เป็นเวลาเกือบ 20 ปี ที่สำนักสุสานโบราณได้โลดแล่นในยุทธภพ ได้สร้างเกียรติภูมิให้แก่แผ่นดินไท่กั๋วอย่างมากมาย บัดนี้สำนักสุสานโบราณได้ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบ 1 ใน 12 สำนักชั้นหนึ่งของยุทธภพ แม้จะอยู่อันดับเกือบท้ายสุด แต่กลับเป็นที่รักที่สุดของชาวยุทธ์ทั่วโลกเพราะความมีน้ำใจไมตรี รอยยิ้มมิตรภาพและความมีสปิริต
แม้ว่าสำนักสุสานโบราณไท่กั๋วจะมีชื่อเสียงโด่งดังปรากฏในยุทธภพ แต่การหมิ่นแคลนจากสำนักต่างๆก็ไม่เคยหมดสิ้นไปแม้จะเคยปราชัยให้กับไท่กั๋วมากันถ้วนหน้าแล้ว โดยเฉพาะเมื่อยังมีบทกลอนเย้ยยุทธจักรที่ร้องเล่นกันไปทั่วยุทธภพว่า “แพ้ใครก็ได้ แต่อย่าแพ้ไท่กั๋ว ใครแพ้ไท่กั๋ว น่ากลัวต้องปิ๋ว” ไม่มีใครทราบว่ากูรูยุทธภพท่านใดเป็นผู้บัญญัติ แต่กลอนนี้กลับสั่นคลอนจิตใจของบรรดาเจ้าสำนักให้เกิดความหวั่นไหวอย่างมาก ไท่กั๊วจึงต้องเผชิญกับอันตรายมากมายในยุทธภพยิ่งกว่าสำนักใดในแผ่นดิน ทั้งเล่ห์ร้ายอุบายชั่วต่างถูกสรรหามาเพื่อหวังสยบไท่กั๋วให้ได้ แต่อุปสรรคทั้งหลายกลับหล่อหลอมให้ไท่กั๋วแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่เหล่าซือแป๋ของสำนักสุสานโบราณตระหนักดีว่า การสร้างเกียรติภูมินั้นยาก แต่การรักษามิให้เสื่อมถอยกลับยากยิ่งกว่า หากไท่กั๋วไม่เร่งพัฒนา ก็คงต้องถอยกลับไปเป็นสำนักชั้น 2 หรือชั้น 3 เหมือนในอดีต สุสานโบราณจึงเริ่มสรรหาผู้ที่มีสัดส่วนเหมาะสมต่อการฝึกยุทธ์เพื่อนำมาฝึกปรือให้เป็นยอดยุทธ์ต่อไป ในบรรดารุกกี้หรือพวกหน้าใหม่ก็มีผู้ที่มีพลังฝีมือเป็นเยี่ยมที่น่าจับตามอง สร้างความหวังว่าไท่กั๊วจะมี 7 เซียนรุ่นสองที่มีฝีไม้ลายมือไม่ด้อยไปกว่าเจ็ดเซียนรุ่นพี่
塔达奥 (ถ่าต๋าเอ้า -> ทัดดาว)
จอมยุทธ์สาวแสนสวย แต่กระบี่ของนางกลับเผ็ดร้อนและอำมหิตยิ่ง กระบี่ของนางว่องไวปานสายฟ้า เพราะนางลุถึงขั้นไร้กระบวนท่าตั้งแต่เยาว์วัย นางจึงไม่จำเป็นต้องวาดมือวาดเท้าให้เสียเวลา เพียงทิ่มแทงไปตามสำนึกกระบี่ นางก็พิชิตคู่ต่อสู้โดยที่ศตรูไม่ทันรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในอดีตก็มือกระบี่ที่ใช้เพียงสำนึกกระบี่เอาชัยคู่ต่อสู้โดยไม่มีกระบวนท่า นั่นคืออาฮุย สหายสนิทของลี้คิมฮวง
阿耶查拉蓬(อาเหยฉาลาเผิง -> อัจฉราพร)
เพียวยี้ จอมยุทธ์หญิงน่ารักอารมณ์ดี จิตใจที่ใสกระจ่างของเธอตรงกับเคล็ดวิชาของสุสานโบราณที่ต้องอาศัยจิตที่สงบแต่เบิกบานจึงเปล่งอานุภาพสูงสุด วิชากระบี่ของเธอจึงทั้งสง่างามตามแบบฉบับสุสานโบราณแต่แฝงด้วยความร้ายกาจอย่างคาดไม่ถึง มีคำเปรียบเปรยว่าร่ายรำเหมือนผีเสื้อแต่ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง เป็นความน่ารักที่แฝงด้วยอันตราย ชาวยุทธ์จึงขนานนามนางว่า แพนด้าอาบยาพิษ
