ระหว่างที่รอการประลอง ณ ผาไม้ดำ เรามาย้อนรอยอดีตถึงจุดกำเนิดของสำนักสุสานโบราณไท่กั๊วและตำนานเจ็ดเซียนที่เขย่ายุทธภพในทศวรรษที่ผ่านมา
ในแผ่นดินไทกั๊วหรือในอดีตเรียกว่าเสียมก๊ก เป็นแผ่นดินที่สุขสงบ การฝึกยุทธ์เป็นไปเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงมิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก่งแย่งชิงดีในยุทธภพ แต่ก็มักถูกก่อกวนจากสำนักต่างๆที่มาหาเรื่อง ทำให้หลวงจีนเจียถีเผิง(เกียรติพงษ์) เกิดความสลดใจที่ไทกั๊วถูกดูแคลนจากยุทธภพ จึงดั้นด้นธุดงค์ไปทั่วแผ่นดินเพื่อหาสุดยอดวิชามาต่อกรกับมารร้ายจากยุทธภพ ท่านได้พบจารึกวัดโพธิ์ซึ่งบันทึกสรรพวิชาต่างๆ หลวงจีนเจียถีเผิงได้พบว่าในจารึกเหล่านั้นแอบซุกซ่อนวิชายุทธพิสดารไว้มากมายหลายแขนง คัมภีร์ยุทธ์เหล่านี้ถูกจารึกโดยจอมยุทธ์เอี๊ยก๊วยและจอมยุทธหญิงเซียวเหล่งนึ้ง ท่านและศิษย์น้องอีก 2 คนจึงได้ทุ่มเทเวลาค้นคว้าวิชาเหล่านั้นนานนับสิบปีจนสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาสุสานโบราณ ท่านจึงได้ตั้งสำนักโบราณไทกั๊วขึ้นและรับศิษย์สตรีไว้ 7 คนเป็นศิษย์รุ่นแรก
努特萨拉 (หนู่เถ้อส้าลา -> นุศรา) ทายาทสายตรงจากจอมยุทธ์หญิงเซียวเหล่งนึ๊ง ผู้คนจึงขนานนามเธอว่าเซียวเหล่งนุศ วิชาที่เธอถนัดก็คือแพรคู่มหากาฬ ซึ่งใช้ผ้าแพรต่างกระบี่ นับเป็นอาวุธที่เบาและอ่อนที่สุดในยุทธภพ แต่ว่าเป็นอาวุธที่ยากที่สุดในการควบคุม แต่เธอก็สามารถบังคับมันได้ราวกับว่ามันมีชิวิต สามารถแปรเปลี่ยนได้ไม่สิ้นสุด ทำให้ยากต่อการรับมืออย่างยิ่ง
普莱姆吉特(ผู่ไหลหมู่จี๋เถ้อ -> ปลื้มจิตร์) จอมยุทธ์สตรีที่ชอบแต่งตัวเป็นบุรุษ จอมยุทธ์ท่านนี้ชอบคบหามิตรสหายโดยไม่สนใจเรื่องสำนัก ชมชอบสุราร่ำร้องเพลงเย้ยยุทธจักรกับมิตรสหาย จึงมีสหายอยู่ทั่วยุทธภพเช่นแม่นางคิมจี้เยียก เจ้าสำนักง่อไบ๊ อาวุธถนัดคือขลุ่ยหยก และมีดสั้นซึ่งในอดีตเคยเป็นยอดศาสตราอันดับ 3 ของยุทธภพ มันสามารถจู่โจมได้อย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย แม้แต่กูรูยุทธภพยังเคยกล่าวถึงว่า "ขนาดภาพช้ายังเร็ว"
维拉万(เหวยลาว่าน -> วิลาวัลย์) จอมยุทธ์หญิงที่มีจิตใจเข้มแข็งเพราะฝึกวิชาสะกดวิญญาณในคัมภีร์เก้าอิมจนเชี่ยวชาญ เนตรวงแหวนและพลังฮาคิของเธอสามารถสยบจิตใจโดยไม่ต้องต่อสู้ ด้วยพลังจิตที่เข้มแข็งกว่าใคร เธอจึงมักได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมสำนักให้เป็นผู้นำของสำนักในการประลองต่างๆ อาวุธที่เธอใช้คือปังตอคู่ เพราะเธอถนัดการต่อสู้ในระยะประชิดมากเป็นพิเศษ
