สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ กระทู้นี้ผมเขียนขึ้นมาเพื่อจะพาทุกท่านมาวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Ensogo จากวันแรกจนถึงวันที่ทาง Ensogo ได้ประกาศปิดตัวลงในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมได้ลองวิเคราะห์ และมองเห็นข้อผิดพลาดหลักที่เกิดขึ้นกับ Ensogo จากในด้านมุมมองของลูกค้า จนสรุปได้ผลออกมาเป็น 4 หัวข้อหลัก ดังนี้ครับ
1.ขาดการคัดกรอง
หลัง Ensogo เติบโตได้อย่างรวดเร็วในปีแรกๆ ผู้รับช่วงต่ออย่าง Living Social ก็หันมากระหน่ำขายดีลอย่างดุเดือด โดยไม่สนใจว่าบริการในแต่ละดีลนั้นเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ฝั่งลูกค้าเองเมื่อเห็นดีลแบบเดียวกันเยอะๆเข้า ก็ไม่ได้รู้สึกว้าว! กับส่วนลดที่ได้ หรือไม่รู้สึกว่ามันพิเศษนะ ต้องรีบซื้อ แต่อย่างใด ความซ้ำซากนี้เองก่อให้เกิดการตัดราคาได้อย่างง่ายๆ ก็เพราะว่าผู้ขายดีลเขาไม่รู้ว่าจะแข่งกับผู้ให้บริการแบบเดียวกันคนอื่นๆได้อย่างไร และการตัดราคานี้เองก็ส่งผลถึงการตัดลดคุณภาพของการให้บริการที่หน้าร้าน
2.พฤติกรรม Uncontrollable ของผู้ให้บริการ
เหตุผลสืบเนื่องมาจากข้อแรกที่มีการตัดราคากัน ผู้ให้บริการบางรายจึงมักเลือกบริการที่คุณภาพต่ำที่สุด ต้นทุนถูกสุดให้กับผู้ซื้อดีล ซึ่งบริการคุณภาพแย่นี้ ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจในการซื้อดีลผ่าน Ensogo อีกต่อไป เพราะนอกจากจะไม่ได้รู้สึกพิเศษในการซื้อแล้ว ตอนไปใช้บริการกลับยังได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีอีก นอกจากนี้ Ensogo เองก็ยังคงต้องปวดหัวกับการหาผู้ให้บริการรายใหม่ที่หลังๆไม่ค่อยจะสนใจลงดีลกับ Ensogo แล้ว ขณะที่ผู้ให้บริการรายเก่าหัวหมอบางราย ก็มักจะแอบบอกกับลูกค้าว่า ในครั้งต่อไปหากต้องการซื้อดีล ให้มาซื้อที่หน้าร้านได้เลย ทั้งนี้ก็เพราะผู้ให้บริการเองเค้าไม่อยากที่จะเสียเงินบางส่วนให้กับ Ensogo เพียงแต่ต้องการใช้ Ensogo เป็นเครื่องมือในการโปรโมทร้านเท่านั้น
3.ขาด Focus
ระยะหลังๆมานี้ Ensogo เริ่มจะนำทุกอย่างเข้ามาขาย ทั้งของใช้ทั่วไปผสมกับดีลบริการ ซึ่งการขายทั้ง 2 อย่างนั้น ทำให้ Ensogo เสียโฟกัสในการเป็นผู้ขายดีลออนไลน์ไปโดยปริยาย เพราะหน้าเว็ปของ Ensogo เอง หากสังเกตดีๆจะพบว่าทำขึ้นมาแบบรวมทั้งสินค้า และ บริการ อยู่ในแถบเมนูเดียวกัน และความหลากหลายของ Category สินค้าเองก็ไม่สามารถสู้ผู้ให้บริการ E-Commerce รายใหม่ๆ อย่าง Lazada ได้ ทำให้สุดท้ายแล้วลูกค้าเองที่งงว่าหน้าเว็ป Ensogo นั้นต้องการจะบอกอะไรกันแน่ นอกจากนี้ความที่อยากจะจับทุกอย่างทั้งสินค้าและบริการนี้เอง อาจเป็นเหตุทำ Ensogo จำเป็นใช้ Budget โปรโมทและสร้างระบบต่างๆ สุดท้ายเงินที่ลงไปก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่แบบหว่านๆที่ได้ไม่คุ้มเสียนั่นเอง โดยหากไปเปิดงบการเงินของ Ensogo ดู จะพบว่า Ensogo มีค่าใช้จ่ายต่อปีที่ค่อนข้างสูง และขาดทุนสะสมมาตั้งแต่ปี 2014