波蓬(โปเผิง -> พรพรรณ)
พู่ยี้ จอมยุทธ์หญิงเจ้าปัญญา เธอศึกษาวิชาค่ายกลห้าธาตุของเกาะดอกท้อจนเชี่ยวชาญและนำมาดัดแปลงใช้ในการต่อสู้ เธอจึงรับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมค่ายกลกระบี่ อาวุธคู่ใจคือแท็บเล็ต (ไม่ใช่นั่นมันของพวกมารร้ายในยุทธภพต่างหาก) ที่เธอถือกระดานหมากล้อมต่างหาก แต่มิใช่ว่านางไม่มีวิชากระบี่ กระบี่สั้นในมือของเธอแม้ไม่ดุดันแต่กลับเปี่ยมอันตรายยิ่ง โดยเฉพาะท่าไม้ตายกระบี่จังหวะสองของเธอช่างเรียบง่ายแต่แยบยลอย่างคาดไม่ถึง ศตรูมักถูกกระบี่ของเธอลวงจนพ่ายแพ้แบบน่าเขกกะโหลกตัวเอง
皮亚纳特(ผีย่าน่าเถ้อ -> ปิยะนุช)
นักบู๊สายป้องกัน วันหนึ่งเธอได้ตามศิษย์พี่ไปฝึกวิชาในท้องทะเลที่บ้าคลั่ง เธอได้เห็นปลาวาฬกำลังโต้คลื่นลมที่กราดเกรี้ยว แม้จะตัวใหญ่มหาศาลแต่มันกลับสามารถโดดขึ้นเหนือน้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอได้จดจำท่วงท่าอันแปลกประหลาดของปลาวาฬและบัญญัติวิชาฝ่ามือชุดหนึ่งขึ้นมาเอง มีชื่อว่าฝ่ามือปลาวาฬล้อคลื่น ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงส่งในการป้องกันตัว แต่ในวิชาฝ่ามือชุดนี้มีท่าลับคือกระบวนท่าโยนปลาวาฬข้ามสมุทรเป็นท่าไม้ตายที่ใช้พลิกจากสถานการณ์คับขันกลายเป็นชัยชนะที่เหนือคาดหมายได้
皮姆皮查亚(ผีหมู่ผีฉาย่า -> พิมพิชญา)
หนึ่งในรุกกี้รุ่นเยาว์ของสำนัก เราไม่อาจหยั่งคาดพลังฝีมือของเธอได้ เพราะเพียงฝึกยุทธ์ไม่กี่ปีก็เอาชนะยอดฝีมือในยุทธภพได้มากมาย วิชากระบี่ที่เธอเชี่ยวชาญคือการใช้รังสีกระบี่โจมตีในระยะไกล เหมาะกับฉายาว่า บีม ที่แปลว่าลำแสง อย่างมาก
加拉斯蓬(เจียลาซือเผิง -> จรัสพร)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งรุกกี้ที่น่าจับตามอง เธอมีสัดส่วนที่เหมาะสมในการฝึกยุทธ์ยิ่งกว่าใคร กระบี่ที่รวดเร็วและพิสดารแต่แฝงด้วยความหนักแน่นไม่ด้อยไปกว่ารุ่นพี่เลย กระบวนท่าสุดยอดของเธอคือ “ปัง” ไม่มีใครสังเกตทันว่าเธอลงมืออย่างไร มีเพียงเสียงล้มลงฟาดพื้นดังปังของคู่ต่อสู้เท่านั้น ความมหัศจรรย์ของฝีมือจึงได้รับสมญานามว่า เดียร์มิราเคิล
哈塔亚(ฮาถ่าย่า -> หัตถยา)
ฮาถ่ายาหรือเตยยี้ อีกหนึ่งรุกกี้ที่มีฝีมือโดดเด่น ด้วยวิชาตัวเบาและเพลงกระบี่สาวงามที่พิสดารพันลึก ศตรูมักถูกกระบวนท่าของเธอหลอกจนหัวหมุน ความว่องไวและพลังป้องกันที่ดีเยี่ยมเหมาะเป็นอาวุธลับอย่างดีสำหรับสำนักสุสานโบราณ
查楚-昂(ฉาฉู่-อ๋าง -> ชัชชุอร)
