[CR][SR] เเบกเป้ขึ้นภูสอยดาว

มิตรภาพมากมายระหว่างทาง

"When you’re traveling,
you are what you are right there and then.
People don’t have your past to hold against you.
No yesterdays on the road." – William Least Heat Moon



เป็นบันทึกการเดินครั้งที่ 2 (ภาพ iphon 5s กับ cannon60d)

มันเริ่มด้วยการ  จากสถานีรถทัว หมอชิต 290 บาทถึงสถานีขนส่ง พิษณุโลก เเละต่อด้วย รถประจำทางไปยังชาติตระการ ด้วยเเสงอันน้อยของทองฟ้า...เวลาบอก 5.00 น. ด้วยราคา 92 บาท ภายในรถเบียดเเน่นไปด้วยผู้คนต่างวัยกัน มุ่งหน้าสู่จุดหมาย รถเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วผ่านสองข้างทางที่มีเเต่ป่า ต้นไม้ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ สู่ความสดชื่นมากระทบยังสายตาที่เหนื่อยล้าจากเมืองกรุง รถยังคงเคลื่อนตัวไป ในไม่ช้า ก็ถึงยังสถานที่จอดรถของชาติตระการ เสียงผู้คนขยับลุกเคลื่อนย้ายสัมภาระ เเละร่างกายจากอาการงัวเงีย


จุดขายตั๋วรถจาก บขส พิษณุโลก - ชาติการ

ตั๋วรถราคา 92 บาท

จุดลงรถเมือถึง ชาติตระการ

ด้านหน้าจุดรงรถเพื่อต่อรถไปยังตลาด
7.30 น. รถตุ๊กๆ เป็นทางเลือก ซึ่งนั้นคือจะต้องเหมาไปยังตลาดชาติตระการพอดีกัน กับ มีผญ.สองคนซึ่งก่อนหน้านี้ก็มาพร้อมกันโดยรถโดยสารจากพิษณุโลก ก็ตกลงจะไปพร้อมกัน ได้ราคาตุ๊กๆ คนละ 15 บาท สามล้อนั้นก็พา คน 6 คนไปยังตลาด


โชคชะตาฟ้าลิขิต คงทำให้เราได้เจอกับคนมากมาย มีกลุ่มวัยรุ่น ชายหญิงอีก 6 คนยังคงยืนอยู่ที่ตลาด เดินตรงมายังกลุ่มเราที่เพิ่งมาถึง
"เอ่อขอโทษครับ น้องจะขึ้นภูสอยดาวหรือป่าว  เเน่นอนความหวังมาเเล้วเราก็บอกว่าไป ช่ายเลย 555 เข้าทาง เพราะกลุ่มเขาก็จะไปเหมือนกัน ตกลงเหมารถสองเเถวขึ้นภูได้ เที่ยวละ 1,000 บาท หารกัน ก็ตกคนละ 71 บาท เพราะทีมนี้มี 14 คน เป็นอันว่าตกลง (084574-6431) เบอร์คนขับรถ มีเวลาอยุ่ก็ต่างเเยกย้ายซื้อเสบียงอาหาร สำหรับขึ้นไป เพราะด้านบนไม่มีอะไรขายต้องเตรียมไปเอง







9.00 น.ได้ฤกษ์งามยามดี รถก็เริ่มออกเดินทางมุ่งตรงยังปลายทาง ภูสอยดาวเส้นทางนั้นคดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามถนนคอนกรีต ซึ่งอยุ่บนภูเขาใหญ่ตระการตา นับหลายลูกที่ทอดข้ามผ่าน รถวิ่งด้วยความชำนาญของคนพื้นที่ ไอเย็นของธรรมชาติที่ถูกพัดมาด้วยเเรงลม ให้ได้กินดินอ่อนๆที่เเสดงว่าฝนเพิ่งตกได้ไม่นานด้วยปลายของยอดหญ้าที่เขียวที่มีหยดน้ำเกาะเขียวชะอุ่มตลอดข้างทาง


ไม่ช้ารถก็มายังสถานีปลายทางจุดหมาย อุทยาน ภูสอยดาว มีเจ้าหน้าคอยตอนรับเเละเเนะนำอย่างดี หลังจากรถจอดเคลียตังค์เสร็จ ก็จ่ายค่าบำรุง (ค่าเข้าอช.) คนละ 40 บาท เเละเข้าไปจองเต็นท์ ราคา 250 บาท (เเต่ผมเอามาเอง) หรือหากใครไม่อยากเเบกของก็ใช้ค่าบริการลูกหาบได้ Kg ละ 35 บาท (ซึ่งผมก็เเบกขึ้นเอง)


หลังจากเคลียตังค์เสร็จอีกรอบ สมาชิกนักเดินทางที่มาด้วยกัน ก็เเยกย้ายต่างเดินขึ้นไปยังจุดหมายเดียวกัน มีเพียงเสียงคำสัญญาไว้ว่า
" เดี่ยวเจอกันด้านบน" 10.30 น. เวลาบอกว่าควรจะเดินได้เเล้วมีรถกระบะของเจ้าหน้าที่พาเราจากจุดบริการไปสงยังทางขึ้น 11.00 น.

เวลาเเห่งการผจญภัยก็เริ่มต้น....6.5 Km คือเครื่องวัดใจ จากจุดเริ่มต้น น้ำตกภูสอยดาว เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินเสือโคร่ง เเละเนินมรณะ มุ่งหน้าเข้าสู่ ลานสน จุดหมายของเรา  


สถานที่บางเเห่งต่อให้คุณมีเงินบางทีก็มิอาจไปดูให้เห็นด้วยตาได้ ตลอดการเดินทางมีทั้งปีนป่าย ผ่านความชันมากมาย

ตามทางจะมีป้ายเป็นกำลังใจให้ อีกเเค่ 6 กิโลเอง เอ้าฮึบๆๆ





โปรยปราย........................


