ในประวัติศาสตร์การประลองวิทยายุทธ์ระหว่างมวลมนุษย์ชาติ ไม่มีครั้งไหนที่เป็นที่กล่าวถึงมากเท่ากับการประลองระหว่างสำนักสุสานโบราณแห่งไท่กั๊วกับพรรคฝ่ามือเหล็กแห่งเกาะอัคคีบรรพต เนื่องจากการแข่งขันครั้งนี้ถูกบันทึกไว้ในหลักสูตรการศึกษาของชาวยุทธ์ทั่วจักรวาล เพื่อเป็นตัวอย่างถึงความมีสปริตอันยอดเยี่ยมของฝ่ายไท่กั๊วและการโกงแบบไร้ความละอายของคู่ต่อสู้ แม้ไท่กั๊วจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันแต่ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพลเมืองไท่กั๊วมีแรงบันดาลใจที่จะมุมานะพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นๆๆๆ จนชนะทุกอย่างได้หมด ทัศนคติเชิงบวกเช่นนี้ได้ค่อยๆกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไท่กั๊วพัฒนาในทุกด้านอย่างรวดเร็วจนเป็นผู้นำโลกและออกสู่อวกาศสร้างจักรวรรดิกาแลกติกได้สำเร็จ เหตุการณ์นี้นับเป็นจุดเปลี่ยนแห่งประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ชาติ แม้แต่ฮาริ เซลดอน ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์เล็กๆบางอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของอนาคตได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสิ่งที่วิชาอนาคตประวัติศาสตร์ไม่อาจคำนวณได้ - เอนไซโคลปิเดีย กาแลกติก้า -
คำเตือน เรื่องในวอลเลย์ยุทธภพนี้เกิดในจักรวาลของเสี่ยวเอ้อซึ่งเป็นจักรวาลคู่ขนานกับเอกภพที่พวกท่านอยู่ เหตุการณ์อาจละม้ายคล้ายคลึงกับเรื่องที่มีอยู่จริงในเอกภพของท่าน แต่สิ่งที่ท่านอ่านเป็นจริงในจักรวาลอื่นแต่หาได้เป็นจริงในโลกที่ท่านอยู่ไม่ จึงไม่เกี่ยวกับบุคคลหรือประเทศใดๆที่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงเรื่องอ่านเล่นสนุกๆของพวกท่านเท่านั้น อย่าได้จริงจัง และขุ่นเคืองกับผู้ใดอีก
การยุทธ์ที่ผาไม้ดำสิ้นสุดลง แต่การศึกที่หุบเขาคนโฉดกำลังจะเริ่มขึ้น สำนักสุสานโบราณก็ได้ขึ้นเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังหุบเขาคนโฉดต่อไป แต่เรือที่ควบคุมโดยพรรคกิมจี้ปังหรือพรรคเหรียญทองกลับจอดท่าตามรายทางไม่หยุดหย่อน แต่สำนักสุสานโบราณก็ไม่ได้ใส่ใจกลับฉวยโอกาสนี้นั่งสมาธิฝึกลมปราณเพื่อฟื้นฟูวรยุทธ์ จนเรือสำเภามาถึงเกาะอัคคีบรรพต น้ำตาของสาวๆก็หลั่งออกมาโดยไม่รู้ตัว ในอกระอุด้วยเพลิงแค้น
