู้สึกว่ามันนุ่มเกินไป เวลาควงบันไดแล้วมันเด้งๆแปลกๆ ผมเปลี่ยนมาใช้ ASTUTE รางคาร์บอนแทน เพราะดูโฉบเฉี่ยวกว่า และรู้สึกนั่งปั่นสบายเข้ากับตูดผมมากกว่า น้ำหนักตัวพิกัดตามสเปกของ BMC เคลมไว้ที่ 8.1 กิโลกรัม
มาดูกันที่เฟรมดีกว่า BMC ใช้เทคโนโลยีผลิตเฟรมขั้นสูงที่เรียกว่า TCC – Tuned Compliance Concept เป็นการผสมผสานกันระหว่าง stiffness และ Compliance หรือ เรียกง่ายๆว่า การผสมผสานระหว่าง ความพุ่งและการให้ตัว
จากรูป เฟรมในส่วนสีฟ้า จะมีขนาดใหญ่ ใช้เส้นใยคาร์บอนที่มีความเหนียวสูง (High-modulus) ช่วยให้ประสิทธิภาพในการส่งแรง กดมาๆ ตามสั่ง (BMC เค้าว่ามาอย่างงี้) ในส่วนสีส้ม ตามภาพ คือ ส่วนที่ทำหน้าที่คอยซับแรงหรือให้ตัวในทางที่ขรุขระ เพื่อป้องกันไม่ใช้ผู้ขับขี่ เกิดการตับไตไส้พุงเคลื่อนที่



การออกแบบ staychain ให้มีขนาดใหญ่และ dropouts ที่มีระยะ เพื่อคอยซับแรงที่เกิดจากล้อหลัง อีกทั้งตะเกียบหน้า ในส่วนของ dropouts ที่มีระยะเช่นเดียวกับล้อหลัง เพื่อคอยซับแรงที่เกิดขึ้นจากล้อหน้า อีกทั้งองศาของ ท่อหลักอาน (seat tube)  ยิ่งช่วยให้ตัวและซับแรงที่จะส่งไปถึงผู้ขับขี่บนอาน  เฟรม BMC ตัวนี้ ไม่ใช่เฟรมแบบซ่อนสาย หลายคนอาจจะชอบเพราะง่ายต่อทำความสะอาด ในขณะเดียวกันหลายๆคนก็ไม่ชอบเพราะไม่สวย สำหรับผม ก็โอเคนะครับ ทำความสะอาดง่าย สะดวกดี ถึงแม้ BMC จะไม่ได้ทำการซ่อนสายในเฟรม แต่ก็ซ่อนสายจากสายตาเรานะครับ (หุหุ) คือเดินสายไว้ใต้ท่อนอน




เฟรมไม่ซ่อนสายในตัวเฟรม





มาถึงส่วนของความรู้สึกในการปั่นเจ้า BMC granfondo GF02 กันดีกว่า

ผมสูง 175 cm มีระยะ inseam 80 cm ทางร้านแนะนำว่า เฟรม size 54 ระยะหลักอาน ท่านั่ง ผมมาปรับเอง โดยเปิดจากหา internet ในการทำ bike fitting ด้วยตัวเองอย่างง่าย แบบบ้านๆ รวมถึงการตั้ง บันไดคลีท การติดตั้งแผ่นคลีทกับรองเท้าคลีท

