ถ้าคิดได้แบบนี้ก็มีแต่ความบรรลัย เพราะส่อให้เห็นถึงก้นบึ้งจิตใจว่า อกุศลมูลล้นปรี่

กระทู้คำถาม
ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องพึ่งคนอื่น

๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙
วันเสาร์ที่ ๑๘ มิ.ย. ๕๙ เวลา ๙.๓๐ น. เจ้านนท์ ลูกชายนายจิโรจน์ อดีตกรรมการมูลนิธิธรรมอิสระ
เข้ามากราบนิมนต์ฉันลงศาลาในงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อของเขา และนายอวยชัย สิงหสาคเรศ
ขณะที่ฉันนอนเอาเท้าพาดเตียงผ้าใบ ยกเท้าให้สูงเพื่อให้เลือดไหลลงไปเลี้ยงสมอง
ด้วยเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมารู้สึกปวดฟัน รากฟันมีอาการติดเชื้อจนลามเข้าไปในระบบประสาท
จึงมีอาการปวดกระบอกตา ปวดหัวอย่างรุนแรง เหมือนกับเส้นเลือดจะแตก ปวดกระตุกเหมือนดังไฟช็อต
จึงฉันยาสมุนไพรแก้อักเสบและปลายประสาทอักเสบ
พอพิจารณาดูสาเหตุน่าจะมีการติดเชื้อที่รากฟัน
เมื่อลงศาลาในงานทำบุญของอดีตกรรมการวัดและมูลนิธิแล้ว
จึงสั่งให้เจ้านนท์นัดหมอฟัน จะเดินทางไปให้ช่วยรื้อที่ครอบฟันออกมาตรวจดูว่ามีอาการอย่างไรบ้าง
ทั้งที่ในใจรู้สึกเกรงใจคุณหมอมาก เพราะไปรักษาทีไรเขาก็ไม่ยอมเก็บเงิน
แม้เจ้านนท์และครอบครัวมันจะพยายามจ่ายให้ คุณหมอก็ไม่รับ
ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านผู้พิพากษาได้มาปวารณาที่จะจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้กับฉัน
โดยนำเงินไปถวายไว้แก่กองทุนพระอาพาธที่ฉันตั้งขึ้นเพื่อใช้รักษาพระเณรและคนที่อาศัยภายในวัดเวลาเจ็บป่วย
แต่ฉันไม่เคยเบิกเงินกองทุนนี้ออกมาใช้ส่วนตัวเลย
เพราะไม่อยากเป็นหนี้สงฆ์ แม้แต่ชาวบ้านก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณเขา
เพราะชั่วชีวิตฉันคิดอยู่เสมอว่าอยู่ให้พึ่งตนเองได้ และต้องเป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้ ไม่ใช่จ้องแต่จะพึ่งคนอื่น


เมื่อเดินทางมาถึงคลินิกทำฟันของคุณหมอประดิษฐ์ อัครเอกจิตต์
คุณหมอและผู้ช่วยยืนรออยู่แล้ว ก่อนที่คุณหมอจะทำการรื้อครอบฟันออกได้ฉีดยาชาแล้วทำการรักษา ใช้เวลาไปเกือบ ๒ ชั่วโมง
พอรักษาเสร็จฉันบอกกับหมอว่า วันนี้คุณหมอต้องรับเงินค่ารักษานะ เพราะเจ้านนท์ลูกศิษย์ฉันเขาเตรียมเอาไว้จ่ายแล้ว
หมออธิบายว่าวันนี้ผมจะขอรับเงินค่ารักษาเอาไว้ก็แล้วกันนะครับ เพื่อความสบายใจของหลวงปู่
แต่จะขอนำเงินนี้ไปจัดซื้อเตียงผู้ป่วยอนาถาบริจาคให้สถานพยาบาลต่างๆ
ฉันจึงบอกกับหมอว่า ถ้าฉันมีเงินฉันจะนำมาช่วยบริจาคด้วย แต่วันนี้ขอให้หมอรับเงินจากเจ้านนท์ ลูกศิษย์ของฉันเอาไว้ก่อน
พอกลับมาถึงวัดก็ออกเดินไปปลูกต้นไม้ แต่ปลูกไม่ไหวเพราะมันกระเทือนรากฟันแล้วปวดหัวจี๊ดๆ
เลยสั่งให้ดาบสุรางค์กับเจ้าแจ้ช่วยกันปลูก ส่วนฉันได้แต่ยืนดู