奥努玛(เอ้าหนูหม่า -> อรอุมา) จอมยุทธ์หญิงทรงพลังแห่งสำนัก ในการฝึกฝนเธอมักรู้สึกว่าวิชาของสำนักอ่อนนุ่มเกินไปขาดความกร้าวแกร่ง เธอจึงชักชวนหม่าลี่ข่าไปฝึกยุทธ์ในท่ามกลางมรสุมที่บ้าคลั่ง ซึ่งเป็นแนวทางการฝึกของจอมยุทธ์อินทรีเอี๊ยก๊วย แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ เธอจึงเปลี่ยนอาวุธจากกระบี่เบาบางเป็นกระบองทอง แม้อาวุธใหญ่และหนักหน่วงแต่เธอกลับใช้มันอย่างแม่นยำเพื่อจี้จุดลับที่อยู่ภายในซึ่งมีความร้ายกายกว่าการจี้จุดแบบธรรมดา เพราะการทะลวงจุดแบบนี้จะทำให้ลมปราณภายในระเบิดออกมา (นึกภาพเคนชิโร่หมัดดาวเหนือ)
玛丽卡(หม่าลี่ข่า -> มลิกา) จอมยุทธ์หญิงผู้เข้มแข็งอีกคนหนึ่งของสำนัก เธอฝึกวิชาในมรสุมเช่นเดียวกับเอ้าหนูหม่า วิชาของเธอหลากหลายกว่าผู้ใดเพราะเธอถนัดทั้งแนวอ่อนนุ่มและแนวแข็งกร้าว อาวุธที่ใช้คือดาบเล่มใหญ่ตามแบบจอมยุทธ์อินทรี
阿姆蓬(อาหมู่เผิง -> อำพร) จอมยุทธ์สตรีผู้เชี่ยวชาญกระบวนท่าไหลหลัง ด้วยกระบี่โค้งวงพระจันทร์ทำให้กระบวนท่าของเธอแยบยลยากต่อการคาดคะเนทิศทาง จอมยุทธ์มากมายต้องพลาดท่าให้กับกระบวนท่านี้ไปแล้วอย่างมากมาย น่าเสียดายที่เธอมีความรักผิดกฎสำนักจึงได้ออกจากยุทธภพไป
万纳(ว่านน่า -> วรรณา) ศิษย์สตรีผู้รักสงบ เธอไม่ชมชอบการต่อสู้ใดๆ จึงไม่ยอมฝึกกระบี่ วิชาที่เธอมีจึงมีเพียงมวยสาวงามและฝ่ามือตาข่ายฟ้าร่างแหดินซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานของสำนักสุสานโบราณ แต่เธอก็ฝึกได้เชี่ยวชาญยิ่งกว่าใครในสำนัก ฝ่ามือของเธอสามารถสกัดกั้นนกกระจอกได้ถึง 108 ตัว นับเป็นสถิติสูงสุดของสำนัก เธอจึงช่วยป้องกันการโจมตีของศตรูได้อย่างดียิ่ง อาวุธของเธอคือถุงมือวิเศษประจำสำนักซึ่งทนต่ออาวุธต่างๆทุกชนิด
塔帕费蓬(ถ่าผ้าเฟ่ยเผิง -> ฐาปไพพรรณ) ศิษย์น้องเล็กของรุ่นหนึ่งที่มีความกล้าหาญเกินตัว ในการประลองยุทธ์มักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่นได้รับบาดเจ็บ อาจารย์ใหญ่จึงได้รับศิษย์เพิ่มอีก 1 คนเพื่อช่วยทดแทนตำแหน่งต่างๆในค่ายกลกระบี่ จอมยุทธ์น้อยผู้นี้จึงได้รับการฝึกฝนวิชาของพี่ๆทุกคนเพื่อให้สามารถทดแทนทุกตำแหน่งในค่ายกลกระบี่ได้ ทำหน้าที่สารพัดประโยชน์ทั้งการรุกและรับ อาวุธคู่มือดาบคู่