ไฉนสำนักสุสานโบราณที่มีจิตใจสงบเยือกเย็น ไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใด บัดนี้ถึงกับมีอารมณ์จนมิอาจสะกดกลั้นไว้ได้ ในการต่อสู้เซียวเหล่งนุศนางได้รับบาดเจ็บจากวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลผลักนางจนลอยไปชนกับซือม่วยจนเท้าพลิก นางกำลังรักษาตัวโดยซินแสเนตร หมอเทวดาแห่งสำนัก ซึ่งกำลังใช้วิชาย้ายเอ็นล้างกระดูกรักษาอาการบาดเจ็บ ซินแสเนตรพลันเห็นหยาดน้ำตาของเซียวเหล่งนุศพลันถามว่า เจ็บหรือคะ ไม่หรอกนุศเพียงคิดถึงการประลองเมื่อฤดูชุนเทียนที่ผ่านมา นางนึกถึงการประลองในหุบเขาคนโฉดเมื่อไม่นานนี้ เหตุการณ์ซ็อตต่อซอต ทุกกระบวนท่า ทุกสรรพสำเนียง ล้วนผุดขึ้นมาอย่างกระจ่างชัดราวกับพึ่งเกิดในวันนี้ นางหลับตาทบทวนเหตุการณ์ไปตามลำดับ
ในสนามประลองท่ามกลางดงพุทรา มีเสาดอกเหมยปักเรียงรายอยู่ 8 ต้นสร้างเป็นลุยไถ ในระหว่างมีหอกแหลนเหล็กปลายคมกริบปักแทรกระหว่างเสา หากพลาดพลั้งตกลงมาอย่างเบาก็บาดเจ็บสาหัส อย่างหนักก็ถึงตาย ที่เป็นดังนี้เพราะในอดีตพรรคนี้มีหัวหน้าพรรคที่มีวิชาตัวเบาดีเยี่ยม จนได้รับฉายาฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ ซึ่งแสดงถึงวิชาตัวเบาที่เลิศล้ำ เวทีของพรรคฝ่ามือเหล็กจึงตั้งเสาดอกเหมยเพื่อใช้ปมเด่นของสำนักเพื่อได้เปรียบต่อศตรู แต่สำหรับสุสานโบราณแล้วก็ไม่ต่างจากเดินบนพื้นดิน เพราะสุสานโบราณก็มีวิชาตัวเบาที่ไม่เป็นที่สองรองใครในยุทธภพ เพราะพวกนางนั่งๆนอนๆอยู่บนเชือกเพียงเส้นเดียว อันเป็นวิธีการเพื่อฝึกวิชาตัวเบาของสุสานโบราณโดยเฉพาะ ชาวยุทธ์ทั่วแผ่นดินต่างก็เฝ้ารอการประลองวิชาตัวเบาของสำนักทั้งสอง ต่างคิดว่าต้องเป็นการประลองที่น่าตื่นตาตื่นใจและสวยงามที่สุดในยุทธภพทีเดียว ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่ามันจะกลับกลายการประลองที่โสมมที่สุดในประวัติศาสตร์แทน
สำนักสุสานโบราณได้เข้ามาคอยอยู่เนิ่นนาน พลันได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นมา ผู้คุมกฎการประลองจากพรรคเหรียญทองหรือกิมจี้ปังก็ปรากฏตัวขึ้น นามของมันคืองักปุ๋งปุ๋ง ซึ่งกำลังเดินเคียงคู่มากับหมาหน้าเบ้
หัวหน้าพรรคฝ่ามือเหล็ก หมาหน้าเบ๊ผู้นี้เดิมชื่อคิ้วเชยเบะ เป็นชนชั้นธรรมดาในสำนัก ฝ่ามือเหล็กของมันก็ฝึกได้ในระดับผิวเผินนัก แต่ในการเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เชิงยุทธ์ มันพลับพบกับสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่อาศัยน้ำลายพิษของมันล่าเหยื่อ เพียงกัดเป็นแผลเล็กๆเท่ารอยแมวข่วน เหยื่อของมันก็ต้องตกตายใน 7 วัน คิ้วเชยเบะคิดว่ามันเป็นมังกรแต่ชาวพื้นเมืองเรียกว่าโคโมโด มันจึงได้เลียนแบบและสร้างเป็นวิทยายุทธ์สุดโฉดขึ้นมาแขนงหนึ่ง ทุกวันคิ้วเชยเบะต้องแสวงหาอาจมที่สกปรกและยาพิษร้ายต่างๆมาหมักไว้ในปากจนน้ำลายเต็มไปด้วยเชี้อและพิษร้าย เมื่อมันใช้น้ำลายพิษกับฝ่ามือเหล็กของมันถึงกับไม่มีใครต่อต้านได้ มันจึงยกฐานะจากลิ่วล้อปลายแถวขึ้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของพรรคในเวลาแค่ปีเดียว มันตั้งฉายานามของตัวเองใหม่ว่ามังกรหน้าเทพ แต่ชาวยุทธ์กลับพากันขบขันกับหนังหน้าของมันและเรียกมันว่าหมาหน้าเบ๊