น้องเล็กที่สุดของทีม ด้วยอายุแค่ 16 ปีแต่มีพลังวัตรที่ลึกล้ำราวกับเธอฝึกมาตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา จึงคาดว่าเธอน่าจะเป็นยอดฝีมือสายลมปราณเช่นเดียวกับเอ้าหนู่หม่ารุ่นพี่ของเธอ เป็นนักรบหญิงที่กล้าแกร่งได้อย่างแน่นอน
索拉亚(สั่วลาย่า - โสรยา)
จอมยุทธ์น้อยผู้นี้แทบไม่เป็นที่รู้จักของชาวยุทธ์ แต่ไม่นานมานี้เธอได้ทำหน้าที่ควบคุมค่ายกลกระบี่เอาชนะกองธงมักกะโรนีได้ ยุทธภพจึงได้รู้จักเธอเป็นครั้งแรก วิชาที่เธอใช้ แม้แต่หน้าตาและรอยยิ้มล้วนถอดแบบมาจากเซียวเหล่งนุศ เธอจึงน่าจะเป็นผู้สืบทอดของสำนักสุสานโบราณต่อไป
玉盤 ยุภา (ชื่อภาษาจีน เดิมสะกดผิดแต่ตอนนี้ัได้รับการแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องแล้ว คำนี้แปลว่า แผ่นหยก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)
ศิษย์ใหม่สายป้องกันอีกคน เคล็ดสี่ตำลึงปัดพันชั่งของเธอทำให้ต้านทานพลังฝ่ามือได้ถึงพันชั่ง แต่ถ้าเกินพันชั่งนางคงรับไม่ไหว แต่ในยุทธภพมียอดฝีมือเพียงน้อยนิดที่มีอานุภาพฝ่ามือที่รุนแรงเกินพันชั่ง ถ้าหากนางพัฒนาจนสามารถใช้สี่ตำลึงปัดพันสองร้อยชั่งได้แล้ว ก็จะไม่มียอดฝีมือคนใดในยุทธภพที่จะเอาชนะเธอได้อีกเลย
บันทึกโดย เสี่ยวเอ้อยุทธภพ
กระทู้เก่า
http://ppantip.com/topic/35277914 วอลเลย์ยุทธภพ ตอน ย้อนอดีตเจ็ดเซียนบวกหนึ่ง
ขอบคุณชื่อภาษาจีนจากกระทู้
http://ppantip.com/topic/33665873 ชื่อทับศัพท์ภาษาจีนของนักวอลเลย์บอลหญิงไทยชุด ชชอ.
วอลเลย์ยุทธภพ ตอน มองอนาคต 7 เซียนรุ่นใหม่แห่งไท่กั๊ว
แม้ว่าสำนักสุสานโบราณไท่กั๋วจะมีชื่อเสียงโด่งดังปรากฏในยุทธภพ แต่การหมิ่นแคลนจากสำนักต่างๆก็ไม่เคยหมดสิ้นไปแม้จะเคยปราชัยให้กับไท่กั๋วมากันถ้วนหน้าแล้ว โดยเฉพาะเมื่อยังมีบทกลอนเย้ยยุทธจักรที่ร้องเล่นกันไปทั่วยุทธภพว่า “แพ้ใครก็ได้ แต่อย่าแพ้ไท่กั๋ว ใครแพ้ไท่กั๋ว น่ากลัวต้องปิ๋ว” ไม่มีใครทราบว่ากูรูยุทธภพท่านใดเป็นผู้บัญญัติ แต่กลอนนี้กลับสั่นคลอนจิตใจของบรรดาเจ้าสำนักให้เกิดความหวั่นไหวอย่างมาก ไท่กั๊วจึงต้องเผชิญกับอันตรายมากมายในยุทธภพยิ่งกว่าสำนักใดในแผ่นดิน ทั้งเล่ห์ร้ายอุบายชั่วต่างถูกสรรหามาเพื่อหวังสยบไท่กั๋วให้ได้ แต่อุปสรรคทั้งหลายกลับหล่อหลอมให้ไท่กั๋วแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่เหล่าซือแป๋ของสำนักสุสานโบราณตระหนักดีว่า การสร้างเกียรติภูมินั้นยาก แต่การรักษามิให้เสื่อมถอยกลับยากยิ่งกว่า หากไท่กั๋วไม่เร่งพัฒนา ก็คงต้องถอยกลับไปเป็นสำนักชั้น 2 หรือชั้น 3 เหมือนในอดีต สุสานโบราณจึงเริ่มสรรหาผู้ที่มีสัดส่วนเหมาะสมต่อการฝึกยุทธ์เพื่อนำมาฝึกปรือให้เป็นยอดยุทธ์ต่อไป ในบรรดารุกกี้หรือพวกหน้าใหม่ก็มีผู้ที่มีพลังฝีมือเป็นเยี่ยมที่น่าจับตามอง สร้างความหวังว่าไท่กั๊วจะมี 7 เซียนรุ่นสองที่มีฝีไม้ลายมือไม่ด้อยไปกว่าเจ็ดเซียนรุ่นพี่