เอารถไปทดลองปั่น บนถนนราบเรียบ มีเนินนิดหน่อย และ skylane การขับขี่ค่อนข้างดี นุ่มในระดับหนึ่ง ปั่นผ่านรอยต่อของถนนปูนซีเมนต์ มีแรงสะเทือนสะท้อนมือค่อนข้างน้อย ไม่แข็งกระด้าง แต่ถึงแม้จะนุ่มก็ไม่ได้มีผลต่อความสามารถในการพุ่งมากนัก เวลากดอาจจะมีย้วยนิดหน่อย เวลากดบันไดไม่ถึงกับกดแล้วมาเลยทีเดียว และมี stiffness ที่น้อยกว่า เจ้าตัวชูโรงอย่าง SLR การควบคุมค่อนข้างทำได้กี ถึงดีมาก การเลี้ยว ในที่แคบ หรือแม้แต่เลี้ยวโค้งที่ความเร็วก็ไม่มีอาการดิ้นให้เห็น (ทดสอบที่ความเร็ว 34 km/hr) มีวันหนึ่ง ไปปั่นที่ sky lane เข้าไปปั่นก็ 6 โมงเย็นกว่าๆ ตอนแรกก็คาดว่าจะปั่นได้สักสองรอบกำลังดี แต่ตกลงกับเพื่อนว่า รอบแรกจะควงขาก่อนประมาณ 90-100 รอบ แล้วรอบสองค่อยปั่นหนัก ก็ควงขากับไปเรื่อยๆ จนมาถึงประมาณกิโลเมตรที่ 15 สะดุ้งเฮือก พร้อมตะโกนถามเพื่อน รอบสองต้องอย่างน้อยกี่โมงว่ะ ถึงจะไปต่อได้ เพื่อนสวนกลับมา ทุ่มสิบห้า  เหยดดด นี่มันทุ่มกับแปดนาที แล้วว่ะ สายตาที่สบกัน รู้ทันทีว่าต้องกดเต็มที่เพื่อรอบสอง มือซ้ายและมือขวาพลางกระแทกมือตบเพื่อเลื่อนเกียร์ กดบันได้ด้วยแรงที่มีกะว่า จะให้ไปทันได้ปั่นต่อรอบสอง แต่แล้วเมื่อไปถึง ก็มีพนักงานมายืนกันกรวยรอบ พร้อมไฟกระพริบสีแดง เป็นสัญญาณบอกว่า มาช้าไปแล้วน้องเอ๋ยย แต่การออกแรงกระทืบบันไดในครั้งนั้นมันไม่เสียเปล่า ถึงแม้จะไม่ได้ปั่นรอบสอง แต่ผมก็ได้รู้จักเจ้า GF02 ของผมมากขึ้น จังหวะที่กดบันไดไป รับรู้ได้ถึงอาการย้วยของรถที่มีพอสมควรเหมือนกัน เนื่องจากรถถูกออกแบบมาสำหรับ endurance เรื่องย้วยต้องมีแน่นอน แต่รู้สึกผิดหวังเล็กๆเพราะมีอาการย้วยมากกว่าที่คิดไว้ ระยะ 7 กิโลเมตรจาก กิโลเมตรที่ 15 ถึง 22 พยายามยืนความเร็วที่ 45++ แต่รู้สึกได้ถึงรถมันตื้อๆ ที่ความเร็ว 40 ขึ้นไป มีเติมเยอะพอสมควรถึงเยอะมาก หรืออาจจะเพราะล้อเดิมๆ shimano RS010 ที่ทำให้ความเร็วตื้อๆก็อาจจะเป็นได้ เลยยังไม่ปักใจ เศร้าตรงความเร็วตื้อๆนัก



ชุดขับที่ให้ Shimano 105 groupset มานั้น ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว อาจจะมีการเปลี่ยนเกียร์ช้าบ้าง (อาจจะเป็นเพราะผมยังไม่ได้จูนระบบเกียร์เต็มที่)  
ในส่วนตำแหน่งในการนั่งก็ค่อนข้างสูงกว่าเจ้า SLR อยู่ประมาณหนึ่ง เพราะท่อคอที่สูงกว่า อยู่ 10 mm จึงทำให้ปั่นสบาย ไม่เมื่อมาก แต่หากจะแอโร่ กดตามกลุ่มก็จับแฮนด์ตรงระยะ reach หมอบหน่อยๆ ก็พอถูไถไปได้ แบบไม่น่าเกลียดนัก ผมเลยลองร่นแฮนด์ให้ต่ำลง ถอดแหวนรองคอออก ระยะก้มต่ำลง 10 mm ทำให้รู้สึกที่แตกต่างพอสมควร รู้สึกหน้าไม่เชิดเกินไป ตำแหน่งนั่งดีขึ้น แต่หากใครสายแอโร่ อาจจะอึดอัดกับตำแหน่งการนั่งพอสมควร จะก้มก็ไม่สุด จะยืดก็ไม่เด่น เอ๊ะยังไง