งักปุ๋งปุ๋งเดินคุยไปกับหมาหน้าเบ้อย่างสนิทสนม ปากมันพล่ามดูถูกสำนักต่างๆ ฮา ฮา พวกพรรคกระยาจกก็เก่งแต่ชื่อ สู้กับสุนัขก็พอได้แต่ไหนเลยจะหาญเทียบกับพรรคฝ่ามือเหล็กของท่าน ส่วนเส้าหลิน บู๊ตึ้งหรือพรรคจรัสก็ล้วนจอมปลอมทั้งนั้น ข้าใช้แค่นิ้วเท้านิ้วเดียวก็สยบมันได้แล้ว พรรคฝ่ามือเหล็กต้องได้ครอบครองเหรียญทองศักดิ์สิทธิ์แน่ ข้าแทงข้างข้างพรรคฝ่ามือเหล็กหมดตัวเลย
ชนชาวยุทธ์ไม่แปลกใจในพฤติกรรมเหล่านั้น เพราะรู้กันว่าพรรคฝ่ามือเหล็กกับพรรคกิมจี้ปังแนบแน่นกันขนาดไหน แต่ก็ได้แต่ก่นด่าในใจ เมื่องักปุ๋งปุ๋งเดินเข้าที่นั่งประธานการแข่งขัน ก็ส่งสัญญาณให้นักสู้ขึ้นสู่เวทีได้
เวทีดอกเหมยมีที่วางเท้าไม่มากนัก ไม่สามารถส่งคนจำนวนมากขึ้นไปได้ เหมาะสุดก็ฝ่ายละไม่เกิน 2 คน จึงไม่อาจใช้ค่ายกลกระบี่ได้ นักสู้จากพรรคฝ่ามือเหล็กสองคนก็โดดขึ้นไป พวกมันโดดไปบนเสาดอกเหมย ทำท่าหกสูงใช้นิ้วมือยันอยู่บนเสาไม้เพื่อแสดงถึงวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ ชาวยุทธ์พากันส่งเสียงฮือฮา สองสาวจากสำนักสุสานโบราณพู่ยี้และเพียวยี้ต่างก็ยิ้มและโดดตามขึ้นไป แต่แทนที่จะหกสูงธรรมดาพวกนางกลับทำท่าแพลงกิ้งโดยใช้ปลายนิ้วซะเลย นับว่าเหนือชั้นไปอีกขั้นหนึ่ง ชาวยุทธ์ต่างปรบมือโห่ร้องดังกึกก้องเมื่อได้เห็นวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศปานเทพยดา
ยังไม่ทันประมือกัน แต่ก็ถูกข่มเสียแล้ว นักสู้สองคนของพรรคฝ่ามือเหล็กเห็นว่าวิชาตัวเบาไม่ทัดเทียมก็ฉวยโอกาสชักกระบี่เข้าจู่โจมไม่ให้ทันตั้งตัว พู่ยี้และเพียวยี้ต่างก็ชักกระบี่ออกมาต่อต้าน ทั้งสองฝ่ายลอยละลิ่วเข้าจู่โจมด้วยกระบวนท่าอันเลิศล้ำ หลังจากทดสอบฝีมือผ่านพ้นไปยี่สิบเพลง พู่ยี้ก็ส่งกระแสจิตให้เพียวยี้เพื่อประสานกระบี่ เพียงแค่ห้ากระบวนเท่านั้น ฝ่ายฝ่ามือเหล็กก็ต้านไม่อยู่ นักสู้คนหนึ่งก็ถูกกระบี่ของเพียวยี้ดีดตกจากเวทีทำท่าว่าจะตกไปในดงแหลนเหล็ก พู่ยี้ก็รีบโผตามไป ใช้ชายแขนเสื้อรวบตัวนักสู้ผู้นั้นเหวี่ยงไปให้พ้นอันตราย แต่นางก็ต้องร่อนไปบนพื้นเหมือนกัน การประมือยกแรกนับว่าฝ่ายสุสานโบราณเหนือกว่าอย่างชัดเจน
เมื่อต่างฝ่ายเหลือฝ่ายละคนบนเสาดอกเหมย นักสู้ทั้งสองฝ่ายต่างก็โดดขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือ ครั้งนี้นักสู้ฝ่ามือเหล็กเปลี่ยนตัวเป็นศิษย์เอกของสำนัก ทั้งสองพลันหยิบยาเม็ดกลืนกินเข้าไป นางโคจรพลังเร่งเร้าพิษเข้าสู่ชีพจร พลันหน้าตาของพวกนางก็เปลี่ยนเป็นสีดำ กลิ่นกายเหม็นเหมือนซากศพโชยออกมา