จอมยุทธ์หญิงแต่ละคนมีวิทยายุทธสูงส่ง ที่สำคัญมีความงดงามราวนางฟ้าอีกทั้งท่วงท่าประหนึ่งเทพธิดาร่ายรำ ชาวยุทธ์จึงเรียกพวกนางว่าเจ็ดเซียน ต่อมามีน้องใหม่มาเพิ่มอีก 1 คนจึงเรียกเพิ่มว่าเจ็ดเซียนบวกหนึ่ง ยิ่งเมื่อพวกนางประสานกระบี่ด้วยค่ายกลเจ็ดดาวของช้วนจินที่ถูกกำจัดจุดอ่อนโดยวิชาสตรีหยก ทำให้ค่ายกระบี่ของสำนักสุสานโบราณเหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้นเทียบเท่ากับวิชาค่ายกลกระบี่หกชีพจรที่เป็นเพลงกระบี่อันดับหนึ่งในตำนานที่สาบสูญไปแล้ว ค่ายกลกระบี่เจ็ดเซียนบวกหนึ่งได้สร้างเกียรติภูมิให้กับดินแดนไท่กั๊ว วีรกรรมที่สำคัญคือการปราบโจรสลัดอาทิตย์อุทัยที่โคราชได้อย่างราบคาบ และสยบยอดฝีมือชั้นแนวหน้าของยุทธภพได้อย่างมากมาย จนเป็นที่คร้ามเกรงของสำนักใหญ่ต่างๆ เพราะถ้าพลาดท่าแพ้สำนักเล็กๆอย่างสุสานโบราณไท่กั๊วแล้ว เก้าอี้ประมุขหรือตำแหน่งเจ้าสำนักย่อมสั่นคลอน อย่างเช่นที่พรรคกระยาจกเคยประสบมาแล้วเมื่อต้องพ่ายแพ้แก่สำนักสุสานโบราณจนอับอายถึงกับต้องรีบปลดเจ้าสำนักให้พ้นจากตำแหน่ง เหตุการณ์นี้ถึงกับมีกลอนกล่าวกันไปทั่วยุทธภพว่า "แพ้ใครก็ได้ แต่ห้ามแพ้ไทกั๋ว ใครแพ้ไทกั๋ว น่ากลัวต้องปิ๋ว" สร้างความกดดันแก่บรรดาเจ้าสำนักชั้นนำยิ่งนัก
ขอบคุณชื่อภาษาจีนจากกระทู้
http://ppantip.com/topic/33665873 ชื่อทับศัพท์ภาษาจีนของนักวอลเลย์บอลหญิงไทยชุด ชชอ.
กระทู้เก่า
http://ppantip.com/topic/35275792 วอลเลย์ยุทธภพ ตอน สุสานโบราณแห่งไท๋กั๊วบุกผาไม้ดำ
http://ppantip.com/topic/35266516 วอลเลย์ยุทธภพ ตอน พรรคกระยาจกแห่งตงง้วน VS สุสานโบราณแห่งเสียมก๊ก
http://ppantip.com/topic/35247712 ทีมสาวไทยในโลกวิทยายุทธ์
วอลเลย์ยุทธภพ ตอน ย้อนอดีตเจ็ดเซียนบวกหนึ่ง
ในแผ่นดินไทกั๊วหรือในอดีตเรียกว่าเสียมก๊ก เป็นแผ่นดินที่สุขสงบ การฝึกยุทธ์เป็นไปเพื่อเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงมิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก่งแย่งชิงดีในยุทธภพ แต่ก็มักถูกก่อกวนจากสำนักต่างๆที่มาหาเรื่อง ทำให้หลวงจีนเจียถีเผิง(เกียรติพงษ์) เกิดความสลดใจที่ไทกั๊วถูกดูแคลนจากยุทธภพ จึงดั้นด้นธุดงค์ไปทั่วแผ่นดินเพื่อหาสุดยอดวิชามาต่อกรกับมารร้ายจากยุทธภพ ท่านได้พบจารึกวัดโพธิ์ซึ่งบันทึกสรรพวิชาต่างๆ หลวงจีนเจียถีเผิงได้พบว่าในจารึกเหล่านั้นแอบซุกซ่อนวิชายุทธพิสดารไว้มากมายหลายแขนง คัมภีร์ยุทธ์เหล่านี้ถูกจารึกโดยจอมยุทธ์เอี๊ยก๊วยและจอมยุทธหญิงเซียวเหล่งนึ้ง ท่านและศิษย์น้องอีก 2 คนจึงได้ทุ่มเทเวลาค้นคว้าวิชาเหล่านั้นนานนับสิบปีจนสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาสุสานโบราณ ท่านจึงได้ตั้งสำนักโบราณไทกั๊วขึ้นและรับศิษย์สตรีไว้ 7 คนเป็นศิษย์รุ่นแรก