塔达奥 (ถ่าต๋าเอ้า -> ทัดดาว)
จอมยุทธ์สาวแสนสวย แต่กระบี่ของนางกลับเผ็ดร้อนและอำมหิตยิ่ง กระบี่ของนางว่องไวปานสายฟ้า เพราะนางลุถึงขั้นไร้กระบวนท่าตั้งแต่เยาว์วัย นางจึงไม่จำเป็นต้องวาดมือวาดเท้าให้เสียเวลา เพียงทิ่มแทงไปตามสำนึกกระบี่ นางก็พิชิตคู่ต่อสู้โดยที่ศตรูไม่ทันรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ในอดีตก็มือกระบี่ที่ใช้เพียงสำนึกกระบี่เอาชัยคู่ต่อสู้โดยไม่มีกระบวนท่า นั่นคืออาฮุย สหายสนิทของลี้คิมฮวง
阿耶查拉蓬(อาเหยฉาลาเผิง -> อัจฉราพร)
เพียวยี้ จอมยุทธ์หญิงน่ารักอารมณ์ดี จิตใจที่ใสกระจ่างของเธอตรงกับเคล็ดวิชาของสุสานโบราณที่ต้องอาศัยจิตที่สงบแต่เบิกบานจึงเปล่งอานุภาพสูงสุด วิชากระบี่ของเธอจึงทั้งสง่างามตามแบบฉบับสุสานโบราณแต่แฝงด้วยความร้ายกาจอย่างคาดไม่ถึง มีคำเปรียบเปรยว่าร่ายรำเหมือนผีเสื้อแต่ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง เป็นความน่ารักที่แฝงด้วยอันตราย ชาวยุทธ์จึงขนานนามนางว่า แพนด้าอาบยาพิษ
波蓬(โปเผิง -> พรพรรณ)
พู่ยี้ จอมยุทธ์หญิงเจ้าปัญญา เธอศึกษาวิชาค่ายกลห้าธาตุของเกาะดอกท้อจนเชี่ยวชาญและนำมาดัดแปลงใช้ในการต่อสู้ เธอจึงรับหน้าที่เป็นผู้ควบคุมค่ายกลกระบี่ อาวุธคู่ใจคือแท็บเล็ต (ไม่ใช่นั่นมันของพวกมารร้ายในยุทธภพต่างหาก) ที่เธอถือกระดานหมากล้อมต่างหาก แต่มิใช่ว่านางไม่มีวิชากระบี่ กระบี่สั้นในมือของเธอแม้ไม่ดุดันแต่กลับเปี่ยมอันตรายยิ่ง โดยเฉพาะท่าไม้ตายกระบี่จังหวะสองของเธอช่างเรียบง่ายแต่แยบยลอย่างคาดไม่ถึง ศตรูมักถูกกระบี่ของเธอลวงจนพ่ายแพ้แบบน่าเขกกะโหลกตัวเอง
皮亚纳特(ผีย่าน่าเถ้อ -> ปิยะนุช)
นักบู๊สายป้องกัน วันหนึ่งเธอได้ตามศิษย์พี่ไปฝึกวิชาในท้องทะเลที่บ้าคลั่ง เธอได้เห็นปลาวาฬกำลังโต้คลื่นลมที่กราดเกรี้ยว แม้จะตัวใหญ่มหาศาลแต่มันกลับสามารถโดดขึ้นเหนือน้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอได้จดจำท่วงท่าอันแปลกประหลาดของปลาวาฬและบัญญัติวิชาฝ่ามือชุดหนึ่งขึ้นมาเอง มีชื่อว่าฝ่ามือปลาวาฬล้อคลื่น ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงส่งในการป้องกันตัว แต่ในวิชาฝ่ามือชุดนี้มีท่าลับคือกระบวนท่าโยนปลาวาฬข้ามสมุทรเป็นท่าไม้ตายที่ใช้พลิกจากสถานการณ์คับขันกลายเป็นชัยชนะที่เหนือคาดหมายได้