นี่คือวิชาศพทองแดงศพเหล็ก ในอดีตตั้งเฮียงฮวงและบ๊วยทิวฮวง สองสามีภรรยาได้มีฉายาเช่นนี้ มิทราบพวกมันฝึกวิชามารอย่างไร แต่พวกมันเหมือนมีกระดูกเหล็กหนังทองแดงทำให้ทนทานต่ออาวุธทั้งปวง นี่เป็นวิชาลับที่พรรคฝ่ามือเหล็กหมายใช้เพื่อชิงความเป็นจ้าวยุทธภพ ฝ่ายสุสานโบราณร่ายรำกระบี่เข้าทิ่มแทงตามจุดชีพจรต่างๆ แต่กลับไม่ระคายผิว ความเหนียวแน่นของพวกมันนับว่าเกินความคาดหมาย ศพทองแดงศพเหล็กต่างก็ทะยานเข้าประชิดและฟาดฝ่ามือเหล็กรัวเข้าใส่ ลำพังแต่พลังฝ่ามืออย่างเดียวก็พอทำเนา แต่กลิ่นเหม็นที่โชยออกมาจากตัวศพทองแดงและศพเหล็ก มันสุดจะทน ทั้งเหม็นทั้งแสบจมูก และน่าจะเป็นพิษที่ร้ายแรงอีกด้วย พู่ยี้จึงบอกแก่ดาวยี้ว่า พู่ทนไม่ไหวแล้วขอลงไปอ๊วกก่อน แล้วนางก็โดดลงไปอ๊วก ปล่อยให้ดาวยี้รับมือเพียงลำพัง ศพทองแดงศพเหล็กก็ฉวยโอกาสรุกไล่ หากดาวยี้ตกลงไปสำนักสุสานโบราณก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะกติกาตกลงกันไว้ว่าถ้าฝ่ายใดตกลงไปสู่พื้นจนหมดก็จะพ่ายแพ้ทันที หม่าลีข่าเอาผ้าปิดปากปิดจมูกแล้วโดดขึ้นไป ฟาดดาบเข้าใส่ท้ายทอยของสองศพ พลังดาบดังสนั่นปานภูเขาถล่ม สองศพตระหนกไม่กล้าฝืนรับ จึงล่าถอยออกจากดาวยี้ที่กำลังวิงเวียนเต็มทน นางรีบโดดตามพู่ยี้เพื่อลงไปอ๊วกอีกคน ในยกนี้ฝ่ายสุสานโบราณนับว่าเพลี่ยงพล้ำทุลักทุเลเหลือทน
ฝ่ายสำนักสุสานโบราณพยายามประท้วงว่าฝ่ายฝ่ามือเหล็กใช้พิษเป็นการผิดกฎประลองของยุทธภพ
งักปุ๋งปุ๋ง หัวร่อฮาๆ บอก ไม่ผิดไม่ผิด ยาพิษเมื่อใช้กับผู้อื่นย่อมผิด แต่หากใช้กับตัวเองย่อมไม่ผิด ประลองต่อ ประลองต่อ
เอ้าหนูหม่าก็เอายาดมสองแท่งยัดใส่จมูกแล้วรีบโดดไปสมทบ ร้องบอกหม่าลีข่าพวกเราแค่ฟาดพวกมันตกลงไปก็ชนะแล้ว ทั้งสองที่ใช้อาวุธหนักต่างก็ควงอาวุธคู่ใจฟาดด้วยพลังแรง ทั้งเอ้าหนูหม่าและหม่าลีข่าต่างก็ฝึกยุทธ์ในทะเลที่บ้าคลั่งตามแนวทางของจอมยุทธ์อินทรีเอี๊ยก๊วย แต่พวกนางมิได้ฟาดฟันแบบบ้าคลั่งอย่างชนชั้นนักเลงชั้นต่ำ พวกนางมิได้ฟาดฟันอย่างไร้เป้าหมาย ทุกกระบวนท่าจู่โจมไปยังจุดเส้นสำคัญตามแนวทางของกระบี่ดรุณีใจหยก ศพเหล็กและศพทองแดงแม้มีผิวกายเหนียวแน่นกระดูกแข็งแกร่งปานเหล็ก แต่อวัยวะภายในอื่นๆก็เหมือนคนธรรมดา หากโดนกระแทกอย่างจังก็อาจช้ำภายในจนถึงตายได้ พวกมันจึงมิกล้าที่จะเลินเล่อต้องใช้วิชาตัวเบาหลบหลีก แต่วิชาตัวเบาของพวกมันสู้วิชาสุสานโบราณไม่ได้ ไม่นานก็ถูกทั้งเอ้าหนูหม่าและหม่าลีข่ารุกไล่จนแยกพวกมันออกจากกันไม่อาจช่วยเหลือกันได้