ด้วยเหตุบังเอิญ หรืออะไรก็ไม่แน่ใจ หลังจากซื้อรถและซ้อมได้ประมาณพันกว่าโล กับเดือนนิดๆ เพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มก็ชวนไปลงแข่งงาน แหลมฉบังใจเกินร้อยครั้งที่ 3 ตอนที่ตอบตกลงและสมัรนั้นก็ไม่ได้ศึกษาเส้นาง กะไปปั่นสนุกๆ แต่เมื่อสมัครเสร็จ วันงานแข่งเริ่มเข้ามา เลยเข้าไปศึกษาดูเส้นทางซะหน่อย พอเปิดเว็ปดูเท่านั้นล่ะครับ นี่มัน!!!! ทางขึ้นเขาชัดๆ จุดสูงสุดก็ 150 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล พร้อมอุทานออกมาคนเดียวว่า กุจะรอดไหมเนี๊ยะ สงสัยต้องใช้การเล่นรอบขาเข้าแล้วงานนี้แข่งจบงานบอกตรงๆเล่นซะเข่ร้อนเลยครับ เนินทั้งนั้น แต่พอเข้าเส้นชัย (อย่าถามว่าที่เท่าไหร่ เอาเป็นว่าเข้าเส้นก็พอ 555) รู้สึกดีใจ ปรื้มปริ่ม ไม่คิดว่าจะรอด แต่ก็เอาตัวรอดจนได้ จบงานก็ได้รู้จักกับเจ้า GF02 ผมมากขึ้นเช่นเคย เนื่องจากเส้นทางในการแข่ง เป็นเส้นทางขึ้นเขา และที่น่าสนใจคือ สภาพทางที่ลัดเลาไปตามหมู่บ้าน ถนนชนบท บางพื้นที่เป็นยางมะตอยและพื้นปูนซีเมนต์ ที่ผิวหน้าปูนลอกร่อนไปหมด เผยผิวหินขรุขระ ต้องตาต้องใจให้ไปทดสอบความทนทานความด้านชาของฝ่ามือของนักปั่น บางช่วงก็มีรอยต่อถนน ร่องใหญ่เล็กปะปนกันไป ฝาท่อ หลุม ถนนพัง รางรถไฟ เรียกว่า มาครบ ทุกสภาพการณ์ ผลที่รับรู้ได้คือ มีความนุ่มนวลที่ดีเลยล่ะ สภาพถนนที่ขรุขระ วิ่งผ่านถนนก็ซับแรงได้เป็นอย่างดี ทั้งตรงแฮนด์และซับแรงที่ส่งมายังเบาะให้น้อยลง เว้นแต่หลุมใหญ่ๆต้องคอย ยกตูดขึ้นบ้าง พื้นผิวที่ขรุขระต่างๆก็กดบันไดรูดผ่านไปได้อย่างดี ผมลองถามเพื่อนที่ไปปั่นด้วยกัน มันปั่นเฟรมอลู มันบอกว่า ไม่ไหวว่ะ สั่นไปทั้งตัว ปั่นเร็วก็ไม่ได้ ต้องคอยหลบหลุม แต่อย่างว่าละครับ เฟรมคาร์บอน กับ อลู เอามาเทียบกันก็จะผิดมวย แต่เอาเป็นว่า เรื่องความนุ่มถือว่าทำได้ดีมากเลยล่ะครับ ส่วนเรื่องความพุ่งอาจจะต้องทำใจเพราะ รถ endurance ทำมาให้ปั่นยาวๆ ปั่นสบายๆ ผมทำใจมาระดับนึง แต่แอบผิดหวังเล็กๆเพราะย้วยมากไปนี่สิครับ แต่ว่าจะลองเปลี่ยนล้อเป็นล้อคาร์บอนขอบสูง แล้วมาลองจัดหนักๆเน้นๆดูสักตั้ง ว่าจะย้วยเหมือนเดิมรึป่าว