4. ทิ้งจุดแข็งกลายไปเป็นผู้ตาม
ผมคิดว่า นี่คงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Ensogo ไปต่อไม่ได้เลยทีเดียว ก็เพราะว่าเดิมใครๆก็ทราบดีว่า Ensogo นั้นมีจุดแข็งมากๆในเรื่องการขายดีลบริการ แต่สุดท้ายแล้ว Ensogo เองกลับเลือกที่จะเอาตัวเองไปเป็นผู้ตามในตลาด “สินค้า” ชอปปิ้งออนไลน์ และทุ่มงบประมาณไปจำนวนมากในการสร้างระบบการขายแบบ “Marketplace” ขึ้นมา ในต้นปี 2016 ซึ่งระบบ Marketplace นั้นก็คือการเปิดโอกาสให้ผู้ขายอิสระเข้ามาลงขายสินค้าได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านทีมงาน Ensogo แต่ดูเหมือนว่า Ensogo นั้นจะเปิดระบบนี้ช้าไป เพราะE-Commerce รายใหญ่อย่าง Lazada เค้าเปิดระบบนี้มาตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อนหน้าแล้ว อีกทั้งยังมี Application ขวัญใจวัยรุ่นอย่าง Shopee TH ก็ได้ใช้ระบบนี้ในการขายสินค้ามาก่อน Ensogo พักนึงแล้ว ดังนั้นแล้ว Ensogo จึงดูเหมือนว่าแทบไม่มีข้อได้เปรียบใดๆมาสู่กับการแข่งขันในระบบ Marketplace นี้เลย
และนี่ก็คือ 4 ข้อผิดพลาดหลักๆในมุมมองของผม ในฐานะที่เคยเป็นลูกค้าของ Ensogo คนหนึ่งนะครับ แล้วเพื่อนๆล่ะครับ มีความเห็นกันอย่างไรบ้างครับ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ
สุดท้ายนี้ ผมได้เขียนบทความ "ย้อนรอยประวัติ Ensogo ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงจุดปิดตัว" ไว้ใน Blog ของผมนะครับ หากท่านใดสนใจ เชิญติดตามได้ตามลิงก์ข้างล่างได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://blog.bizlanethailand.com/เปิดประวัติ-ย้อนรอย-ensogo
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้FB Fanpage : https://www.facebook.com/Bizlanethailand
สรุป 4 ข้อผิดพลาด ทำไม Ensogo จึงขาดทุน?
1.ขาดการคัดกรอง
หลัง Ensogo เติบโตได้อย่างรวดเร็วในปีแรกๆ ผู้รับช่วงต่ออย่าง Living Social ก็หันมากระหน่ำขายดีลอย่างดุเดือด โดยไม่สนใจว่าบริการในแต่ละดีลนั้นเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ฝั่งลูกค้าเองเมื่อเห็นดีลแบบเดียวกันเยอะๆเข้า ก็ไม่ได้รู้สึกว้าว! กับส่วนลดที่ได้ หรือไม่รู้สึกว่ามันพิเศษนะ ต้องรีบซื้อ แต่อย่างใด ความซ้ำซากนี้เองก่อให้เกิดการตัดราคาได้อย่างง่ายๆ ก็เพราะว่าผู้ขายดีลเขาไม่รู้ว่าจะแข่งกับผู้ให้บริการแบบเดียวกันคนอื่นๆได้อย่างไร และการตัดราคานี้เองก็ส่งผลถึงการตัดลดคุณภาพของการให้บริการที่หน้าร้าน
2.พฤติกรรม Uncontrollable ของผู้ให้บริการ