เอ้าหนูหม่าฟาดกระบองทองไปยังศพเหล็กให้พลิ้วกายหลบหลีกออกไป นางถลาติดตามไปแต่แล้วกลับซัดกระบองย้อนไปยังศพทองแดงในท่าดาวตกถล่มพสุธา จังหวะเดียวกับที่หม่าลีข่าใช้ดาบฟาดไปที่เท้าในท่ากวาดสิ้นทั้งกองทัพ ขณะที่ศพทองแดงพุ่งกายขึ้นเพื่อหลบคมดาบ กระบองที่เอ้าหนูหม่าซัดมาก็พุ่งผ่านศีรษะหม่าลีข่าที่กำลังก้มลงพอดิบพอดี นับเป็นการประสานงานที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เพราะหากผิดพลาดแม้เสี้ยววินาที ที่แหลกและต้องเป็นศีรษะของหม่าลีข่าเอง ศพทองแดงไม่อาจหลบพ้น มันรีบยื่นมือจับกระบองไว้มั่นแต่ไม่เพียงพอเพราะแรงซัดนั้นรุนแรงมหาศาลเกินกว่ามันจะรับได้ กระบองทองกระแทกยังคงกระแทกเข้ากับหน้าอกของมันอย่างจัง ร่างปลิวร่วงลงจากเวทีหล่นบนพื้นดินเสียงดังสนั่น ทั้งสองสาวรีบพุ่งเข้าต้อนนักสู้ฝ่ามือเหล็กที่เหลือทันที ฉับพลันก็เตะมันตกเวทีลงไปอีกคน ยกที่สามสุสานโบราณเหนือล้ำอย่างเห็นได้ชัด
วอลเลย์ยุทธภพ ย้อนอดีต ตอน อัปยศตลอดกาล
คำเตือน เรื่องในวอลเลย์ยุทธภพนี้เกิดในจักรวาลของเสี่ยวเอ้อซึ่งเป็นจักรวาลคู่ขนานกับเอกภพที่พวกท่านอยู่ เหตุการณ์อาจละม้ายคล้ายคลึงกับเรื่องที่มีอยู่จริงในเอกภพของท่าน แต่สิ่งที่ท่านอ่านเป็นจริงในจักรวาลอื่นแต่หาได้เป็นจริงในโลกที่ท่านอยู่ไม่ จึงไม่เกี่ยวกับบุคคลหรือประเทศใดๆที่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงเรื่องอ่านเล่นสนุกๆของพวกท่านเท่านั้น อย่าได้จริงจัง และขุ่นเคืองกับผู้ใดอีก
การยุทธ์ที่ผาไม้ดำสิ้นสุดลง แต่การศึกที่หุบเขาคนโฉดกำลังจะเริ่มขึ้น สำนักสุสานโบราณก็ได้ขึ้นเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังหุบเขาคนโฉดต่อไป แต่เรือที่ควบคุมโดยพรรคกิมจี้ปังหรือพรรคเหรียญทองกลับจอดท่าตามรายทางไม่หยุดหย่อน แต่สำนักสุสานโบราณก็ไม่ได้ใส่ใจกลับฉวยโอกาสนี้นั่งสมาธิฝึกลมปราณเพื่อฟื้นฟูวรยุทธ์ จนเรือสำเภามาถึงเกาะอัคคีบรรพต น้ำตาของสาวๆก็หลั่งออกมาโดยไม่รู้ตัว ในอกระอุด้วยเพลิงแค้น
ไฉนสำนักสุสานโบราณที่มีจิตใจสงบเยือกเย็น ไม่เคยหวั่นไหวกับสิ่งใด บัดนี้ถึงกับมีอารมณ์จนมิอาจสะกดกลั้นไว้ได้ ในการต่อสู้เซียวเหล่งนุศนางได้รับบาดเจ็บจากวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลผลักนางจนลอยไปชนกับซือม่วยจนเท้าพลิก นางกำลังรักษาตัวโดยซินแสเนตร หมอเทวดาแห่งสำนัก ซึ่งกำลังใช้วิชาย้ายเอ็นล้างกระดูกรักษาอาการบาดเจ็บ ซินแสเนตรพลันเห็นหยาดน้ำตาของเซียวเหล่งนุศพลันถามว่า เจ็บหรือคะ ไม่หรอกนุศเพียงคิดถึงการประลองเมื่อฤดูชุนเทียนที่ผ่านมา นางนึกถึงการประลองในหุบเขาคนโฉดเมื่อไม่นานนี้ เหตุการณ์ซ็อตต่อซอต ทุกกระบวนท่า ทุกสรรพสำเนียง ล้วนผุดขึ้นมาอย่างกระจ่างชัดราวกับพึ่งเกิดในวันนี้ นางหลับตาทบทวนเหตุการณ์ไปตามลำดับ