มาที่ล้อกันหน่อย ล้อเดิมๆขอบอลู ในรหัส Shimano RS010 ตามสเปกบอกน้ำหนักมา แต่ไม่ได้ลองชั่งจริง ล้อสแตนดาร์ดธรรมดา ประเด็นมันอยู่ตรงนี้นี่สิ ในวันแข่งงาน แหลมฉบังใจเกินร้อย ผมก็ใส่ล้อชุดนี้ด้วย (มีล้อคู่เดียว 555) อย่างที่เกริ่นๆไว้ตอนแรก เส้นทางขึ้นเขาซะส่วนมาก มีช่วงหนึ่ง ในช่วงไหลลงเนิน ระยะทางประมาณ กิโลกว่าๆ เพื่อนผมขี่ spe ล้อ VISP ขอบสูง 38/50 mm ช่วงลงเนินไม่มีการปั่นส่งเลย เพราะกว่าจะขโยกมาถึงยอดเนินก็แทบจะลงเข็น เลยปล่อยไหล ผลที่ได้ค่อนข้างแปลกใจทีเดียว ดุมล้อลื่นมาก ไหลพอสมควร ผมขึ้นเนินตามท้ายเพื่อนมา พอช่วงลงเนิน ผมและเพื่อนปล่อยไหลไปจนสุด เจ้าดุม shimano WH RS010 ของ GF02 ไหลอย่างดี  ไหลแซงเพื่อนผมอย่างนิ่มๆ ผมนี่อุทานในใจ บร๊ะ ล้อแตนๆชิมาโน่ ก็ไม่ทำธรรดานะเนี๊ยะ ถือว่าพอใจในระดับนึงในความไหลลื่นของดุม

เรื่องความสวยงาม ส่วนตัวก็ ดูโอเคนะครับ ไม่ถือว่าขี้เหร่เกินไป อาจจะดูขัดๆตาตรงท่อนอนที่ถูกออกแบบมาให้มความลาดเอียง เพื่อซับแรง อีกทั้งสีที่ออกโทนขาวดำ หากได้ล้อ ดุๆหน่อยก็จะทำให้ดูดีกว่านี้
บทสรุปคือ เจ้า BMC grandfondo GF02 ตัวนี้ เหมาะสำหรับเป็นรถ all around ปั่นสั้นสนุก ปั่นยาวสบาย แต่ไม่เด่นสักทาง จะให้ไปทางสาย รถถนนก็ได้แค่มองตามหลังรถแอโร่ ตาปริบๆ หรือจะมาทางสาย endurance แท้ๆ ก็แลดูจะเป็นรถที่ดีได้ แต่อาจจะไม่สุดเช่นกัน
เอาไว้ อัพพลังขา อัพล้อเมื่อไหร่ จะมารีวิวให้ชมอีกนะครับ

ยังไงก็ฝากกดไลค์ กดติดตาม
เพจ facebook ชื่อว่า Salaryman Cycling

https://www.facebook.com/Salaryman-Cycling-305060253165016/

ด้วยนะครับ มีข้อมูล ประสบการณ์ปั่น เทคนิค หรือ ข่าวสารต่างๆดี หรือความรู้ต่างๆที่หลายๆคนกำลังตาหาอยู่ก็ได้นะครับ ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   รีวิว จักรยานเสือหมอบ BMC granfondo GF02 2016
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่