皮姆皮查亚(ผีหมู่ผีฉาย่า -> พิมพิชญา)
หนึ่งในรุกกี้รุ่นเยาว์ของสำนัก เราไม่อาจหยั่งคาดพลังฝีมือของเธอได้ เพราะเพียงฝึกยุทธ์ไม่กี่ปีก็เอาชนะยอดฝีมือในยุทธภพได้มากมาย วิชากระบี่ที่เธอเชี่ยวชาญคือการใช้รังสีกระบี่โจมตีในระยะไกล เหมาะกับฉายาว่า บีม ที่แปลว่าลำแสง อย่างมาก
加拉斯蓬(เจียลาซือเผิง -> จรัสพร)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งรุกกี้ที่น่าจับตามอง เธอมีสัดส่วนที่เหมาะสมในการฝึกยุทธ์ยิ่งกว่าใคร กระบี่ที่รวดเร็วและพิสดารแต่แฝงด้วยความหนักแน่นไม่ด้อยไปกว่ารุ่นพี่เลย กระบวนท่าสุดยอดของเธอคือ “ปัง” ไม่มีใครสังเกตทันว่าเธอลงมืออย่างไร มีเพียงเสียงล้มลงฟาดพื้นดังปังของคู่ต่อสู้เท่านั้น ความมหัศจรรย์ของฝีมือจึงได้รับสมญานามว่า เดียร์มิราเคิล
哈塔亚(ฮาถ่าย่า -> หัตถยา)
ฮาถ่ายาหรือเตยยี้ อีกหนึ่งรุกกี้ที่มีฝีมือโดดเด่น ด้วยวิชาตัวเบาและเพลงกระบี่สาวงามที่พิสดารพันลึก ศตรูมักถูกกระบวนท่าของเธอหลอกจนหัวหมุน ความว่องไวและพลังป้องกันที่ดีเยี่ยมเหมาะเป็นอาวุธลับอย่างดีสำหรับสำนักสุสานโบราณ
查楚-昂(ฉาฉู่-อ๋าง -> ชัชชุอร)
น้องเล็กที่สุดของทีม ด้วยอายุแค่ 16 ปีแต่มีพลังวัตรที่ลึกล้ำราวกับเธอฝึกมาตั้งแต่อยู่ในท้องมารดา จึงคาดว่าเธอน่าจะเป็นยอดฝีมือสายลมปราณเช่นเดียวกับเอ้าหนู่หม่ารุ่นพี่ของเธอ เป็นนักรบหญิงที่กล้าแกร่งได้อย่างแน่นอน
索拉亚(สั่วลาย่า - โสรยา)
จอมยุทธ์น้อยผู้นี้แทบไม่เป็นที่รู้จักของชาวยุทธ์ แต่ไม่นานมานี้เธอได้ทำหน้าที่ควบคุมค่ายกลกระบี่เอาชนะกองธงมักกะโรนีได้ ยุทธภพจึงได้รู้จักเธอเป็นครั้งแรก วิชาที่เธอใช้ แม้แต่หน้าตาและรอยยิ้มล้วนถอดแบบมาจากเซียวเหล่งนุศ เธอจึงน่าจะเป็นผู้สืบทอดของสำนักสุสานโบราณต่อไป
玉盤 ยุภา (ชื่อภาษาจีน เดิมสะกดผิดแต่ตอนนี้ัได้รับการแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องแล้ว คำนี้แปลว่า แผ่นหยก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)
ศิษย์ใหม่สายป้องกันอีกคน เคล็ดสี่ตำลึงปัดพันชั่งของเธอทำให้ต้านทานพลังฝ่ามือได้ถึงพันชั่ง แต่ถ้าเกินพันชั่งนางคงรับไม่ไหว แต่ในยุทธภพมียอดฝีมือเพียงน้อยนิดที่มีอานุภาพฝ่ามือที่รุนแรงเกินพันชั่ง ถ้าหากนางพัฒนาจนสามารถใช้สี่ตำลึงปัดพันสองร้อยชั่งได้แล้ว ก็จะไม่มียอดฝีมือคนใดในยุทธภพที่จะเอาชนะเธอได้อีกเลย
บันทึกโดย เสี่ยวเอ้อยุทธภพ
กระทู้เก่า
http://ppantip.com/topic/35277914 วอลเลย์ยุทธภพ ตอน ย้อนอดีตเจ็ดเซียนบวกหนึ่ง
ขอบคุณชื่อภาษาจีนจากกระทู้ http://ppantip.com/topic/33665873 ชื่อทับศัพท์ภาษาจีนของนักวอลเลย์บอลหญิงไทยชุด ชชอ.