努特萨拉 (หนู่เถ้อส้าลา -> นุศรา) ทายาทสายตรงจากจอมยุทธ์หญิงเซียวเหล่งนึ๊ง ผู้คนจึงขนานนามเธอว่าเซียวเหล่งนุศ วิชาที่เธอถนัดก็คือแพรคู่มหากาฬ ซึ่งใช้ผ้าแพรต่างกระบี่ นับเป็นอาวุธที่เบาและอ่อนที่สุดในยุทธภพ แต่ว่าเป็นอาวุธที่ยากที่สุดในการควบคุม แต่เธอก็สามารถบังคับมันได้ราวกับว่ามันมีชิวิต สามารถแปรเปลี่ยนได้ไม่สิ้นสุด ทำให้ยากต่อการรับมืออย่างยิ่ง
普莱姆吉特(ผู่ไหลหมู่จี๋เถ้อ -> ปลื้มจิตร์) จอมยุทธ์สตรีที่ชอบแต่งตัวเป็นบุรุษ จอมยุทธ์ท่านนี้ชอบคบหามิตรสหายโดยไม่สนใจเรื่องสำนัก ชมชอบสุราร่ำร้องเพลงเย้ยยุทธจักรกับมิตรสหาย จึงมีสหายอยู่ทั่วยุทธภพเช่นแม่นางคิมจี้เยียก เจ้าสำนักง่อไบ๊ อาวุธถนัดคือขลุ่ยหยก และมีดสั้นซึ่งในอดีตเคยเป็นยอดศาสตราอันดับ 3 ของยุทธภพ มันสามารถจู่โจมได้อย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย แม้แต่กูรูยุทธภพยังเคยกล่าวถึงว่า "ขนาดภาพช้ายังเร็ว"
维拉万(เหวยลาว่าน -> วิลาวัลย์) จอมยุทธ์หญิงที่มีจิตใจเข้มแข็งเพราะฝึกวิชาสะกดวิญญาณในคัมภีร์เก้าอิมจนเชี่ยวชาญ เนตรวงแหวนและพลังฮาคิของเธอสามารถสยบจิตใจโดยไม่ต้องต่อสู้ ด้วยพลังจิตที่เข้มแข็งกว่าใคร เธอจึงมักได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมสำนักให้เป็นผู้นำของสำนักในการประลองต่างๆ อาวุธที่เธอใช้คือปังตอคู่ เพราะเธอถนัดการต่อสู้ในระยะประชิดมากเป็นพิเศษ
奥努玛(เอ้าหนูหม่า -> อรอุมา) จอมยุทธ์หญิงทรงพลังแห่งสำนัก ในการฝึกฝนเธอมักรู้สึกว่าวิชาของสำนักอ่อนนุ่มเกินไปขาดความกร้าวแกร่ง เธอจึงชักชวนหม่าลี่ข่าไปฝึกยุทธ์ในท่ามกลางมรสุมที่บ้าคลั่ง ซึ่งเป็นแนวทางการฝึกของจอมยุทธ์อินทรีเอี๊ยก๊วย แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ เธอจึงเปลี่ยนอาวุธจากกระบี่เบาบางเป็นกระบองทอง แม้อาวุธใหญ่และหนักหน่วงแต่เธอกลับใช้มันอย่างแม่นยำเพื่อจี้จุดลับที่อยู่ภายในซึ่งมีความร้ายกายกว่าการจี้จุดแบบธรรมดา เพราะการทะลวงจุดแบบนี้จะทำให้ลมปราณภายในระเบิดออกมา (นึกภาพเคนชิโร่หมัดดาวเหนือ)
玛丽卡(หม่าลี่ข่า -> มลิกา) จอมยุทธ์หญิงผู้เข้มแข็งอีกคนหนึ่งของสำนัก เธอฝึกวิชาในมรสุมเช่นเดียวกับเอ้าหนูหม่า วิชาของเธอหลากหลายกว่าผู้ใดเพราะเธอถนัดทั้งแนวอ่อนนุ่มและแนวแข็งกร้าว อาวุธที่ใช้คือดาบเล่มใหญ่ตามแบบจอมยุทธ์อินทรี
阿姆蓬(อาหมู่เผิง -> อำพร) จอมยุทธ์สตรีผู้เชี่ยวชาญกระบวนท่าไหลหลัง ด้วยกระบี่โค้งวงพระจันทร์ทำให้กระบวนท่าของเธอแยบยลยากต่อการคาดคะเนทิศทาง จอมยุทธ์มากมายต้องพลาดท่าให้กับกระบวนท่านี้ไปแล้วอย่างมากมาย น่าเสียดายที่เธอมีความรักผิดกฎสำนักจึงได้ออกจากยุทธภพไป