ความยากของการเดินว่าสนุกเเล้ว ยังมีความมันส์อีกอย่าง เมื่อในไม่ช้าฝนก็โปรยปรายลงมาเสมือนเป็นรางวัล เพิ่มความยากกว่าเป็นทวีคูณ เสื้อผ้าเปียกปอนกันหมด ดีที่ยังมีชุดกันฝน เเต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความยากลดน้อยลง ความหนาว หมอกขาว ทำให้ทัศนวิสัยเพียงเเค่เอิ้อมมือมองกันไม่เห็น ความล่าช้าตามมาติดๆ

การเดินในระหว่างทางนอกจากจะยาก ยังเจอรอยยิ้มเเละอะไรอีกมากมาย ของผุ้ร่วมเดินทาง ทั้งไม่รู้จักกันเเต่สิ่งดี่ยวที่ทำให้ทุกคนนั้นยังคงเดินไปด้วยกันคือรอยยิ้มที่มีกันตลอดไม่ว่าเค้าคนนั้นจะเป็นใคร...


เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆไม่อาจย้อนกลับ ความเหนื่อยล้าของร่างกายเเสดงออกมามากยิ่งขึ้นปลายยอด ที่เป็นจุดหมายคือกำลังใจที่จะให้คงเดินต่อ เวลาเเสดงว่า 17.00 น. เรายังคงอยุ่ที่เนินเสือโคร่ง เวลาผ่านไปเเล้ว เกือบ 6 ชั่วโมงกับการเดินเท้า


มองขึ้นไป ยังคงเห็นยอดเขาที่อยู่สูงริบๆ มองให้ดีมีกลุ่มนักเดินทาง ลูกหาบ เช่นเดียวกับเราเดินต่อขึ้นไเป็นขบวนเห็นเป็นสายยาว กำลังใจก็ค่อยๆเพิ่มทวี ลุกออกเดินด้วยเเรงฮึดอีกครั้ง

ในไม่ช้าเนินมรณะก็มาถึง เนินสุดท้าย ระยะทางอีก 2 กิโลเมตร ก่อนถึงจุดหมาย เเต่มันคือการเดินขึ้นเขาที่เเบบเกินกว่า 60 องศาเเน่ๆ เมื่อขาที่ก้าวออกไปยังทางดินสลับหิน ออกอาการสั่นทุกย่างก้าว หันหลังมองย้อนลงมาคือสันเขา ที่มองเป็นสันชัดเจน




ความรู้สึกที่ลมปะทะหน้ามันดีมากๆเลย มองไกลออกไปคือเขาใหญ่ตระการสุดตาเขียวชะอุ่ม กับเเสงที่กำลังจะหมด เเลสายหมอกที่ปลิวลอยร่อนตามสายลม ทุกย่างก้าวเป็นไปด้วยความตั้งใจเเลมีสติหากพาดลื่นตกลงมาคงกลิ้งเป็นขนุนเเน่ ในไม่ช้าฮึดใจเดี่ยวก็ขึ้นมาถึงเนินเขานั้น




สายหมอกเเละลมยังคงพัดเเรง  ขาที่สั่นไหวมาตั้งเเต่ครึ่งทางเเละเเล้ว 18.20 น. จุดหมายก็มาถึง ป้ายที่เราจะมาถ่ายรูป 55555
เเต่ยังไม่ถึงจุดหมายขังคงต้องเดินต่อไปอีกไม่ไกล ก็ถึงยังบริเวณลานสน มีนักเดินทางผู้มาถึงก่อน ต่างจับจองพื้นที่ของตน เมื่อถึงที่หมาย ก็เเบ่งหน้าที่กัน ให้เพื่อนไปเช่าเตาไฟมาเพื่อจุดไฟ เเต่ว่าเตาหมด ของทุกอย่างก็หมด เพราะนักท่องเที่ยวขึ้นมาเยอะมากในครั้งนี้ เเต่ดีที่ยังคงมีเตาที่เเตกพังยังพอก่อไฟเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้บ้าง

ในไม่ช้าความมืดเข้าปกคลุม มีเพียงเเสงไฟจากกองไฟเเต่ละเต็นท์ที่ก่อขึ้นของเราก็เช่นกัน  ห้องน้ำอยู่ทางด้านใน หากจะอาบน้ำหรือทำธุระส่วนตัว ต้องเอากระป๋องไปตักยังลำธาร ด้านข้าง มาใช้ น้ำใสเเละเย็นมากกกก .....

อาหารเย็นเราคือ ข้าวที่ซื้อมาจาก7-11 ปลากระป๋องพอดีเต็นท์ข้างๆเขาให้ยืมหม้อ (เพราะเราไม่มีอะไรมาเลย)เอาข้าวตัดปากถุงลงอุ่น เเละต้มมาม่าคัฟ ซดน้ำเเทนน้ำเเกง  ก็เเค่เพียงพอที่จะอิ่มหลับสบาย ตลอดคืนฝนยังคงตกเเรง ด้วยความหวังจะเห็นดาวก็คงต้องตัดใจ นอนขดอยู่ในถุงนอนภายในเต็นท์ที่เป็นกำบังลม ความหนาวเหน็บจากลมฝนทำให้รับรู้ถึงธรรมชาติที่เราไม่สามารถเอาชนะได้ ราตรีสวัสดิ์
เช้าวันใหม่ความเหน็ดเหนื่อยถูกตอบเเทนอย่าสาสม










งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา เเต่ประสบการณ์จะอยู่กับเราตลอดไป
ชื่อสินค้า:   ภูสอยดาว อันดับ 4 ของภูไทย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่