ในสนามประลองท่ามกลางดงพุทรา มีเสาดอกเหมยปักเรียงรายอยู่ 8 ต้นสร้างเป็นลุยไถ ในระหว่างมีหอกแหลนเหล็กปลายคมกริบปักแทรกระหว่างเสา หากพลาดพลั้งตกลงมาอย่างเบาก็บาดเจ็บสาหัส อย่างหนักก็ถึงตาย ที่เป็นดังนี้เพราะในอดีตพรรคนี้มีหัวหน้าพรรคที่มีวิชาตัวเบาดีเยี่ยม จนได้รับฉายาฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ ซึ่งแสดงถึงวิชาตัวเบาที่เลิศล้ำ เวทีของพรรคฝ่ามือเหล็กจึงตั้งเสาดอกเหมยเพื่อใช้ปมเด่นของสำนักเพื่อได้เปรียบต่อศตรู แต่สำหรับสุสานโบราณแล้วก็ไม่ต่างจากเดินบนพื้นดิน เพราะสุสานโบราณก็มีวิชาตัวเบาที่ไม่เป็นที่สองรองใครในยุทธภพ เพราะพวกนางนั่งๆนอนๆอยู่บนเชือกเพียงเส้นเดียว อันเป็นวิธีการเพื่อฝึกวิชาตัวเบาของสุสานโบราณโดยเฉพาะ ชาวยุทธ์ทั่วแผ่นดินต่างก็เฝ้ารอการประลองวิชาตัวเบาของสำนักทั้งสอง ต่างคิดว่าต้องเป็นการประลองที่น่าตื่นตาตื่นใจและสวยงามที่สุดในยุทธภพทีเดียว ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่ามันจะกลับกลายการประลองที่โสมมที่สุดในประวัติศาสตร์แทน
สำนักสุสานโบราณได้เข้ามาคอยอยู่เนิ่นนาน พลันได้ยินเสียงโหวกเหวกดังลั่นมา ผู้คุมกฎการประลองจากพรรคเหรียญทองหรือกิมจี้ปังก็ปรากฏตัวขึ้น นามของมันคืองักปุ๋งปุ๋ง ซึ่งกำลังเดินเคียงคู่มากับหมาหน้าเบ้
หัวหน้าพรรคฝ่ามือเหล็ก หมาหน้าเบ๊ผู้นี้เดิมชื่อคิ้วเชยเบะ เป็นชนชั้นธรรมดาในสำนัก ฝ่ามือเหล็กของมันก็ฝึกได้ในระดับผิวเผินนัก แต่ในการเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เชิงยุทธ์ มันพลับพบกับสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง เป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่อาศัยน้ำลายพิษของมันล่าเหยื่อ เพียงกัดเป็นแผลเล็กๆเท่ารอยแมวข่วน เหยื่อของมันก็ต้องตกตายใน 7 วัน คิ้วเชยเบะคิดว่ามันเป็นมังกรแต่ชาวพื้นเมืองเรียกว่าโคโมโด มันจึงได้เลียนแบบและสร้างเป็นวิทยายุทธ์สุดโฉดขึ้นมาแขนงหนึ่ง ทุกวันคิ้วเชยเบะต้องแสวงหาอาจมที่สกปรกและยาพิษร้ายต่างๆมาหมักไว้ในปากจนน้ำลายเต็มไปด้วยเชี้อและพิษร้าย เมื่อมันใช้น้ำลายพิษกับฝ่ามือเหล็กของมันถึงกับไม่มีใครต่อต้านได้ มันจึงยกฐานะจากลิ่วล้อปลายแถวขึ้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของพรรคในเวลาแค่ปีเดียว มันตั้งฉายานามของตัวเองใหม่ว่ามังกรหน้าเทพ แต่ชาวยุทธ์กลับพากันขบขันกับหนังหน้าของมันและเรียกมันว่าหมาหน้าเบ๊
งักปุ๋งปุ๋งเดินคุยไปกับหมาหน้าเบ้อย่างสนิทสนม ปากมันพล่ามดูถูกสำนักต่างๆ ฮา ฮา พวกพรรคกระยาจกก็เก่งแต่ชื่อ สู้กับสุนัขก็พอได้แต่ไหนเลยจะหาญเทียบกับพรรคฝ่ามือเหล็กของท่าน ส่วนเส้าหลิน บู๊ตึ้งหรือพรรคจรัสก็ล้วนจอมปลอมทั้งนั้น ข้าใช้แค่นิ้วเท้านิ้วเดียวก็สยบมันได้แล้ว พรรคฝ่ามือเหล็กต้องได้ครอบครองเหรียญทองศักดิ์สิทธิ์แน่ ข้าแทงข้างข้างพรรคฝ่ามือเหล็กหมดตัวเลย