万纳(ว่านน่า -> วรรณา) ศิษย์สตรีผู้รักสงบ เธอไม่ชมชอบการต่อสู้ใดๆ จึงไม่ยอมฝึกกระบี่ วิชาที่เธอมีจึงมีเพียงมวยสาวงามและฝ่ามือตาข่ายฟ้าร่างแหดินซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานของสำนักสุสานโบราณ แต่เธอก็ฝึกได้เชี่ยวชาญยิ่งกว่าใครในสำนัก ฝ่ามือของเธอสามารถสกัดกั้นนกกระจอกได้ถึง 108 ตัว นับเป็นสถิติสูงสุดของสำนัก เธอจึงช่วยป้องกันการโจมตีของศตรูได้อย่างดียิ่ง อาวุธของเธอคือถุงมือวิเศษประจำสำนักซึ่งทนต่ออาวุธต่างๆทุกชนิด
塔帕费蓬(ถ่าผ้าเฟ่ยเผิง -> ฐาปไพพรรณ) ศิษย์น้องเล็กของรุ่นหนึ่งที่มีความกล้าหาญเกินตัว ในการประลองยุทธ์มักมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่นได้รับบาดเจ็บ อาจารย์ใหญ่จึงได้รับศิษย์เพิ่มอีก 1 คนเพื่อช่วยทดแทนตำแหน่งต่างๆในค่ายกลกระบี่ จอมยุทธ์น้อยผู้นี้จึงได้รับการฝึกฝนวิชาของพี่ๆทุกคนเพื่อให้สามารถทดแทนทุกตำแหน่งในค่ายกลกระบี่ได้ ทำหน้าที่สารพัดประโยชน์ทั้งการรุกและรับ อาวุธคู่มือดาบคู่
จอมยุทธ์หญิงแต่ละคนมีวิทยายุทธสูงส่ง ที่สำคัญมีความงดงามราวนางฟ้าอีกทั้งท่วงท่าประหนึ่งเทพธิดาร่ายรำ ชาวยุทธ์จึงเรียกพวกนางว่าเจ็ดเซียน ต่อมามีน้องใหม่มาเพิ่มอีก 1 คนจึงเรียกเพิ่มว่าเจ็ดเซียนบวกหนึ่ง ยิ่งเมื่อพวกนางประสานกระบี่ด้วยค่ายกลเจ็ดดาวของช้วนจินที่ถูกกำจัดจุดอ่อนโดยวิชาสตรีหยก ทำให้ค่ายกระบี่ของสำนักสุสานโบราณเหนือชั้นขึ้นไปอีกขั้นเทียบเท่ากับวิชาค่ายกลกระบี่หกชีพจรที่เป็นเพลงกระบี่อันดับหนึ่งในตำนานที่สาบสูญไปแล้ว ค่ายกลกระบี่เจ็ดเซียนบวกหนึ่งได้สร้างเกียรติภูมิให้กับดินแดนไท่กั๊ว วีรกรรมที่สำคัญคือการปราบโจรสลัดอาทิตย์อุทัยที่โคราชได้อย่างราบคาบ และสยบยอดฝีมือชั้นแนวหน้าของยุทธภพได้อย่างมากมาย จนเป็นที่คร้ามเกรงของสำนักใหญ่ต่างๆ เพราะถ้าพลาดท่าแพ้สำนักเล็กๆอย่างสุสานโบราณไท่กั๊วแล้ว เก้าอี้ประมุขหรือตำแหน่งเจ้าสำนักย่อมสั่นคลอน อย่างเช่นที่พรรคกระยาจกเคยประสบมาแล้วเมื่อต้องพ่ายแพ้แก่สำนักสุสานโบราณจนอับอายถึงกับต้องรีบปลดเจ้าสำนักให้พ้นจากตำแหน่ง เหตุการณ์นี้ถึงกับมีกลอนกล่าวกันไปทั่วยุทธภพว่า "แพ้ใครก็ได้ แต่ห้ามแพ้ไทกั๋ว ใครแพ้ไทกั๋ว น่ากลัวต้องปิ๋ว" สร้างความกดดันแก่บรรดาเจ้าสำนักชั้นนำยิ่งนัก
ขอบคุณชื่อภาษาจีนจากกระทู้ http://ppantip.com/topic/33665873 ชื่อทับศัพท์ภาษาจีนของนักวอลเลย์บอลหญิงไทยชุด ชชอ.
กระทู้เก่า http://ppantip.com/topic/35275792 วอลเลย์ยุทธภพ ตอน สุสานโบราณแห่งไท๋กั๊วบุกผาไม้ดำ
http://ppantip.com/topic/35266516 วอลเลย์ยุทธภพ ตอน พรรคกระยาจกแห่งตงง้วน VS สุสานโบราณแห่งเสียมก๊ก
http://ppantip.com/topic/35247712 ทีมสาวไทยในโลกวิทยายุทธ์