เหตุผลสืบเนื่องมาจากข้อแรกที่มีการตัดราคากัน ผู้ให้บริการบางรายจึงมักเลือกบริการที่คุณภาพต่ำที่สุด ต้นทุนถูกสุดให้กับผู้ซื้อดีล ซึ่งบริการคุณภาพแย่นี้ ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจในการซื้อดีลผ่าน Ensogo อีกต่อไป เพราะนอกจากจะไม่ได้รู้สึกพิเศษในการซื้อแล้ว ตอนไปใช้บริการกลับยังได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีอีก นอกจากนี้ Ensogo เองก็ยังคงต้องปวดหัวกับการหาผู้ให้บริการรายใหม่ที่หลังๆไม่ค่อยจะสนใจลงดีลกับ Ensogo แล้ว ขณะที่ผู้ให้บริการรายเก่าหัวหมอบางราย ก็มักจะแอบบอกกับลูกค้าว่า ในครั้งต่อไปหากต้องการซื้อดีล ให้มาซื้อที่หน้าร้านได้เลย ทั้งนี้ก็เพราะผู้ให้บริการเองเค้าไม่อยากที่จะเสียเงินบางส่วนให้กับ Ensogo เพียงแต่ต้องการใช้ Ensogo เป็นเครื่องมือในการโปรโมทร้านเท่านั้น
3.ขาด Focus
ระยะหลังๆมานี้ Ensogo เริ่มจะนำทุกอย่างเข้ามาขาย ทั้งของใช้ทั่วไปผสมกับดีลบริการ ซึ่งการขายทั้ง 2 อย่างนั้น ทำให้ Ensogo เสียโฟกัสในการเป็นผู้ขายดีลออนไลน์ไปโดยปริยาย เพราะหน้าเว็ปของ Ensogo เอง หากสังเกตดีๆจะพบว่าทำขึ้นมาแบบรวมทั้งสินค้า และ บริการ อยู่ในแถบเมนูเดียวกัน และความหลากหลายของ Category สินค้าเองก็ไม่สามารถสู้ผู้ให้บริการ E-Commerce รายใหม่ๆ อย่าง Lazada ได้ ทำให้สุดท้ายแล้วลูกค้าเองที่งงว่าหน้าเว็ป Ensogo นั้นต้องการจะบอกอะไรกันแน่ นอกจากนี้ความที่อยากจะจับทุกอย่างทั้งสินค้าและบริการนี้เอง อาจเป็นเหตุทำ Ensogo จำเป็นใช้ Budget โปรโมทและสร้างระบบต่างๆ สุดท้ายเงินที่ลงไปก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่แบบหว่านๆที่ได้ไม่คุ้มเสียนั่นเอง โดยหากไปเปิดงบการเงินของ Ensogo ดู จะพบว่า Ensogo มีค่าใช้จ่ายต่อปีที่ค่อนข้างสูง และขาดทุนสะสมมาตั้งแต่ปี 2014
4. ทิ้งจุดแข็งกลายไปเป็นผู้ตาม
ผมคิดว่า นี่คงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ Ensogo ไปต่อไม่ได้เลยทีเดียว ก็เพราะว่าเดิมใครๆก็ทราบดีว่า Ensogo นั้นมีจุดแข็งมากๆในเรื่องการขายดีลบริการ แต่สุดท้ายแล้ว Ensogo เองกลับเลือกที่จะเอาตัวเองไปเป็นผู้ตามในตลาด “สินค้า” ชอปปิ้งออนไลน์ และทุ่มงบประมาณไปจำนวนมากในการสร้างระบบการขายแบบ “Marketplace” ขึ้นมา ในต้นปี 2016 ซึ่งระบบ Marketplace นั้นก็คือการเปิดโอกาสให้ผู้ขายอิสระเข้ามาลงขายสินค้าได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านทีมงาน Ensogo แต่ดูเหมือนว่า Ensogo นั้นจะเปิดระบบนี้ช้าไป เพราะE-Commerce รายใหญ่อย่าง Lazada เค้าเปิดระบบนี้มาตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อนหน้าแล้ว อีกทั้งยังมี Application ขวัญใจวัยรุ่นอย่าง Shopee TH ก็ได้ใช้ระบบนี้ในการขายสินค้ามาก่อน Ensogo พักนึงแล้ว ดังนั้นแล้ว Ensogo จึงดูเหมือนว่าแทบไม่มีข้อได้เปรียบใดๆมาสู่กับการแข่งขันในระบบ Marketplace นี้เลย
และนี่ก็คือ 4 ข้อผิดพลาดหลักๆในมุมมองของผม ในฐานะที่เคยเป็นลูกค้าของ Ensogo คนหนึ่งนะครับ แล้วเพื่อนๆล่ะครับ มีความเห็นกันอย่างไรบ้างครับ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ
สุดท้ายนี้ ผมได้เขียนบทความ "ย้อนรอยประวัติ Ensogo ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงจุดปิดตัว" ไว้ใน Blog ของผมนะครับ หากท่านใดสนใจ เชิญติดตามได้ตามลิงก์ข้างล่างได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้