ชนชาวยุทธ์ไม่แปลกใจในพฤติกรรมเหล่านั้น เพราะรู้กันว่าพรรคฝ่ามือเหล็กกับพรรคกิมจี้ปังแนบแน่นกันขนาดไหน แต่ก็ได้แต่ก่นด่าในใจ เมื่องักปุ๋งปุ๋งเดินเข้าที่นั่งประธานการแข่งขัน ก็ส่งสัญญาณให้นักสู้ขึ้นสู่เวทีได้
เวทีดอกเหมยมีที่วางเท้าไม่มากนัก ไม่สามารถส่งคนจำนวนมากขึ้นไปได้ เหมาะสุดก็ฝ่ายละไม่เกิน 2 คน จึงไม่อาจใช้ค่ายกลกระบี่ได้ นักสู้จากพรรคฝ่ามือเหล็กสองคนก็โดดขึ้นไป พวกมันโดดไปบนเสาดอกเหมย ทำท่าหกสูงใช้นิ้วมือยันอยู่บนเสาไม้เพื่อแสดงถึงวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ ชาวยุทธ์พากันส่งเสียงฮือฮา สองสาวจากสำนักสุสานโบราณพู่ยี้และเพียวยี้ต่างก็ยิ้มและโดดตามขึ้นไป แต่แทนที่จะหกสูงธรรมดาพวกนางกลับทำท่าแพลงกิ้งโดยใช้ปลายนิ้วซะเลย นับว่าเหนือชั้นไปอีกขั้นหนึ่ง ชาวยุทธ์ต่างปรบมือโห่ร้องดังกึกก้องเมื่อได้เห็นวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศปานเทพยดา
ยังไม่ทันประมือกัน แต่ก็ถูกข่มเสียแล้ว นักสู้สองคนของพรรคฝ่ามือเหล็กเห็นว่าวิชาตัวเบาไม่ทัดเทียมก็ฉวยโอกาสชักกระบี่เข้าจู่โจมไม่ให้ทันตั้งตัว พู่ยี้และเพียวยี้ต่างก็ชักกระบี่ออกมาต่อต้าน ทั้งสองฝ่ายลอยละลิ่วเข้าจู่โจมด้วยกระบวนท่าอันเลิศล้ำ หลังจากทดสอบฝีมือผ่านพ้นไปยี่สิบเพลง พู่ยี้ก็ส่งกระแสจิตให้เพียวยี้เพื่อประสานกระบี่ เพียงแค่ห้ากระบวนเท่านั้น ฝ่ายฝ่ามือเหล็กก็ต้านไม่อยู่ นักสู้คนหนึ่งก็ถูกกระบี่ของเพียวยี้ดีดตกจากเวทีทำท่าว่าจะตกไปในดงแหลนเหล็ก พู่ยี้ก็รีบโผตามไป ใช้ชายแขนเสื้อรวบตัวนักสู้ผู้นั้นเหวี่ยงไปให้พ้นอันตราย แต่นางก็ต้องร่อนไปบนพื้นเหมือนกัน การประมือยกแรกนับว่าฝ่ายสุสานโบราณเหนือกว่าอย่างชัดเจน
เมื่อต่างฝ่ายเหลือฝ่ายละคนบนเสาดอกเหมย นักสู้ทั้งสองฝ่ายต่างก็โดดขึ้นไปเพื่อช่วยเหลือ ครั้งนี้นักสู้ฝ่ามือเหล็กเปลี่ยนตัวเป็นศิษย์เอกของสำนัก ทั้งสองพลันหยิบยาเม็ดกลืนกินเข้าไป นางโคจรพลังเร่งเร้าพิษเข้าสู่ชีพจร พลันหน้าตาของพวกนางก็เปลี่ยนเป็นสีดำ กลิ่นกายเหม็นเหมือนซากศพโชยออกมา
นี่คือวิชาศพทองแดงศพเหล็ก ในอดีตตั้งเฮียงฮวงและบ๊วยทิวฮวง สองสามีภรรยาได้มีฉายาเช่นนี้ มิทราบพวกมันฝึกวิชามารอย่างไร แต่พวกมันเหมือนมีกระดูกเหล็กหนังทองแดงทำให้ทนทานต่ออาวุธทั้งปวง นี่เป็นวิชาลับที่พรรคฝ่ามือเหล็กหมายใช้เพื่อชิงความเป็นจ้าวยุทธภพ ฝ่ายสุสานโบราณร่ายรำกระบี่เข้าทิ่มแทงตามจุดชีพจรต่างๆ แต่กลับไม่ระคายผิว ความเหนียวแน่นของพวกมันนับว่าเกินความคาดหมาย ศพทองแดงศพเหล็กต่างก็ทะยานเข้าประชิดและฟาดฝ่ามือเหล็กรัวเข้าใส่ ลำพังแต่พลังฝ่ามืออย่างเดียวก็พอทำเนา แต่กลิ่นเหม็นที่โชยออกมาจากตัวศพทองแดงและศพเหล็ก มันสุดจะทน ทั้งเหม็นทั้งแสบจมูก และน่าจะเป็นพิษที่ร้ายแรงอีกด้วย พู่ยี้จึงบอกแก่ดาวยี้ว่า