ไม่คิดว่าชีวิตตนเองจะต้องมาพึ่งคนโน้นคนนี้ เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

พุทธะอิสระ

https://th-th.facebook.com/buddha.isara/




คนที่เป็นพระ  แล้วขาดสติว่าตัวเองไม่ได้พึ่งใคร  ไม่ได้เป็นหนี้ใครนั้น
บรรลัยครับ

อกุศลมูลคือรากเหง้าแห่งความชั่วร้าย

ไม่โลภทรัพย์  ไม่หวังยศถา  ครองตนอย่างสมถะ
ไม่ได้แปลว่านั่นคือคนดี  พระดี   เพราะเป็นแค่เรื่องเปลือกนอก

ไม่โลภทรัพย์  แต่อยากใหญ่  
ไม่หวังยศถา แต่บ้าอยากมีอำนาจมีอิทธิพล  
อยู่อย่างสมถะ แต่มีครบทุกอย่าง เล่นเฟซทุกวัน

นี่ต่างหากที่ฉายให้เห็นอกุศลมูลในจิตใจ




พระพึ่งบ้าน   บ้านพึ่งพระ   ต่างพึ่งพิงอิงเอื้อซึ่งกันและกัน  เป็นหนี้กันและกัน
หลักคิดที่ว่า  อยู่ได้ด้วยตัวเองนั้น  มันเป็นความคิดที่ผิดเพี้ยน

ยิ่งคิดว่า  ต้องเป็นที่พึ่งคนอื่นให้ได้  ยิ่งแสดงให้เห็นความไม่ละเอียดในความคิด
เงินทุกบาท  หลังคาทุงหัวทุกหลัง  ล้วนมาจากคนอื่นทั้งนั้น  แม้จะมีเงินให้ลูกน้อง มีบ้านให้อยู่  ก็มาจากคนอื่นทั้งนั้น
หาได้มาเองซะที่ไหน

การทำตนเป็นเนื้อนาบุญ  คือหน้าที่    อย่าไปหลงนึกว่านั่นคือตนเป็นที่พึ่งคนอื่น

การรับนิมนต์   รับงาน   เขียนหนังสือ   ฯลฯ    แล้วได้ค่าตอบแทน  ได้ปัจจัยในซอง
หาใช่รายได้ของพระไม่   เพราะพระไม่มีอาชีพ
แต่คือเงินทำบุญที่ฆราวาสสนับสนุนให้พระใช้ในสิ่งที่เหมาะสม  นำไปก่อบุญสร้างกุศลต่อ ๆ ไป

อย่าไปตีความว่านั่นคือการพึ่งตนเองได้
ไม่มีผ้าเหลืองคลุมกาย  ใครจะนิมนต์  
ไม่มีผ้าเหลืองคลุมกาย เขียนหนังสือธรรมะใครจะอ่าน  
ไม่มีผ้าเหลืองคลุมกาย ใครจะเชื่อน้ำคำ
ไม่มีผ้าเหลืองคลุมกาย ใครจะกราบไหว้




เลิกแสร้งหลอกตัวเองซะที   ไม่ได้มีอะไรเหนือกว่าคนอื่นหรอก
เอาโลภ  เอาหลง  เอาบุญเอาลาภเอาสวรรค์มาเป็นเครื่องล่อทั้งนั้น

นี่ว่ากันว่า  ทุนก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท (พระนาคปรก "ปกเกล้า ปกแผ่นดิน" วัดอ้อน้อย)
http://f.ptcdn.info/000/022/000/1407162511-6595510200-o.jpg




ด่าคนอื่นอยู่ทุกวัน
แล้วตัวเองต่างอะไรจากคนอื่น   หนักกว่าเขาด้วยซ้ำ
ถีบขาคู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่