พู่ทนไม่ไหวแล้วขอลงไปอ๊วกก่อน แล้วนางก็โดดลงไปอ๊วก ปล่อยให้ดาวยี้รับมือเพียงลำพัง ศพทองแดงศพเหล็กก็ฉวยโอกาสรุกไล่ หากดาวยี้ตกลงไปสำนักสุสานโบราณก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะกติกาตกลงกันไว้ว่าถ้าฝ่ายใดตกลงไปสู่พื้นจนหมดก็จะพ่ายแพ้ทันที หม่าลีข่าเอาผ้าปิดปากปิดจมูกแล้วโดดขึ้นไป ฟาดดาบเข้าใส่ท้ายทอยของสองศพ พลังดาบดังสนั่นปานภูเขาถล่ม สองศพตระหนกไม่กล้าฝืนรับ จึงล่าถอยออกจากดาวยี้ที่กำลังวิงเวียนเต็มทน นางรีบโดดตามพู่ยี้เพื่อลงไปอ๊วกอีกคน ในยกนี้ฝ่ายสุสานโบราณนับว่าเพลี่ยงพล้ำทุลักทุเลเหลือทน
ฝ่ายสำนักสุสานโบราณพยายามประท้วงว่าฝ่ายฝ่ามือเหล็กใช้พิษเป็นการผิดกฎประลองของยุทธภพ
งักปุ๋งปุ๋ง หัวร่อฮาๆ บอก ไม่ผิดไม่ผิด ยาพิษเมื่อใช้กับผู้อื่นย่อมผิด แต่หากใช้กับตัวเองย่อมไม่ผิด ประลองต่อ ประลองต่อ
เอ้าหนูหม่าก็เอายาดมสองแท่งยัดใส่จมูกแล้วรีบโดดไปสมทบ ร้องบอกหม่าลีข่าพวกเราแค่ฟาดพวกมันตกลงไปก็ชนะแล้ว ทั้งสองที่ใช้อาวุธหนักต่างก็ควงอาวุธคู่ใจฟาดด้วยพลังแรง ทั้งเอ้าหนูหม่าและหม่าลีข่าต่างก็ฝึกยุทธ์ในทะเลที่บ้าคลั่งตามแนวทางของจอมยุทธ์อินทรีเอี๊ยก๊วย แต่พวกนางมิได้ฟาดฟันแบบบ้าคลั่งอย่างชนชั้นนักเลงชั้นต่ำ พวกนางมิได้ฟาดฟันอย่างไร้เป้าหมาย ทุกกระบวนท่าจู่โจมไปยังจุดเส้นสำคัญตามแนวทางของกระบี่ดรุณีใจหยก ศพเหล็กและศพทองแดงแม้มีผิวกายเหนียวแน่นกระดูกแข็งแกร่งปานเหล็ก แต่อวัยวะภายในอื่นๆก็เหมือนคนธรรมดา หากโดนกระแทกอย่างจังก็อาจช้ำภายในจนถึงตายได้ พวกมันจึงมิกล้าที่จะเลินเล่อต้องใช้วิชาตัวเบาหลบหลีก แต่วิชาตัวเบาของพวกมันสู้วิชาสุสานโบราณไม่ได้ ไม่นานก็ถูกทั้งเอ้าหนูหม่าและหม่าลีข่ารุกไล่จนแยกพวกมันออกจากกันไม่อาจช่วยเหลือกันได้
เอ้าหนูหม่าฟาดกระบองทองไปยังศพเหล็กให้พลิ้วกายหลบหลีกออกไป นางถลาติดตามไปแต่แล้วกลับซัดกระบองย้อนไปยังศพทองแดงในท่าดาวตกถล่มพสุธา จังหวะเดียวกับที่หม่าลีข่าใช้ดาบฟาดไปที่เท้าในท่ากวาดสิ้นทั้งกองทัพ ขณะที่ศพทองแดงพุ่งกายขึ้นเพื่อหลบคมดาบ กระบองที่เอ้าหนูหม่าซัดมาก็พุ่งผ่านศีรษะหม่าลีข่าที่กำลังก้มลงพอดิบพอดี นับเป็นการประสานงานที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เพราะหากผิดพลาดแม้เสี้ยววินาที ที่แหลกและต้องเป็นศีรษะของหม่าลีข่าเอง ศพทองแดงไม่อาจหลบพ้น มันรีบยื่นมือจับกระบองไว้มั่นแต่ไม่เพียงพอเพราะแรงซัดนั้นรุนแรงมหาศาลเกินกว่ามันจะรับได้ กระบองทองกระแทกยังคงกระแทกเข้ากับหน้าอกของมันอย่างจัง ร่างปลิวร่วงลงจากเวทีหล่นบนพื้นดินเสียงดังสนั่น ทั้งสองสาวรีบพุ่งเข้าต้อนนักสู้ฝ่ามือเหล็กที่เหลือทันที ฉับพลันก็เตะมันตกเวทีลงไปอีกคน ยกที่สามสุสานโบราณเหนือล้ำอย่างเห็นได้ชัด